ค้นหาทุกอย่างในเว็บครูบ้านนอก :
ชุมชนครู บุคลากรทางการศึกษา และนักเรียน แหล่งความรู้สำหรับครู นักเรียน ข่าวการศึกษา ห้องสมุดความรู้ทุกกลุ่มสาระการเรียนรู้ และความรู้ทั่วไป เผยแพร่ผลงานวิชาการ ที่นี่


ข่าวการศึกษา     ความรู้ทั่วไป     งานราชการ/รัฐวิสาหกิจ/บริการสังคมเรื่องราวจากสมาชิก  ▶ ข่าว/บทความ ▶ หน้าแรก

หากแม้น...เลือกเกิดเองได้..!!!


เรื่องราวจากสมาชิก เปิดอ่าน : 7,162 ครั้ง
Advertisement

หากแม้น...เลือกเกิดเองได้..!!!

Advertisement

หากแม้น...เลือกเกิดเองได้....

    มนุษย์เราทุกคนที่เกิดขึ้นมาบนโลกใบนี้ ไม่มีสิทธิ์ที่จะเลือกมีร่างกายที่สมบูรณ์พร้อมทุกอย่าง ชาวพุทธเชื่อว่าร่างกายจะเป็นอย่างไรนั้นเป็นไปตามบุญกรรม แต่อีกหลายคนเกิดมามีร่างกายครบอาการ 32 แล้ว ก็ยังไม่พอใจตามที่ธรรมชาติให้มา เช่น อยากขาว อยากจมูกโด่ง อยากคิ้วดก อยากมีตาสองชั้น อยากสูง อยากหุ่นดี เอวบางร่างน้อย อะไรต่อมิอะไรอีกหลายอย่าง ไปๆ มาๆ ทำเหมือนกับว่าร่างกายคนเราสามารถดัดแปลงได้เหมือนหุ่น อะไรทำนองนั้นแหละ
    ความอยากที่ยกมาเป็นตัวอย่างข้างต้นนี้เป็นบ่อเกิดแห่งธุรกิจเกี่ยวกับความงามที่มีชื่อว่า “ธุรกิจเสริมความงาม” ขึ้นมา ซึ่งเป็นธุรกิจที่สังคมยอมรับ ยิ่งไปกว่านั้น ยังเป็นอาชีพที่ก่อให้เกิดธุรกิจอื่นตามมาอีกหลายอย่าง และที่แพร่หลายและรู้จักกันมากที่สุดในกลุ่มผู้รักสวยรักงาม คือ ธุรกิจการผลิตและจำหน่ายเครื่องสำอางเสริมความงามมากมายหลายชนิดนับไม่ถ้วน ที่เป็นภัยต่อร่างกายก็มีไม่น้อย ที่พอปกปิดไว้ได้ก็ปกปิด และอีกอาชีพหนึ่งคือศัลยกรรมตกแต่ง (Plastic surgery) ซึ่ง ต้องอาศัยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านศัลยกรรมตกแต่งโดยเฉพาะ จึงจะได้ผลสมใจนึก แต่ต้องเสียค่าใช้จ่ายค่อนข้างสูงถ้าเปรียบเทียบกับที่หมอเถื่อน (Quack doctor) และหมอที่ขาดทักษะรับทำให้กับลูกค้า ในกรณีหลังนี้แม้จะเสียค่าใช้จ่ายน้อยกว่า แต่ก็มีความเสี่ยงสูงมาก บางรายถึงกับพิกลพิการไปก็มี
