ค้นหาทุกอย่างในเว็บครูบ้านนอก :
ชุมชนครู บุคลากรทางการศึกษา และนักเรียน แหล่งความรู้สำหรับครู นักเรียน ข่าวการศึกษา ห้องสมุดความรู้ทุกกลุ่มสาระการเรียนรู้ และความรู้ทั่วไป เผยแพร่ผลงานวิชาการ ที่นี่


ข่าวการศึกษา     ความรู้ทั่วไป     งานราชการ/รัฐวิสาหกิจ/บริการสังคมเรื่องราวจากสมาชิก  ▶ ข่าว/บทความ ▶ หน้าแรก

มารู้จัก....5 ประเทศ.....ที่เล็กที่สุดในโลก


เรื่องราวจากสมาชิก เปิดอ่าน : 8,146 ครั้ง
มารู้จัก....5  ประเทศ.....ที่เล็กที่สุดในโลก

Advertisement

5 ประเทศ ที่เล็กที่สุดในโลก



        บนโลกใบนี้มีเรื่องที่น่ารู้มากมาย หลายๆ คนอาจจะสนใจเรื่องที่เป็นที่สุดในโลก วันนี้กระปุกเราเลยไม่พลาดที่จะนำเรื่องที่เป็นที่สุดมานำเสนอให้ได้อ่านกัน ค่ะ นั่นแน่! อยากรู้แล้วใช่ไหมว่าอะไรที่สุด ก็เรื่องประเทศที่เล็กที่สุดในโลกน่ะสิคะ ตามมาดูกันเลยค่ะ ว่าจะมีประเทศที่คุณรู้จักกันบ้างไหม...

 1. นครรัฐวาติกัน

        นครรัฐวาติกัน เป็นประเทศศูนย์กลางของผู้นับถือศาสนาคริสต์นิกายคาธอลิค ตั้งอยู่ใจกลางกรุงโรม ประเทศอิตาลี มีเนื้อที่เพียง 0.44 ตารางกิโลเมตร (เล็กมากๆ ) มีประชากรทั้งหมดเพียงแค่ 783 คนเองค่ะ ซึ่งล้วนแต่เป็นบาทหลวง, นักบวช และเจ้าหน้าที่ที่นับถือนิกายคาธอลิคล้วนๆ ค่ะ

        ถึงแม้จะเป็นประเทศที่เล็กที่สุดในโลก แต่ก็เป็นที่ที่ทรงอิทธิพลมากที่สุดในโลกของชาวศาสนาคริสต์นิกายคาธอลิค เพราะเป็นที่พำนักของพระประมุขสูงสุดของศาสนาคริสต์นิกายนี้ และเมื่อมีเหตุการณ์สำคัญๆ อะไรก็ตามของชาวคาธอลิค ก็มักจะจัดขึ้นที่นี่เสมอ

        นครรัฐแห่งนี้ถูกสถาปนาขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2472 ภายใต้สนธิสัญญา Lateran ( ซึ่งถุกอนุมัติโดย เบนิโต มุสโสลินี หนึ่งในนักเผด็จการชื่อดังของโลก) และปกครองแบบอำนาจเบ็ดเสร็จทั้งนิติบัญญัติ, บริหาร และตุลาการโดยพระสันตะปาปา 

        นครรัฐวาติกันไม่มีประชาชนถาวร สถานะการเป็นประชาชนของที่นี่ คือ การเข้ามาทำงานในหน้าที่ต่างๆ ในนครรัฐ (รวมไปถึงคู่สมรสและบุตรธิดาของเจ้าหน้าที่คนนั้น) และสถานะการเป็นประชากรของนครรัฐจะสิ้นสุดลงเมื่อหมดวาระการทำงาน

        ที่แห่งนี้คุ้มครองเขตรัฐโดยทหารสวิสเซอร์แลนด์ ที่ได้ชื่อว่าเป็นกองกำลังที่มีชื่อเก่าแก่ที่สุดในโลก โดยทหารเหล่านี้จะเป็นชายชาวสวิส ที่นับถือศาสนาคริสต์นิกายคาธอลิค และยังไม่แต่งงานเท่านั้นค่ะ  

