One day at a busy airport, the passengers on a commercial airliner are seated, waiting for the cockpit crew to show up so they can get under way.
The pilot and copilot finally appear in the rear of the plane, and begin walking up to the cockpit through the center aisle.
Both appear to be blind. The pilot is using a white cane, bumping into passengers right and left as he stumbles down the aisle, and the copilot is using a guide dog. Both have their eyes covered with huge sunglasses.
At first the passengers do not react; thinking that it must be some sort of practical joke. However, after a few minutes the engines start revving and the airplane starts moving down the runway.
The passengers look at each other with some uneasiness, whispering among themselves and looking desperately to the stewardesses for reassurance.
Then the airplane starts accelerating rapidly and people begin panicking. Some passengers are praying, and as the plane gets closer and closer to the end of the runway, the voices are becoming more and more hysterical.
Finally, when the airplane has less than 20 feet of runway left, there is a sudden change in the pitch of the shouts as everyone screams at once, and at the very last moment the airplane lifts off and is airborne.
Up in the cockpit, the copilot breathes a sigh of relief and turns to the pilot: "You know, one of these days the passengers aren't going to scream, and we're gonna get killed!
---------------------------
วันหนึ่ง ณ. สนามบินแห่งหนึ่งซึ่งคลาคล่ำไปด้วยผู้โดยสาร บรรดาผู้โดยสารซึ่งจะเดินทางด้วยเครื่องบินพาณิชย์ลำหนึ่ง ได้พากันนั่งประจำที่เรียบร้อย ยังรอก็แต่นักบิน ซึ่งจะขึ้นเครื่องเป็นกลุ่มสุดท้าย
และแล้วนักบินและนักบินผู้ช่วย ก็ขึ้นมาทางประตูด้านท้ายของเครื่อง แล้วก็เดินผ่านช่องทางเดินตรงกลางขึ้นมา เพื่อจะไปยังห้องนักบิน
ดูเหมือนว่านักบินทั้งคู่นั้นจะตาบอด นักบินที่หนึ่งนั้นใช้ไม้เท้าคลำทางสีขาว เขาเดินสะเปะสะปะ กระแทกผู้โดยสาร ซ้ายที ขวาที ส่วนนักบินผู้ช่วยนั้น มีสุนัขนำทางตัวหนึ่ง ทั้งคู่สวมแว่นกันแดดสีดำ
ในตอนแรก บรรดาผู้โดยสารก็ไม่รู้สึกอะไร พวกเขาคิดว่า มันน่าจะเป็นการล้อเล่นมากกว่า แล้วไม่นาน เสียงเร่งเครื่องยนต์ก็เริ่มดังขึ้น และเครื่องบินก็เริ่มเคลื่อนตัวไปตามรันเวย์
เหล่าผู้โดยสาร เริ่มจะมองหน้ากันหน้าตาตื่นด้วยความไม่สบายใจ บ้างก็เริ่มกระซิบกระซาบกัน และเหลียวมองเลิ่กลั่กไปที่พนักงานประจำเครื่อง ด้วยความรู้สึกที่ไม่ค่อยดี
และแล้ว เครื่องบินก็เริ่มเร่งความเร็วขึ้นสูงสุด บรรดาผู้โดยสารก็เริ่มระส่ำระสาย บ้างก็สวดมนต์ขอให้พระเจ้าคุ้มครอง ในขณะที่เครื่องบินพุ่งทะยานไปข้างหน้า ใกล้จะสุดทางวิ่ง มันใกล้เข้าไปๆ เสียงเซ็งแซ่ด้วยความตื่นกลัวก็เริ่มจะดังขึ้น ๆ
และในที่สุด เครื่องบินก็เหลือระยะทางวิ่งอีกไม่ถึง 20 ฟุต เสียงที่ตื่นตระหนกของเหล่าผู้โดยสารก็เปลี่ยนเป็นเสียงกรีดร้องออกมาพร้อมๆ กัน และในเสี้ยววินาทีสุดท้าย เครื่องบินก็ทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า
ในห้องนักบิน นักบินผู้ช่วยได้ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก แล้วหันไปกล่าวกับนักบินที่หนึ่ง: “คงมีสักวัน ที่ผู้โดยสารไม่แหกปากกรีดร้องออกมา...และพวกเรา ก็คงจะต้องตายกันหมดแน่ๆ”
- - - - - - - - -
ฝึกออกเสียง
the passengers on a commercial airliner are seated: ออกเสียงว่า เดอะ แพ้ส-เส่นเจ่อซ อ่อน อะ ข่อมเมิ้ซ-เฉี่ยล แอ๊-หล่ายเหน่อะ อา ซี้ท-เต็ด.
