Advertisement
ดูวัวให้ดูหาง ดูนายและนางให้ดู 'เสื้อ'(ยืด)
เรื่อง : H2O
โดย :นิตยสารผู้จัดการ 360 องศา รายสัปดาห์ 15 พฤษภาคม 2552
พ่อยอดชายนายฟอร์เรสต์ในหนังชิงออสการ์เรื่อง Forrest Gump เคยหล่นคำพูดเอาไว้ว่า 'ถ้าอยากรู้ว่าคนๆ นั้นมาจากที่ไหน และกำลังจะไปที่ไหนให้ดูที่รองเท้า'
ความคิดคล้ายกัน หากมองไปที่วัยรุ่นสมัยนี้ว่า พวกเขามีตัวตนหรือว่ารสนิยมอย่างไร ให้สังเกตได้จากเสื้อยืดที่พวกเขาสวมใส่ เพราะเสื้อยืดเป็นเสมือนภาพแทนที่สะท้อนบุคลิก ความรู้สึกนึกคิดของคนใส่ได้ดีมาทุกยุคทุกสมัย
ปฐมบทแห่งเสื้อยืด
หากบราซิลครองสถิติประเทศที่บริโภคชุดบิกินี่มากที่สุดในโลก สหรัฐอเมริกาก็ไม่น้อยหน้าด้วยสถิติบริโภคเสื้อยืดมากที่สุดในโลก เคยมีบันทึกว่าในปี 1990 เพียงปีเดียว เมืองลุงแซมมียอดขายทีเชิร์ทรวมกันมากกว่าหนึ่งพันล้านตัว!
เสื้อยืดเป็นสิ่งประดิษฐ์ที่ยังไม่ทราบแน่ชัดว่าใครเป็นผู้คิดค้นขึ้น แต่ว่าเสื้อลำลองชนิดนี้กลายเป็นวัฒนธรรมที่ถูกส่งออกโดยสหรัฐอเมริกา ที่มีหลักฐานแน่ชัดเริ่มจากในช่วงปี 1913 กองทัพเรือสหรัฐฯ ได้ออกแบบให้ทหารเรือนาวิกโยธินใส่เสื้อผ้าฝ้ายสีขาวแขนสั้นคอกลมไว้ใต้เครื่องแบบ เพราะเสื้อยืดสีขาวชนิดนี้มีประโยชน์ครอบจักรวาลในยามสงคราม เช่น ใช้ฉีกเป็นผ้าพันแผล ใช้ซับน้ำไว้บิดดื่มยามกระหาย ใช้รองศีรษะตอนนอนในภาคสนาม หรือประยุกต์ใช้กับสถานการณ์เฉพาะหน้าอื่นๆ
หากดูหนังสงครามเก่าๆ จะเห็นได้ชัดว่าทหารอเมริกันจะสวมเสื้อยืดคอกรมไว้ข้างใน ถึงขั้นมีนักประวัติศาสตร์ด้านเครื่องแต่งกายเมืองลุงแซม ให้รายละเอียดว่า เสื้อยืด คือ เครื่องมือชิ้นหนึ่งที่ทำให้อเมริกันชนะสงครามหลายสมรภูมิ เพราะเสื้อยืดให้ความอบอุ่นกับทหารในยามเหน็บหนาวและเป็นเครื่องปฐมพยายามห้ามเลือดในยามหน้าสิ่วหน้าขวาน
ปกนิตยสารไลฟ์ ฉบับวันที่ 13 กรกฎาคม ค.ศ. 1942 ขึ้นหน้าปกทหารที่ใส่เสื้อทีเชิร์ท และเขียนข้อความว่า 'Air Corps Gunnery School' ถือเป็นประวัติศาสตร์หน้าสำคัญเมื่อกองทัพอเมริกาได้กลายเป็นเทรนด์เซ็ตเตอร์กำหนดแฟชั่นเสื้อทีเชิร์ทให้พลเรือน
หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ปิดฉากลง เสื้อยืดได้กลายเป็นสัญลักษณ์ความทะมัดทะแมนแห่งสุภาพบุรุษ หนังสือที่บอกเล่าประวัติศาสตร์เสื้อยืดทุกเล่ม ต้องระบุเหมือนกันว่า ผู้ชายที่ทำให้เสื้อยืดกลายเป็นแฟชั่นที่หนุ่มสาวอเมริกันปรารถนาอยากให้มาสวมใส่ คือ มาลอน แบรนโด จากภาพยนตร์เรื่อง A Streetcar Named Desire (1951)
ในเรื่อง มาลอน แบรนโด (Marlon Brando) ดาราดังแห่งยุครับบทเป็นคนงานที่ใส่เสื้อยืดสีขาวเข้ารูปดูมาดแมน มีฉากพลอดรักที่สุดโรแมนติกและอีโรติกกับวิเวียน ลีห์ (Vivien Leigh) หญิงสาวงามสะพรั่งในเรื่อง ภาพนั้นได้กลายเป็นโปสเตอร์ที่ร่อนไปทั่วประเทศ ส่งผลให้แบรนโด ขึ้นชั้นเป็นทีนไอคอนในยุคนั้น และไม่ว่าผ่านมากี่ยุคต่อกี่ยุคก็เช่นกัน วัยรุ่นก็มักแต่งตัวตามไอคอนของตัวเอง ในอเมริกาเสื้อยืดคอกลมสีขาวถูกผลิตและเป็นสินค้าครัวเรือนครั้งแรกในยุค 1950s นี้เอง
ต่อมาในปี 1955 เจมส์ ดีน (James Dean) ดาราหนุ่มผู้จากไปก่อนวัยอันควร เป็นอีกคนหนึ่งที่เป็นตำนานของเสื้อยืด Made in USA เมื่อเจมส์ แสดงนำในหนังดรามาเรื่อง Rebel Without a Cause (1955) เขารับบทเป็น จิม สตาร์ค เด็กหนุ่มที่เป็นตัวแบบของความขบถ เขาปรากฏตัวพร้อมกับเสื้อยืดสีขาวเข้ารูป คาแรกเตอร์ในเรื่องเจมส์เล่นเป็นเด็กมีปัญหา แปลกแยกที่พร้อมจะแหกกฎเกณฑ์ของสังคม แน่นอนว่าบทบาทนี้ได้เข้าไปนั่งอยู่ในใจวัยรุ่นทั่วโลก
คาแรกเตอร์ของเจมส์ ทั้งทรงผม เสื้อผ้า รองเท้า รถยนต์กลายเป็นหมายเหตุแฟชั่นแห่งยุคนั้น ที่มีแรงดึงดูดให้หนุ่มสาวค่อนประเทศอยากเปรี้ยวตามเจมส์ ดีน บวกกับห้วงเวลานั้น ภาพยนตร์ฮอลลีวูดไม่ได้ทำหน้าที่ให้ความบันเทิงเพียงอย่างเดียว แต่ยังได้ติดตั้งอุดมการณ์แบบอเมริกันชนให้กับผู้ชมด้วย นั่นคือ บริโภคในสิ่งที่ Made in USA
เรียกว่าภาพยนตร์ฮอลลีวูดไปถึงไหน อุดมการณ์แบบอเมริกาก็ไปถึงนั่น ความเท่ ความขบถ เสรีภาพแห่งอเมริกันชน ที่สื่อสารผ่านเสื้อยืดกางเกงยีนส์ได้กลายเป็นรสนิยมที่ตรงจริตกับวัยรุ่นทั่วโลกเช่นกัน
การมาถึงของไอคอนอย่างเจมส์ ดีน ที่ตรงกับการเปลี่ยนผ่าน Coming of Age จากวัยเด็กสู่วัยรุ่นของทีนเองหลายล้านคนทั่วโลกพอดิบพอดี เจมส์ ดีน ไม่ได้เป็นแค่นักแสดง แต่เขายังกลายเป็นเบ้าหลอมทางวัฒนธรรมให้วัยรุ่นทั่วโลกที่คลั่งไคล้ในตัวเขาได้เลียนแบบแต่งตัวตามด้วย
