ค้นหาทุกอย่างในเว็บครูบ้านนอก :
ชุมชนครู บุคลากรทางการศึกษา และนักเรียน แหล่งความรู้สำหรับครู นักเรียน ข่าวการศึกษา ห้องสมุดความรู้ทุกกลุ่มสาระการเรียนรู้ และความรู้ทั่วไป เผยแพร่ผลงานวิชาการ ที่นี่


ข่าวการศึกษา     ความรู้ทั่วไป     งานราชการ/รัฐวิสาหกิจ/บริการสังคมเรื่องราวจากสมาชิก  ▶ ข่าว/บทความ ▶ หน้าแรก

ระบบการศึกษาเมืองไทย เรียนไป ลุ้นไป..


เรื่องราวจากสมาชิก เปิดอ่าน : 7,134 ครั้ง
Advertisement

ระบบการศึกษาเมืองไทย เรียนไป ลุ้นไป..

Advertisement

การศึกษาไทย ไม่มีที่ว่างให้คนธรรมดาอีกแล้ว!
a7x][KasuyaZ
09-05-2008, 22:20
ระบบการศึกษาในบ้านเรา ไม่มีพื้นที่ให้เด็กเรียนปกติ!

โดย สรวงมณฑ์ สิทธิสมาน 7 พฤษภาคม 2551 08:56 น.

เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา มีรายการทีวี และสื่อวิทยุมาสัมภาษณ์ดิฉันถึงความเห็นเรื่องการสอบ แอดมิชชั่น ด้วยเพราะทราบมาว่าดิฉันไม่ได้สอบเอนทรานซ์เมื่อสมัย ที่ตัวเองเรียนอยู่ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 ก็เลยสนใจและอยากสอบถามเหตุผลในครั้งนั้น

ในยุคสมัยของดิฉันยังใช้ระบบการสอบเอนทรานซ์แบบให้เล ือก 6 ลำดับ ส่วนใหญ่นักเรียนก็จะเลือกตามลำดับคะแนนจากมากไปหาน้ อย

และน้อยคนนักที่จะเลือกตามลำดับความชอบหรือความถนัด

ในขณะนั้น ดิฉันเพียรคิดแบบเด็กๆ และไม่เข้าใจในแบบเด็กๆ ว่า ทำไมรุ่นพี่ หรือเพื่อนๆ ถึงเลือกสอบเอนทรานซ์คณะที่ตัวเองไม่ชอบ แต่ด้วยเหตุผลขอให้สอบติดเป็นพอ คณะอะไรก็ได้ ค่อยไปว่ากันทีหลัง

มีรุ่นพี่และรุ่นตัวเองที่ใช้วิธีสอบเทียบและเอนทราน ซ์ พอเอนท์ติด ไปเรียนได้ปีเดียวก็สอบใหม่ ด้วยเหตุผลว่าไม่ชอบเป็นจำนวนมาก

บางคนถึงขนาดมีเทคนิคในการเลือกและเก็งว่าจะเลือกคณะ ไหนเพื่อสอบให้ได้อีกต่างหาก

ดิฉันค่อนข้างชัดเจนในเวลานั้นว่าไม่สนใจวิธีการนี้ และตัดสินใจเลือกที่จะเดินไปศึกษาต่อในมหาวิทยาลัยเป ิด และเลือกวิชาที่ตัวเองอยากเรียน ท่ามกลางความรู้สึกไม่เข้าใจของเพื่อนสนิท และต่อว่าต่อขานของคุณครูบางคนที่คิดว่าสิ่งที่เราทำ นั้นไม่เข้าท่า

แต่เหนืออื่นใด ดิฉันกลับรู้สึกว่าเมื่อเราเรียนในสิ่งที่ตัวเองชอบ แม้จะเรียนบ้างไม่เรียนบ้าง แต่ก็มีความสนใจใฝ่รู้ในสิ่งที่ตัวเองเลือก

