ขอโทษ..!! เรื่องเล็กๆที่ไม่ควรมองข้าม
วันนี้มีนิทานดีๆที่อยากจะนำมาเล่าให้ฟังกันนะคะ เนื่องจากมีโอกาสได้ลองอ่านหนังสือเข็มทิศชีวิต แล้วได้เจอกับนิทานดีๆจึงอยากจะนำมาเล่าสู่กันฟัง ให้ได้มีโอกาสอ่านนิทานดีๆดูนะคะ
เรื่องก็มีอยู่ว่ามีครอบครัวหนึ่งซึ่งมีสมาชิกในครอบครัวอยู่2คน คือพ่อกับลูก ลูกชายคนนี้เป็นลูกคนเดียวมีนิสัยใจร้อน และอารมณ์ฉุนเฉียวง่ายจึงทำให้ทะเลาะกับเพื่อนอยู่บ่อยครั้ง
อยู่มาวันหนึ่งเขาจึงได้ตัดสินใจที่จะไปปรึกษาพ่อว่าจะทำอย่างไรดี เพื่อที่จะสามารถควบคุมอารมณ์ได้ พ่อจึงแนะนำไปว่า “เอาอย่างนี้สิลูกรัก หากเมื่อใดลูกรู้สึกโกรธ ให้นำค้อนกับตะปูไปตอกที่รั้วไม้เพื่อที่จะได้เป็นการระบายอารมณ์ และถ้าวันใดลูกรู้สึกว่าสามารถระงับอารมณ์ตัวเองได้แล้วให้มาหาพ่ออีกครั้ง”
เมื่อลูกได้ยินดังนั้นจึงปฏิบัติตามที่พ่อบอกทันที คือเมื่อใดที่รู้สึกอารมณ์ฉุนเฉียวเด็กคนนี้ก็จะวิ่งเอาค้อนไปตอกตะปูที่เสาทันที(จนเสาแทบพัง) จนในที่สุดเด็กชายก็สามารถระงับอารมณ์ความโกรธได้ เขาจึงได้วิ่งไปบอกกับพ่อว่า “พ่อครับดูซิ ผมไม่โกรธแล้ว ผมสามารถระงับอารมณ์ตัวเองได้แล้ว ผมไม่ต้องตอกตะปูที่รั้วแล้วล่ะครับ”
เมื่อพ่อได้ยินดังนั้นก็ยิ้มทันที แล้วบอกต่อไปว่า “ถ้าลูกสามารถระงับอารมณ์ได้แล้ว เมื่อลูกรู้สึกตัวว่าสามารถระงับอารมณ์ตัวเองได้ให้ลูก วิ่งไปถอนตะปูทีละตัว เด็กชายปฏิบัติตามคำสอนของพ่อทุกอย่าง จนในที่สุดเขาก็สามารถถอนตะปูได้จนหมด และวิ่งไปบอกพ่ออีกครั้ง
ครั้งนี้พ่อได้พาลูกไปที่รั้วแล้วชี้ไปที่รอยตอกตะปูแล้วบอกว่า “ลูกทำได้ดีมาก ทีนี้ลองก้มไปมองที่รั้วดูสิ ลูกเห็นรั้วไหมว่ามันไม่เหมือนเดิม ลูกจำไว้นะเมื่อใดที่เราทำอะไรลงไปโดยการใช้อารมณ์ สิ่งนั้นมันจะเกิดรอยแผล เหมือนกับการที่เรานำมีดไปแทงใครสักคนหนึ่ง ต่อให้เราขอโทษแต่ว่ามันก็ยังมีรอยแผลอยู่ ลูกจงจำคำว่าขอโทษไว้เสมอนะ ไม่ว่าเขาจะให้อภัยเราหรือไม่ก็ตาม จำไว้อีกด้วยว่าสิ่งที่เกิดขึ้นกับเขา เขาอาจจะไม่มีวันลืมไปตลอดเหมือนกับรั้วไม้อันนี้
เป็นอย่างไรบ้างคะอ่านนิทานเรื่องนี้จบแล้วรู้สึกอย่างไรบ้าง จำไว้นะคะว่า เมื่อใดก็ตามที่เราทำอะไรลงไปด้วยอารมณ์ สิ่งที่มักจะตามมาก็คือรอยแผล ดังนั้นจงใช้ชีวิตอย่างมีสติ รู้จักให้อภัย และรู้จักขอโทษนะคะ