    ศัลยกรรมตกแต่งที่กล่าวข้างต้นนี้ มักจะเกี่ยวกับร่างกายส่วนใบหน้าเป็นส่วนใหญ่ และมีราคาตั้งแต่เรือนหมื่นขึ้นไปถึงเรือนแสน แล้วแต่ว่าจะตกแต่งส่วนไหนของใบหน้า เป็นต้นว่า คนแก่หน้าเหี่ยวหน้าย่น ดึงหน้าให้ตึงบ้าง เปลี่ยนใบหน้าให้ผิดไปจากเดิมบ้าง เพื่อไม่ให้ใครจำได้ ซึ่งมักจะเกิดกับคนที่หลบหนีเข้าประเทศ คนที่หลีกเลี่ยงความผิด สาวใหญ่บางคนไม่เชื่อหมอไทยออกไปเสริมความงามยังต่างประเทศ ต้องจ่ายเป็นเงินดอลล่าร์ ถ้าตีค่าเป็นเงินไทยแล้ว จัดว่าเป็นค่าใช้จ่ายที่สูงมากทีเดียว นี่ยังไม่รวมค่าเดินทางค่ากินอยู่อะไรอีกจิปาถะ แต่ความจริงแล้วหมอไทยมือไม่แพ้หมอฝรั่ง แต่ต้องเลือกหน่อย ทุกวันนี้แม้ฝรั่งเองก็เข้ามาใช้บริการของหมอไทยจำนวนไม่น้อย หลายท่านคงจะได้ยินได้ฟังมาแล้ว จะว่าไปแล้วคนไทยเรานี้ก็ไม่ใช่ธรรมดา แม้แต่มหาปราชญ์อย่างอริสโตเติลก็เคยชมไว้ว่า “คนเอเชียนั้นฉลาด แต่ขาดสปิริต” คงจะหมายความว่าคนเอเชียนั้นหัวดี แต่ทำอะไรไม่หนักแน่นจริงจัง
    นอกจากนี้เพราะความอยากจะมีหุ่นดีของผู้หญิงนี่เอง จึงทำให้เกิด “ยา” ขึ้นมาหลากชนิด เช่น ยาลดความอ้วน เป็นต้น และยาลดความอ้วนนี้เป็นที่นิยมสำหรับผู้ที่ต้องการลดความอ้วนมาก จะราคาเม็ดละเท่าไหร่ไม่สนใจ ขอให้ได้ผอมหุ่นดี (ตามค่านิยม) ก็เป็นพอ แต่นั่นแหละสภาพร่างกายของผู้ใช้ยาแตกต่างกัน ความชำนาญของหมอก็ต่างกัน จึงมีเหตุการณ์ที่น่าเศร้าปรากฏให้เห็นเสมอว่า ผู้ที่กินยาลดความอ้วนมักจะได้รับผลข้างเคียงของยาในทางลบ ถ้าจะว่ากันตรงๆ แล้ว การลดน้ำหนักที่ถูกต้องปลอดภัยไม่มีผลเสียตามมาคือ การออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ รับประทานอาหารให้ครบทั้ง 5 หมู่ โดยมีการควบคุมอาหารที่พอเหมาะ งดการบริโภคอาหารตามใจปาก โดยเฉพาะของหวานที่มาจากน้ำตาลและของมันๆ ควรบริโภคให้น้อยที่สุด ยิ่งไปกว่านั้นนักวิจัยชาวญี่ปุ่นเคยทำการศึกษาวิจัยที่จังหวัดเพชรบุรี ว่าทำไมที่เมืองเพชรจึงขึ้นชื่อว่ามีมือปืนมาก และได้ผลสรุปออกมาว่าเป็นเพราะกินของหวานมากนั่นเอง ฉะนั้น ขึ้นชื่อว่าของหวานไทยแล้ว ไม่มีที่ไหนจะหวานเท่าของเมืองเพชร
