..........ว่าด้วยเรื่อง..."โรคจิต จิตใจ"
เป็นอาการที่น่าเป็นห่วง ซึ่งไม่อยากให้เกิดขึ้นกับใคร เพราะอาการโรคจิตนี้ถ้าจะพูดไปแล้ว ร้ายแรงกว่าอาการประสาทซะอีก แต่ก็รักษาได้และมีโอกาสหายได้...ศึกษาไว้เผื่ออธิบายให้ศิษย์ฟังละกัน...
โรคจิต คือ โรคที่มีความผิดปกติทางอารมณ์ ความคิด และการแสดงออกอย่างรุนแรง โดยผู้ป่วยมักจะไม่ยอมรับว่าตนเองป่วย ภาษาชาวบ้าน โรคจิต คือ บ้า หรือวิกลจริต ผู้ป่วยโรคจิต ก็คือ คนบ้า หรือคนวิกลจริต นั่นเอง
อาการของโรคจิต โดยทั่วไปพบความผิดปกติในด้านต่าง ๆ ดังนี้
ความผิดปกติด้านความคิด เช่น หลงผิด คิดว่าตนเองเป็นใหญ่เป็นโต เป็นผู้วิเศษ ระแวงว่าคนอิจฉาริษยา ระแวงว่า จะมีคนปองร้าย
ความผิดปกติด้านอารมณ์ เช่น หัวเราะ ร้องไห้โดยไม่สมเหตุผล หรือเฉยเมยไม่สนใจใคร
ความผิดปกติด้านการแสดงออก เช่น ไม่สนใจตัวเอง ปล่อยให้เนื้อตัวสกปรก คลุ้มคลั่ง อาละวาด ทำร้ายคน ทำลายของ พูดคนเดียว อยู่นิ่งไม่ได้ ไม่นอน วุ่นวาย รบกวนคนอื่น
ความผิดปกติด้านการรับรู้ เช่น หูแว่ว โต้ตอบไวในการรับรู้ทันทีทันใดได้ยินเสียงคน สัตว์ หรือเสียงแปลก ๆ โดยไม่มีตัวตน เห็นภาพหลอนเป็นคน สัตว์ ผี ฯลฯ
สาเหตุของโรคจิต
1. เกิดจากความผิดปกติของเนื้อสมอง และร่างกายเนื่องจาก
ได้รับพิษของสิ่งเสพติด เช่น เหล้า กัญชา ยาม้า กระท่อม กาว ผงขาว ฯลฯ
ได้รับเชื้อโรคที่เป็นอันตรายต่อสมอง เช่น มาเลเรียขึ้นสมอง เยื่องหุ้มสมองอักเสบ
ศีรษะได้รับอันตราย เช่น ถูกตีศีรษะ รถคว่ำ ศีรษะถูกกระทบกระเทือนอย่างรุนแรง
2. เกิดจากกรรมพันธุ์ด้รับความกดดันทางด้านจิตใจ และสังคม เช่น ผิดหวังเรื่องการเรียน ความรัก การสูญเสียคนที่ตนรัก ตำแหน่ง หน้าที่ การงาน เงินทอง ชื่อเสียง มีปัญหาในครอบครัว ตกงาน
การรักษา โรคจิตสามารถรักษาให้หายได้ ผลการรักษาแบ่งออกได้ ดังนี้
หายขาด ไม่กลับเป็นอีก
อาการโรคจิตสงบ อาจกลับเป็นใหม่ได้อีก
ยังมีอาการอยู่บ้าง และอาจกำเริบรุนแรงเป็นพัก ๆ
วิธีการรักษา
ใช้ยารักษาโรคจิต มีทั้งชนิดกินและฉีด
รักษาด้วยไฟฟ้า
พูดคุยให้ผู้ป่วยสบายใจ
เมื่อป่วยเป็นโรคจิตแล้ว จะต้องกินยานานเท่าไร
ผู้ป่วยที่เพิ่งป่วย และป่วยมาไม่เกิน 6 เดือน จะกินยาต่ออีกประมาณ 6 เดือน อาการสงบก็ค่อย ๆ ลดยาลง ถ้าอาการไม่สงบภายใน 6 เดือน ให้กินยาต่ออีกประมาณ 2 ปี อาการสงบจึงหยุดยาได้
ผู้ป่วยที่ป่วยมาหลายครั้ง และนานหลายปี ให้กินยาต่อเนื่องไปเรื่อย ๆ การลดหรือหยุดยาให้ปรึกษาแพทย์
ผลข้างเคียงของยารักษาโรคจิต
ภายหลังจากกินยา หรือฉีดยาโรคจิตแล้ว ผู้ป่วยอาจมีอาการปากแห้ง คอแห้ง ซึ่งช่วยได้โดยให้ผู้ป่วยดื่มน้ำบ่อย ๆ ถ้าเกิดตาพร่า ง่วงนอน อาการเหล่านี้ไม่เป็นอันตราย ถ้าใช้ยาไป 1-2 สัปดาห์ ผู้ป่วยจะค่อย ๆ ปรับตัวได้ แต่ถ้ามีอาการเหล่านี้รุนแรงมาก เช่น คอบิด ตาค้าง ตัวแข็ง มือสั่น น้ำลายยืด ลิ้นแข็ง ให้ปรึกษาแพทย์