ดิฉันบอกนักข่าวที่สัมภาษณ์ถึงเหตุผลเหล่านี้ และยิ่งรู้สึกตอกย้ำว่าสิ่งที่ตัวเองตัดสินใจเป็นสิ่ งที่ถูกต้อง เพราะระบบการศึกษาในบ้านเรายังไม่สามารถตอบสนองการเร ียนรู้ตามความชอบหรือความถนัดของนักเรียนนักศึกษาได้

เราถูกวางกรอบการศึกษาให้เรียนๆๆๆๆ เพื่อเป้าหมายในการสอบเข้ามหาวิทยาลัยของรัฐที่มีชื่ อเสียงให้ได้ โดยไม่ได้วางรากฐานการศึกษาตามความชอบหรือความถนัดขอ งบุคคล แต่เราถูกกลืนโดยระบบค่านิยมของสังคม ที่ถูกหล่อหลอมเข้าไปในตัวพ่อแม่ด้วยว่าเด็กต้องเก่ง วิชาการ

การศึกษาที่ดีในยุคสมัยนี้ คือการได้เรียนในโรงเรียนที่มีชื่อเสียง และการได้เรียนในห้องเรียนพิเศษเท่านั้น ...!!

จนโรงเรียนทั้งหลายต่างผุดห้องพิเศษ , ห้อง Gifted , ห้อง English Program เต็มไปหมด บางแห่งถึงขนาดเริ่มตั้งแต่ระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 โดยใช้เกณฑ์ของโรงเรียนในการรับเด็ก ซึ่งก็เกิดคำถามตามมาอีกว่า ห้องพิเศษประเภท Gifted มีความหมายหรือแนวทางการเรียนการสอนตามชื่อห้องจริงห รือไม่

หรือว่าเราหลงไปตั้งชื่อห้องให้ดูดี อีกหน่อยคงมีชื่อห้องอัจฉริยะ ห้องมหัศจรรย์กันบ้างล่ะ...!!

a7x][KasuyaZ
09-05-2008, 22:23
ที่น่าตกใจก็เห็นจะเป็นประเด็นที่ว่าห้องเรียนแบบปกต ิกลายเป็นห้องที่พ่อแม่ไม่ปรารถนาไปเสียแล้ว

เกิดอะไรขึ้นกับระบบการศึกษาในบ้านเรา ?

ใช่หรือไม่...ว่าระบบการศึกษาที่เป็นอยู่ ไม่มีพื้นที่ให้สำหรับเด็กเรียนปกติซะแล้ว แทบไม่ต้องพูดถึงเด็กหัวอ่อน ที่ถูกเบียดบังไปซะหมด

การศึกษาเฉพาะในห้องเรียนก็ไม่เพียงพอซะแล้ว...!!

ด้วยความคาดหวังเรื่องการศึกษาที่ลูกต้องดีกว่าคนอื่ น เก่งกว่าคนอื่น คนเป็นพ่อแม่ก็เลยส่งลูกเรียนกวดวิชา เรียกว่าเดี๋ยวนี้เด็กกวดวิชากันตั้งแต่ระดับชั้นอนุ บาล เพื่อเข้าประถมศึกษาปีที่ 1 จากนั้นก็ต้องเรียนกวดวิชาต่อไปอีกเพื่อสอบเข้าระดับ ชั้นมัธยมศึกษา และยังไม่พอสิ่งสำคัญที่สุดก็คือลูกต้องสอบเข้ามหาวิ ทยาลัยของรัฐที่มีชื่อเสียงให้ได้ คือเครื่องหมายการันตีว่าประสบความสำเร็จ ก็เลยกระหน่ำเรียนกวดวิชากันเอาเป็นเอาตาย

สรุปก็คือเรียนกวดวิชาตั้งแต่อนุบาล ยันสอบเข้ามหาวิทยาลัยนั่นแหละ

ยิ่งค่าเรียนกวดวิชายุคสมัยนี้ก็ไม่ธรรมดา บางแห่งแพงกว่าชั้นเรียนในโรงเรียนปกติซะอีก ในขณะที่บางแห่งต้องจองคิวข้ามปี แต่คนเป็นพ่อแม่ก็ไม่ยั่น ทำทุกทางเพื่อเป้าหมายสูงสุด

แล้วพ่อแม่ประเภทนี้ที่ทำได้ก็เห็นแต่มีพ่อแม่ชนชั้น กลางขึ้นไป มิใช่หรือ...!