    เรื่องของหวานทำให้ดุร้ายนี้ ก็ตรงกับความเชื่อของคนโบราณบ้านนอกบางท้องถิ่นว่า “เวลาได้ลูกหมามาเลี้ยง ถ้าอยากจะให้มันกัดคน ต้องเคี้ยวอ้อยผสมข้าวให้มันกิน พอโตขึ้นจะเป็นหมากัดคนแน่” จะจริงเท็จอย่างไร ผู้เขียนไม่กล้ายืนยัน เพียงแต่เก็บมาเล่าสู่กันฟังเพื่อประเทืองปัญญาเท่านั้น อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าทุกคนอยากจะให้ร่างกายของตนสมบูรณ์สวยงาม จึงมีการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงตัวเองทุกวิถีทางเท่าที่จะทำได้ แต่คนอีกกลุ่มหนึ่งไม่ได้หวังอะไรมากมาย เพียงขอให้มีร่างกายครบอาการ 32 ก็พอ แต่ในเมื่อความจริงมันเป็นไปไม่ได้ ก็ต้องหาของเทียมมาทดแทน ของเทียมที่ว่านี้สามารถสร้างขึ้นมาใช้งานแทนแขนขาที่หายไปได้พอสมควร แต่ดวงตาและหู ไม่สามารถทดแทนได้ด้วยของเทียม จะทำได้ก็แค่ช่วยขยายการทำงานหรือการรับรู้ของมันให้ดีขึ้นเท่านั้น ผู้คนที่ประสบปัญหาสภาพร่างกายพิการ ย่อมมีปมด้อยกันทุกคน แต่คนเหล่านี้สามารถลบปมด้อยของตนได้โดยการสร้างความสามารถขึ้นมาทดแทนได้หลายวิธี แล้วแต่พรสวรรค์ของแต่ละบุคคล และความสามารถของพวกเขาไม่ด้อยไปกว่าคนที่มีร่างกายครบอาการ 32 เลย แถมยังเป็นอาชีพหาเงินเลี้ยงดูครอบครัวได้อีกด้วย เช่น คนตาบอด เราจะเห็นได้เสมอในประเทศเรา พวกเขาออกจากบ้านไปร้องเพลงเพื่อแลกกับเศษเงิน ที่คนใจดีหยิบยื่นให้ แต่คนที่มีร่างกายสมบูรณ์ครบอาการ 32 ไปยืนขอทานนั้น ควรพิจารณาตัวเอง และเราจะพบมากขึ้นทุกวัน บางคนนอกจากจะขอเราแล้ว ยังพูดด่าว่าเราเหมือนเขาเป็นเจ้าของเงินก็มี จึงน่าคิดว่าสังคมทุกวันนี้เกิดอะไรขึ้น
    ในส่วนของคนพิการทางร่างกายมีหลายคนที่น่าชื่นชมในความพยายามของเขา โดยเฉพาะคนพิการในต่างประเทศบางคน มีความสามารถพิเศษเหลือเชื่อ เช่น ในสหรัฐอเมริกาเจ้าของและผู้จัดการโรงเรียนนักสืบ ประธานจัดงานประกวดนางงามเปลือย เป็นต้น ก็เป็นคนพิการนั่งรถเข็น แต่มีมันสมองและความสามารถในการบริหารกิจการของตนเป็นเลิศ หรืออย่างในบ้านเราก็มีให้เห็นในหลายสาขาอาชีพ และที่เหลือเชื่อก็คือคนตาบอดเป็นช่างซ่อมโทรทัศน์ ถ้าเป็นช่างซ่อมวิทยุก็คงพอจะเป็นไปได้ในความคิดของคนทั่วไป เพราะอย่างน้อยก็ยังมีหูสำหรับฟังเสียงว่ามันดีหรือไม่ดี นอกจากนี้ที่ปรากฏแก่สายตาของประชาชนบ่อยครั้ง ก็คือการแข่งขันกีฬาคนพิการ ทั้งระดับชาติและระดับนานาชาติ และมีอีกหลายคนที่สามารถประกอบธุรกิจส่วนตัว เช่น คุณสม (นามสมมุติ) เรียนจบมาทางช่างยนต์ ตอนนี้เปิดอู่ซ่อมรถ เป็นกิจการของตัวเอง สามารถสร้างชีวิตให้สมบูรณ์พูนสุขได้ด้วยตัวของเขาเอง คุณสมปอง (นามสมมุติ) ตาบอด แต่สามารถเรียนจบถึงขั้นปริญญาตรี ดีกว่าคนตาดีอีกหลายคน ทั้งยังมีกิจการนวดแผนโบราณเป็นของตนเองด้วย เท่าที่ยกมาอ้างนี้พอจะชี้ให้เห็นได้ชัดว่า ความสำเร็จจะมาคู่กับความพยายามและความอดทนเสมอ จากการได้พูดคุยกับ “คุณสมปอง”ๆ พูดว่า การที่เราได้เกิดมาเป็นมนุษย์นี้ ก็นับว่าเป็นลาภอันประเสริฐแล้ว ถึงแม้ว่าร่างกายของเราจะไม่สมบูรณ์เหมือนคนอื่นเขา แต่เรายังสามารถเลือกที่จะดำเนินชีวิตของเราได้ เลือกที่จะเป็นคนดีของสังคม เลือกที่จะทำให้ชีวิตมีความสุขได้ โดยไม่ต้องไปคิดถึงปมด้อยที่ตัวมี ขอแต่อย่าให้เรามีความท้อแท้ และให้มองปมด้อยของเราไปในทางบวก แล้วผลที่ตามมาก็จะออกมาเป็นบวก อย่างที่นักจิตวิทยาท่านหนึ่งพูดว่า “Positive in positive out” (PIPO) กับเป็นเรื่องดีเสียอีกที่ดวงตาของเขามองไม่เห็น “ถ้าเกิดว่าวันใดวันหนึ่งดวงตาของเรานั้น เกิดปาฏิหาริย์สามารถมองเห็นได้ แต่สิ่งที่เรามองเห็นนั้น มันไม่ได้วิจิตรตระการตาเหมือนอย่างที่คิด ถ้าเป็นอย่างนี้ขอกลับไปตาบอดเหมือนเดิมดีกว่า” คนพิการท่านนี้พูดทิ้งท้าย
    และคนพิการอีกหลายคนที่ยังต่อสู้ชีวิตเพื่อความอยู่รอด เพื่อเลี้ยงปากเลี้ยงท้องของตัวเอง ยิ่งไปกว่านั้นบางคนยังเลี้ยงพ่อแม่ที่แก่ชราอีกด้วย นับเป็นสิ่งที่น่าสรรเสริญยิ่ง
    คนพิการที่อยู่ในสังคมคนยากจน ถึงแม้จะอดมื้อกินมื้อ แต่เขาก็ยังมีอิสระได้เห็นหรือสัมผัสกับสังคมภายนอก มีโอกาสได้สังคมกับ เพื่อน พอได้ปรับทุกข์ในยามเหงา มีคนรอบข้างคอยปลอบใจเวลาท้อแท้ ได้สัมผัสกับโลกภายนอกบ้าง ถึงแม้ร่างกายจะไม่สมบูรณ์ แต่ก็สามารถดำเนินชีวิตเยี่ยงคนปกติได้ สามารถที่จะหาความสุขได้หลายรูปแบบแม้ตาจะบอด
    แต่คนพิการที่เกิดมาในสังคมคนรวยเล่าจะมีชีวิตเป็นอย่างไร ถ้าดูผิวเผินก็ดูเหมือนจะเป็นโอกาสดี ที่ไม่ได้เกิดมาในสังคมคนจน ไม่ต้องดิ้นรนหาเลี้ยงตัวเอง ไม่ต้องอดมื้อกินมื้อ มันคงจะเป็นเรื่องดีถ้าคนพิการที่เกิดมาในสังคมคนรวยและมีคุณพ่อคุณแม่ที่ไม่แคร์ต่อสังคมจอมปลอม เด็กพิการก็จะได้มีโอกาสเรียนหนังสือ มีเพื่อนเล่น มีสังคมที่กว้างขวาง