ค้นหาทุกอย่างในเว็บครูบ้านนอก :
ชุมชนครู บุคลากรทางการศึกษา และนักเรียน แหล่งความรู้สำหรับครู นักเรียน ข่าวการศึกษา ห้องสมุดความรู้ทุกกลุ่มสาระการเรียนรู้ และความรู้ทั่วไป เผยแพร่ผลงานวิชาการ ที่นี่


ข่าวการศึกษา     ความรู้ทั่วไป     งานราชการ/รัฐวิสาหกิจ/บริการสังคมเรื่องราวจากสมาชิก  ▶ ข่าว/บทความ ▶ หน้าแรก

5 โรคยอดฮิตของมนุษย์งาน


เรื่องราวจากสมาชิก เปิดอ่าน : 7,142 ครั้ง
Advertisement

5 โรคยอดฮิตของมนุษย์งาน

Advertisement

5 โรคยอดฮิตของมนุษย์งาน

 

สำหรับมนุษย์งาน เกือบทั้งหมดของชีวิตมีแต่คำว่า “งาน ประชุม อีเมล์ ลูกค้า” คงไม่ผิดหรอกที่หลายคนภาคภูมิใจกับความสำเร็จของงานที่เกิดจากความทุ่มเทของตัวเอง แต่อย่าลืมว่าแม้ใจยังสู้ แต่ร่างกายเราไม่ใช่เครื่องจักร ย่อมมีวันที่เหนื่อยและอ่อนล้า ถ้ามัวแต่เลือกงานแล้วมองข้ามตัวเอง เชื่อแน่ว่าร่างกายไปก่อนแน่ๆ แต่ถ้ายังอยากสนุกกับงานไปได้อีกนานๆ ก็ลองให้เวลาตัวเองสักนิดหันกลับมาสำรวจความผิดปกติของร่างกาย จะได้รู้ว่า ร่างกายของเราส่งสัญญาณเตือนภัยแล้ว ให้หันมาใส่ใจดูแลตัวเองได้แล้ว ก่อนที่ทุกอย่างจะสายเกินแก้ไข
       
       คุณประเสริฐ ศรีอุฬารพงศ์ ผู้บริหาร “ไลฟ์เซ็นเตอร์” กล่าวว่า กว่า 10% ของคนเมือง มีภาวะเสี่ยงต่อการเป็น ’โรคออฟฟิศ ซินโดรม – Office Syndrome’ ซึ่งมีสาเหตุมาจากอายุที่มากขึ้นและมลพิษต่างๆ ที่สำคัญ ‘พฤติกรรมการทำงาน’ ก็นับว่าเป็นปัจจัยให้เกิดความเสี่ยงสูงที่สุด ด้วยสภาพการทำงานที่ต้องรีบเร่ง ล้วนมีส่วนทำให้พฤติกรรมของคนเปลี่ยนไป ทั้งการใช้คอมพิวเตอร์วันละหลายชั่วโมง การอดอาหาร อดหลับอดนอนเพื่อทำงานให้เสร็จ ทำให้ร่างกายของเราก็ต้องแบกรับภาวะความตึงเครียด ปราศจากการผ่อนคลาย ซึ่งจะส่งผลร้ายต่อร่างกายโดยไม่รู้ตัว
       
       5 อันดับโรคยอดฮิต เกาะติดชีวิตคนเมือง
       
       1.‘ไมเกรน’ โรคปวดศีรษะเรื้อรัง
       เคยรู้สึกไหมว่าเวลานั่งทำงานเครียดเราจะรู้สึกปวดหัว บริเวณขมับ ด้านหน้าศีรษะหรือหลังต้นคอ นั่นคือ สัญญาณเตือนให้คุณรู้ล่วงหน้าว่า สภาวะเสี่ยงต่อการเป็นโรค ‘ไมเกรน’ ซึ่งสาเหตุหลักเกิดจากการเกร็งตัวสะสมของกล้ามเนื้อบริเวณบ่าและคอ จนจับตัวเป็นก้อนที่เรียกว่า จุด ‘Trigger Point’ และจุดดังกล่าวไปกดทับบริเวณเส้นเลือดที่นำออกซิเจนไปเลี้ยงศีรษะ ทำให้เส้นเลือดหลังจุด‘Trigger Point’ เกิดการขยายตัวผิดปกติ ส่งผลให้เลือดและออกซิเจนไปเลี้ยงสมองได้ไม่เพียงพอจึงทำให้เกิดอาการปวดศีรษะขึ้น นอกจากนี้ แสงแดด ความร้อน การพักผ่อนที่ไม่เพียงพอ และการขาดฮอร์โมนบางชนิด ก็เป็นปัจจัยกระตุ้นให้เกิด ‘ไมเกรน’ ได้เช่นกัน
       
