โครงการพัฒนาศักยภาพแกนนำเยาวชนจิตอาสาในสถานศึกษา นอกจากจะเป็นโครงการที่ดี ทำให้เยาวชนมีโอกาสแสดงน้ำใจแก่ผู้ป่วยในโรงพยาบาลพระมงกุฏเกล้า และโรงพยาบาลเด็กแล้ว ยังทำให้สังคมได้รู้จักเยาวชนจิตอาสาอีกมากมาย ซึ่งพวกเขาและพวกเธอต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าได้เรียนรู้อะไรมากมาย กับทั้งได้เห็น คุณค่าของ การให้ ที่มีค่ามากกว่าการได้รับตลอดเวลา
เพลง-น.ส.ปรียาพรรณ ศรีพลอย นักเรียนชั้น ม. 5 โรงเรียนสันติราษฎร์วิทยาลัยกรุงเทพฯ ผู้พกพาความสดใสและรอยยิ้มละไมไปให้กับน้องๆ ผู้ป่วยเด็กเล็กโรงพยาบาลเด็กรวมถึงพี่ๆ ผู้ป่วยทหารหาญภาคใต้ ในทุกครั้งที่พี่เลี้ยงจากมูลนิธิกระจกเงาพาไปร่วมกิจกรรมเล่าว่าเธอก็เป็นอีกหนึ่งคนเช่นกันที่ได้เรียนรู้สิ่งดีๆ มากมายจากโครงการภายใต้การสนับสนุนของมูลนิธิสยามกัมมาจล ธนาคารไทยพาณิชย์ (มหาชน) ซึ่งก่อนหน้านั้นเธอเองก็ไม่ต่างจากวัยรุ่นวัยเรียนทั่วไปที่มีภารกิจหลักคือการมุ่งมั่นตั้งใจเรียน เพื่อทำให้คุณพ่อคุณแม่ชื่นใจ ซึ่งก็เท่ากับเป็นการทำเพื่ออนาคตที่ดีของตัวเอง ทว่าการเปิดใจทำกิจกรรมจิตอาสาก็ดูจะเป็นกิจกรรมใหม่ที่เติมเต็มช่องว่างในหัวใจ และทำให้เพลงมองเห็นคุณค่าในตัวเองมากขึ้น
"ที่โรงเรียน คุณครูจะบอกว่าถ้าเรียนอย่างเดียวเราก็จะเห็นโลกแต่ในหนังสือ ทำไมไม่ลองไปทำกิจกรรมอื่นๆ ภายนอกดูบ้างล่ะ ที่จะทำให้เรามองโลกได้กว้างขึ้น ได้ลองทำกิจกรรมร่วมกับเพื่อนมันดีนะ การอ่านหนังสือมันก็ดี แต่ว่าเราต้องแบ่งเวลาเรียนหนังสือกับการทำกิจกรรมด้วย" เยาวชนจิตอาสาเล่า
ครั้งแรกที่ได้ทำกิจกรรมกับน้องผู้ป่วยที่โรงพยาบาลเด็ก เพลงได้ทำกิจกรรมเล่านิทานพูดคุย และวาดภาพระบายสีกับน้องผู้ป่วยตัวน้อยที่ภายนอกแม้จะดูแข็งแรงแต่ภายในกลับถูกรุมเร้าไปด้วยโรคภัยไข้เจ็บมากมาย เป็นบทเรียนที่ทำให้เห็นถึงความไม่แน่นอนของชีวิต อีกทั้งทำให้รู้ซึ้งถึงความรักของแม่ที่มีต่อลูก
"เวลาไปทำกิจกรรมกับน้อง คุณแม่ของน้องก็จะอยู่ด้วย เคยไปทำกิจกรรมตอนที่น้องเขาหลับอยู่ ก็ได้คุยกับคุณแม่ ก็พบว่าเขามีความเครียดอยู่ในใจ พอเราไปนั่งคุยกับเขา เขาได้ระบาย เขาก็บอกว่าเขาเครียดนะ มีลูกชายคนโตหวังว่าในวัยนี้ลูกจะได้เรียนหนังสือ ได้วิ่งเล่นสนุกสนานเหมือนเพื่อนวัยเดียวกันคนอื่นๆ แต่กลับต้องมานอนป่วยตั้งแต่เกิดจนถึง 2 ขวบพอได้พูดคุยกับเราสีหน้าเขาก็ดูดีขึ้น" เพลงเล่าสีหน้ามีความสุขคละเคล้าไปกับความประทับใจในความรักของแม่ พลอยทำให้เพลงรู้สึกรักแม่ของตัวเองมากขึ้น หลังจากการทำกิจกรรมครั้งแรกเพลงได้เริ่มชักชวนเพื่อนๆ ไปทำกิจกรรมด้วยกันมากขึ้น จากทีแรกที่มีแค่ 7 คน จนเวลานี้มีทั้งเพื่อนในห้องเดียวกันและเพื่อนต่างห้อง