แต่ใครจะรู้บ้างว่า คนพิการคนหนึ่งในครอบครัวที่ร่ำรวย มีอาหารการกินบริบูรณ์ทุกมื้อ มีนม มีผลไม้ เพียบพร้อม แต่ต้องนอนร้องไห้ทุกคืน เพราะความพิการ ความไม่สมประกอบของร่างกาย เป็นความพิการที่พ่อแม่คิดว่า เป็นตัวกาลกิณี เป็นตัวขัดโชคขัดลาภ เป็นเสนียดในครอบครัว เพราะตอนที่เธอเกิดมาบังเอิญไฟเกิดไหม้บ้านทั้งหลัง พ่อแม่มีความฝังใจตลอดมาว่า เธอเป็นตัวกาลกิณี ความจริงใครก็คงไม่อยากให้ไฟไหม้บ้าน และเธอเองก็คงไม่อยากให้เหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้น ถึงแม้ไฟจะไหม้บ้าน ด้วยฐานะร่ำรวยมั่งมีเงินทอง จึงไม่เดือดร้อนอะไร แต่ความคิดที่ว่าลูกที่เกิดมาพิการเป็นตัวกาลกิณีนี้ มันเป็นปมด้อยที่ฟังใจและคอยซ้ำเติมปมด้อยที่มีอยู่แล้วให้หนักขึ้นไปอีก เหมือนกับพ่อแม่ที่ตำหนิลูกตัวเองว่าไม่เก่งเหมือนลูกคนโน้นคนนี้ แต่ตัวพ่อแม่เองก็ไม่ได้สร้างเหตุไว้ มีแต่อยากจะได้ผลอย่างเดียว ผู้เขียนเชื่อว่าถ้าเป็นไปได้เธอคงไม่อยากจะอยู่ในสภาพที่เธอกำลังเผชิญอยู่เป็นแน่ ตาเธอไม่พิการ แต่เธอก็ไม่ค่อยจะมีโอกาสได้มองสิ่งที่สวยงาม คงขังตัวเองอยู่แต่ในห้อง ไม่มีโอกาสจะได้ออกไปเที่ยวเตร่กับคนในครอบครัวที่มีร่างกายปกติ ดูราวกับว่าเธอไม่เป็นสมาชิกที่แท้จริงของครอบครัว
    เสียงร้องไห้ด้วยความเศร้าใจของผู้หญิงคนหนึ่งดังออกจากห้องสี่เหลี่ยมที่มุมบ้านทุกคืน พร้อมกับเสียงเพลงที่แสนเศร้า มันทำให้คนที่ได้ยินเสียงนั้นรู้สึกเศร้าใจไปด้วยเพราะความสงสาร และคำถามหลายคำถามก็วิ่งเข้ามาในสมองของผู้เขียนว่า อะไรทำให้เธอร้องไห้ได้ถึงขนาดนั้น แล้วใครจะเข้ามาปลอบโยนเวลาเธอร้องไห้ เพราะความว้าเหว่ที่ขาดผู้ให้ความอบอุ่น มันช่างเหมือนกับคำพังเพยที่ว่า “เวลาเราหัวเราะ คนทั้งโลกหัวเราะด้วย แต่เวลาเราร้องไห้ เราร้องไห้คนเดียว” เธอคงไม่เคยได้ยินคำพังเพยนี้ เพราะเธอถูกกำหนดให้อยู่แต่ในห้องแคบๆ ของเธอเท่านั้น
