ค้นหาทุกอย่างในเว็บครูบ้านนอก :
ชุมชนครู บุคลากรทางการศึกษา และนักเรียน แหล่งความรู้สำหรับครู นักเรียน ข่าวการศึกษา ห้องสมุดความรู้ทุกกลุ่มสาระการเรียนรู้ และความรู้ทั่วไป เผยแพร่ผลงานวิชาการ ที่นี่


ข่าวการศึกษา     ความรู้ทั่วไป     งานราชการ/รัฐวิสาหกิจ/บริการสังคมเรื่องราวจากสมาชิก  ▶ ข่าว/บทความ ▶ หน้าแรก

ธรรมะในคัมภีร์อยู่ไกล... ธรรมะในใจอยู่ใกล้แค่เอื้อม


เรื่องราวจากสมาชิก เปิดอ่าน : 7,159 ครั้ง
Advertisement

ธรรมะในคัมภีร์อยู่ไกล... ธรรมะในใจอยู่ใกล้แค่เอื้อม

Advertisement

ถักจิตทอใจด้วยใยธรรม      

ธรรมเทศนา
โดย
หลวงพ่อพุธ ฐานิโย

ธรรมะในคัมภีร์อยู่ไกล... ธรรมะในใจอยู่ใกล้แค่เอื้อม
ถ้าเราไปอ่านเรื่องธรรมะในคัมภีร์ ก็ดูเหมือนกับว่าธรรมะนี้อยู่ไกลสุดเอื้อม แต่เมื่อเราจะมาศึกษาและเรียนให้รู้ธรรมะในตัวของเรานี่ เราจะรู้สึกว่าธรรมะที่จะต้องเรียนรู้และจำเป็นต้องรู้ก็ไม่ใช่อื่นไกล ก็คือเรื่องของกายกับใจของเรานั่นเอง

กายกับใจเป็นที่เกิดของความสุขและความทุกข์ ความดีและความชั่วเกิดที่กายกับใจ บุญและบาปเกิดที่กายกับใจ มรรค ผล นิพพาน ความดีเกิดที่กายกับใจ เพราะฉะนั้น การเรียนรู้ธรรมะ เราควรจะได้เรียนรู้เรื่องกายกับใจของเรา มากกว่าที่จะไปเรียนในคัมภีร์ให้มันมีความรู้มากๆ เป็นการส่งเสริมทิฎฐิมานะให้มันเกิดมากขึ้นๆ แล้วก็เที่ยวแบกเอาคัมภีร์ไปขัดคอกัน

ผู้ปฏิบัติธรรมที่จะสำเร็จมรรค ผล นิพพานกันจริงๆ ต้องเรียนรู้เรื่องของโลก ในหลักธรรมะท่านสอนให้เรียนรู้ เรื่องกาย เรื่องจิต

รู้อะไรก็ไม่สู้รู้ใจตนเอง
ถ้าเราพิจารณาธรรมะ เราพิจารณาที่ใจเรา น้อมเข้ามาที่ใจ มารู้อยู่ที่ใจ นึกแต่เพียงว่าสิ่งภายนอกเป็นแต่เพียงอารมณ์ สิ่งรู้ของจิต สิ่งระลึกของสติเท่านั้น

รู้นอกเป็นสมุทัย รู้ในเป็นมรรค
ถ้าไปรู้นอก เป็นเหตุให้สร้างบาปสร้างกรรม
ถ้ารู้เข้ามาในเป็นเหตุให้ละวาง

...ความรู้ที่จำเป็นที่สำคัญที่สุด ก็คือรู้จิตรู้ใจของเราเอง ว่าปัจจุบันนี้สภาพจิตใจของเราเป็นอย่างไร เศร้าหมองหรือผ่องใส มีกิเลสตัวไหนอยู่ในใจเราบ้าง เมื่อเรารู้ความจริงของตัวเราแล้ว เราจะแก้ไขดัดแปลงอย่างไรนั้นก็ขึ้นอยู่กับความตั้งใจของเรา

...อ่านจริตของเราให้รู้ว่า เราเป็นราคจริต โทสจริต โมหจริต วิตกจริต พุทธิจริต ศรัทธาจริต อย่างใดอย่างหนึ่ง เพื่อจะดูให้รู้แจ้ง เพื่อจะเป็นพื้นฐานที่เราจะแก้ไขดัดแปลงจิตของเรา เมื่อเรารู้ชัดลงไปแล้ว เรามีกิเลสตัวไหน เป็นจริตประเภทไหน เราจะได้แก้ไขดัดแปลง ตัดทอนสิ่งที่เกินแล้วเพิ่มสิ่งที่หย่อนให้อยู่ในระดับพอดีพองาม เรียกว่า มัชฌิมาปฏิปทา