เกิดอะไรขึ้นกับการศึกษาในบ้านเรา ?

นอกจากจะไม่มีที่ยืนให้สำหรับเด็กปกติแล้ว ยังแทบเปิดพื้นที่ให้กับเด็กที่มีฐานะทางบ้านที่ดีอี กต่างหาก
ตราบใดที่การศึกษาในบ้านเรายังมีมาตรฐานการศึกษาไม่เ ท่ากันเยี่ยงนี้

ตราบใดที่การศึกษาในบ้านเรายังมีโจทย์เรื่องการสอบเข ้ามหาวิทยาลัยคือเป้าหมายสำคัญที่สุด
ตราบนั้นเราก็ยังต้องเผชิญกับสภาพปัญหาที่เป็นอยู่

ในยุคสมัยที่ดิฉันสอบเอนทรานซ์ จนกระทั่งปัจจุบันได้เป็นแม่ของลูกสองคน ที่ต้องเวียนว่ายอยู่ในระบบโครงสร้างการศึกษา ที่นับวันยิ่งเต็มไปด้วยการแข่งขัน การแข่งขัน และแข็งขันมากยิ่งๆ ขึ้น

รูปแบบเปลี่ยน...แต่แนวทาง และเป้าหมายไม่เคยเปลี่ยน มีแต่จะยิ่งผลักให้เด็กและเยาวชน มุ่งเรียนทางด้านวิชาการเพื่อการแข่งขันอย่างเดียว โดยไม่ได้มองมิติการเรียนรู้ด้านอื่น

แม้ก่อนหน้านี้จะมีการศึกษาทางเลือก และมีนักการศึกษาที่พยายามแก้ปัญหาเรื่องนี้ แต่ก็ยังคงเป็นเพียงส่วนน้อยของระบบ

ดิฉันเชื่อว่าแนวทางการจัดการศึกษาในบ้านเราต้องแก้ท ี่รากฐาน ต้องเริ่มจากระดับปฐมวัยในการสร้างมาตรฐานการศึกษา ต้องมีโรงเรียนพ่อแม่ ในการให้ความรู้ความเข้าใจ รวมถึงการสนับสนุนตามความชอบและถนัดของลูกหลาน โดยเน้นกระบวนการเรียนรู้ของเด็กเป็นสำคัญ

a7x][KasuyaZ
09-05-2008, 22:24
แต่ทำไงได้ ทุกยุคทุกสมัย คนเป็นเจ้ากระทรวง คนเป็นผู้หลักผู้ใหญ่ในบ้านเมือง ต่างก็บอกว่า กระทรวงศึกษาธิการเป็นกระทรวงที่สำคัญที่สุด เพราะเป็นกระทรวงที่มุ่งพัฒนาคนในชาติ แต่ท้ายสุดก็อยู่ที่ว่าจริงจังกับเนื้อหาแค่ไหน

หรือเป็นเพราะว่ากระทรวงนี้ ไม่สามารถเห็นผลได้ทันตา ไม่ใช่กระทรวงสร้างถนนแล้วเห็นเลย ไม่ใช่กระทรวงขายข้าวหรือน้ำตาล ก็จับต้องไม่ได้ แต่เป็นกระทรวงที่ต้องใช้จิตใจ ใช้ความกล้าหาญ และเข้าใจเรื่องการศึกษาที่แท้จริงในบ้านเรา ที่สำคัญต้องยืนหยัดและเชื่อว่าการศึกษาสร้างชาติได้ จริงๆ

แล้วคนพันธุ์นี้ หาได้ที่ไหน ใครบอกที...!!!