        ภาษาหลักของที่นี่ คือ ภาษาอิตาเลียนและภาษาละติน และที่สุดยอดไปเลย คือ ที่นี่เป็นที่แห่งเดียวในโลกที่ตู้เอทีเอ็มนั้นเป็นภาษาลาติน!! มากไปกว่านั้น ที่นี่เป็นที่แห่งหนึ่งในโลกที่มีจดหมายเข้ามากที่สุด และส่งถึงมือผู้รับเร็วที่สุดในโลกก็ว่าได้ และเป็นที่ที่ส่งจดหมายออกมากที่สุดอีกแห่งของโลกด้วย (1 คน ส่งจดหมาย 7,200 ฉบับ ต่อปี)

        ความสุดยอดไม่ได้มีเพียงเท่านั้น นครรัฐวาติกันยังมีความสุดยอดในเรื่องเทคโนโลยีอีกด้วย เพราะมีชื่อโค้ดโดเมนเนมเป็นของตัวเอง .va ถึง 9 โดเมนเนม (เชื่อว่าหลายๆ ประเทศที่มีขนาดใหญ่กว่าวาติกันยังไม่มีเป็นของตัวเองเลย) และมีสถานีวิทยุที่ชื่อว่า "Vatican Radio" ซึ่งจัดรายการโดยเจ้าพ่อวิทยุ Guglielmo Marconi ซะด้วย เท่ซะไม่มี...

        และเชื่อว่าหลายๆ คนก็คงสงสัยว่านครรัฐวาติกันมีรายรับมาจากไหนกันน๊า เพราะประเทศแห่งนี้ไม่ได้มีการค้า หรือการพาณิชย์ใดๆ กับประเทศภายนอก และแม้กระทั่งภายในประเทศเลย คำตอบง่ายๆ คือ ประเทศแห่งนี้ได้รับการสนับสนุนรายได้ที่มาจากการขายสแตมป์, หนังสือ และรายได้จากการท่องเที่ยว จากชาวคาธอลิคทั่วโลกนั่นเองค่ะ และที่สำคัญอีกอย่างก็คือ ที่นครรัฐแห่งนี้ ไม่มีการเก็บภาษีค่า



 
2. ราชรัฐโมนาโก

        เชื่อว่าหลายๆ คนคงเคยได้ยินชื่อ ประเทศโมนาโก มาบ้าง ก็ประเทศนี้มีทั้งเจ้าชาย เจ้าหญิง หล่อๆ สวยๆ และมีพระปรีชาสามารถเป็นที่โด่งดังไปทั่วโลกหลายพระองค์ ยกตัวอย่าง เช่น เจ้าหญิงเกรซ เคลลี่ที่ทรงพระสิริโฉมงดงาม เจ้าหญิงแคโรลีนพระธิดาในเจ้าหญิงเกรซที่ทรง พระสิริโฉมงดงามไม่แพ้พระมารดา ตามมาด้วย เจ้าหญิงสเตฟานี พระขนิษฐาผู้ทรงโฉมเช่นกัน และ เจ้าหญิงชาร์ลอตต์แห่งโมนาโก ผู้ซึ่งเป็นพระธิดาของเจ้าหญิงแคโรลีน ก็ทรงพระสิริโฉมงดงามไม่แพ้พระมารดาและพระมาตุจฉา เจ้าชายอัลแบร์ที่ 2 เจ้าชายเรนีเย่ เจ้าชายอัลเบิร์ต และเจ้าชายเรนีย่ที่ 3 ที่ทรงวพระปรีชาสามารถในการปกครองประเทศให้เป็นประเทสที่มั่งคั่งที่สุดอีก ประเทศในโลก (หลังจากเคยเป็นแค่ราชรัฐหนึ่งของฝรั่งเศส) เป็นต้น แถมยังมีชื่อเสียงมาจากการจัดการแข่งรถกรังปรีซ์ ในชื่อ Monaco Grand Prix และยังมีเขตกาสิโนชื่อดังที่มีชื่อว่า Monte – Carlo อีกต่างหากค่ะ