วางใจเป็นกลาง ละวางความทุกข์
ความทุกข์ที่บังเกิดขึ้นที่จิต เพราะอาศัยความยินดียินร้าย เป็นตัวสมุทัยหนุนให้เกิดทุกข์ ทุกข์ตัวนี้ คือทุกข์อริยสัจที่พระพุทธเจ้าตรัสรู้ เมื่อเรามีสติกำหนดอารมณ์จิตของเราอยู่ตลอดเวลา สุขทุกข์เกิดสลับกันไป เมื่อสติสัมปชัญญะตัวนี้เด่นขึ้น มีพลังแก่กล้าขึ้นเมื่อใด เราสามารถที่จะกำหนดรู้ รู้ธรรมะตามความเป็นจริง... เมื่อจิตของท่านสามารถที่จะดำรงอยู่ในความเป็นปกติ ไม่หวั่นไหวต่อเหตุการณ์นั้น ๆ ความเป็นปกติจิตปรากฏเด่นชัดอยู่ตลอดเวลา ตัวปกติของจิตนั่นแหละคือตัวนิโรธ เพราะฉะนั้น การกำหนดรู้อารมณ์จิตจึงเป็นสิ่งสำคัญ
ศีล ๕ บริสุทธิ์ สุดประเสริฐ
แม้ทำสมาธิไม่เป็น ภาวนาไม่เป็น แต่ศีล ๕ บริสุทธิ์ เป็นสิ่งประเสริฐสุดในการปฏิบัติธรรม ศีลมากก็ไร้ค่า ถ้าศีล ๕ ไม่มี ท่านที่ทะนงตัวว่ามีศีลมาก ๆ เป็นกอบเป็นกำ แต่ถ้าหากมองข้ามศีล ๕ ยังละเมิดศีล ๕ ข้อใดข้อหนึ่งอยู่ ก็ไม่เกิดประโยชน์อันใด เพราะเหตุว่าที่มีกายใจที่จะรองรับคุณธรรมเบื้องสูงขึ้นไปต้องมีศีล ๕ บริสุทธิ์บริบูรณ์ดี

ศีล ๕ ละกิเลสทางกาย กิเลสไม่ใช่เรื่องที่เราจะละได้ กิเลสที่ละได้คือละการไม่ทำ ละการไม่พูด แต่ความรู้สึกทางใจนี่ตั้งใจละเองไม่ได้ การละกิเลสทางกาย ก็คือ ศีล ๕ ข้อ

พลิกกิเลสให้เป็นธรรม
กิเลสที่มีอยู่ในจิตในใจของเรานั้น อย่าไปพยายามละ แต่ต้องมีสติปัญญา ถ้ากำหนดพิจารณาให้รู้ว่า เรามีกิเลสตัวใด ในเมื่อเรารู้ว่า เรามีกิเลส โลภ โกรธ หลง เราพยายามใช้กิเลสให้เกิดประโยชน์โดยความเป็นธรรม อย่าปล่อยให้ โลภ โกรธ หลง มันพาเราไปทำบาปทำชั่ว ที่เราจะป้องกันอำนาจของกิเลส โลภ โกรธ หลง ไม่ให้พาเราไปทำบาปทำชั่ว เราต้องยึดศีล ๕ เป็นหลัก

เรายังมีกิเลส โลภ โกรธ หลง มากน้อยเพียงใด พยายามดูจิตของเราให้มันรู้ว่ามีกิเลสตัวไหน ในเมื่อเรารู้แล้ว เราจะใช้กิเลสให้เกิดประโยชน์อย่างไร จึงมีความยุติธรรม หรือเป็นไปเพื่อความสันติสุขในสังคมมนุษย์

ถ้าหลง หลงในคุณงามความดี
ถ้าโกรธ โกรธความชั่ว ความไม่ดี ความบาป
ถ้าโลภ โลภในการสร้างคุณธรรมให้มีให้เกิดขึ้นในจิตในใจ
ให้ทาน รักษาศีล เจริญเมตตาภาวนา สร้างพลังสมาธิปัญญาให้แก่กล้า