ตัดภาพกลับมาที่เด็กวัยรุ่นสักคน เมื่อมีโอกาสเลือกเสื้อผ้าด้วยตัวเองครั้งแรกหลังจากใส่เสื้อผ้าที่คุณแม่จัดเตรียมให้หลายปี พวกเขาจึงไม่รอช้าที่จะคว้าเสื้อยืดและกางเกงยีนส์มาเป็นเครื่องแต่งกายชุดแรกตามแบบฉบับเจมส์ ดีน ผู้เป็นไอคอน การเลือกเช่นนี้มีนัยยะที่แสดงออกถึงการเป็นตัวของตัวเอง การมีอุดมการณ์ทางเลือกที่ต่อต้านผู้ใหญ่ (ใครเคยผ่านช่วงเวลาวัยรุ่นมาแล้ว เขาเข้าใจปมข้อนี้ของวัยรุ่นดี)
จาก บุปผาชน ถึง วิเวียน เวสต์วูด
เมื่อวัยรุ่นอเมริกันผ่านห่วงเวลา 1950s โดยมีเสื้อยืดเป็นสัญลักษณ์ของอิสรภาพและความขบถ จะโดยตั้งตัวหรือไม่ก็ตาม ในยุค 1960s นี้ถือว่า เป็นยุคที่วัยรุ่นเมืองมะกันแสวงหาเสรีภาพอย่างสุดโต่ง นั่นเป็นเพราะเหตุการณ์ที่มหาอำนาจเกิดใหม่อย่างอเมริกานำตัวเองเข้าสู่สงครามเวียดนาม ท้องถนนตามหัวเมืองใหญ่มีการประท้วงของนักศึกษาในวงกว้าง ที่ต่อต้านการเกณฑ์คนหนุ่มอเมริกันไปรบเพื่อชาติ นักศึกษาที่มีความเป็นปัจเจกชนสูง ก็มุ่งหาโลกใหม่ที่เป็นสุขนิยม ขบวนฮิปปี้เริ่มก่อนตัวขึ้นตามท้องถนน เสื้อยืด Slogan T-Shirt จึงเกิดขึ้น เพื่อเป็นเครื่องมือรณรงค์และแสดงความคิดอ่านที่ไม่เอาสงครามจึงเกิดขึ้นมีโค้ดคำพูดยอดฮิตเช่น Made Love Not War, Love Peace, Free Marijuana, ปลดนิกสันเดี๋ยวนี้, I'm 18 ฯลฯ ข้อความเหล่านี้เปรียบเหมือนสิ่งที่แสดงอุดมการณ์ของผู้สวมใส อวดสายตาผู้พบเห็นในวงกว้างเพื่อสร้างมิตรและแนวร่วมในการปฏิเสธสงคราม
ในยุคสมัยเดียวกันแต่ข้ามมหาสมุทรแอตแลนติกไปที่อังกฤษ ดินแดนที่ทุกซอกซอยครื้นเครงด้วยเสียงดนตรีและกลิ่นอายของดนตรีร็อกไซคีเดลิค ที่มีพร้อมกับสโลแกน Sex Drug Rock & Roll เหมือนวัยรุ่นทั้งโลกกำลังกระโจนสู่หนทางของการค้นหาตัวเอง ในทศวรรษ 1960-1970วงดนตรีร็อก เปรียบเสมือนกระบอกเสียงของวัยรุ่นและเสื้อยืดก็ได้ช่วยทำหน้าที่นั้นด้วย วงดนตรีร็อกทุกวงมีธรรมเนียมปฏิบัติเหมือนกัน คือ นำเสื้อยืดสีดำมาสกรีนลายสัญลักษณ์ของวง ขายหน้างานคอนเสิร์ต (ในหมู่นักสะสมเรียกเสื้อชนิดนี้ว่า เสื้อทัวร์ บนเสื้อจะมีรายละเอียดว่าวงร็อกวงนั้นไปเปิดการแสดงที่ไหนมาบ้าง)