       
ประเทศ โมนาโก เป็นประเทศที่มีขนาดเล็กที่สุดในโลก เป็นอันดับ 2 รองลงมาจากนครรัฐวาติกัน โดยมีพื้นที่ 1.96 ตารางกิโลเมตร อยู่ตรงชายฝั่งทะเลเมดิเตอเรเนียน แต่เป็นประเทศที่มีประชากรต่อพื้นที่หนาแน่นที่สุดในโลก โดยมีประชากรอาศัยอยู่ถึง 23,660 คนต่อตารางกิโลเมตร ในอดีต ประเทศแห่งนี้อยู่ภายใต้การปกครองของฝรั่งเศส แต่หลังจากการล่มสลายของสหภาพโซเวียต เจ้าชายเรนีเย่ที่ 3 ได้ยื่นขอต่อสหประชาชาติ เพื่อเข้าร่วมองค์กร และได้รับการอนุมัติ จึงได้อิสระ (แบบไม่ถาวร) จากฝรั่งเศสนับแต่บัดนั้น หากแต่ถ้าโมนาโกไม่มีผู้สืบสันตติวงศ์ต่ออีกแล้ว ประเทศแห่งนี้ก็ต้องกลับเข้าไปอยู่ใต้ปกครองต่อฝรั่งเศสตามเดิมค่ะ ดังนั้น จึงมีการแก้กฎหมายจากเดิมว่า ผู้สืบทอดราชวงศ์ต้องเป็นเจ้าชายเท่านั้น เป็นให้ขัตติยนารีสามารถขึ้นครองราชย์ได้ด้วย เพื่อแก้ปัญหาการต้องกลับเข้าไปอยู่ใต้ปกครองเหมือนเดิม

        ประเทศแห่งนี้ปกครองด้วยระบบประมุขและสภาแห่งชาติ มีรายได้หลักจากการเป็นแหล่งท่องเที่ยว สถานบันเทิง สถานกาสิโนและการแข่งรถนานาชาติ และเนื่องจากเมื่อก่อนโมนาโกไม่มีการเก็บภาษี ประชากรส่วนมากจึงไม่ใช่ชาวพื้นเมือง แต่หลังจากการแยกตัวจากฝรั่งเศส ก็ได้มีการเก็บภาษีรายได้จากผู้ที่ไม่ใช่ชาวโมนาโกโดยกำเนิด พูดง่ายๆ คือนักธุรกิจที่มาลงทุนและพักอาศัยอยู่ในโมนาโก และมีกฎห้ามชาวโมนาโกโดยกำเนิดเข้ากาสิโน แต่ยกเว้นภาษีจากพวกบุคคลเหล่านี้แทน



 3. สาธารณรัฐนาอูรู

        ประเทศนาอูรูเป็นประเทศที่อยู่บนเกาะ ตั้งอยู่บนทางตะวันตกของมหาสมุทรแปซิฟิค มีขนาด 21 ตารางกิโลเมตร และได้ชื่อว่าเป็นประเทศที่มีเอกราชเป็นของตัวเองที่เล็กที่สุดในโลก และเป็นประเทศเอกราชเดียวที่ไม่มีเมืองหลวงอย่างเป็นทางการ 

        ในอดีตรายได้หลักของประเทศมาจากแร่ฟอสเฟต ที่เกิดมาหลายพันปีจากขี้นก (เหลือเชื่อมากๆ) มีการส่งออกแร่ฟอสเฟตในอัตราที่สูงมาก จึงส่งผลให้ประชากรของที่นี่กินดีอยู่ดี เรียกกันได้ว่า ได้ดีเพราะขี้นกจริงๆ อิอิ

        รัฐบาลมีการจ้างงานประชาชนถึง 95 เปอร์เซนต์ ให้สวัสดิการการรักษาโรคและการศึกษาฟรีแก่ประชากรในประเทศ พูดได้เลยว่าที่ นี่เป็นเหมือนกับสวรรค์น้อยๆ บนผืนดิน
เพราะเป็นประเทศที่ประชากรร่ำรวยติดอันดับในโลกเลยทีเดียว ถึงขั้นที่ว่าประธานาธิบดีคนก่อนๆ ของประเทศมักจะนั่งเครื่องของ Air Nauru ไปเที่ยววันหยุดสุดสัปดาห์เสมอๆ

        อย่างไรก็ตาม แร่ฟอสเฟตที่ดูเหมือนจะเป็นบ่อเงินบ่อทองสร้างปัญหาใหญ่หลวงให้กับชาวนาอูรู เนื่องจาก ผืนดินสะสมแร่ฟอสเฟตมากจนเกินไป จนแห้งแล้งและไม่สามารถปลูกพืชผลใดๆ ได้ ทั้งการลงทุนที่เปล่าประโยชน์ของประเทศ เช่น การไปซื้อกิจการโรงแรมแล้วปล่อยทิ้งไว้โดยไร้ประโยชน์ รวมถึงการขาดคุณสมบัติในการปกครองบริหารบ้านเมืองของรัฐบาล ทำให้เศรษฐกิจของนาอูรูแย่ลง เหตุการณ์ที่เลวร้ายยิ่งทวีคูณหนักเข้าไปอีก เพราะภาวะการกินอยู่ที่เคยอุดมสมบูรณ์มาก
ก่อให้เกิดภาวะโรคอ้วนกับประชากรในประเทศ ประชากร 9 ใน 10 คนมีน้ำหนักเกินมาตรฐาน นาอูรูกลายเป็นประเทศที่มีประชากรเป็นโรคเบาหวานในอัตราสูงมากประเทศหนึ่งใน โลกเลยทีเดียว 