โลภอย่างไร ไม่เป็นบาป
ท่านจะโลภเพียงใดแค่ไหน เชิญท่านโลภไปเถิด ท่านจะทะเยอทะยานไปถึงไหน เชิญท่านทะเยอทะยานไปเถิด แต่การประพฤติ หรือการกระทำของท่าน หรือการแสวงหาผลประโยชน์ที่ท่านต้องการ อย่าให้ผิดศีลข้ออทินนาทาน คืออย่าลักขโมย จี้ ปล้น ฉ้อโกง อย่าให้มันผิดศีลข้อนี้ ข้อมุสาวาท อย่ายักยอกหลอกลวง

ศีล คือ เจตนาสำรวมระวัง
การสำรวม นั่นแหละ คือศีล ศีล คือ เจตนาที่จะสำรวมระวัง แล้วศีลของเราจะบริสุทธิ์สะอาด เพราะความมีสติสังวรระวังอยู่


สมาธิภาวนาแก้ปัญหาใจ
ที่เราแก้ไขปัญหาจิตใจของเราไม่ได้อยู่นี้ เพราะเราไม่รู้จักตัวของเราเอง ...ในเมื่อเป็นเช่นนั้น เราจึงควรจะศึกษาให้รู้จักตนของตน วิธีที่จะศึกษาปฏิบัติให้รู้ตนของตน ก็ไม่หนีไปจากหลักของการทำสมาธิ ในเมื่อฝึกสมาธิ จิตสงบเป็นสมาธิ ได้สติสัมปชัญญะ ได้ความรู้สึกสำนึกผิดชอบชั่วดี แต่ถ้าสมาธิมันมีพลังงานแล้ว มันทำให้เกิดปัญญา สามารถแก้ไขปัญหาจิตใจของตนเองได้ดี

...ใช้แก้ปัญหาชีวิตและสังคม การทำสมาธิเช่นอย่างเราจะไปเข้าห้องกรรมฐาน ไม่เอาไหนเลย ไม่เกี่ยวข้องกับสิ่งใดเลย อันนั้นมันก็ไม่ดี เพราะเราทิ้งการทิ้งงานส่วนอื่น

การทำสมาธินี่เรามุ่งหวังให้เรามีพลังจิต มีสติสัมปชัญญะ ต่อสู้กับการงานที่เรารับผิดชอบอยู่ สามารถที่จะแก้ปัญหาในชีวิตประจำวันได้ สามารถที่จะแก้ไขปัญหาสังคมได้ ไม่ใช่ทำสมาธิแล้วไปหลับหูหลับตาไม่เอาไหน แบบนั้นไม่ถูกต้องแน่ ทำสมาธิเป็นแล้วต้องสนใจการงาน สนใจในหมู่คณะ สนใจในการรับผิดชอบ สนใจในทุกสิ่งทุกอย่าง เพราะว่าทุกสิ่งทุกอย่างที่มีอยู่ในโลกนี้เป็นสภาวธรรม

สวดมนต์ภาวนา
บทสวดมนต์ที่เราเปล่งวาจา เช่น สวดอิติปิโส ภควา อรหัง สัมมาสัมพุทโธ เป็นต้น เมื่อเรามีสติสัมปชัญญะกำหนดตามรู้บทสวดที่กำลังสวดอยู่ ทำจิตให้มันรู้ชัดเจนว่า เราสวดไปอักษรไหน ทำจิตให้รู้ มีสติรู้ชัด ๆ ได้ชื่อว่าเป็นการฝึกสมาธิเช่นเดียวกัน

แม้เราสวดมนต์อยู่ก็คือสมาธิ แม้เรานั่งสมาธิบริกรรมภาวนา ก็คือการฝึกสมาธิ ต้องมีความเข้าใจให้มันสัมพันธ์กัน แม้ว่าเราทำธุรกิจอย่างอื่น ถ้าเรามีสติสัมปชัญญะรู้ตัวอยู่ตลอดเวลา ก็คือการฝึกสมาธิ

คุณสมบัติของผู้ปฏิบัติธรรม
การปฏิบัติธรรมต้อง...
ใจเย็น ๆ
เชื่อสมรรถภาพของตนเอง
มีความเพียรพยายามให้มาก ๆ
...นักปฏิบัติสมาธิต้องสู้ สู้ต่อการงานทุกสิ่งทุกอย่าง เพราะการทำสมาธิ ทำให้จิตมีสมาธิ มีความตั้งมั่น มีความมั่นใจ มั่นใจต่อหน้าที่การงานที่เรารับผิดชอบอยู่ อันนี้คือผลของการทำสมาธิ

