Advertisement
เทคนิคการจำคำศัพท์
คำศัพท์เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่มีความสำคัญมากในการเรียนภาษา ยิ่งรู้ศัพท์มาก ยิ่งได้เปรียบ เพราะคำศัพท์เป็นเหมือนเครื่องมือสำคัญที่ช่วยในการสื่อสารของคนเรา วิธีการเรียนคำศัพท์มีหลายวิธีค่ะ ขึ้นอยู่กับว่าแต่ละคนใช้วิธีไหน ก็เอามารวบเรียง เรียบเรียง จากที่รู้มา และได้อ่านเจอมา สรุปเป็นข้อๆ ดังนี้ค่ะ
1. จำเป็นกลุ่มคำที่เกี่ยวข้องกัน (vocabulary tree) อย่างเช่น กลุ่มคำศัพท์เกี่ยวกับห้องเรียน เราก็ต้องลิสต์ออกมาเลย ว่าในห้องเรียนน่าจะมีคำว่าอะไรบ้าง เช่น chalk, blackboard, eraser, highlighter (pen), audiocassette, file, briefcase, textbook, notebook, pencil sharpener, briefcase, overhead projector. เป็นต้นค่ะ วิธีนี้ก็จะเป็นการช่วยขยายคำศัพท์ของเราได้มากขึ้นด้วย
2. จำรูปแบบของคำ ที่เรียกว่า word formation เช่น account เป็น verb, เราก็ต้องรู้ด้วยว่า ถ้าเป็น noun จะต้อง เป็น accountant, หรือถ้าเป็น adjective จะต้องเป็น accountable การจำแบบนี้ก็ช่วยทำให้จำได้ง่ายขึ้นเหมือนกันนะคะ เพราะมีรากศัพท์คำๆ เดียวกัน แต่พอมาทำเป็น verb มีความหมายแบบหนึ่ง พอคำๆ เดียวกัน เปลี่ยนมาเป็น noun ก็มีความหมายเปลี่ยนไปอีก วิธีนี้จะช่วยให้เราขยายวงศัพท์ได้มากขึ้นอย่างไม่น่าเชื่อเลยค่ะ
3. จำศัพท์เป็นวลี (phrases) หรือจำเป็นประโยคไปเลย จะช่วยทำให้จำได้ง่ายกว่าจำเป็นคำๆ เพราะเวลาเราจำเป็นคำๆ บางทีจะเอามาใช้ เราก็ลืมความหมาย หรือเอามาใช้ไม่เป็น แต่พอเราจำเป็นวลี จะช่วยได้ตรงที่ เราสามารถนำมาใช้ได้ถูกต้องด้วยค่ะ
เช่น advantage แปลว่าประโยชน์
แต่พอเวลาเราจะเอามาใช้ว่า เขา มาเพื่อหวังเอาผลประโยชน์จากเธอ เราก็จะเริ่มมึนๆ ว่าเอ จะเขียนยังไงดี แต่ถ้าเราจำว่า take an advantage of (somebody/something) เราก็จะเขียนได้ง่ายขึ้น ว่า He takes advantages of her. หยิบมาใส่ได้ทันทีเลย (ได้ยินมาว่าวิธีนี้เป็นวิธีที่ฝรั่งเขาใช้ในการเรียนคำศัพท์ใหม่ๆ ค่ะ)
4. ทำ vocabulary card โดยใช้กระดาษแผ่นเล็กๆ ขนาด 3”x5” 1 แผ่น ต่อ 1 คำศัพท์ อย่างเช่น เราจะทำคำว่า abstract ละกัน เราก็เขียนคำศัพท์, ความหมายของคำ, part of speech (noun, verb, adv, etc.) การออกเสียง และก็ตัวอย่างประโยคค่ะ และก็แต่งประโยคเองโดยใช้คำศัพท์ที่เพิ่งเรียนมาอีก 1 ประโยคค่ะ ถ้ามี synonym/antonym ด้วยก็เพิ่มไปได้เลยค่ะ คือ ใส่อะไรได้ ใส่ไปให้หมดเลย
ตัวอย่างการ์ดคำศัพท์-ด้านหน้า
ตัวอย่างการ์ดคำศัพท์ – ด้านหลัง
5. collocation คำที่มักใช้คู่กันเสมอกับคำศัพท์นั้นๆ เช่น collocation ของ take และ have
take notes; take an advantage of; take a chance
have a headache; have breakfast; have a problem