แนวเพลงร็อกที่ขยายประชากรเสื้อยืดได้รวดเร็วที่สุด เห็นจะหนีไม่พ้น กลุ่มพังค์ร็อกที่นำทีมโดยวง Sex Pistol กับเสื้อยืดสกรีนลายที่ฟิตพอดีตัว ได้รับการออกแบบโดยดีไซน์เนอร์หัวขบถวิเวียน เวสต์วูด (Vivienne Westwood) วิเวียนแสดงออกถึงการต่อต้านสังคมระบบชนชั้นผู้ดี เธอไม่ได้ขายแค่เสื้อผ้าสไตล์พังค์ร็อก แต่สิ่งที่เธอพยายามเสนอขายแก่วัยรุ่น คือ ทัศนคติ (attitude) ที่ว่า 'กล้าที่จะยืนนอกกรอบ แล้วบอกว่านี่คือสิ่งที่ฉันต้องการ'
ดีไซน์เนอร์ ที่ไม่เคยเรียนด้านแฟชั่นคนนี้ใช้งานดีไซน์บนเสื้อยืดสื่อสารเรื่องเพศอย่างเข้มข้น ไม่ว่าจะเป็นการพิมพ์ลายหน้าอกผู้หญิงและรูปคาวบอยเปลือยบนเสื้อยืด หรือกระดุมรูปศิวลึงค์ รวมทั้งการเฉือนเสื้อผ้าให้ขาดวิ่นเห็นเนื้อหนังบริเวณหน้าอก และการนำชุดชั้นในมาใส่ด้านนอก ฯลฯ
'งานของฉันคือการประจันหน้ากับสถาบันทางสังคม พยายามค้นหาว่าอิสรภาพของฉันเองอยู่ที่ไหน และทำอย่างไรเพื่อให้ได้มันมา'
วิเวียนใช้เสื้อยืดลามกเป็นสื่อ เพื่อค้นหาจุดยืนและอิสรภาพที่คนชนชั้นกรรมาชีพเช่นเธอโหยหา
สาเหตุที่วิเวียน เวสต์วูด ได้คลุกวงในเป็นดีไซน์เนอร์ประจำวง Sex Pistol เพราะว่าสามีเธอ มัลคอม แมคลาเรน (Malcom McLaren) เป็นผู้จัดการวงนี้ เราสามารถทำความเข้าใจกับปรากฏการณ์นี้อย่างง่ายๆ ได้ว่า Music + Fashion + Teenage = T-Shirt
การที่เสื้อยืดกับดนตรีไม่เคยคลายความรักความกลมกลืนต่อกัน ทำให้ทุกวันนี้เราจะพบว่ากว่าครึ่งของเสื้อยืดที่พบในท้องตลาดต้องมีคอนเทนต์เกี่ยวกับดนตรีเป็นลวดลาย บทความบางชิ้นถึงกับเขียนไว้ชวนคิดว่า ระหว่างยอดขายอัลบัมของคณะ The Beatles กับยอดขายเสื้อยืดของวงสี่เต่าทอง ถ้าวัดได้จริงๆ บางทียอดขายเสื้อยืดของวงนี้อาจเท่ากับหรือมากกว่ายอดขายอัลบัมก็เป็นได้
You Are What You Wear
เมื่อถึงยุคปัจจุบัน แม้ยังจับต้นชนปลายไม่ได้ว่าเสื้อยืดเกิดขึ้นมาครั้งแรกเมื่อไหร่ โดยใคร แต่เชื่อแน่ว่าสิ่งประดิษฐ์ชนิดนี้มีความเก่าแก่ไม่เกิน 100 ปี (คำว่า T-Shirt ปรากฏในดิกชันนารีของอเมริกาครั้งแรกในปี 1920) ทว่าเสื้อยืดได้วางตัวอยู่ในวัฒนธรรมต่างๆ ของมนุษย์อย่างกลมกลืน ไม่ว่าจะเป็นภาพยนตร์ ดนตรี กีฬา โฆษณา การเมือง แฟชั่น สังคม ประวัติศาสตร์ เทคโนโลยี ฯลฯ ลวดลายต่างๆ ที่ถูกบันทึกลงไปบนเสื้อยืดในรอบหนึ่งศตวรรษที่ผ่านมา คงเพียงพอให้มนุษย์ต่างดาวได้ทำวิจัยว่า อารยธรรมของมนุษย์บนดาวเคราะห์ดวงนี้เป็นมาอย่างไร เพราะวันนี้เมื่อมองไปทางไหนวันนี้ ต้องเห็นคนใส่เสื้อยืดอยู่ใกล้ๆ