อย่าติดวิธีการ
เป็นนักปฏิบัติสมาธิ อย่าไปติดวิธีการ ถ้าเราไปติดวิธีการแล้ว เราจะเอาวิธีการนั้นมาฟัดกัน เสร็จแล้วก็จะเกิดทะเลาะกัน การทำสมาธิเป็นกิริยาของจิต นั่งทำสมาธิได้ เดินทำสมาธิได้ นอนทำสมาธิได้ หรือใครจะแน่จริงวิ่งทำสมาธิก็ได้ ถ้าหากการปฏิบัติ เราไม่ยึดวิธีการเป็นใหญ่ เราเอาประสบการณ์ที่เกิดขึ้นในจิตเป็นเครื่องตัดสิน เราจะหมดปัญหาข้อสงสัย
ยึดถูกเห็นทิศ ยึดผิดหลงทาง
แม้ว่าผู้ภาวนาอาจสร้างนิมิตเป็นดวงอะไรก็ตาม หรืออาจเห็นภาพนิมิตต่างๆ ก็ตาม หรือสามารถทำจิตให้บันดาลให้เกิดภูมิความรู้อะไรได้มากมายก่ายกองสักเพียงใดก็ตาม แต่สิ่งเหล่านั้นก็เป็นเพียงสภาวธรรม เครื่องรู้ของจิต เครื่องระลึกของสติเท่านั้น

ถ้าใครไปยึดเอาความรู้ความเห็น ความเป็นเช่นนั้น เป็นสาระแก่นสารในการปฏิบัติ ไม่ยึดเอาตัว “สติ” ที่มีความมั่นคง ซึ่งสามารถรู้เท่าทันเหตุการณ์ภายในจิต ทั้งภายนอกภายในได้ ก็ยังชื่อว่าจับหลักการปฏิบัติไม่ได้แน่นอน

หมดเมื่อไร ได้เมื่อนั้น
สมาธิ เกิดขึ้นได้เมื่อเราหมดความตั้งใจ
วิปัสสนาจะเกิดได้เมื่อเราหมดความคิด

สมาธิปัญญา
การรู้กายรู้จิต รู้ด้วยความตั้งใจกำหนดรู้ เรียกว่ารู้โดยสติปัญญาธรรมดา แต่ถ้าจิตมีพลังงานเกิดจากสมาธิ มีสติสัมปชัญญะ สามารถกำหนดรู้กายและจิตเอง เรียกว่ารู้เห็นโดยสมาธิปัญญา ความคิดอันใดที่มีสติรู้ทันทุกขณะจิต แล้วจิตก็คิดขึ้นมาเอง โดยที่เราไม่ได้ตั้งใจ มีสติรู้พร้อมทุกขณะจิต ความคิดอันนั้นเป็นสมาธิปัญญา ปัญญา ตามสัญญาหรือความทรงจำ เป็นอุปกรณ์ให้เกิดสติปัญญาในขั้นสมาธิภาวนา เป็นสิ่งที่อาศัยซึ่งกันและกัน

เหนือสมมติบัญญัติ
ของจริงที่ปรากฏขึ้นกับจิตของผู้ภาวนานั้น ต้องอยู่เหนือสมมติบัญญัติเสมอ ถ้าสิ่งใดยังมีสมมติบัญญัติอยู่ สิ่งนั้นยังไม่ใช่ความจริง ยังไม่ใช่สัจจธรรม

สัจจบารมี
การนอนเป็นเวลา การตื่นเป็นเวลา การรับประทานเป็นเวลา... ทำอะไรให้ตรงต่อเวลา ก็ให้มีสัจจะไว้ในใจว่า เราจะทำอะไรให้มันจริงใจสักอย่างหนึ่ง ให้เป็นวิหารธรรมเครื่องอยู่ของใจ นี่คือแผนการสร้างพลังจิตพลังใจ การทำอะไรเป็นเวลาตรงไปตรงมา เป็นการสร้างสัจจบารมี ถ้าใครมีสัจจะความจริงใจ มีสัจจบารมี ใกล้ต่อการตรัสรู้ ถ้าขาดสัจจะความจริงใจแล้วยังห่างพระพุทธเจ้า ผิดรู้ว่าตัวผิด ถูกรู้ว่าตัวถูก ไม่โกหกใคร ผิดรับไปตามผิด ถูกรับไปตามถูก นั่นเป็นการสร้างสัจจบารมี เพราะฉะนั้นท่านทั้งหลายก็ควรจะได้ฝึกตัวเองให้มีสัจจบารมีบ้าง

