ค้นหาทุกอย่างในเว็บครูบ้านนอก :
ชุมชนครู บุคลากรทางการศึกษา และนักเรียน แหล่งความรู้สำหรับครู นักเรียน ข่าวการศึกษา ห้องสมุดความรู้ทุกกลุ่มสาระการเรียนรู้ และความรู้ทั่วไป เผยแพร่ผลงานวิชาการ ที่นี่


ข่าวการศึกษา     ความรู้ทั่วไป     งานราชการ/รัฐวิสาหกิจ/บริการสังคมเรื่องราวจากสมาชิก  ▶ ข่าว/บทความ ▶ หน้าแรก

ดื่มนมเปรี้ยวไม่ทำให้ผอม


เรื่องราวจากสมาชิก เปิดอ่าน : 7,143 ครั้ง
Advertisement

ดื่มนมเปรี้ยวไม่ทำให้ผอม

Advertisement

❝ แล้วลดน้ำหนักด้วยวิธีไหน? เจ๋งกว่ากัน ❞

นมเปรี้ยวกำลังเป็นที่นิยมดื่มในหมู่สาวๆ ที่กลัวอ้วน อยากลดน้ำหนัก ทั้งพ่อแม่ก็นิยมซื้อให้ลูกดื่มด้วยเข้าใจว่ามีประโยชน์เหมือนดื่มนมสดแถมยังเข้าใจว่าดื่มแล้วไม่อ้วนอีกด้วย ซึ่งก็เป็นผลจากภาพโฆษณาที่ใช้นางแบบรูปร่างผอมบาง จึงชวนให้เชื่อว่าดื่มแล้วผอมเหมือนนางแบบ

 

 


 

นมเปรี้ยวเป็นผลิตภัณฑ์ที่ได้จากการนำนม มาหมักด้วยจุลินทรีย์ที่ไม่ทำให้เกิดโรค จุลินทรีย์จะเพิ่มจำนวนมากขึ้น และทำปฏิกิริยากับน้ำตาลแลคโตส ซึ่งเป็นน้ำตาลธรรมชาติในน้ำนม เกิดกรดแลคติคที่มีรสเปรี้ยว ได้นมที่มีลักษณะเป็นครีมข้นๆ เรียกว่า โยเกิร์ตชนิดรสธรรมชาติ แต่ในบ้านเรานิยมเติมน้ำตาล น้ำเชื่อม ผลไม้เชื่อมลงไป หรือทำให้เหลวแล้วเติมน้ำตาล และแต่งรสผลไม้เป็นนมเปรี้ยวชนิดดื่ม ซึ่งเป็นชนิดที่นิยมกันมาก

แต่นมเปรี้ยวชนิดดื่มที่นิยมกันอย่างมากในปัจจุบันนั้น ส่วนใหญ่มีนมเป็นส่วนประกอบเพียงร้อยละ 35-50 และที่สำคัญนมเปรี้ยวชนิดดื่มเหล่านี้ รวมทั้งชนิดไลท์ที่ทำมาจากนมพร่องมันเนย มีน้ำตาลผสมสูงถึงร้อยละ 8-20 สูงกว่านมหวานอย่างมาก และสูงใกล้เคียงกับน้ำอัดลมทีเดียว

 


 

"ดื่มนมเปรี้ยว 1 กล่อง (180 มล.) จึงได้น้ำตาล 3 ช้อนชา บางยี่ห้อมีน้ำตาลสูงถึง 7 ช้อนชา ในขณะที่แนะนำให้กินน้ำตาลไม่เกินวันละ 6 ช้อนชา ดื่มนมเปรี้ยววันละ 2 กล่อง จึงหมดโควตาแล้ว จึงไม่ต้องสงสัยว่ายิ่งดื่มนมเปรี้ยวมาก วันละหลายกล่อง แทนที่จะผอมลง กลับน้ำหนักเพิ่มขึ้น เพราะนมเปรี้ยวที่มีน้ำตาลสูงเหล่านี้ให้พลังงานพอๆ กับนมสดรสจืด และสูงกว่านมจืดพร่องมันเนย แต่มีโปรตีน แคลเซียม วิตามิน และแร่ธาตุอื่นเพียงครึ่งเดียว และไม่ต้องหวังว่าจะได้ประโยชน์จากจุลินทรีย์ที่ยังมีชีวิต เนื่องจากกระบวนการผลิตนมเปรี้ยวชนิดดื่มแบบยูเอชที จุลินทรีย์ตายหมดแล้ว

จึงควรเข้าใจเสียใหม่ว่านมเปรี้ยวไม่ได้ช่วยให้ผอม คนอ้วนจึงควรดื่มนมจืดพร่องมันเนย ถ้าดื่มนมสดแล้วไม่สบายท้องหรืออยากเปลี่ยนรสชาติบ้าง ก็ให้เลือกโยเกิร์ตรสธรรมชาติ หรือเพลนโยเกิร์ต จะดีกว่า คนที่ไม่อ้วนถ้าอยากดื่มนมเปรี้ยวให้เลือกชนิดที่มีส่วนผสมเป็นนมวัวสูง และมีน้ำตาลต่ำ

ที่มา : http://www.numwan.com/health/view.asp?GID=22

เว็บไซต์ดีดีแนะนำ www.nbthai.com

ประโยชน์ของการดื่มนมเปรี้ยว

ใครที่ชอบดื่มนมเปรี้ยว รู้ถึงประโยชน์ของนมเปรี้ยวกันหรือไม่ วันนี้เกร็ดความรู้มีมาบอกกัน...