        ดังนั้นในปัจจุบัน ชาวนาอูรูจึงมีความอัตคัตขัดสนมากๆ และยังมีภาวะโรคอ้วนด้วย แต่พวกเขาก็ได้พยายามที่จะปรับปรุงเปลี่ยนแปลงสิ่งเหล่านี้ให้ดีขึ้น รัฐบาลนาอูณูตัดสินใจเก็บภาษีและ ออกพาสปอร์ตให้กับชาวต่างชาติแลกกับเงินตราเพื่อมาหมุนเวียนภายในประเทศ  แต่การแก้ปัญหานี้กลับลากตัวปัญหา เช่นพวกอาชญากรข้ามชาติเข้ามาในประเทศเพื่อฟอกเงินทุจริต และด้วยเหตุนี้เองนาอูรูก็ต้องประสบกับปัญหาใหญ่หลวง คือ ธนาคารใหญ่ระดับโลกหลายแห่งไม่ยินดีรับเงินที่นาอูรูจะมาฝากไว้ เนื่องจาก เงินเหล่านั้น อาจจะสร้างปัญหาแก่ธนาคารได้



  4. ตูวาลู

        ประเทศตูวาลูเป็นประเทศที่ตั้งอยู่บนเกาะ ในมหาสมุทรแปซิฟิคทางตอนใต้ มีพื้นที่ทั้งหมดเพียง 26 ตารางกิโลเมตร ลักษณะประเทศจะเป็นหมู่เกาะที่เกิดขึ้นจากหินปะการัง และมีความสูงจากระดับน้ำทะเลเพียงแค่ 5 เมตร มีคำกล่าวอ้างว่า ในอนาคตอันใกล้นี้ประเทศนั้นจะหายไปจากแผนที่โลกอย่างแน่นอน เนื่อง จากระดับน้ำทะเลโลกที่สูงขึ้นนั่นเอง และหากน้ำทะเลจะไม่สูงขึ้น แต่ภาวะการเพิ่มขึ้นของประชากรและการกัดเซาะชายฝั่งก็ยังทำให้ใ ตูวาลู เป็นประเทศเสี่ยงต่อภัยต่างๆ อยู่ดี

        ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ตูวาลูเคยเป็นที่ตั้งฐานทัพของทหารอเมริกัน ที่เข้ามาสร้างทั้งฐานทัพ สนามบิน ซึ่งคุณสามารถเห็นซากปรักหักพังในปัจจุบันของสิ่งเหล่านี้ได้บนเกาะต่างๆ ของตูวาลู 

        ทุกวันนี้ ตูวาลูมีรายได้หลักจากการให้เช่าโดเมนเนม .tv ที่เป็นโดเมนเนมระดับท็อปของโลก เพราะคนเข้าใจว่ามันเป็นตัวย่อมาจากคำว่า Television และรายได้จากสัมปทานการประมง รวมไปถึงเงินช่วยเหลือจากต่างประเทศ



 5. สาธารณรัฐซานมาริโน

        ประเทศซานมาริโน ตั้งอยู่ในเขตประเทศอิตาลี บนเทือกเขาแอเพนไนน์ ใกล้ชายฝั่งอาเดรียติก  มีขนาดพื้นที่ 61 ตารางกิโลเมตร หากคุณได้รู้จักชื่อเต็มของประเทศนี้ ก็เดาได้ทันทีว่าประเทศแห่งนี้มีความมนต์เสน่ห์ ความสวยสดงดงามเพียงแค่ไหน นั่นแน่ อยากรู้แล้วล่ะสิว่าชื่ออะไร ก็ชื่อ "Serenissima Repubblica di San Marino" ที่แปลเป็นภาษาอังกฤษได้ว่า "The Most Serene Republic of San Marino" นั่นเองค่ะ

        ซานมาริโนก่อตั้งเมื่อ พ.ศ. 844 โดยนักตัดหินชาวคริสต์ นามว่า "มาริโน"  ได้ลี้ภัยทางศาสนามากับกลุ่มชาวคริสต์กลุ่มหนึ่ง 