สร้างบารมีธรรม
หน้าที่ของผู้ศึกษาธรรม ปฏิบัติธรรม ก็คือพยายามละความชั่ว เริ่มต้นตั้งแต่ตั้งใจละโดยเจตนา ฝึกฝนจนกระทั่งเป็นนิสัยที่เคยชินต่อการละ นิสัยที่เคยชินเพิ่มพลังงานขึ้น กลายเป็นอุปนิสัยวาสนาบารมี สิ่งที่เป็นอุปนิสัย คือสิ่งที่เป็นเองโดยอัตโนมัติ ที่เราฝึกหัดเสียจนคล่องตัว จนเป็นอุปนิสัยฝังแน่นอยู่ในสันดาน สิ่งที่เป็นอุปนิสัยที่สะสมอบรมบ่มเอาให้มากๆ เมื่อเพิ่มพูนขึ้น หนักแน่นลงไปเป็นวาสนาบารมี ในเมื่อถึงขั้นแห่งอุปนิสัยวาสนาบารมี คุณงามความดีที่เราทำมาแล้ว ไม่ต้องนึกก็ได้ นึกถึงก็ได้ มันมีอยู่ในจิตของเราตลอดเวลา

ขอบคุณที่มาข้อมูล

โพสต์โดยสมาชิกหมายเลข 1712 วันที่ 23 พ.ค. 2552

หน้าหนาวแล้ว คุณครูสนใจไหม DoDo เก้าอี้แคมป์ปิ้ง รับน้ำหนักได้เยอะ พร้อมกระเป๋าจัดเก็บ โครงอลูมิเนียมรับน้ำหนักได้200KG ในราคา ฿189 - ฿509 ที่ Shopee

https://s.shopee.co.th/9pNuttuIUm?share_channel_code=6


ธรรมะในคัมภีร์อยู่ไกล... ธรรมะในใจอยู่ใกล้แค่เอื้อม ธรรมะในคัมภีร์อยู่ไกล...ธรรมะในใจอยู่ใกล้แค่เอื้อม

Advertisement

≡ เรื่องอื่นๆ ที่น่าอ่าน ≡

พระอาทิตย์ตก เกาะลิเป๊ะ

พระอาทิตย์ตก เกาะลิเป๊ะ


เปิดอ่าน 7,169 ครั้ง
ปริศนาธรรม...3 นิ้ว!

ปริศนาธรรม...3 นิ้ว!


เปิดอ่าน 7,167 ครั้ง
กินอะไรทำให้ดูเด็กลง

กินอะไรทำให้ดูเด็กลง


เปิดอ่าน 7,161 ครั้ง
Dry  Eyes...

Dry Eyes...


เปิดอ่าน 7,161 ครั้ง

:: เรื่องปักหมุด ::

ใส่ใจร่างกาย...ห่างไกลโรคภัย!!

ใส่ใจร่างกาย...ห่างไกลโรคภัย!!

เปิดอ่าน 7,167 ☕ คลิกอ่านเลย

Advertisement

≡ เรื่องน่าสนใจในหมวดหมู่นี้ ≡
ตารางเปรียบเทียบ
ตารางเปรียบเทียบ
เปิดอ่าน 7,185 ☕ คลิกอ่านเลย

คำใหม่ป6
คำใหม่ป6
เปิดอ่าน 7,162 ☕ คลิกอ่านเลย

. ขออนุญาตนำมาเผยแพร่  Clipตอน   .... เรียกอยู่ได้ !"......
. ขออนุญาตนำมาเผยแพร่ Clipตอน .... เรียกอยู่ได้ !"......
เปิดอ่าน 7,156 ☕ คลิกอ่านเลย

อยากรู้ไหมว่า..... สารและตัวยาชนิดใด.....ที่ทำให้หน้าขาวใส ...
อยากรู้ไหมว่า..... สารและตัวยาชนิดใด.....ที่ทำให้หน้าขาวใส ...
เปิดอ่าน 7,163 ☕ คลิกอ่านเลย

การใช้คน
การใช้คน
เปิดอ่าน 7,159 ☕ คลิกอ่านเลย

......สมัยเด็กๆคุณเล่นอะไร ......โตมาเป็นแบบนั้น..1...ชอบเล่นตุ๊กตากระดาษ, พ่อแม่ลูก, สร้างบ้านในจิน
......สมัยเด็กๆคุณเล่นอะไร ......โตมาเป็นแบบนั้น..1...ชอบเล่นตุ๊กตากระดาษ, พ่อแม่ลูก, สร้างบ้านในจิน
เปิดอ่าน 7,170 ☕ คลิกอ่านเลย