       “ไมเกรน” มักจะพบในช่วงอายุ 10-50 ปี อัตราเฉลี่ยเพศหญิง ร้อยละ 18 และเพศชาย ร้อยละ 6 วิธีการดูแลให้ห่างไกลจาก “ไมเกรน” ก็สามารถทำได้ง่ายๆ เช่น พักผ่อนให้เพียงพอ อยู่ในที่อากาศถ่ายเทไม่ร้อนจนเกินไป บริหารกล้ามเนื้อบริเวณบ่าและคอให้มีการยืดหยุ่นอยู่เสมอเพื่อเลี่ยงการเกร็งตัวของกล้ามเนื้อ เปลี่ยนอิริยาบถในการนั่งทำงานเพื่อลดการเกร็งตัวสะสมของกล้ามเนื้อ หรือปรึกษาแพทย์อายุรเวท (แผนไทยประยุกต์) เพื่อทำการกดจุดสลาย ‘Trigger Point’ บริเวณกล้ามเนื้อส่วนต่างๆ ของร่างกาย
       
       2.สภาวะเสียสมดุล
       ปกติร่างกายของมนุษย์ถูกออกแบบขึ้น เพื่อรองรับภาวะรบกวนต่างๆ จากสิ่งแวดล้อม พร้อมขจัดและปรับระบบให้สามารถทำงานได้อย่างปกติมีประสิทธิภาพสูงสุด โดยมี “สมอง” เป็นจุดศูนย์รวมของการทำงานของร่างกาย

ภาพจาก www.kahkai.com
       “สมอง” จะทำหน้าที่ออกคำสั่งและส่งคำสั่งนั้นไปตามเส้นประสาทเพื่อไปควบคุมการทำงานของอวัยวะภายในร่างกายทุกระบบ รวมทั้งกล้ามเนื้อ และข้อต่อต่างๆ ซึ่งระบบรากประสาททั้งหมดออกมาตามแนวกระดูกสันหลัง แต่หากแนวกระดูกสันหลังเสียสมดุล ไม่อยู่ในแนวความโค้งที่ปกติ (เช่น ค่อม งอ คด แอ่น) โดยมีสาเหตุหลักมาจากการนั่งทำงานในออฟฟิศที่ผิดวิธี หรือทำงานในลักษณะซ้ำๆตลอดทั้งวัน ทำให้กล้ามเนื้อทานไม่ไหว ร่างกายก็จะฟ้องออกมาในรูปแบบของความเจ็บปวดต่างๆ เช่น ปวดหลังเรื้อรัง ปวดคอ ชาหรือแขนขาไม่มีแรงเป็นต้น ในระยะแรกอาจไม่แสดงผลอย่างชัดเจน แต่ถ้าละเลยอาจรุนแรงถึงขั้นทับเส้นประสาท อาจเป็นอัมพฤกษ์ อัมพาตได้ หรือแม้แต่ส่งผลให้เป็นโรคภัย, ระบบการทำงานของอวัยวะต่างๆ ผิดปกติได้ด้วย
       
       การดูแลและป้องกันนั้น มีวิธีง่ายๆ ทำได้ด้วยตัวเองทุกวัน โดยคืนความสมดุลให้กับโครงสร้างร่างกาย เช่น การยืดหยุ่นร่างกายไม่อยู่ในท่าใดท่าหนึ่งนานเกินไป เพื่อลดอัตราการเกร็งกล้ามเนื้อ หรือไม่ทำให้กล้ามเนื้อต้องทำงานหนักมากเกินไป หรือเพิ่มการเคลื่อนไหวของกล้ามเนื้อบริเวณกระดูกสันหลัง ทั้งเดิน ยืน นั่ง นอน เพื่อเพิ่มความแข็งแรงให้กล้ามเนื้อ เพราะกล้ามเนื้อเป็นตัวยึดให้กระดูกอยู่ในแนวปกติถือเป็นการคงสภาพให้โครงสร้างร่างกายอยู่ในภาวะที่สมดุล เป็นต้น นอกจากนี้ ยังสามารถทำการปรึกษากับนักกายภาพบำบัดเพื่อทำการปรับโครงสร้างร่างกาย พร้อมปรับเปลี่ยนวิถีการดำเนินไลฟ์สไตล์ใหม่ได้เช่นกัน
       