ว่าแล้วก็เหลียวไปดูข่าวในรายการทีวีที่กำลังนำเสนอข ่าวเรื่องการประกาศผลแอดมิดชั่น พลันบรรยากาศเก่าๆ ก็กลับมา ภาพของเด็กๆ ที่ได้คะแนนสูงสุดของการสอบเอนทรานซ์ถูกเชิดชู และภาพของเด็กๆ ที่เสียใจเมื่อพลาดหวัง ก็มีคำปลอบใจจากคนรอบข้าง และผู้ที่เกี่ยวข้อง ก็จะออกมาบอกว่ายังมีสถาบันการศึกษาอีกจำนวนมากที่ยั งสามารถรับนักศึกษาเข้าเรียนได้อีก พร้อมทั้งบอกว่าอย่าเสียใจเลย เรียนที่ไหนก็เหมือนกัน

ปัดโธ่...เรียนที่ไหนก็เหมือนกัน มีที่ไหนในเมืองไทย...!!

ที่มา :

http://www.manager.co.th/QOL/ViewNews.aspx?NewsID=9510000052884

---------------------------

เพื่อนเอ๋ย ไม่มีที่ว่าง สำหรับคนแพ้!
ปล.กำลังคิดอยู่ ถ้าผมต้องไปเรียนหลักสูตรใหม่ คงไม่จบ ม.ปลายอ่ะนะ ( อ่อนคณิต - วิทย์ โครตๆ ตกแมร่งได้ทุกเทอม )

BRAIN
09-05-2008, 22:43
ผมว่า " เรียนที่ไหนก็เหมือนกัน " แต่ลูกของผู้นำ รัฐมนตรี หรือ ผู้หลักผู้ใหญ่ต่างๆ ก็เรียนรร.ดีๆกันทั้งนั้นนิครับ ทำไม ไม่ส่งไปรร. นอกๆ มั่งละ

แล้ว ไอเรียนที่ไหน ก็จบเหมือนกัน ผมว่า แล้วเวลาไปสมัครงาน จะดูที่เรียนไปทำไมละ(วะ)ครับ

ไม่ใช่ว่า ต้องมาปรับเด็กอย่างเดียว ต้องปรับที่ผู้ใหญ่ด้วยครับ

เกิดเรื่องต่างๆ ก็มาโทษเด็ก ก็เหมือนกับการกระทำรุนแรง แต่ถามหน่อย หนัง/ละครที่เอามาดูนี่ มันผ่านมาได้ยังไง รู้ๆอยู่ว่าจต้องมีเยาวชนดู แล้วเรื่องการกระทำทางเพศ ก็อ้างว่า มีสื่อลามก จากเว็บต่างๆ แล้วถามหน่อย หนังสือเรียนภาษาไทย เรื่องขุนช้างขุนแผนนี่ ไม่มีเลยนะครับเนี่ย ในหลักสูตรบรรจุให้เด็กเรียนอีกตะหาก ( ไม่เชื่อ ไปเปิดของ ม.6 ดู มันจะมีอยู่ บรรยายซะ - -" ) แล้วแบบนี้ ยังมาโทษเด็กฝ่ายเดียวหรอครับ พวก "คุณ" ที่มีอำนาจทั้งหลาย ก็เอามาให้เด็กเรียนกันนิ

การสอยเอ็นท์ เหมือนกัน ผมว่า แบบก่อน ก็ดีอยู่แล้วนิครับ คัดเด็กไป เกรดนี่ก็ไม่ต้อง เพราะสมัยนี้ ใช้เกรดมายื่น เด็กก็ต้องมานั่งทำงานมากมาย เพื่อเอาคะแนนไม่กี่คะแนน แทนที่ได้เอาเวลาไปอ่านหนังสือ หรือออกกำลังกาย เล่นดนตรี

มาถึง ระบบยังไม่ดี เช่น โอเน็ท เอเน็ท ที่พวก"คุณ" คิดขึ้นมา เคยทดลองรึยัง มาถึงก็ใช้เลยแบบนี้ เป็นไงละ เด็ก/ผู้ปกครอง ด่ากันทั้งประเทศ ระบบล่ม การตรวจคำตอบไม่ได้เรื่อง คะแนนมั่ว คนทำได้กลับได้คะแนนน้อย คนทำไม่ได้กลับคะแนนสูงเวอร์ เป็นไง มาถึงก็อ้างอีก ระบบผิดพลาดเอย เกิดการขัดข้องทางเทคนิคเอย ผมว่า มันขัดข้อง ที่ความคิดพวก"คุณๆ" ทั้งหลายนั้นแหละ นี่ถ้าพวกคุณเปรียบเป็นคอมพิวเตอร์ ผมจะรีเซ็ทระบบพวกคุณๆทั้งหลายเป็นคนแรกเลย