≡ เรื่องน่าอ่าน/สาระน่ารู้ ≡

ความหมายของเทคโนโลยี
ความหมายของเทคโนโลยี
เปิดอ่าน 55,223 ครั้ง

ว่านหางจระเข้
ว่านหางจระเข้
เปิดอ่าน 33,361 ครั้ง

คุณภาพการศึกษาดูจากหลักฐานขยะเท่านั้นหรือ!
คุณภาพการศึกษาดูจากหลักฐานขยะเท่านั้นหรือ!
เปิดอ่าน 13,159 ครั้ง

ความสำคัญของงานกราฟิก
ความสำคัญของงานกราฟิก
เปิดอ่าน 82,528 ครั้ง

ปฏิรูปการศึกษา : มุ่งการขยายโครงสร้าง คือเลือกทางสู่ความล้มเหลว โดย ประเสริฐ ตันสกุล
ปฏิรูปการศึกษา : มุ่งการขยายโครงสร้าง คือเลือกทางสู่ความล้มเหลว โดย ประเสริฐ ตันสกุล
เปิดอ่าน 13,042 ครั้ง

เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ มากมาย
สนามเด็กเล่น

แหล่งรวมเกมส์ เกมส์ให้เล่นมากมาย ศูนย์รวมเกมส์สนุกๆ เกมส์ความรู้ เกมส์ลับสมอง เกมส์ประลองยุทธ แหล่งรวบรวมข้อมูล เกมส์ เกมส์ออนไลน์ เกมส์มันๆ เกมส์ตัดผม ไว้มากมายที่นี่ ให้เด็กๆได้เลือกเล่นมากมาย คลิกเลย

 
หมวดหมู่เนื้อหา
เนื้อหา แยกตามหมวดหมู่ สามารถเลืออ่านได้ตามหมวดหมู่ที่นี่


· Technology
· บทความเทคโนโลยีการศึกษา
· e-Learning
· Graphics & Multimedia
· OpenSource & Freeware
· ซอฟต์แวร์แนะนำ
· การถ่ายภาพ
· Hot Issue
· Research Library
· Questions in ETC
· แวดวงนักเทคโนฯ

· ความรู้ทั่วไป
· คณิตศาสตร์
· วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
· ภาษาต่างประเทศ
· ภาษาไทย
· สุขศึกษาและพลศึกษา
· สังคมศึกษา ศาสนาฯ
· ศิลปศึกษาและดนตรี
· การงานอาชีพ

· ข่าวการศึกษา
· ข่าวตามกระแสสังคม
· งาน/บริการสังคม
· คลิปวิดีโอยอดนิยม
· เกมส์
· เกมส์ฝึกสมอง

· ทฤษฎีทางการศึกษา
· บทความการศึกษา
· การวิจัยทางการศึกษา
· คุณครูควรรู้ไว้
· เตรียมประเมินวิทยฐานะ
· ผลงานวิชาการเล่มเต็ม
· เครื่องมือสำหรับครู

ครูบ้านนอกดอทคอม

เว็บไซต์เพื่อครู ข่าวการศึกษา ความรู้ การศึกษาไทย

      kroobannok.com

© 2000-2020 Kroobannok.com  
All rights reserved.


Design by : kroobannok.com


ครูบ้านนอกดอทคอม
การจัดอันดับของ Truehits Web Directory

วิธีนำแบนเนอร์ของครูบ้านนอก.คอมไปแปะในเว็บท่าน บันทึกภาพแบนเนอร์นี้และลิงค์มาที่เราครับ (มีแบนเนอร์ 2 แบบ)
 

ครูบ้านนอกดอทคอม เว็บไซต์ของครูตัวเล็กๆ คนหนึ่ง ที่หวังเพียง ใช้เป็นช่องทางในการสื่อสาร แลกเปลี่ยน เพิ่มพูนความรู้ และให้ข่าวสาร ที่ทันสมัยต่อเหตุการณ์แก่คุณครู ผู้ปฏิบัติงานในทุกพื้นที่ของประเทศไทย เพื่อความเจริญงอกงามในปัญญา และเจริญก้าวหน้าในวิชาชีพ

เว็บนี้ถือกำเนิดเมื่อ 5 มกราคม 2548

Email : kornkham@hotmail.com
Tel : 096-7158383

สนใจสนับสนุนเรา โดยลงโฆษณา
คลิกดูรายละเอียดที่นี่ครับ