ในยุคปัจจุบัน เสื้อยืดได้พัฒนาความหมายสิ่งที่แสดงอุดมการณ์ที่ซับซ้อนกว่าในยุคอดีตหลายเท่า เช่น เสื้อยืดได้กลายเป็นเครื่องบ่งบอกถึงกิจกรรมในเวลาว่าง คนที่เล่นสเก็ตบอร์ดก็จะมีแบรนด์เสื้อยืดสกรีนลายกราฟิตี้สำหรับคนเล่นสเก็ตบอร์ดโดยเฉพาะ คนที่คลั่งไคล้ดนตรีร็อกประเภทอีโม (Emotional Rock) ก็จะมีเสื้อยืดสีดำฟิตพอดีตัวสกรีนลายเป็นเอกลักษณ์เฉพาะกลุ่ม
หรือในบางขณะของวัฒนธรรมเสื้อยืดยังได้ทำหน้าที่เป็นสิ่งที่ระบุไลฟ์สไตล์ให้ผู้สวมใส่ เช่น คนไปเที่ยวปายก็จะซื้อเสื้อยืดที่สกรีนว่า 'ซื้อมาจากปาย' มีความเป็นไปได้สูงที่คนใส่ชอบเที่ยวแบบติสต์ๆ หรือคนฟังเพลงอินดี้ก็มีเสื้อยืดที่สกรีนว่า 'กูฟังเพลงไทย' หรือบางขณะเสื้อยืดก็เป็นอีกสื่อช่วยบันทึกว่า ตอนนี้สังคมไทยมีความเป็นไปอย่างไร ด้วยเสื้อยืดสกรีนคำพูด เช่น หยุดเขื่อน, ไม่ใช่แฟนทำแทนไม่ได้, งานเข้า, โสด, คนใส่สวย, คนข้างๆ คือกิ๊ก, กู้ชาติ ฯลฯ อย่างที่บอกไปตั้งแต่ย่อหน้าแรกว่า
เสื้อยืดไม่ว่าผ่านเวลามานานเท่าไหร่ มันก็ยังคงทำหน้าที่เป็นสิ่งสะท้อนบุคลิก รสนิยม และอุดมการณ์ของผู้สวมใส่ได้ดีกว่าเครื่องแต่งกายชิ้นไหนๆ ที่มนุษย์เคยมีมา
***********
6 สุดยอดลายสกรีน
อินเทรนด์ตลอดกาล
1.City T-Shirts
เสื้อยืดสีขาวที่มีสกรีนลายกลางหน้าอกว่า I Love NY เป็นผลงานของมิลตัน กลาเซอร์ (Milton Graser) กราฟิกดีไซน์เนอร์ชาวนิวยอร์กเกอร์ที่ปีนี้อายุ 80 ปีแล้ว โลโก้ I Love NY ได้รับการออกแบบครั้งแรกมาตั้งแต่ปี 1970 มีการบันทึกว่าเสื้อยืดลายนี้จากแบรนด์ Milton Graser จำหน่ายไปแล้วมากกว่า 10 ล้านตัว นี่ยังไม่นับลายก็อปปี้อีกหลายล้านตัว หลังเหตุการณ์ 911 มิลตันออกแบบเสื้อยืดล็อตใหม่มีข้อความว่า I Love NY More Than Ever
2.Logo T-Shirts
ไม่ทราบแน่ชัดว่าเป็นกลยุทธ์หรือว่าความไม่ตั้งใจที่โลโก้น้ำดำแบรนด์นี้ไปอยู่บนเสื้อยืดตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่ก็ได้รับความนิยมเรื่อยมา แบรนด์นี้ได้สื่อสารความคลาสสิกผ่านโลโก้ที่ดูเมื่อไหร่ก็ยังเท่เสมอ
3.Slogan & Political T-Shirts