คิดมาได้ แต่ละแบบ เอาคะแนนความดีมายื่นมั่งละ เอาจากการร่วมกิจกรรมมั่งละ อยู่ๆก็หาวิชาถ่วงน้ำหนักมาอีกละ แถมมีการสอบพละแบบนี้ ต่อไปนี่คงต้องมีสอบวิดพื้นด้วยละมั๊ง แล้วคงเอาคะแนนมาเข้าแถวเช้า ส่งงานเร็ว เข้าห้องตรงเวลา ฯลฯ มายื่นเพื่อเข้ามหาวิทยาลัยแล้วละมั๊งครับ


:py012::py012::py012::py012:

D û D e ` z
09-05-2008, 23:03
เรียนที่ไหนก็เหมือนกันครับ คุณหน่ะ จบได้รึป่่าว ผมว่า สมัยนี้เค้าไม่ได้ดูแต่ที่เรียนหรอกนะครับ จบจุฬาธรรมศาสตร์แต่เกรดแย่ๆ กับจบมหาลัยเอกชนธรรมดาๆแต่เกรดดี ยังไงคนจบเกรดดีก็ภาษีกว่าครับ
จบจากมหาลัยมีชื่อเสียง เหมือนได้เครดิตที่ดีมาแล้วส่วนหนึ่ง แต่พึ่งชื่อเสียงอย่างเดียวไม่ได้ครับ ต้องทำตัวเองให้ดีด้วย

โดยส่วนตัว ผมชอบระบบแอดมิสชั่นนะครับ เพราะเป็นระบบที่เปิดโอกาสให้เด็กมีที่เรียนมากที่สุ ด ดีกว่าระบบเก่าครับ
ส่วนเรื่อง GPA เนี่ย เค้ามีขึ้นมา เพื่อช่วยเหลือเด็กที่ขยันครับ เพื่อให้เด็กให้ความสำคัญกับการเรียนในห้องครับ ไม่ใช่เอาแค่คะแนนสอบอย่างเดียว แต่ที่ผมไม่เห็นด้วยคือ ใช้ GPA มากไป อย่างปี 53 จะใช้ 50% แบบนี้ ผมว่า มันมากเกินไปเลยครับ เพราะมาตรฐานของแต่ละโรงเรียนมันไม่เท่ากัน ยิ่งมาตรฐานของครูผู้สอนแต่ละคนยิ่งไม่เท่ากันครับ

แอดมิสชั่น ผมว่า รัฐบาลใจเร็วเกินไปครับ จู่ๆก็นำมาใช้เลย ไม่ได้ให้เด็กเตรียมตัวเลย ความผิดพลาดที่ตามมามันก็เลยเยอะ แต่อย่างล่าสุด ปีนี้ ผลแอดมิสชั่นไม่มีอะไรผิดพลาดแล้วนะครับ จะมีก็แต่กรณีเด็กที่ติดโควต้าตรงแล้วไม่ได้สละสิทธิ ์ทำให้เกิดปัญหาเรื่องไม่มีที่เรียนขึ้นมาเท่านั้นเอ งครับ

ส่วนเรื่องห้องพิเศษทั้งหลายแหล่ ตรงนี้โดนใจผมมากเลยครับ เพราะผมไม่เห็นความแตกต่างเลยว่าดีกว่าห้องเรียนปกติ ตรงไหน
บางคนอยู่ห้องพิเศษ ภาษาอังกฤษ แต่ไม่ถนัดวิชาภาษาอังกฤษขึ้นมาซะงั้น ทำได้ไง โคตรงงเลยครับ