     
   ความเชื่อที่สำคัญของชาวซานมาริโน คือ อิสรภาพ ชาวซานมาริโนเป็นเพื่อนบ้านที่ดี และกองทัพใหญ่ๆ ไม่สามารถรุกรานอธิปไตยจะได้เนื่องมาจากที่ตั้งของประเทศอยู่บนเขา  ดูตัวอย่างตอนที่นโปเลียนประกาศความเป็นใหญ่ในทวีปยุโรป ประเทศเดียวที่ไม่ตกอยู่ใต้การปกครองของนโปเลียนคือ ซานมาริโน นี่เอง 

        ซานมาริโนมีระบบการปกครองที่ซับซ้อนมาก โดยมีการปกครองแบบสาธารณรัฐโดยสภาผู้แทนราษฎรจะเลือกตัวแทนจากสภามาจำนวน 2 คน มาเป็นผู้สำเร็จราชการร่วม หรือประมุขของประเทศอยู่ในตำแหน่งวาระ 6 เดือน และสภาผู้แทนราษฎรจะเลือกคณะรัฐบาล มาบริหารประเทศวาระละ 5 ปี


        ก่อนสงครามโลกครั้งที่ 2 ซานมาริโนกลายเป็นประเทสที่ยากจนที่สุดในยุโรป แต่ในทุกวันนี้ ประชากรชาวซานมาริโนกลายมาเป็นคนที่รวยที่สุดในโลกอีกแห่งหนึ่ง เนื่องมาจากการท่องเที่ยวที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวเข้ามาในประเทศกว่า3 ล้านคนต่อปี

 

ที่มากระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก neatorama.com

โพสต์โดยสมาชิกหมายเลข 3183 วันที่ 22 พ.ค. 2552


มารู้จัก....5 ประเทศ.....ที่เล็กที่สุดในโลกมารู้จัก....5ประเทศ.....ที่เล็กที่สุดในโลก

Advertisement

≡ เรื่องอื่นๆ ที่น่าอ่าน ≡

การดื่มน้ำเมื่อท้องว่าง

การดื่มน้ำเมื่อท้องว่าง


เปิดอ่าน 6,417 ครั้ง
ข้อควรปฏิบัติในการไปวัด

ข้อควรปฏิบัติในการไปวัด


เปิดอ่าน 6,418 ครั้ง
กินตาม"ธาตุเจ้าเรือน"

กินตาม"ธาตุเจ้าเรือน"


เปิดอ่าน 6,418 ครั้ง
10 health tips

10 health tips


เปิดอ่าน 6,404 ครั้ง
เขาปิ๊งคุณบ้างไหม??

เขาปิ๊งคุณบ้างไหม??


เปิดอ่าน 6,415 ครั้ง
เผยแพร่ผลงานทางวิชาการ

เผยแพร่ผลงานทางวิชาการ


เปิดอ่าน 6,404 ครั้ง

:: เรื่องปักหมุด ::

แบบฝึกเสริมทักษะด้านทัศนศิลป์

แบบฝึกเสริมทักษะด้านทัศนศิลป์

เปิดอ่าน 6,407 ☕ คลิกอ่านเลย

Advertisement

≡ เรื่องน่าสนใจในหมวดหมู่นี้ ≡
เศรษฐกิจพอเพียง
เศรษฐกิจพอเพียง
เปิดอ่าน 6,405 ☕ คลิกอ่านเลย

ทำไม...ขี้ลืม สมองไม่จดจำอะไรเลย...อาการน่าเป็นห่วง
ทำไม...ขี้ลืม สมองไม่จดจำอะไรเลย...อาการน่าเป็นห่วง
เปิดอ่าน 6,437 ☕ คลิกอ่านเลย

ไม่ต้องเพียบพร้อม....ก็มีความสุขได้
ไม่ต้องเพียบพร้อม....ก็มีความสุขได้
เปิดอ่าน 6,413 ☕ คลิกอ่านเลย

ทำดี...บางทีต้องทำใจ
ทำดี...บางทีต้องทำใจ
เปิดอ่าน 6,401 ☕ คลิกอ่านเลย

"ลองเปิดดู ทั้งสวย ทั้งแปลก">>ภาพสวย 360 องศา!!!รอบทิศทางครับ
"ลองเปิดดู ทั้งสวย ทั้งแปลก">>ภาพสวย 360 องศา!!!รอบทิศทางครับ
เปิดอ่าน 6,412 ☕ คลิกอ่านเลย

