Advertisement
พฤษภาคม 2552
แมวไม่รับรู้รสหวานจริงหรือ ?
แมว เป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม อยู่ในตระกูล Felidae ซึ่งเป็นตระกูลเดียวกับสิงโต และเสือดาว ต้นตระกูลแมวมาจากเสือไซบีเรียน ซึ่งมีช่วงลำตัวตั้งแต่จมูกถึงปลายหางยาวประมาณ 4 เมตร แมวที่เลี้ยงตามบ้าน จะมีรูปร่างขนาดเล็ก ขนาดลำตัวยาว ช่วงขาสั้นและจัดอยู่ในกลุ่มของประเภทสัตว์กินเนื้อเป็นอาหาร มีเขี้ยวและเล็บแหลมคมสามารถหดซ่อนเล็บได้เช่นเดียวกับเสือ สืบสายเลือดมาจากแมวป่าที่มีขนาดใหญ่กว่า ซึ่งลักษณะบางอย่างของแมวยังคงพบเห็นได้ในแมวบ้านปัจจุบัน
แม้ว่าแมวจะมีลักษณะหลายอย่างที่คล้ายคลึงกับสิ่งมีชีวิตหลายชนิดที่อยู่ในตระกูลเดียวกัน แต่ทราบหรือไม่ว่า มีอยู่สิ่งหนึ่งที่แมวไม่มีเหมือนสัตว์อื่น นั่นก็คือต่อมรับรสหวาน...
|
แมว เป้นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมเพียงชนิดเดียวที่ไม่มียีนรับรสหวาน
แมวไม่สนใจน้ำตาลและเครื่องเทศและทุกอย่าง หนึ่งในสัตว์เลี้ยงแสนรักของเรานี้สนใจเพียงสิ่งเดียวคือเนื้อ และนั่นก็ไม่ใช่แค่สัญชาตญาณของแมวเลี้ยงทุกตัวมีความเป็นนักล่าอยู่ภายใน (เพื่อดักรอจับนกหรือหนูที่วิ่งป่วนเปี้ยน) เท่านั้น แต่เพราะว่า แมวไม่มีความสามารถในการรับรสหวาน ซึ่งต่างจากสัตว์เลี้ยงลูกด้วยน้ำนมชนิดอื่นที่ได้รับการศึกษาแล้วในปัจจุบันอีกด้วย
ลิ้นของสัตว์เลี้ยงลูกด้วยน้ำนมส่วนใหญ่จะมีตัวรับ (receptor) ซึ่งเป็นโปรตีนบนผิวลิ้นที่จะไปจับกับสารที่เข้ามาแล้วกระตุ้นการทำงานของเซลล์ที่ทำให้เกิดการส่งสัญญาณไปยังสมอง มนุษย์มีปุ่มรับรสอยู่ 5 แบบ (บางทีอาจจะ 6 แบบ) คือ เปรี้ยว ขม เค็ม อูมามิ (รสอร่อย) และหวาน (เช่นเดียวกับไขมัน) ตัวรับรสหวานมักจะประกอบไปด้วยโปรตีนที่เกาะกันสองอัน ซึ่งสร้างมาจากยีนสองตัวที่เรียกว่า Tas1r2 และ Tas1r3
ในยามปกติ ยีนทั้งสองจะสร้างโปรตีนทั้งสองขึ้นและเมื่อมีบางสิ่งที่หวานเข้ามาในปากเรา ข่าวก็จะถูกส่งไปยังสมองเนื่องจากโดยส่วนใหญ่แล้ว ความหวานเป็นสัญญาณว่ามีคาร์โบไฮเดรตมาก ซึ่งเป็นแหล่งอาหารที่สำคัญของสัตว์กินพืชและสัตว์ที่กินทั้งพืชและเนื้อสัตว์อย่างมนุษย์ แต่แมวมีเชื้อสายของสัตว์กินเนื้อและต่างจากสมาชิกอื่นๆ ในกลุ่มเดียวกันเช่นหมีที่กินทั้งพืชและเนื้อสัตว์หรือแพนด้าที่กินพืชเป็นอาหาร แมวจะกินเนื้อเพียงอย่างเดียว
ไม่ว่าผลจากตัวเลือกด้านอาหารหรืออะไรก็ตามแต่ สัตว์กลุ่มแมวทั้งหมดไม่ว่าจะเป็นสิงโต เสือ หรือแมวเลี้ยงไม่มีกรดอะมิโนที่เป็นองค์ประกอบของดีเอ็นเอของยีน Tas12r อยู่ 247 คู่เบส ผลก็คือมันไม่สามารถถูกถอดรหัสเพื่อสร้างเป็นโปรตีนที่ถูกต้องได้ มันจึงไม่มีคุณสมบัติที่เรียกว่ายีนได้ จึงเป็นได้เพียงสูโดยีน (psuedogene) เท่านั้น ซึ่งทำให้แมวรับรสหวานไม่ได้นั่นเอง
"มันไม่สามารถรับรสหวานเหมือนอย่างมนุษย์เราได้" โจ แบรนด์ (Joe Brand) นักชีวเคมีและผู้ช่วยผู้อำนวยการแห่งศูนย์ประสาทสัมผัสทางเคมีโมเนลล์ ในรัฐฟิลาเดลเฟีย กล่าว "มันโชคดีที่มีฟันที่ไม่ดีอยู่แล้ว"
