Two strangers are sitting in an adjacent seats in airplane.
One guy says to the other, "Let's talk. I hear that the flight will go faster if you strike up a conversation with your fellow passenger."
The other guy, who had just opened a good book, closes it slowly, takes off his glasses and asks, "What would you like to discuss?"
The first guy says, "Oh, I don't know; how about nuclear power?"
The other guy says, "OK, that could make for some pretty interesting conversation. But let me ask you a question first:
"A horse, a cow, and a deer all eat the same stuff, but the deer excretes pellets, the cow, big patties, and the horse, clumps of dried grass. Why is that?"
The first guy says, "I don't know."
The other guy says, "Oh? Well then, do you really think you're qualified to discuss Nuclear Power when you don't know shit?"
- -- - - - - - - - - - - -
ชายซึ่งไม่รู้จักกันสองคน ได้ที่นั่งติดกันบนเครื่องบินลำหนึ่ง
ชายคนหนึ่ง : “เรามาคุยกันดีกว่า...มีคนเคยบอกว่า ถ้าเราชวนเพื่อนผู้โดยสารร่วมเที่ยวบินคุยละก็...แป๊บเดียวก็ถึง”
ชายอีกคน ซึ่งเพิ่งจะเปิดหนังสือดีเล่มหนึ่งขึ้นมาเพื่อจะอ่าน เขาค่อยๆ ปิดหนังสือเล่มนั้น ถอดแว่นสายตาออกแล้วกล่าว : “เราจะคุยกันเรื่องอะไรดีล่ะ ?”
ชายคนแรก : “เออ..ไม่รู้สิ...เอาเรื่องพลังงานนิวเคลียร์ดีมั้ย ?”
ชายอีกคน : “โอ.เค..นั่นฟังดูน่าสนใจนะ แต่ก่อนจะคุย ผมขอถามอะไรคุณนิดหนึ่ง เรื่องก็มีอยู่ว่า มีม้าตัวหนึ่ง วัวตัวหนึ่ง แล้วก็กวางอีกตัวหนึ่ง สัตว์ทั้งสามตัว กินอาหารอย่างเดียวกัน เจ้ากวางขี้ออกมาเป็นก้อนกลมๆ เล็กๆ, เจ้าวัวขี้ออกมาเป็นกองโตๆ, และเจ้าม้าขี้ออกมาเป็นหญ้าแห้งๆ นั่นเป็นเพราะเหตุใด ?”
ชายคนแรก : ‘’ ผมไม่รู้ “
ชายอีกคน : “เอ้อ..ถ้ายังงั้นละก็ คุณคิดว่าคนอย่างคุณ จะคุยเรื่องพลังงานนิวเคลียร์ได้เรอะ...กะอีแค่เรื่องขี้ๆ แค่เนี้ยะ คุณยังไม่รู้เลย”
- - - - - - - -
ฝึกออกเสียง
stranger : ซเตร้น-เจ่อ ( ชายแปลกหน้า ) n.
adjacent : อะเจ๊-เสิ่นท (ที่ถัดไป ) adj.
seat : ซี่ท (ที่นั่ง ) n.
passenger : แพ้ส-เส่นเจ่อ (ผู้โดยสาร) n.
discuss : ดิสคั่ส- ( พูดคุย, อภิปราย, เจ๊าะแจ๊ะ) v.
stuff : ซตั่ฟ- ( สิ่งของ = thing ) n.
patties : แพ้ท-ตี่ซ ( ขนมแป้งอบมีไส้ก้อนเล็กๆ ) AmE.
nuclear power : นิ้ว-เขลี่ย พ้าว-เหว่อ ( พลังงานนิวเคลียร์ )
interesting conversation : อิ๊น-เถรสติ่ง ข่อนเหวอะเซ้-ฉั่น ( การคุยที่น่าสนใจ ) n.
excrete : เอ็กซครี่ท- ( ถ่าย, ขี้ ) v.
pellet : เพ้ล-เหล็ท ( ก้อนเล็กๆ ) n.
clumps : คลั้มซ ( กอง ) n.
เกร็ดความรู้
ประโยคสุดท้าย ยังเป็นสำนวน แปลได้อีกความหมายหนึ่งคือ “ในเมื่อคุณไม่รู้เรื่องอะไรเลย” (โทนเสียง เป็นทำนองว่า งี่เง่าเต่าตุ่น อะไรประมาณนั้น)
fellow : เฟ้ล-โหล่ว ( ปกติจะหมายถึง man หรือ boy แต่ในเรื่องนี้ จะเป็นอีกหน้าตาหนึ่ง มีความหมายถึงบุคคลซึ่งอยู่ในสถานภาพเดียวกัน เช่น fellow members (เพื่อนๆสมาชิก), fellow workers (เพื่อนๆพนักงาน ), fellow citizens (เพื่อนๆพลเมืองหรือเพื่อนๆประชากรร่วมประเทศ)
My fellow passengers on the train = เพื่อนๆ ผู้โดยสารร่วมขบวนรถไฟ
to strike up a conversation = เริ่มการสนทนา
"Let's talk. I hear that the flight will go faster if you strike up a conversation with your fellow passenger."
“เรามาคุยกันดีกว่า..มีคนเคยบอกว่า ถ้าเราชวนเพื่อนผู้โดยสารร่วมเที่ยวบินคุยละก็..แป๊บเดียวก็ถึง”
คำว่า “to strike up” คำนี้ จะมาจาก “to strike up sth (with sb)“ ซึ่งหมายถึง “เริ่มผูกมิตรไมตรี,สัมพันธภาพหรือการสนทนา ฯลฯ ”
He would often strike up conversations with complete strangers.
เขานั้นชอบที่จะเป็นฝ่ายเริ่มการสนทนากับคนซึ่งเขาไม่เคยรู้จัก