       3.กระดูกสันหลังคดงอ ‘อาการปวดหลังเรื้อรัง’
       หนุ่มสาวชาวออฟฟิศสมัยใหม่ ที่ทำงานนั่งอยู่กับโต๊ะ ใช้ชีวิตคร่ำเคร่งอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์เกือบวันละ 8 ชั่วโมง ใส่ร้องเท้าส้นสูงบ่อยๆ เคยลองสังเกตไหมว่าร่างกายสะสมความอ่อนเพลียและเมื่อยล้าไว้มากขนาดไหน และรู้หรือเปล่าว่านั้นคือสาเหตุเริ่มต้นของโรคปวดหลังเรื้อรัง ซึ่งโดยค่าเฉลี่ย 80% มักจะเคยมีอาการปวดหลังสักครั้งในชีวิต และกว่า 20% จะพบว่ามีอาการปวดหลังแบบเรื้อรัง มาจาก ‘กระดูกสันหลังคดงอ’
       
       วิธีการรักษาที่นิยมทำกันโดยทั่วไปในปัจจุบันมีอยู่ 2 วิธี คือ การรักษาด้วยการให้ยาและกายภาพบำบัดแบบ Passive ซึ่งช่วยลดอาการปวดได้ดี แต่ไม่ทำให้ร่างกายแข็งแรงขึ้นอย่างพอเพียงที่จะป้องกันอาการปวดซ้ำซากในอนาคตได้ ส่วนวิธีการรักษาแบบ ‘Active Rehabilitation’ นั้นเป็นแนวทางใหม่ที่ได้รับความนิยมในต่างประเทศ เป็นที่ยอมรับกันว่าสามารถระงับปัญหาอาการปวดเรื้อรังได้อย่างถาวร ดีกว่าการรักษาแบบเดิมๆ และการออกกำลังกายที่เน้นตรงกล้ามเนื้อในส่วนที่มีปัญหา โดยออกแบบโปรแกรมให้เข้ากับเฉพาะตัวบุคคล และมีผู้ดูแลควบคุมใกล้ชิดนั้นได้ผลดีกว่าการออกกำลังกายตามลำพังตัวคนเดียวอย่างชัดเจน

ภาพจาก www.amulet.in.th
       4.ปลอกหุ้มเอ็นข้อมืออักเสบ เอ็นกล้ามเนื้อต้นคออักเสบ
       อีกโรคที่คุกคามอย่างเงียบๆ คงจะหนีไม่พ้น ‘ปลอกหุ้มเอ็นข้อมืออักเสบ เอ็นกล้ามเนื้อต้นคออักเสบ’ หรือ ‘Carpal Tunnel Syndrome (CTS)’ ที่กำลังขยายวงกว้างในกลุ่มคนที่ต้องนั่งทำงานกับคอมพิวเตอร์เป็นเวลานานๆ โดยสาเหตุหลักเกิดจากการการใช้ข้อมือในการยึดจับสิ่งของ หรือเม้าส์คอมพิวเตอร์ในท่าเดิมๆ เป็นระยะเวลานาน ทำให้กล้ามเนื้อกดทับเส้นประสาทและเส้นเอ็นจนอักเสบและเกิดพังผืดยึดจับบริเวณนั้นเป็นจำนวนมาก หรืออาจเกิดจากการทำงานของเส้นประสาทที่ส่งสัญญาณผ่านท่อนแขนจากข้อศอกไปยังบริเวณข้อมือซ้ำแล้วซ้ำเล่า ทำให้เกิดอาการปวดของปลายประสาท หรือเส้นเอ็นบริเวณต้นคอเกิดการอักเสบนั้นก็เกิดจากสาเหตุเดียวกัน
       
       ทั้งนี้ หากอยากห่างไกลความเสี่ยง ควรเลือกวิธีปฎิบัติง่ายๆ ในการผ่อนคลายกล้ามเนื้อบริเวณมือและข้อมือทุก 15-20 นาที แต่ในกรณีที่มีอาการอักเสบรุนแรงควรปรึกษาแพทย์ เพื่อป้องกันการเกิดภาวการณ์บาดเจ็บที่รุนแรง และลดอัตราการผ่าตัดลง
       
