Advertisement
ยิ่งกิน ยิ่งผอม
ขัดใจจริงๆ เลยค่ะ เวลาเจอคู่มือเรียกความผอมสำหรับสาว กลัวอ้วน ไม่ว่าจะอยู่ในหนังสือเล่มไหน ก็เอาแต่บอกให้เราจำกัดปริมาณอาหาร ด้วยการนับปริมาณแคลอรีของอาหารที่เราทานเข้าไป แล้วเอาไปหักลบกลบหนี้กับปริมาณแคลอรีที่ใช้ไปในกิจกรรมต่างๆ อย่างกับเรามีเครื่องวัดแคลอรีแบบพกพา ยังไงยังงั้น แล้วอีกอย่างใครจะจำได้ว่าวันนี้เรากินอะไรไปบ้าง....
เพราะในชีวิตจริง การกะปริมาณแคลอรีถือเป็นเรื่องที่ยากเอาการทีเดียว ดังนั้นเราจึงสรรหาวิธีง่ายๆ ในการเลือกรับประทานอาหาร จะได้ไม่ต้องนั่งนับปริมาณแคลอรีให้ปวดหัวอีกต่อไปก่อนเข้าโปรแกรมศักดิ์สิทธิ์นี้ เราอยากให้คุณชั่งน้ำหนักไว้ก่อนในตอนเช้า แล้วหลังจากนี้ 2 สัปดาห์ลองกลับมาชั่งอีกครั้ง รับรองว่าจะพบกับความเปลี่ยนแปลง แต่มีข้อแม้ว่าคุณต้องปฏิบัติตามคำแนะนำของเรา ราวกับเป็นกฎเหล็กเลยนะคะ
1. กะปริมาณอาหารให้น้อยลงมื้อละ 20% ของที่เคยทาน เช่น ปกติทานข้าว 1 จาน ให้ลดลง 1 ใน 4 ทำเช่นนี้ทุกมื้อ อย่าไปคิดว่าคุณกำลังอดอาหาร เพราะการคิดแบบนี้จะทำให้มื้อต่อไปคุณรู้สึกหิวกว่าปกติ แต่แค่เตือนตัวเองไม่ให้กินซะจนอิ่มแปล้เท่านั้น
2. เลิกคิดถึงปริมาณแคลอรีของอาหารทุกชนิดที่คุณทาน ไม่ต้องห่วงว่าอาหารที่ทานเข้าไปจะมีปริมาณกี่แคลอรี ให้นึกไว้เสมอว่าการทานอาหารเป็นกิจกรรมที่มีความสุข หากคุณต้องทานอาหารด้วยความเครียด จะทำให้ขาดสติในการควบคุม และสุดท้ายจะหมดความอดทนในการควบคุมอาหารไปซะงั้น
3. อาหารบางอย่าง เช่น ของหวานจำพวกไอศกรีม ขนมขบเคี้ยว ข้อดีของขนมหวานๆ พวกนี้คือ ยิ่งกินยิ่งอร่อย ยิ่งเคี้ยวยิ่งเพลิน ทานเท่าไหร่ก็ไม่อิ่ม แต่ข้อเสียคือ แค่กินไปนิดเดียว แต่ปริมาณแคลอรีทะลักสุดๆ แล้วรสชาติหวานหอมของมันก็จะทำให้เราปลอบใจตัวเองว่า ‘กินไปนิดเดียวไม่อ้วนเท่าไหร่หรอก’
4. ดื่มน้ำเปล่า 1-2 แก้วก่อนมื้ออาหาร หรือในระหว่างมื้อเมื่อรู้สึกหิว
5. ในอาหารแต่ละมื้อให้ทานผักสด หรือ ผลไม้มากๆ เข้าไว้ มากกว่าครึ่งหนึ่งของมื้ออาหารยิ่งดี และถ้าคุณเป็นคนที่ไม่ถนัดเรื่องการทานผักสด ให้ทานกับน้ำสลัดแล้วค่อยๆ ลดปริมาณน้ำสลัดลงจนคุ้นเคยกับรสชาติของผักสด หรือแรกๆ อาจทานผักลวกหรือผักนึ่งก็ได้และก่อนที่จะลงมือ ควรทานผักก่อนอาหารอย่างอื่นนะจ๊ะ