    จากเสียงร้องไห้อย่างโหยหวนในบางครั้ง ทำให้ผู้เขียนอยากรู้จักเจ้าของเสียงนั้น ผู้เขียนได้เข้าไปในบ้านหลังนั้นในฐานะคนงาน จึงได้มีโอกาสพบเห็นเธอ ผู้เขียนได้เข้าไปทำความสะอาดในห้องของเธอ ครั้งแรกที่ได้เห็นเธอ มีความรู้สึกสงสารอย่างจับใจ “เธอเป็นโปลิโอ” แขนขาเธอลีบจนไม่สามารถจะเดินไปไหนได้ ลุกขึ้นยืนก็ไม่ได้ จะไปทางไหนก็ต้องคลานไป จนเข่าทั้งสองข้างด้านไปหมด ฝ่ามือทั้งสองข้างก็ด้านพอๆ กับเข่า ยิ่งไปกว่านั้นเธอไม่สามารถพูดชัดถ้อยชัดคำเหมือนคนปกติและสายตาของเธอแม้จะปกติดีทั้งสองข้าง แต่เธอมีสิทธิ์มองได้เฉพาะในห้องเล็กๆ ของเธอและใช้เวลาให้หมดไปวันๆ โดยการดูโทรทัศน์อย่างเดียว เธอไม่มีสิทธิ์ที่จะออกไปนอกบริเวณที่พ่อแม่กำหนดไว้ ส่วนหูของเธอมีสิทธิ์ได้ฟังแต่เสียงเพลงและเสียงพี่เลี้ยงเท่านั้น พี่เลี้ยงของเธอเล่าให้ผู้เขียนฟังว่า พ่อแม่เธอพยายามปกปิดมิให้ใครรู้ว่าครอบครัวที่ดูผิวเผินว่าสมบูรณ์พร้อมทุกอย่าง จะมีลูกพิการอยู่คนหนึ่ง สังคมภายนอกรู้แต่เพียงว่ามีลูก 4 คนเท่านั้น คือ ลูกที่มีร่างกายสมบูรณ์ มีการศึกษาสูง เป็นนักเรียนนอกกันหมด มีอนาคตสดใส และเด่นดังในวงสังคม แต่ลูกอีกหนึ่งคนต้องอยู่แต่ในห้อง ไม่มีโอกาสได้เห็นโลกภายนอก ไม่ผิดอะไรกับคนที่อยู่ในโลกมืด แม้แต่เพื่อนเล่นสักคนก็ไม่มี ต้องอยู่กับพี่เลี้ยงที่มีหน้าที่ให้ข้าวให้น้ำเท่านั้น พี่เลี้ยงเล่าว่าเธออยากจะคุยกับเรา แต่เราไม่เข้าใจเวลาเธอพูด ดังนั้นการสื่อสารจึงไม่เป็นผล บางครั้งหลังจากเธอร้องไห้แล้ว เธอจะมานั่งคุกเข่าไหว้พระ ใช้มือที่คดงอของเธอชนกันในท่าไหว้ แล้วอธิษฐาน พอพี่เลี้ยงเล่าถึงตอนนี้ผู้เขียนรู้สึกดีใจว่า อย่างน้อยเธอก็ยังมีพระพุทธเจ้าคอยรับฟังปัญหาอยู่ในใจของเธอ ถึงแม้พระพุทธเจ้าจะตอบรับเธอไม่ได้ เธอคงจะสบายใจที่ได้พูดถึงความในใจของเธอ และเป็นกำลังใจให้เธอมีชีวิตอยู่ต่อไปในห้องสี่เหลี่ยมนั้น
    เรื่องราวของหญิงสาวคนนี้คงเป็นสิ่งเตือนใจให้กับผู้ปกครองอีกหลายท่านที่มีคนพิการในครอบครัว จงได้ปล่อยลูกของท่านให้มีอิสรภาพเหมือนคนธรรมดาทั่วไปบ้าง คนที่พิการทางร่างกาย หากได้มีโอกาสใช้ชีวิตเหมือนกับคนปกติ จิตใจของเขาก็จะไม่พิการตาม อาจจะมีท้อแท้หงอยเหงาเป็นครั้งคราวบ้าง แต่ก็คงจะไม่ทุกข์ระทมเหมือนกับรายที่ผู้เขียนนำมาเล่านี้ และที่น่าตำหนิมากที่สุดก็คือคนที่มีร่างกายสมบูรณ์ แต่จิตใจของเขากลับพิการ คือเป็นคนไม่สู้โลกสู้ชีวิต หนักไม่เอา เบาไม่สู้ มีชีวิตอยู่ไปวันๆ ไม่ทำตัวให้เป็นประโยชน์แก่ตนเองและผู้อื่น.