"ตอนไปชวนเพื่อน บางคนก็จะบอกว่าเราไม่มีดีอะไรหรอก จะไปช่วยอะไรเขา หนูก็จะบอกว่าเราก็ไม่มีอะไรเหมือนกัน วันๆ ก็มีแต่เรียนอย่างเดียว มีอะไรที่โดดเด่นล่ะ ก็นี่ไง ก็ไปนั่งพูดคุยกับเขา เป็นเพื่อนเขาก็โอเคแล้วดีกว่าไปเที่ยว ที่ก็ไปเที่ยวกันจนเบื่อเต็มที่แล้ว เขาก็ว่าลองไปดูสักครั้งก็แล้วกัน ปรากฏว่าพอไปทำแล้วก็ติดใจ ไปกันเรื่อยๆ สำหรับเพลงเองแล้วไม่เคยมีประสบการณ์อื่นที่มันทำให้สุขใจมากกว่านี้เลย นี่เป็นครั้งแรกเลย"
กิจกรรมนี้ยังทำให้ตัวตนภายในของเพลงเติบโต เปลี่ยนแปลง จากสาวน้อยวัยเรียนที่แต่ก่อนจะภาคภูมิใจกับเรื่องของตัวเองอย่างเรื่องผลการเรียน เมื่อได้เกรดดี ก็จะภูมิใจ แต่เมื่อได้รู้จักงานอาสาสมัคร ก็ทำให้รู้จักการทำเพื่อผู้อื่น อย่างการให้โดยสิ่งตอบแทนที่มีกลับมาคือความอิ่มอกอิ่มใจ
"ครั้งแรกที่ได้ทำกิจกรรมก็เริ่มรู้สึกบ้างแล้วว่าเราเป็นผู้ให้นะ เราทำได้นี่ พอมาแลกเปลี่ยนกับเพื่อนๆ อีก ก็ทำให้รู้สึกว่าเราเป็นทั้งผู้ให้และผู้รับนะ เป็นผู้ให้คือเราไปทำกิจกรรมแบ่งเบาความทุกข์ให้น้อง เป็นผู้รับคือน้องเขาให้ความรู้สึกดีๆ กับเรา พอไปทำกิจกรรมกลับมา ช่วงที่มันยังอิ่มใจอยู่ เราก็คิดว่าฉันได้ไปทำอะไรดีๆ มานะ บางทีการเป็นผู้ให้มันก็ดีกว่าการเป็นผู้รับตลอด" สาวน้อยจากรั้วสันติราษฎร์วิทยาลัยกล่าว
ทั้งนี้ ที่โรงเรียนของเพลง ผู้บริหารยังให้การสนับสนุนนักเรียนทำกิจกรรมจิตอาสา เปิดกว้างให้เยาวชนได้คิดได้พัฒนาโครงการจิตอาสาเพื่อขอรับการสนับสนุนจากโรงเรียน ซึ่งนอกจากกิจกรรมจิตอาสาในโรงพยาบาลแล้ว เพลงและเพื่อนยังได้ทำกิจกรรมกับเด็กๆ ที่ศูนย์การเล่น ชุมชนวัดดวงแข ภายใต้การดำเนินการของมูลนิธิเพื่อการพัฒนาเด็ก โดยไปสอนเด็กๆเพนท์กระถาง ทำให้รู้สึกสนุกสนานและเห็นอีกสังคมหนึ่งที่ไม่เคยเห็น ได้ทราบว่ายังมีคนอีกกลุ่มหนึ่งที่เจอกับอะไรแย่ๆ เกิดการขบคิดเปรียบเทียบ ทำให้เพลงทราบว่าตัวเองยังโชคดีกว่าผู้อื่นอีกมาก และน่าจะนำเอาสิ่งดีๆ ที่ตนเองมีอยู่ไปแบ่งปันให้ผู้อื่นบ้าง
"เขาก็คงมีความฝันเหมือนกับเรา แต่ในมุมของเขาอาจมีข้อจำกัด ทำให้เขาอาจทำมันไม่ได้สาวน้อยจิตอาสากล่าวทิ้งท้าย