6. หากมีอาหารมากมายวางอยู่ตรงหน้าให้คุณเลือกรับประทาน (อย่างเช่นในมื้อบุฟเฟ่ต์) ให้ฝึกจนเป็นนิสัยว่า ควรเลือกอาหารจำพวกต้มหรือนึ่ง มากกว่าอาหารจำพวกผัดหรือทอด
7. ของหวาน ทานได้แต่แค่พอให้รู้สึกถึงรสชาติ เพราะถ้าคุณอดของหวานอาจมีข้ออ้างในใจได้ว่า ทำให้ฉันไม่สดชื่นเพราะร่างกายขาดน้ำตาล ทั้งที่จริงแล้วนี่เป็นเพียงข้ออ้างในใจ จึงแนะนำให้ทานขนมหวานได้พอรู้รสเท่านั้น
8. เครื่องดื่มประจำตัวของคุณต้องเป็นน้ำเปล่าเท่านั้น เพราะไม่มีน้ำตาล แถมยังช่วยให้การเผาผลาญพลังงานระดับเซลล์ทำงานได้ดีขึ้น
9. หยุดทันทีที่อิ่ม จงอย่าเสียดายของเป็นอันขาด ถ้าคุณยังอยากทานต่อให้นึกเทียบค่าอาหารที่เหลือกับค่ายารักษาตัวเมื่อป่วยด้วยโรคที่มากับความอ้วน อันไหนน่าเสียดายมากกว่ากัน
10. ลองแบ่งอาหารเป็นมื้อย่อยๆ สัก 6 มื้อ ห่างกันมื้อละ 2-3 ชั่วโมงเพื่อป้องกันไม่ให้คุณหิวจนเกินควร จนฟาดเรียบ ในมื้อเดียวเพราะนั่นคือการทานมากเกินความจำเป็น ที่สำคัญห้ามทานจุบจิบระหว่างมื้อเด็ดขาด
11. ออกกำลังกายอย่างน้อยครั้งละ 30 นาที อาทิตย์ละ 3 ครั้ง หรือถ้าใครมีความสามารถมากกว่านั้นก็ตามสบายเลยค่ะ เพียงแต่อย่าหักโหมจนเกินไป เพราะร่างกายอาจจะปรับตัวไม่ทัน
ขอขอบคุณข้อมูลจากwoman plus
วันที่ 23 พ.ค. 2552
Advertisement
เปิดอ่าน 7,126 ครั้ง เปิดอ่าน 7,131 ครั้ง เปิดอ่าน 7,130 ครั้ง เปิดอ่าน 7,131 ครั้ง เปิดอ่าน 7,137 ครั้ง เปิดอ่าน 7,134 ครั้ง เปิดอ่าน 7,142 ครั้ง เปิดอ่าน 7,135 ครั้ง เปิดอ่าน 7,130 ครั้ง เปิดอ่าน 7,129 ครั้ง เปิดอ่าน 7,129 ครั้ง เปิดอ่าน 7,128 ครั้ง เปิดอ่าน 7,127 ครั้ง เปิดอ่าน 7,127 ครั้ง เปิดอ่าน 7,130 ครั้ง เปิดอ่าน 7,128 ครั้ง
|
เปิดอ่าน 7,130 ☕ คลิกอ่านเลย |
เปิดอ่าน 7,127 ☕ คลิกอ่านเลย |
เปิดอ่าน 7,399 ☕ คลิกอ่านเลย |
เปิดอ่าน 7,128 ☕ คลิกอ่านเลย |
เปิดอ่าน 7,131 ☕ คลิกอ่านเลย |
เปิดอ่าน 7,132 ☕ คลิกอ่านเลย |
เปิดอ่าน 7,130 ☕ คลิกอ่านเลย |
|
≡ เรื่องน่าอ่าน/สาระน่ารู้ ≡
เปิดอ่าน 17,546 ครั้ง |
เปิดอ่าน 17,126 ครั้ง |
เปิดอ่าน 16,704 ครั้ง |
เปิดอ่าน 19,971 ครั้ง |
เปิดอ่าน 20,143 ครั้ง |
|
|