24 ตุลาคม......... วันสหประชาชาติ
24 ตุลาคม......... วันสหประชาชาติ
เปิดอ่าน 6,413 ☕ คลิกอ่านเลย

≡ เรื่องน่าอ่าน/สาระน่ารู้ ≡

กฎของก๊าซ (THE GAS LAWS)
กฎของก๊าซ (THE GAS LAWS)
เปิดอ่าน 20,772 ครั้ง

โอเมก้า 3 ใน ปลา ก็มีโทษ
โอเมก้า 3 ใน ปลา ก็มีโทษ
เปิดอ่าน 9,722 ครั้ง

ครูอินเดีย ลุยน้ำไปสอนหนังสือเด็กนานกว่า 20 ปี
ครูอินเดีย ลุยน้ำไปสอนหนังสือเด็กนานกว่า 20 ปี
เปิดอ่าน 11,351 ครั้ง

Nouns  ( Subject - Verb Agreement )
Nouns ( Subject - Verb Agreement )
เปิดอ่าน 61,600 ครั้ง

10 เคล็ดลับ แค่นั่งก็ลดน้ำหนักได้
10 เคล็ดลับ แค่นั่งก็ลดน้ำหนักได้
เปิดอ่าน 14,451 ครั้ง

เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ มากมาย
สนามเด็กเล่น

แหล่งรวมเกมส์ เกมส์ให้เล่นมากมาย ศูนย์รวมเกมส์สนุกๆ เกมส์ความรู้ เกมส์ลับสมอง เกมส์ประลองยุทธ แหล่งรวบรวมข้อมูล เกมส์ เกมส์ออนไลน์ เกมส์มันๆ เกมส์ตัดผม ไว้มากมายที่นี่ ให้เด็กๆได้เลือกเล่นมากมาย คลิกเลย

 
หมวดหมู่เนื้อหา
เนื้อหา แยกตามหมวดหมู่ สามารถเลืออ่านได้ตามหมวดหมู่ที่นี่


· Technology
· บทความเทคโนโลยีการศึกษา
· e-Learning
· Graphics & Multimedia
· OpenSource & Freeware
· ซอฟต์แวร์แนะนำ
· การถ่ายภาพ
· Hot Issue
· Research Library
· Questions in ETC
· แวดวงนักเทคโนฯ

· ความรู้ทั่วไป
· คณิตศาสตร์
· วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
· ภาษาต่างประเทศ
· ภาษาไทย
· สุขศึกษาและพลศึกษา
· สังคมศึกษา ศาสนาฯ
· ศิลปศึกษาและดนตรี
· การงานอาชีพ

· ข่าวการศึกษา
· ข่าวตามกระแสสังคม
· งาน/บริการสังคม
· คลิปวิดีโอยอดนิยม
· เกมส์
· เกมส์ฝึกสมอง

· ทฤษฎีทางการศึกษา
· บทความการศึกษา
· การวิจัยทางการศึกษา
· คุณครูควรรู้ไว้
· เตรียมประเมินวิทยฐานะ
· ผลงานวิชาการเล่มเต็ม
· เครื่องมือสำหรับครู

ครูบ้านนอกดอทคอม

เว็บไซต์เพื่อครู ข่าวการศึกษา ความรู้ การศึกษาไทย

      kroobannok.com

© 2000-2020 Kroobannok.com  
All rights reserved.


Design by : kroobannok.com


ครูบ้านนอกดอทคอม
การจัดอันดับของ Truehits Web Directory

วิธีนำแบนเนอร์ของครูบ้านนอก.คอมไปแปะในเว็บท่าน บันทึกภาพแบนเนอร์นี้และลิงค์มาที่เราครับ (มีแบนเนอร์ 2 แบบ)
 

ครูบ้านนอกดอทคอม เว็บไซต์ของครูตัวเล็กๆ คนหนึ่ง ที่หวังเพียง ใช้เป็นช่องทางในการสื่อสาร แลกเปลี่ยน เพิ่มพูนความรู้ และให้ข่าวสาร ที่ทันสมัยต่อเหตุการณ์แก่คุณครู ผู้ปฏิบัติงานในทุกพื้นที่ของประเทศไทย เพื่อความเจริญงอกงามในปัญญา และเจริญก้าวหน้าในวิชาชีพ

เว็บนี้ถือกำเนิดเมื่อ 5 มกราคม 2548

Email : kornkham@hotmail.com
Tel : 096-7158383

สนใจสนับสนุนเรา โดยลงโฆษณา
คลิกดูรายละเอียดที่นี่ครับ