       5.‘หูดับ’ โรคประสาทหูเสื่อม
       
อีกหนึ่งภัยคุกคามที่คนเมืองควรรู้กับปัญหา ‘หูดับ’ หรือโรคประสาทหูเสื่อม ซึ่งส่วนมากเกิดจากปัจจัยหลายสาเหตุ อาทิ กรรมพันธุ์ โรคบางชนิด หรือปัจจัยจากสิ่งแวดล้อมภายนอก เป็นต้น ส่งผลให้ระดับการได้ยินเสียงลดลง โดยปกติประสาทหูจะเริ่มเสื่อมทีละน้อยๆ ในช่วงอายุประมาณ 30-50 ปีขึ้นไป แต่ในปัจจุบันความก้าวหน้าด้านเทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทในไลฟ์สไตล์ของคนเมืองมากขึ้น สังเกตได้จากค่านิยมในการใช้มิวสิคโฟนผ่านทางมือถือและเครื่อง MP3 การใช้โทรศัพท์มือถือนานๆ ก็อาจเป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เกิดโรคประสาทหูเสื่อมได้
       
       อย่างไรก็ตาม อาการของประสาทหูเสื่อมสภาพนั้น ในขั้นต้นหากรู้สึกว่าได้ยินเสียงลดลง ได้ยินเสียงไม่ชัดเจนต้องตั้งใจฟังหรือให้คู่สนทนาต้องพูดซ้ำบ่อยๆ ควรรีบปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้าน เพื่อตรวจหาสาเหตุความบกพร่องทางการได้ยินพร้อมรับการรักษาตั้งแต่เนิ่นๆ หรือปรึกษาศูนย์ฯบริการด้านการได้ยิน เพื่อตรวจวัดระดับของการได้ยินพร้อมรับคำปรึกษา และแนวทางฟื้นฟูการฟัง เพื่อให้สามารถดำเนินชีวิตในสังคมได้อย่างปกติ
       
       แม้ว่าทั้งหมดนี้คือ 5 อันดับโรคยอดฮิตสำหรับคนทำงาน แต่ในความเป็นจริงแล้วยังมีโรคภัยอีกมากมายที่คืบคลานเข้ามาหาตัวเรา ถ้าเรายังเลือกทำแต่งาน แล้วมองข้ามสุขภาพตัวเอง ดังนั้นเราควรใส่ใจตัวเองและหาความสมดุลให้กับชีวิตกันดีกว่า

โพสต์โดยสมาชิกหมายเลข 1756 วันที่ 23 พ.ค. 2552


5 โรคยอดฮิตของมนุษย์งาน5โรคยอดฮิตของมนุษย์งาน

Advertisement

≡ เรื่องอื่นๆ ที่น่าอ่าน ≡

คนโบราณ

คนโบราณ


เปิดอ่าน 7,148 ครั้ง
ความรัก กับ หนังสือ

ความรัก กับ หนังสือ


เปิดอ่าน 7,145 ครั้ง

:: เรื่องปักหมุด ::

มองวรรณคดีกับทฤษฎีการเป็นผ้นำแบบมีส่วนร่วม

มองวรรณคดีกับทฤษฎีการเป็นผ้นำแบบมีส่วนร่วม

เปิดอ่าน 7,137 ☕ คลิกอ่านเลย

Advertisement

≡ เรื่องน่าสนใจในหมวดหมู่นี้ ≡
ขำขัน : วิธีกำจัดเพื่อนบ้าน
ขำขัน : วิธีกำจัดเพื่อนบ้าน
เปิดอ่าน 7,139 ☕ คลิกอ่านเลย

รักนี้ชั่วนิรันดร์_42 (แด่ความรักที่เป็นไปไม่ได้)
รักนี้ชั่วนิรันดร์_42 (แด่ความรักที่เป็นไปไม่ได้)
เปิดอ่าน 7,141 ☕ คลิกอ่านเลย

ชมEnglish Breakfast   ย้อนหลัง  เชิญ คลิกที่นี่
ชมEnglish Breakfast ย้อนหลัง เชิญ คลิกที่นี่
เปิดอ่าน 7,144 ☕ คลิกอ่านเลย

ครอบครัวที่เป็นสุข
ครอบครัวที่เป็นสุข
เปิดอ่าน 7,137 ☕ คลิกอ่านเลย

ขำ ขำ)ข้อคิดดีๆจากพี่โน้ตอุดม
ขำ ขำ)ข้อคิดดีๆจากพี่โน้ตอุดม
เปิดอ่าน 7,150 ☕ คลิกอ่านเลย

ข้อคิดดีๆ...(.เห็นว่าดีมาก..และน่าจะมีประโยชน์...ถ้าจะนำไปคิดต่อ..และลองทำดู.....)
ข้อคิดดีๆ...(.เห็นว่าดีมาก..และน่าจะมีประโยชน์...ถ้าจะนำไปคิดต่อ..และลองทำดู.....)
เปิดอ่าน 7,140 ☕ คลิกอ่านเลย