ภาระดูแลผู้ป่วยโรคจิต
ผู้ป่วย หรือญาติควรมาติดต่อรับยาที่โรงพยาบาลอย่างสม่ำเสมอ ญาติควรดูแลให้ผู้ป่วยกินยาอย่างต่อเนื่อง การเพิ่มยา ลดยา หรือหยุดยา ควรปรึกษาแพทย์ ถ้าผู้ป่วยไม่ยอมกินยา ยาติควรชักจูง โน้มน้าวให้ผู้ป่วยกินยา ถ้าไม่ได้ผล ให้ปรึกษาแพทย์ ซึ่งแพทย์อาจให้ยาฉีดแทน
ไม่ควรให้ผู้ป่วยใช้สิ่งเสพติดทุกชนิด เช่น เหล้า เบียร์ กัญชา ยาม้า ผงขาว ฯลฯ เพราะอาจทำให้อาการของโรคจิตกำเริบขึ้นได้ ญาติควรกระตุ้น และให้กำลังใจผู้ป่วย ให้ทำงานตามกำลัง และความสามารถที่มีอยู่ เพื่อฟื้นฟูความสามารถของผู้ป่วยให้ดีเหมือนเดิม ไม่ควรให้ผู้ป่วยเฉื่อยชา เกียจคร้าน ซึ่งจะเป็นภาระของญาติในการดูแลผู้ป่วยอย่างมากในอนาคต ควรปฏิบัติต่อผู้ป่วยเหมือนคนปกติ เปิดโอกาสให้ผู้ป่วยได้พูดคุย ระบายปัญหา เพื่อให้ผู้ป่วย และญาติเกิดความเข้าใจ และไว้วางใจซึ่งกันและกัน สนับสนุน และให้กำลังใจผู้ป่วย ให้สามารถแก้ไขปัญหาด้วยตนเอง โดยการรับฟังปัญหาของผู้ป่วยอย่างตั้งใจ และให้คำปรึกษา แนะนำ ส่งเสริมให้ผู้ป่วยได้มีโอกาสเข้าสังคมกับคนทั่วไป เพื่อให้ผู้ป่วยสามารถปรับตัวเข้ากับผู้อื่นได้ โดยเริ่มจากการพูดคุยกับคนในบ้านก่อน ไม่ควรแยกตัว หรือเก็บตัวอยู่คนเดียว หมั่นสังเกตอาการของผู้ป่วย ถ้าเห็นผู้ป่วยเริ่มมีอาการผิดปกติ เช่น นอนไม่หลับ หงุดหงิด มีหูแว่ว พูดคนเดียว ให้รีบพาผู้ป่วยมาพบแพทย์
ที่มา : คู่มือดูแลผู้ป่วยโรคจิต กรมสุขภาพจิต กระทรวงสาธารณสุข
คำเพิ่มเติมจากเจ้าของบ้าน...
โรคจิต..คือคนที่คิดว่าคนอื่นเป็นโรคจิต..แต่จริงๆแล้วตัวเองนั่นแหละ แอบ เห้อ ..น่าสงสารนะเนี่ย..ในหนังและละครหลายๆเรื่องมักจะเห็น พวกนางอิจฉาหรือพวกที่หวังไว้มาก อยากได้อยากมี ชอบเอาตัวเองไปเปรียบเทียบกับคนอื่นจนตัวเองรู้สึกกดดัน และทำทุกอย่างให้ได้มา...โดยคิดว่าคนอื่นคงคิดและอยากทำเหมือนที่ตัวเองทำ..คนเราจะคิดเองไม่ได้ว่าคนอื่นเค้าคิดอย่างไร ถ้าคนที่เป็นโรคจิตนั้นไม่คิดและ จินตนาการขึ้นมาก่อน...โดยสิ่งที่ทำ มันจะส่งผลให้ตัวเองเป็นจิตเล็กๆ สังคมไทยเรามีคนโรคจิตประเภทอยากมีอยากได้เยอะเหลือเกิน..ทำไมไม่รู้จักพอกับสิ่งที่ตนเองมี รู้จักครอบครัวของตนเองนะว่ามีแค่ไหน เลยกดดันตัวเองทำให้ตัวเองกลายเป็นคนโรคจิตอ่อนๆ ไปซะงั้น..
อย่างที่เป็นข่าว ขับรถชนคนเขาไปทั่ว...แล้วบอกว่าตัวเองเป็นจิตเล็กๆ ซะงั้นนะคนเรา
อย่างที่ขโมยกางเกงในผู้หญิงไปดม อันนั้นก็จิตเพลิดเพลินซะ
โอ้ยสังคมไทย ...สงสัยถ้าเครียดปั๊ปก็ต้องให้แนะนำพบจิตแพทย์ดีกว่า..
การพบจิตแพทย์ไม่ได้บ้าหรือเป็นโรคจิตเสมอไปนะค่ะ แต่เป็นการปกป้องไม่ให้ ตัวเองเป็นโรค จิตค่ะ ...
คนที่รู้ตัวว่าจะเริ่มเป็นรีบรักษา ดีกว่าคนที่เป็นแล้วไม่ยอมรับว่าตนเองเป็นโรคจิต...น่าสงสาร..น่าเห็นใจจริ๊ง!!!
ขอบคุณbloggang.com