                                                                                  363451.gif

ขอบคุณที่มาข้อมูล


                 คลิก ฟังเพลง  ปรารถนา   >>>  http://charyen.com/jukebox/play.php?id=27632

                                                                                                            

โพสต์โดยสมาชิกหมายเลข 1712 วันที่ 23 พ.ค. 2552

ขายดีมากครับคุณครู (พร้อมส่ง) เครื่องเคลือบบัตรA4 รุ่นSL200 เครื่องเคลือบกระดาษA4 A3 A5 ABSป้องกันการ์ด ในราคา ฿368 - ฿999 ที่ Shopee

https://s.shopee.co.th/4VLvxbi7ho?share_channel_code=6


หากแม้น...เลือกเกิดเองได้..!!!

Advertisement

≡ เรื่องอื่นๆ ที่น่าอ่าน ≡

บวชหน้าศพ - บวชเล่นละคร

บวชหน้าศพ - บวชเล่นละคร


เปิดอ่าน 7,163 ครั้ง
กินคะน้า.....ตาไม่เป็นต้อ

กินคะน้า.....ตาไม่เป็นต้อ


เปิดอ่าน 7,161 ครั้ง
ดูสบายตา อ่านแล้วสบายใจ (6)

ดูสบายตา อ่านแล้วสบายใจ (6)


เปิดอ่าน 7,159 ครั้ง

:: เรื่องปักหมุด ::

Mini project  1

Mini project 1

เปิดอ่าน 7,274 ☕ คลิกอ่านเลย

Advertisement

≡ เรื่องน่าสนใจในหมวดหมู่นี้ ≡
คิดดีแล้วหรือ....ที่ อ้วน !
คิดดีแล้วหรือ....ที่ อ้วน !
เปิดอ่าน 7,157 ☕ คลิกอ่านเลย

ธุรกิจมาแรงปี 2010
ธุรกิจมาแรงปี 2010
เปิดอ่าน 7,166 ☕ คลิกอ่านเลย

อุปมาบุคคลที่อยู่รอบตัว
อุปมาบุคคลที่อยู่รอบตัว
เปิดอ่าน 7,174 ☕ คลิกอ่านเลย

คอมพิวเตอร์ช่วยสอน CAI Online
คอมพิวเตอร์ช่วยสอน CAI Online
เปิดอ่าน 7,477 ☕ คลิกอ่านเลย

รายงานผลการพัฒนาเอกสารประกอบการสอน รายวิชาพลศึกษา พ 22101
รายงานผลการพัฒนาเอกสารประกอบการสอน รายวิชาพลศึกษา พ 22101
เปิดอ่าน 7,165 ☕ คลิกอ่านเลย

หากพรุ่งนี้ไม่มี...แม่
หากพรุ่งนี้ไม่มี...แม่
เปิดอ่าน 7,159 ☕ คลิกอ่านเลย

≡ เรื่องน่าอ่าน/สาระน่ารู้ ≡

 กฎ ก.ค.ศ. ว่าด้วยการสั่งให้ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา รับเงินเดือนในอัตรากำลังทดแทน พ.ศ.2551
กฎ ก.ค.ศ. ว่าด้วยการสั่งให้ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา รับเงินเดือนในอัตรากำลังทดแทน พ.ศ.2551
เปิดอ่าน 26,492 ครั้ง

"พี่เป้า-สายัณห์ สัญญา" สร้างปาฏิหาริย์ช่วยหญิงเป็นมะเร็งฟื้นคืนชีพ
"พี่เป้า-สายัณห์ สัญญา" สร้างปาฏิหาริย์ช่วยหญิงเป็นมะเร็งฟื้นคืนชีพ
เปิดอ่าน 13,209 ครั้ง