การดื่มนมเปรี้ยว

จะได้รับกรดแลคติก ที่เกิดจากการหมักตัวของจุลินทรีย์ในนมเปรี้ยว ซึ่งจะช่วยให้ร่างกายดูดซึมแคลเซี่ยมและฟอสฟอรัสได้ดียิ่งขึ้น ผู้สูงอายุ หรือผู้ป่วยที่มีอาการท้องเสีย ที่กระเพาะมีปริมาณความเป็นกรดลดลง ทำให้อาหารไม่สามารถย่อยได้ดี




การดื่มนมเปรี้ยว

จะช่วยปรับสภาพของกระเพาะอาหารให้เป็นกรดขึ้น และทำให้การดูดซึมอาหารดีขึ้น รวมทั้งป้องกันไม่ให้เชื้อโรคตัวอื่น ๆ รุกล้ำเข้าไปในระบบย่อยอาหาร และนอกจากนี้จุลินทรีย์ที่เติมในนมเปรี้ยวยังมีส่วนช่วยในการขับถ่ายอีกด้วย




การดื่มนมเป็นสิ่งที่ดี

ร่างกายจะได้รับสารอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกายครบถ้วน ดังนั้นการดื่มนมเปรี้ยวจึงต้องพิจารณาวัตถุดิบที่นำมาผลิต รวมทั้งราคาเมื่อเทียบกับปริมาณของอาหาร และสารอาหารที่ได้รับจากผลิตภัณฑ์อื่น ๆ ในลักษณะใกล้เคียงกัน แต่ถ้าคิดจะบริโภคเป็นอาหารว่าง เพื่อเป็นการเปลี่ยนรสชาติบ้างคงไม่เป็นไร

รู้อย่างนี้แล้ว ลองหันมาดื่มนมเปรี้ยว เพื่อสุขภาพที่ดีกันดีกว่า.




ลดน้ำหนักด้วยวิธีไหน? เจ๋งกว่ากัน

รูปภาพของ lin

ลดน้ำหนักด้วยวิธีไหน? เจ๋งกว่ากัน

ผลการวิจัยระบุว่า ความสำเร็จของโปรแกรมลดน้ำหนักในระยะยาวส่วนใหญ่ต้องอาศัยการออกกำลังกาย เข้า มาเป็นส่วนประกอบสำคัญ เพราะในความเป็นจริงคนที่อดอาหารเพียงอย่างเดียว แม้น้ำหนักจะลด แต่วันหนึ่งคนเหล่านั้นก็จะกลับมาอ้วนอีก หรือบางครั้งอาจจะอ้วนกว่าเดิมด้วยซ้ำ ถ้างั้นวิธีที่ดีที่สุด คืออะไร

ออกกำลังกาย

วันนี้ จะชวนคุณไปสู่ทางเลือกใหม่ เพื่อการลดน้ำหนักที่เห็นผล ที่นอกจากจะรวดเร็วแล้วยังช่วยให้คุณมีสุขภาพดีอีกด้วย และนี่คือ 4 เหตุผลว่าทำไมคุณจึงควรออกกำลังกายไปควบคู่กับการอดอาหาร

1.การออกกำลังกายช่วยเสริมการทำงานในระบบเมตตาบอลิซึ่มของคุณ
การ ทำกิจกรรมกลางแจ้ง หรือการออกกำลังกาย จะช่วยเปลี่ยนแปลงพลังงานหรือเพิ่มระสิทธิภาพในการทำงานของระบบเมตาบอลิซึ่ม ในร่างกายของคุณให้สมดุล

2.หลักการเผาผลาญพลังงาน
ตาม สูตรแล้ว ไขมัน1ปอนด์ เท่ากับ 3,500 แคลลอรี่ ซึ่งตามปกติร่างกายของคุณสามารถกำจัดแคลลอรี่ได้วันละ 500 แคล ดังนั้นหากคุณต้องการลดไขมันในร่างกาย 1 ปอนด์ หมายความว่าคุณต้องใช้เวลา 1 สัปดาห์ด้วยกัน ดังนั้นเพื่อย่นเวลาการเผาผลาญ จะดีกว่ามั้ย ถ้าคุณจะช่วยร่างกายกำจัดแคลลอรี่ด้วยการออกกำลังกายไปควบคู่กัน ที่สำคัญการควบคุมอาหารยังทำให้กระบวนการเมตาบอลิซึ่มในร่างกายของคุณมี ประสิทธิภาพลดลง