สโลแกนทีเชิร์ทมีออกมาอยู่ทุกยุคทุกสมัยขึ้นอยู่กับว่ามวลชนต้องการรณรงค์เรื่องอะไร เช่น Anti-Bush, Free Tibet,No More War ฯลฯ หรือถ้าจะมองเข้ามาที่บ้าน 2-3 ปีมานี้ ก็มีลายสกรีนที่ได้รับความนิยมอย่างล้นหลามจากการต่อสู้ทางการเมืองของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เช่น ลูกจีนรักชาติ, กู้ชาติ, ทวงคืนเขาพระวิหาร ฯลฯ
4.Icon T-Shirts
เสื้อยืดที่ระลึกถึงบุคคลที่เป็นนักต่อสู้ในแง่มุมต่างๆ ก็ยังได้รับความนิยมเสมอ (ทั้ง เช เกวารา เหมา เจ๋อตุง บ๊อบ มาร์เลย์ บรู๊ซ ลี ฯลฯ) พักหลังรูปของบิล ลาเดนและโอบามาก็ถูกพิมพ์ลายอยู่บนเสื้อยืด
5.Band T-Shirts
วงดนตรีกับทีเชิร์ทเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้ เสื้อยืดของวงเดอะบีทเทิ่ลส์ หรือว่าวง The Rolling Stones ที่เป็นรูปแลบลิ้นก็ยังเท่อยู่เสมอ บ่งบอกว่าคนใส่รักดนตรีร็อกก็ไม่ผิดนัก บรรณาธิการของนิตยสารดนตรี Rolling Stones ถึงกับเคยออกความเห็นว่า เสื้อยืดเป็นเครื่องมือแห่งการสร้างร็อกสตาร์
6.Environment T-Shirts
ช่วง 3 ปีมานี้เสื้อยืดที่พูดเรื่องสิ่งแวดล้อมก็ได้รับความสนใจจากทั่วโลก โดยเฉพาะลาย WWF หรือ Stop Global Warming ก็กลายเป็นส่วนหนึ่งของ Pop Culture
*****
บทความที่เกี่ยวข้อง :
--ลี้ภัยไป 'เสื้อยืด'
--Vivienne Westwood นักคิดวงการแฟชั่น
--ขำแนบเนื้อ
เรื่อง : H2O |
|
|
|
วันที่ 18 พ.ค. 2552
Advertisement
เปิดอ่าน 7,140 ครั้ง เปิดอ่าน 7,140 ครั้ง เปิดอ่าน 7,141 ครั้ง เปิดอ่าน 7,145 ครั้ง เปิดอ่าน 7,138 ครั้ง เปิดอ่าน 7,138 ครั้ง เปิดอ่าน 7,155 ครั้ง เปิดอ่าน 7,150 ครั้ง เปิดอ่าน 7,136 ครั้ง เปิดอ่าน 7,142 ครั้ง เปิดอ่าน 7,142 ครั้ง เปิดอ่าน 7,139 ครั้ง เปิดอ่าน 7,141 ครั้ง เปิดอ่าน 7,238 ครั้ง เปิดอ่าน 7,216 ครั้ง เปิดอ่าน 7,144 ครั้ง
|
เปิดอ่าน 7,142 ☕ คลิกอ่านเลย |
เปิดอ่าน 7,140 ☕ คลิกอ่านเลย |
เปิดอ่าน 7,138 ☕ คลิกอ่านเลย |
เปิดอ่าน 7,140 ☕ คลิกอ่านเลย |
เปิดอ่าน 7,139 ☕ คลิกอ่านเลย |
เปิดอ่าน 7,145 ☕ คลิกอ่านเลย |
เปิดอ่าน 7,138 ☕ คลิกอ่านเลย |
|
≡ เรื่องน่าอ่าน/สาระน่ารู้ ≡
เปิดอ่าน 11,286 ครั้ง |
เปิดอ่าน 24,518 ครั้ง |
เปิดอ่าน 226,607 ครั้ง |
เปิดอ่าน 455,689 ครั้ง |
เปิดอ่าน 20,904 ครั้ง |
|
|