แบรนด์และผู้ร่วมงานชื่อ เซียะ ลี (Xia Li) ค้นพบยีนปลอมที่เป็นไปตามหลักฐานตามพงศาวดารมาหลายสิบปีว่า แมวไม่สามารถแยกแยะน้ำหวานออกจากน้ำเปล่าได้ แน่นอนว่ายังมีเรื่องในพงศาวดารอีกมากมายที่กล่าวถึงเรื่องนี้ในคนละทิศทางคือ แมวกินไอศกรีม ขนมสายไหม (cotton candy) และมาร์ชมัลโลว์ (marshmallow) "แมวบางตัวอาจจะใช้ตัวรับ (Tas1r3) ในการรับรสหวานที่มีความเข้มข้นสูงก็ได้" แบรนด์พูด "มันเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้ยากมาก และตอนนี้เราก็ยังไม่ทราบแน่ชัด"
อย่างไรก็ตาม นักวิทยาศาสตร์รู้ว่าแมวสามารถรับรสที่คนเรารับรสไม่ได้เช่นสารที่ให้พลังงานแก่เซลล์ที่เรียกว่า อะดีโนซีนไตรฟอสเฟตหรือเอทีพี (adenosine triphosphate (ATP)) "มันพบได้ไม่มากในเนื้อ แต่มันก็เป็นสัญญาณบอกว่านั่นคือเนื้อ" แบรนด์กล่าว
สัตว์ชนิดอื่นมีตัวรับรสที่แตกต่างกันออกไปมากมายตั้งแต่ไก่ที่ไม่มียีนตัวรับรสหวานไปจนถึงปลาดุก (catfish) ที่สามารถตรวจจับกรดอะมิโนที่มีความเข้มข้นในน้ำน้อยมาก (nanomolar concentration) ได้ "ตัวรับของสัตว์เหล่านี้มีความไวมาก" แบรนด์เน้น "ปลาดุกที่ตรวจจับอาหารเน่าเสียได้ก่อนจะเป็นผู้อยู่รอด"
อย่างไรก็ตาม แมวถือเป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยน้ำนมเพียงชนิดเดียวที่ไม่มียีนรับรสหวาน แม้แต่ญาติที่ใกล้ชิดในกลุ่มสัตว์กินเนื้อด้วยกันอย่างไฮยีน่า (hyena) และพังพอน (mongoose) ก็มียีนนี้อยู่ และแมวอาจจะไม่มีองค์ประกอบอื่นๆ ของความสามารถในการรับรู้ (และย่อย) น้ำตาลเช่น กลูโคไคเนส (glucokinase) ในตับ ซึ่งเป็นเอนไซม์สำคัญที่ควบคุมกระบวนการเมตาบอลิซึมของคาร์โบไฮเดรตและไม่ให้กลูโคสมีมากจนเกินไป ในเรื่องนี้ ผู้ผลิตอาหารสัตว์เลี้ยงส่วนใหญ่จะใส่ข้าวโพดและธัญพืชอื่นลงในอาหารสัตว์ "นี่อาจจะเป็นสาเหตุว่าทำไมแมวเป็นโรคเบาหวานได้" แบรนด์เสนอ "อาหารแมวมีคาร์โบไฮเดรตอยู่ประมาณ 20% ซึ่งมันจะไม่คุ้นเคยและรับมันไม่ไหวในที่สุด" สิ่งที่สัตว์นักล่าชนิดนี้ไม่สามารถรับรสได้อาจจะทำร้ายมันก็ได้ แต่มันก็หมายความได้อีกว่า คุณไม่ต้องกังวลใจว่าเจ้าแมวตัวน้อยของคุณจะขโมยของหวานไปกิน
|
วันที่ 23 พ.ค. 2552
Advertisement
เปิดอ่าน 7,137 ครั้ง เปิดอ่าน 7,137 ครั้ง เปิดอ่าน 7,137 ครั้ง เปิดอ่าน 7,134 ครั้ง เปิดอ่าน 7,138 ครั้ง เปิดอ่าน 7,136 ครั้ง เปิดอ่าน 7,134 ครั้ง เปิดอ่าน 7,134 ครั้ง เปิดอ่าน 7,135 ครั้ง เปิดอ่าน 7,155 ครั้ง เปิดอ่าน 7,134 ครั้ง เปิดอ่าน 7,145 ครั้ง เปิดอ่าน 7,143 ครั้ง เปิดอ่าน 7,153 ครั้ง เปิดอ่าน 7,138 ครั้ง เปิดอ่าน 7,411 ครั้ง
|
เปิดอ่าน 7,137 ☕ คลิกอ่านเลย |
เปิดอ่าน 7,134 ☕ คลิกอ่านเลย |
เปิดอ่าน 7,136 ☕ คลิกอ่านเลย |
เปิดอ่าน 7,135 ☕ คลิกอ่านเลย |
เปิดอ่าน 7,139 ☕ คลิกอ่านเลย |
เปิดอ่าน 7,134 ☕ คลิกอ่านเลย |
เปิดอ่าน 7,138 ☕ คลิกอ่านเลย |
|
≡ เรื่องน่าอ่าน/สาระน่ารู้ ≡
เปิดอ่าน 9,756 ครั้ง |
เปิดอ่าน 17,108 ครั้ง |
เปิดอ่าน 25,554 ครั้ง |
เปิดอ่าน 28,671 ครั้ง |
เปิดอ่าน 17,792 ครั้ง |
|
|