อ่านหนังสือแล้วง่วง ทำไงดี มาทางนี้ซิ เรามีคำตอบ
อ่านหนังสือแล้วง่วง ทำไงดี มาทางนี้ซิ เรามีคำตอบ
เปิดอ่าน 21,947 ครั้ง

ปวดคอ แบบไหนอันตราย
ปวดคอ แบบไหนอันตราย
เปิดอ่าน 5,571 ครั้ง

กุญแจไขโจทย์คุณภาพการศึกษาไทย
กุญแจไขโจทย์คุณภาพการศึกษาไทย
เปิดอ่าน 9,696 ครั้ง

เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ มากมาย
สนามเด็กเล่น

แหล่งรวมเกมส์ เกมส์ให้เล่นมากมาย ศูนย์รวมเกมส์สนุกๆ เกมส์ความรู้ เกมส์ลับสมอง เกมส์ประลองยุทธ แหล่งรวบรวมข้อมูล เกมส์ เกมส์ออนไลน์ เกมส์มันๆ เกมส์ตัดผม ไว้มากมายที่นี่ ให้เด็กๆได้เลือกเล่นมากมาย คลิกเลย

 
หมวดหมู่เนื้อหา
เนื้อหา แยกตามหมวดหมู่ สามารถเลืออ่านได้ตามหมวดหมู่ที่นี่


· Technology
· บทความเทคโนโลยีการศึกษา
· e-Learning
· Graphics & Multimedia
· OpenSource & Freeware
· ซอฟต์แวร์แนะนำ
· การถ่ายภาพ
· Hot Issue
· Research Library
· Questions in ETC
· แวดวงนักเทคโนฯ

· ความรู้ทั่วไป
· คณิตศาสตร์
· วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
· ภาษาต่างประเทศ
· ภาษาไทย
· สุขศึกษาและพลศึกษา
· สังคมศึกษา ศาสนาฯ
· ศิลปศึกษาและดนตรี
· การงานอาชีพ

· ข่าวการศึกษา
· ข่าวตามกระแสสังคม
· งาน/บริการสังคม
· คลิปวิดีโอยอดนิยม
· เกมส์
· เกมส์ฝึกสมอง

· ทฤษฎีทางการศึกษา
· บทความการศึกษา
· การวิจัยทางการศึกษา
· คุณครูควรรู้ไว้
· เตรียมประเมินวิทยฐานะ
· ผลงานวิชาการเล่มเต็ม
· เครื่องมือสำหรับครู

ครูบ้านนอกดอทคอม

เว็บไซต์เพื่อครู ข่าวการศึกษา ความรู้ การศึกษาไทย

      kroobannok.com

© 2000-2020 Kroobannok.com  
All rights reserved.


Design by : kroobannok.com


ครูบ้านนอกดอทคอม
การจัดอันดับของ Truehits Web Directory

วิธีนำแบนเนอร์ของครูบ้านนอก.คอมไปแปะในเว็บท่าน บันทึกภาพแบนเนอร์นี้และลิงค์มาที่เราครับ (มีแบนเนอร์ 2 แบบ)
 

ครูบ้านนอกดอทคอม เว็บไซต์ของครูตัวเล็กๆ คนหนึ่ง ที่หวังเพียง ใช้เป็นช่องทางในการสื่อสาร แลกเปลี่ยน เพิ่มพูนความรู้ และให้ข่าวสาร ที่ทันสมัยต่อเหตุการณ์แก่คุณครู ผู้ปฏิบัติงานในทุกพื้นที่ของประเทศไทย เพื่อความเจริญงอกงามในปัญญา และเจริญก้าวหน้าในวิชาชีพ

เว็บนี้ถือกำเนิดเมื่อ 5 มกราคม 2548

Email : kornkham@hotmail.com
Tel : 096-7158383

สนใจสนับสนุนเรา โดยลงโฆษณา
คลิกดูรายละเอียดที่นี่ครับ