สิ่งหนึ่งที่ต้องยอมรับเลยนะครับคือ สมัยนี้ ข้อมูลข่าวสารมันกว้างไกลขึ้น โลกมันแคบลงครับ
การแข่งขันจึงตามมา เดี๋ยวนี้คนเป็นเ้จ้านายน้อยครับ มองไปทางไหนก็มีแต่ลุกจ้างเต็มไปหมด

ในเมื่อการแข่งขัันสูง เงินสะพัดมันเยอะครับ การศึกษามันจึงกลายเป็นเรื่องของธุรกิจขนาดใหญ่ไป

โพสต์โดยสมาชิกหมายเลข 4547 วันที่ 24 พ.ค. 2552


ระบบการศึกษาเมืองไทย เรียนไป ลุ้นไป..ระบบการศึกษาเมืองไทยเรียนไปลุ้นไป..

Advertisement

≡ เรื่องอื่นๆ ที่น่าอ่าน ≡

เพลงไพเราะในอดีต..

เพลงไพเราะในอดีต..


เปิดอ่าน 7,145 ครั้ง
ทำไม ......... ขี้ลิม

ทำไม ......... ขี้ลิม


เปิดอ่าน 7,144 ครั้ง
เค็มๆนี้ก็ดีนะ...!!

เค็มๆนี้ก็ดีนะ...!!


เปิดอ่าน 7,143 ครั้ง
9 ข้อ น่ารู้.....เรื่องฟิตเนส

9 ข้อ น่ารู้.....เรื่องฟิตเนส


เปิดอ่าน 7,146 ครั้ง
นั่งนาน

นั่งนาน


เปิดอ่าน 7,145 ครั้ง
Mind mapping

Mind mapping


เปิดอ่าน 7,405 ครั้ง
ภาษาไทย

ภาษาไทย


เปิดอ่าน 7,148 ครั้ง

:: เรื่องปักหมุด ::

"มีกิ๊ก">>>ติดคุก 6 เดือน!!! กฎหมายใหม่ คุมคู่แต่งงาน

"มีกิ๊ก">>>ติดคุก 6 เดือน!!! กฎหมายใหม่ คุมคู่แต่งงาน

เปิดอ่าน 7,153 ☕ คลิกอ่านเลย

Advertisement

≡ เรื่องน่าสนใจในหมวดหมู่นี้ ≡
อ่านนิทาน...แล้วจะเลือกใคร
อ่านนิทาน...แล้วจะเลือกใคร
เปิดอ่าน 7,140 ☕ คลิกอ่านเลย

เก็บมาฝากสำหรับคนป็นโรคหอบหืด
เก็บมาฝากสำหรับคนป็นโรคหอบหืด
เปิดอ่าน 7,141 ☕ คลิกอ่านเลย

ระวัง...ฟังเพลงดังเกินไป...อันตราย
ระวัง...ฟังเพลงดังเกินไป...อันตราย
เปิดอ่าน 7,147 ☕ คลิกอ่านเลย

มาคิดบวกกัน....
มาคิดบวกกัน....
เปิดอ่าน 7,143 ☕ คลิกอ่านเลย

การแข่งขันทักษะภาษาต่างประเทศ  วันที่ 28 พฤศจิกายน  2552
การแข่งขันทักษะภาษาต่างประเทศ วันที่ 28 พฤศจิกายน 2552
เปิดอ่าน 7,144 ☕ คลิกอ่านเลย

การพัฒนาชุดการเรียนการสอนวิชาวิทยาศาสตร์  เรื่อง หน่วยของชีวิตและชีวิตพืช
การพัฒนาชุดการเรียนการสอนวิชาวิทยาศาสตร์ เรื่อง หน่วยของชีวิตและชีวิตพืช
เปิดอ่าน 7,140 ☕ คลิกอ่านเลย

≡ เรื่องน่าอ่าน/สาระน่ารู้ ≡

7 วิธี"เอื้อเฟื้อ"เพื่อนบ้านอย่างง่าย พลิกให้ชุมชนน่าอยู่
7 วิธี"เอื้อเฟื้อ"เพื่อนบ้านอย่างง่าย พลิกให้ชุมชนน่าอยู่
เปิดอ่าน 18,047 ครั้ง