6. จำเป็นภาพ วิธีนี้ตัวผู้เขียนก็ใช้บ่อยค่ะ เวลาเจอคำศัพท์ที่ยากจะอธิบาย หรือจำเป็นกลุ่มคำหลายคำแล้วมันเกิดอาการสับสน ก็จะใช้วิธีเป็นภาพ แล้วหลับตานึกคำศัพท์ และก็ภาพตาม วิธีนี้ก็ช่วยได้ค่ะ เช่นคำว่า taciturn แปลว่า เงียบขรึม พูดน้อย เฮ่ออ จะจำยังไงดี ก็นึกเลยว่ามีเพื่อนคนไหนมีบุคลิกแบบนี้บ้าง พอเจอปุ๊ป หน้าเขาลอยมา ก็เอาคำว่า taciturn ประทับเอาไว้เลย พอคราวหลังมาเจอศัพท์คำนี้อีก หน้าเพื่อนคนนี้ก็จะลอยมาตลอดเลยค่ะ แต่ก็ได้ผล จำคำศัพท์นี้ได้ไปเลย
7. เรียน prefixes, suffixes และ roots ของคำศัพท์ prefixes และ suffixes นี้ ในภาษาอังกฤษเขาเรียกว่า affixes ค่ะ( affixes คือการนำคำมาผสมคำในคำศัพท์ ถ้าวางไว้หน้าคำศัพท์คือ prefixes/ วางไว้หลังคำศัพท์เรียกว่า suffixes )การรู้ affixes ของคำศัพท์จะช่วยเราได้เมื่อไปอ่านเจอคำศัพท์ที่ไม่รู้จักและสามารถช่วยเราเดาคำศัพท์ใหม่ได้ด้วย ยกตัวอย่าง คำว่า autobiography ลองดูคำศัพท์นี้ดีๆ นะคะ ศัพท์คำนี้สามารถแยกออกมาเป็นคำๆ เป็น prefixes และ suffixes ได้ตามนี้ค่ะ
auto/bio/graph/y
Auto แปลว่า self, bio แปลว่า life, graph แปลว่า write,
y เมื่อนำมาเติมท้ายคำจะแปลว่า the result of
พอนำความหมายของทุกตัวมารวมกัน ก็จะแปลได้ว่า the result of writing about one’s own life.
จริงๆ แล้ว suffixes ยังมีประโยชน์ตรงที่ ช่วยบอกได้ว่า คำๆ นั้นทำหน้าที่เป็นอะไรใน part of speech ได้อีกด้วย เช่น ถ้าเรารู้ว่า suffixes เช่น -ence, -or, -er, -ment, -ist, -ism, -ship, -sion, -ness, -hood, -dom เมื่อนำมาเติมท้ายคำศัพท์จะทำให้คำๆ นั้นเปลี่ยนหน้าที่เป็น Noun ใน part of speech ค่ะ
ยกตัวอย่างเช่น คำว่า write เป็น verb พอเอา suffix –er มาเติมท้าย ก็จะกลายเป็น Noun. เป็นไงคะ affixes มีประโยชน์จริงๆ ค่ะ
จะใช้วิธีไหน ก็ลองเลือกๆ ดูตามความถนัดนะคะ หรือจะใช้ผสมๆ กันก็ดีค่ะ เพราะแต่ละวิธีก็มีแต่ข้อดีๆ ทั้งนั้น ทีนี้เราก็สนุกกับการเรียนรู้คำศัพท์ใหม่ๆ ได้แล้วค่ะ
วันที่ 18 พ.ค. 2552
Advertisement
เปิดอ่าน 7,144 ครั้ง เปิดอ่าน 7,140 ครั้ง เปิดอ่าน 7,145 ครั้ง เปิดอ่าน 7,149 ครั้ง เปิดอ่าน 7,139 ครั้ง เปิดอ่าน 7,138 ครั้ง เปิดอ่าน 7,153 ครั้ง เปิดอ่าน 7,208 ครั้ง เปิดอ่าน 7,219 ครั้ง เปิดอ่าน 7,142 ครั้ง เปิดอ่าน 7,141 ครั้ง เปิดอ่าน 7,141 ครั้ง เปิดอ่าน 7,150 ครั้ง เปิดอ่าน 7,142 ครั้ง เปิดอ่าน 7,140 ครั้ง เปิดอ่าน 7,146 ครั้ง
|
เปิดอ่าน 7,143 ☕ คลิกอ่านเลย |
เปิดอ่าน 7,139 ☕ คลิกอ่านเลย |
เปิดอ่าน 7,141 ☕ คลิกอ่านเลย |
เปิดอ่าน 7,141 ☕ คลิกอ่านเลย |
เปิดอ่าน 7,150 ☕ คลิกอ่านเลย |
เปิดอ่าน 7,143 ☕ คลิกอ่านเลย |
เปิดอ่าน 7,143 ☕ คลิกอ่านเลย |
|
≡ เรื่องน่าอ่าน/สาระน่ารู้ ≡
เปิดอ่าน 14,326 ครั้ง |
เปิดอ่าน 8,085 ครั้ง |
เปิดอ่าน 42,205 ครั้ง |
เปิดอ่าน 12,317 ครั้ง |
เปิดอ่าน 17,954 ครั้ง |
|
|