Advertisement
ศ.ดร. วิโรจน์ ตันตราภรณ์ ที่ปรึกษาสถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี อธิบายว่า การที่คลื่นไมโครเวฟสามารถให้ความร้อนในเตาอบไมโครเวฟได้นั้น เพราะคลื่นไมโครเวฟที่อยู่ในเตาอบไมโครเวฟนั้นเคลื่อนที่ด้วยความเร็วสูง เพราะฉะนั้นคลื่นไมโครเวฟที่อยู่ในเตาอบไมโครเวฟก็จะเคลื่อนที่สะท้อนกลับไปกลับมาเป็นพันๆ ล้านๆ ครั้งต่อวินาที เปรียบเสมือนเวลาที่เราเดินผ่านมดถ้าเดินผ่านครั้งเดียวคงไม่สามารถที่จะเหยียบมดให้ตายได้ แต่ถ้าเราเดินย่ำกลับไปกลับมาตรงที่เดิมหลายครั้งเราก็คงต้องเหยียบมดตายสักครั้ง นี่คือเหตุผลว่าทำไมเตาอบไมโครเวฟจึงสามารถทำให้อาหารสุกและทำให้อาหารร้อนได้
สมมุติว่าถ้าเรานำศีรษะของเราใส่เข้าไปในเตาอบไมโครเวฟแล้วปิดเตาอบไมโครเวฟ คลื่นไมโครเวฟก็คงทำให้ศีรษะเราพังได้เหมือนกัน แต่ตามปกติแล้วเมื่อคลื่นไมโครเวฟเคลื่อนที่ผ่านร่างกายเรา เราก็จะไม่รู้สึกอะไรเลย ก็เหมือนกับเวลาที่เราฟังวิทยุ แม้ว่าจะนำวิทยุไปวางไว้ด้านหน้าหรือด้านหลังเราก็ได้ยินเสียงวิทยุเท่าเดิม ในกรณีของคลื่นไมโครเวฟที่อยู่ในเตาอบไมโครเวฟนั้นบริเวณที่มีคลื่นไมโครเวฟมากที่สุดก็คือบริเวณตรงกลางของเตาอบไมโครเวฟ เพราะฉะนั้นถ้ามีมดสักตัวไต่อยู่ที่ฝาไมโครเวฟคลื่นไมโครเวฟก็จะเคลื่อนที่ผ่านมดตัวนั้นไปโดยไม่เกิดอันตรายใดๆ กับมดเลย
นอกจากเราจะนำมดตัวนั้นวางไว้ตรงกลางของเตาอบไมโครเวฟเท่านั้น ซึ่งโอกาสที่คลื่นไมโครเวฟที่อยู่ในเตาอบไมโครเวฟจะเข้าไปทำลายเซลล์หนึ่งเซลล์ในสมองของเรานั้นมีเปอร์เซ็นต์น้อยมาก ในการดำเนินชีวิตประจำวันมนุษย์ได้รับอันตรายจากรังสีต่างๆ ในธรรมชาติมากกว่าจะได้รับอันตรายจากคลื่นไมโครเวฟที่มีอยู่ในเตาอบไมโครเวฟเสียอีก เช่น รังสียูวีจากแสงอาทิตย์ที่สามารถทะลุผ่านชั้นผิวหนังของเราและอาจจะทำให้เราเกิดโรคมะเร็งที่ผิวหนังได้ เพราะฉะนั้นจากความเชื่อที่ว่าเตาอบไมโครเวฟสามารถทำให้เกิดโรคมะเร็งได้นั้นก็ไม่เป็นความจริง และยังไม่มีข้อพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์ยืนยันว่า เตาไมโครเวฟทำให้ผู้ที่ใช้เกิดโรคมะเร็งได้
TIPS
แนวความคิดในการใช้คลื่นไมโครเวฟมาให้ความร้อนในการทำอาหารค้นพบโดย เพอร์ซี่ สเปนเวอร์ ซึ่งทำงานในบริษัทเรธีออน ในขณะที่เขากำลังสร้างแมกนีตรอนสำหรับใช้ในระบบเรดาห์อยู่นั้น เขาได้สังเกตเห็นช็อคโกแลคในกระเป๋าเสื้อของตนละลาย จึงเกิดความคิดที่จะใช้คลื่นไมโครเวฟทำอาหารขึ้นมา อาหารชนิดแรกที่อบโดยตู้ไมโครเวฟคือ ข้าวโพดคั่วและไข่ซึ่งระเบิดระหว่างทำการทดลอง
ที่มา http://knowledgesharing.thaiportal.net/บทความ/tabid/93/articleType/ArticleView/articleId/130/.aspx
Advertisement
เปิดอ่าน 10,736 ครั้ง เปิดอ่าน 14,999 ครั้ง เปิดอ่าน 1,215 ครั้ง เปิดอ่าน 11,466 ครั้ง เปิดอ่าน 14,955 ครั้ง เปิดอ่าน 8,376 ครั้ง เปิดอ่าน 12,986 ครั้ง เปิดอ่าน 11,805 ครั้ง เปิดอ่าน 23,665 ครั้ง เปิดอ่าน 17,631 ครั้ง เปิดอ่าน 13,324 ครั้ง เปิดอ่าน 9,165 ครั้ง เปิดอ่าน 26,178 ครั้ง เปิดอ่าน 21,097 ครั้ง เปิดอ่าน 10,280 ครั้ง เปิดอ่าน 14,341 ครั้ง
|
เปิดอ่าน 19,268 ☕ คลิกอ่านเลย |
เปิดอ่าน 17,982 ☕ คลิกอ่านเลย |
เปิดอ่าน 14,336 ☕ คลิกอ่านเลย |
เปิดอ่าน 497 ☕ คลิกอ่านเลย |
เปิดอ่าน 14,064 ☕ คลิกอ่านเลย |
เปิดอ่าน 10,248 ☕ คลิกอ่านเลย |
เปิดอ่าน 10,771 ☕ คลิกอ่านเลย |
|
≡ เรื่องน่าอ่าน/สาระน่ารู้ ≡
เปิดอ่าน 23,659 ครั้ง |
เปิดอ่าน 65,384 ครั้ง |
เปิดอ่าน 33,262 ครั้ง |
เปิดอ่าน 34,777 ครั้ง |
เปิดอ่าน 15,510 ครั้ง |
|
|