airliner : แอ๊-หล่ายเหน่อะ ( เครื่องบินโดยสารขนาดใหญ่ ) AmE
cockpit crew : ค้อค-ผิท ครู่ว ( กัปตันและผู้ช่วย ) n.
appear : อัพเพี่ย- (ปรากฏ, มาถึง, แสดงตัว ) vi.
through : ทรู่ ( ผ่าน, ผ่านตลอด, ทะลุ ) prep.
aisle : “อายล” หรือ “อาย-อึ่ล” (ช่องทางเดินตรงกลางบนเครื่องบิน, ในรถ, โรงหนัง, ในโบสถ์ ฯลฯ) n. คำนี้ออกเสียงแปลก คุณต้องจำนิดหนึ่ง
an aisle seat ก็จะหมายถึง ที่นั่งซึ่งติดกับช่องทางเดินตรงกลาง ถ้าเป็น a window seat ก็จะหมายถึง ที่นั่งซึ่งติดกับหน้าต่าง
cane : เคน (ไม้เท้า) n.
bumping : บั๊ม-ปิ่ง ( กระแทก, ชน มาจาก to bump )
revving : เร้ฟ-ฝิ่ง (การเร่งเครื่อง มาจาก to rev )
stewardesses : ซตั้ว-เดส (เจ้าหน้าที่บริการในเครื่องบิน,เรือหรือรถไฟ) (พยางค์กลางออกแบบเร็วๆ จนแทบไม่ได้ยิน)
reassurance : หรี่อัสชั้ว-หรั่นซ (การทำให้มั่นใจขึ้น) n.
accelerating : แอคเซ้ล-เหลอะเหรทติ่ง (การเร่งความเร็ว มาจาก to accelerate )
desperately : เด๊ส-เผอะเหรทหลี่ ( อย่างหมดหวัง ) adv.
hysterical : หิสเต๊อ-หริเขิ่ล ( ดังอื้ออึง, ดังเซ็งแซ่, ดังระงม ) adj.
screams : ซกรีมซ ( กรีดร้อง ) v.
airborne : แอ๊-บ่อน (ลอยในอากาศ) adj.
pitch : พิ่ทช ( ระดับ, ระดับเสียง ) n.
เกร็ดความรู้
practical joke : แพร้ค-ติเขิ่ล โจ้ค หมายถึง การล้อเล่น, การกลั่นแกล้งผู้อื่น ที่สร้างความตลกขบขันให้กับผู้ที่ได้เห็น
He glued the teacher’s book to the desk as a practical joke.
เขาแกล้งเอากาวทาปกหนังสือของคุณครูติดเอาไว้กับโต๊ะ
uneasiness หรือ unease : อันอี๊ซ-สิเหนส หรือ อันอี้ซ- (n.) หมายถึง ความรู้สึกกังวลใจหรือไม่สบายใจเกี่ยวกับบางสิ่งบางอย่าง ดูตัวอย่าง
She was unable to hide her uneasiness at the way the situation was developing.
เธอไม่สามารถที่จะซ่อนความกังวลใจในสถานการณ์ที่กำลังเกิดขึ้น
หรือแปลให้เข้าใจง่ายๆก็คือ
เธอรู้สึกกังวลใจในเรื่องที่กำลังเกิดขึ้น
There was a growing unease about his involvement in the incident at the southern provinces of Thailand.
เริ่มจะมีความเชื่อกันว่า เขานั้นน่าจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ของไทย
involvement ออกเสียงว่า อิ่นวั้ล-เหม่นท
incident ออกเสียงว่า อิ๊น-สิเด่นท
provinces ออกเสียงว่า พร้อบ-หวิ่นเสซ
“and we're gonna get killed!”
“และพวกเรา คงจะต้องตายกันหมดแน่ๆ !” (อย่าแปลว่า ”ถูกฆ่า” ในเรื่องหรือสถานการณ์แบบนี้)
|