ตัวหนังสือไทย
ตัวหนังสือไทย
เปิดอ่าน 24,139 ครั้ง

ปรับการเรียนแนวใหม่สู้ "โอเน็ต" ให้ได้ผล
ปรับการเรียนแนวใหม่สู้ "โอเน็ต" ให้ได้ผล
เปิดอ่าน 10,953 ครั้ง

การบรรจุกลับเข้ารับราชการ
การบรรจุกลับเข้ารับราชการ
เปิดอ่าน 14,933 ครั้ง

อาณาเขตประเทศไทย
อาณาเขตประเทศไทย
เปิดอ่าน 296,704 ครั้ง

เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ มากมาย
สนามเด็กเล่น

แหล่งรวมเกมส์ เกมส์ให้เล่นมากมาย ศูนย์รวมเกมส์สนุกๆ เกมส์ความรู้ เกมส์ลับสมอง เกมส์ประลองยุทธ แหล่งรวบรวมข้อมูล เกมส์ เกมส์ออนไลน์ เกมส์มันๆ เกมส์ตัดผม ไว้มากมายที่นี่ ให้เด็กๆได้เลือกเล่นมากมาย คลิกเลย

 
หมวดหมู่เนื้อหา
เนื้อหา แยกตามหมวดหมู่ สามารถเลืออ่านได้ตามหมวดหมู่ที่นี่


· Technology
· บทความเทคโนโลยีการศึกษา
· e-Learning
· Graphics & Multimedia
· OpenSource & Freeware
· ซอฟต์แวร์แนะนำ
· การถ่ายภาพ
· Hot Issue
· Research Library
· Questions in ETC
· แวดวงนักเทคโนฯ

· ความรู้ทั่วไป
· คณิตศาสตร์
· วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
· ภาษาต่างประเทศ
· ภาษาไทย
· สุขศึกษาและพลศึกษา
· สังคมศึกษา ศาสนาฯ
· ศิลปศึกษาและดนตรี
· การงานอาชีพ

· ข่าวการศึกษา
· ข่าวตามกระแสสังคม
· งาน/บริการสังคม
· คลิปวิดีโอยอดนิยม
· เกมส์
· เกมส์ฝึกสมอง

· ทฤษฎีทางการศึกษา
· บทความการศึกษา
· การวิจัยทางการศึกษา
· คุณครูควรรู้ไว้
· เตรียมประเมินวิทยฐานะ
· ผลงานวิชาการเล่มเต็ม
· เครื่องมือสำหรับครู

ครูบ้านนอกดอทคอม

เว็บไซต์เพื่อครู ข่าวการศึกษา ความรู้ การศึกษาไทย

      kroobannok.com

© 2000-2020 Kroobannok.com  
All rights reserved.


Design by : kroobannok.com


ครูบ้านนอกดอทคอม
การจัดอันดับของ Truehits Web Directory

วิธีนำแบนเนอร์ของครูบ้านนอก.คอมไปแปะในเว็บท่าน บันทึกภาพแบนเนอร์นี้และลิงค์มาที่เราครับ (มีแบนเนอร์ 2 แบบ)
 

ครูบ้านนอกดอทคอม เว็บไซต์ของครูตัวเล็กๆ คนหนึ่ง ที่หวังเพียง ใช้เป็นช่องทางในการสื่อสาร แลกเปลี่ยน เพิ่มพูนความรู้ และให้ข่าวสาร ที่ทันสมัยต่อเหตุการณ์แก่คุณครู ผู้ปฏิบัติงานในทุกพื้นที่ของประเทศไทย เพื่อความเจริญงอกงามในปัญญา และเจริญก้าวหน้าในวิชาชีพ

เว็บนี้ถือกำเนิดเมื่อ 5 มกราคม 2548

Email : kornkham@hotmail.com
Tel : 096-7158383

สนใจสนับสนุนเรา โดยลงโฆษณา
คลิกดูรายละเอียดที่นี่ครับ