≡ เรื่องน่าอ่าน/สาระน่ารู้ ≡

คุณครูหายไปไหนครับ?
คุณครูหายไปไหนครับ?
เปิดอ่าน 20,691 ครั้ง

หลักการออกแบบของ ADDIE model
หลักการออกแบบของ ADDIE model
เปิดอ่าน 174,818 ครั้ง

“จ๊อบไทย” ชี้ 5 คุณสมบัติที่องค์กรต้องการจากคนทำงานรุ่นใหม่
“จ๊อบไทย” ชี้ 5 คุณสมบัติที่องค์กรต้องการจากคนทำงานรุ่นใหม่
เปิดอ่าน 10,233 ครั้ง

ผลสลากกินแบ่งรัฐบาล งวดประจำวันที่ 1 กรกฎาคม 2553
ผลสลากกินแบ่งรัฐบาล งวดประจำวันที่ 1 กรกฎาคม 2553
เปิดอ่าน 15,627 ครั้ง

ข้อมูลควรรู้ เกี่ยวกับ "เครดิตบูโร" ว่าเกี่ยวข้องกับเราอย่างไร?
ข้อมูลควรรู้ เกี่ยวกับ "เครดิตบูโร" ว่าเกี่ยวข้องกับเราอย่างไร?
เปิดอ่าน 10,484 ครั้ง

เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ มากมาย
สนามเด็กเล่น

แหล่งรวมเกมส์ เกมส์ให้เล่นมากมาย ศูนย์รวมเกมส์สนุกๆ เกมส์ความรู้ เกมส์ลับสมอง เกมส์ประลองยุทธ แหล่งรวบรวมข้อมูล เกมส์ เกมส์ออนไลน์ เกมส์มันๆ เกมส์ตัดผม ไว้มากมายที่นี่ ให้เด็กๆได้เลือกเล่นมากมาย คลิกเลย

 
หมวดหมู่เนื้อหา
เนื้อหา แยกตามหมวดหมู่ สามารถเลืออ่านได้ตามหมวดหมู่ที่นี่


· Technology
· บทความเทคโนโลยีการศึกษา
· e-Learning
· Graphics & Multimedia
· OpenSource & Freeware
· ซอฟต์แวร์แนะนำ
· การถ่ายภาพ
· Hot Issue
· Research Library
· Questions in ETC
· แวดวงนักเทคโนฯ

· ความรู้ทั่วไป
· คณิตศาสตร์
· วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
· ภาษาต่างประเทศ
· ภาษาไทย
· สุขศึกษาและพลศึกษา
· สังคมศึกษา ศาสนาฯ
· ศิลปศึกษาและดนตรี
· การงานอาชีพ

· ข่าวการศึกษา
· ข่าวตามกระแสสังคม
· งาน/บริการสังคม
· คลิปวิดีโอยอดนิยม
· เกมส์
· เกมส์ฝึกสมอง

· ทฤษฎีทางการศึกษา
· บทความการศึกษา
· การวิจัยทางการศึกษา
· คุณครูควรรู้ไว้
· เตรียมประเมินวิทยฐานะ
· ผลงานวิชาการเล่มเต็ม
· เครื่องมือสำหรับครู

ครูบ้านนอกดอทคอม

เว็บไซต์เพื่อครู ข่าวการศึกษา ความรู้ การศึกษาไทย

      kroobannok.com

© 2000-2020 Kroobannok.com  
All rights reserved.


Design by : kroobannok.com


ครูบ้านนอกดอทคอม
การจัดอันดับของ Truehits Web Directory

วิธีนำแบนเนอร์ของครูบ้านนอก.คอมไปแปะในเว็บท่าน บันทึกภาพแบนเนอร์นี้และลิงค์มาที่เราครับ (มีแบนเนอร์ 2 แบบ)
 

ครูบ้านนอกดอทคอม เว็บไซต์ของครูตัวเล็กๆ คนหนึ่ง ที่หวังเพียง ใช้เป็นช่องทางในการสื่อสาร แลกเปลี่ยน เพิ่มพูนความรู้ และให้ข่าวสาร ที่ทันสมัยต่อเหตุการณ์แก่คุณครู ผู้ปฏิบัติงานในทุกพื้นที่ของประเทศไทย เพื่อความเจริญงอกงามในปัญญา และเจริญก้าวหน้าในวิชาชีพ

เว็บนี้ถือกำเนิดเมื่อ 5 มกราคม 2548

Email : kornkham@hotmail.com
Tel : 096-7158383

สนใจสนับสนุนเรา โดยลงโฆษณา
คลิกดูรายละเอียดที่นี่ครับ