3.การทำกิจกรรมหนึ่งจะส่งผลให้เกิดการทำกิจกรรมที่มากขึ้นไปอีก
จากผลการวิจัยระบุว่า คนที่ออกกำลังกายจะทำให้คนนั้นกระฉับกระเฉงไปตลอดทั้งวัน

4. การออกกำลังกายช่วยสร้างกล้ามเนื้อ
คุณ สามารถเพิ่มจำนวนและขนาดของกล้ามเนื้อด้วยการออกกำลังกาย ทั้งนี้บางครั้งเรายังได้รับไฟเบอร์จากอาหารเพื่อใช้ในการสร้างกล้ามเนื้อ และเพื่อที่จะให้ไฟเบอร์ในกล้ามเนื้อได้รับการหล่อเลี้ยง ร่างกายจะไปดึงแคลลอรี่จากไขมันที้เก็บไว้ในร่างกาย ดังนั้นถ้าคุณต้องการให้ร่างกายเผาผลาญไขมันมากขึ้น คุณก็ต้องใช้พลังงานมากขึ้น แต่ที่น่าสนใจกว่านั้นคือ ยิ่งคุณมีกล้ามเนื้อมากเท่าไหร่ แคลลอรี่ในร่างกายของคุณก็จะถูกเผาผลาญมากขึ้นเท่านั้น ซึ่งนั่นหมายความว่าน้ำหนักตัวของคุณจะลดลงได้เร็วขึ้น

ที่มา : http://women.sanook.com/health/fitness/fitness_55038.php

เว็บไซต์ดีดีแนะนำ www.nbthai.com

 

กินผลไม้ถูกเวลา...มากคุณค่า

รูปภาพของ lin

กินผลไม้ถูกเวลา...มากคุณค่า

 คนส่วนใหญ่ทราบว่าเราควรกินผลไม้เพราะจะได้คุณค่าสารอาหารทั้งคาร์โบไฮเดรต วิตามิน เกลือแร่ กรดอะมิโน กรดไขมันต่างๆ ที่จำเป็น


 

คนส่วนใหญ่ทราบว่าเราควรกินผลไม้เพราะจะได้คุณค่าสารอาหารทั้งคาร์โบไฮเดรต วิตามิน เกลือแร่ กรดอะมิโน กรดไขมันต่างๆ ที่จำเป็น ซึ่งจะเป็นกำลังเสริมให้ระบบต่างๆ ในร่างกายทำงานได้เต็มประสิทธิภาพมากขึ้น ผลไม้บางครั้งยังเป็นเหมือนยาบำบัดที่ธรรมชาติสร้างให้มนุษย์ เช่นในวันที่อากาศร้อนๆ หากได้ลิ้มรสแตงโมสักชิ้นก็ทำให้ฉ่ำชื่นใจคลายร้อนไปได้มาก หรือคุณอาจเคยได้ยินว่ากินกล้วยน้ำว้าแล้วจะทำให้คลายจากท้องผูก แถมยังทำให้อารมณ์ดี เพราะเชื่อว่าในกล้วยมีสาร Tryptophan เมื่อกินเข้าไปจะเปลี่ยนเป็น Serotonin ที่เป็นสารสร้างความสุขให้กับคนเรา แต่ก็เชื่อว่าหลายๆ คนยังมองการกินผลไม้เป็นเรื่องรอง มีก็กิน ไม่มีก็ไม่กิน หรือบางคนตั้งใจกินผลไม้แต่กินผิดเวลา คุณค่าที่ควรจะได้จากผลไม้ที่กินเข้าไปก็เลยลดลงอย่างน่าเสียดาย

ร่างกายคนเราเหมาะจะย่อยผลไม้มากกว่าเนื้อสัตว์
หนังสือขายดีไปทั่วโลกชื่อ Fit for Life ของนักบรรยายเรื่องโภชนาการชาวอเมริกัน ฮาร์วีย์ และมาริลีน ไดมอนด์ ได้เสนอแนวคิดที่น่าสนใจเกี่ยวกับการกินผลไม้จนเราอดไม่ได้ที่ต้องนำมาถ่าย ทอดสู่กันฟังว่า ที่จริงแล้วเมื่อสืบค้นถึงประวัติศาสตร์ชาติพันธุ์มนุษย์ อย่างที่ ดร.อลัน วอล์คเกอร์ นักมานุษยวิทยาคนสำคัญ ได้เผยผลการศึกษาในหนังสือพิมพ์นิวยอร์คไทม์ เมื่อวันที่ 15 พ.ค. 2522 นั้น ดร.วอล์คเกอร์ได้ศึกษาอย่างละเอียดทั้งจากหลักฐานโครงกระดูกและฟันของมนุษย์ ตลอดจนซากฟอสซิลต่างๆ เขายืนยันว่ามนุษย์นั้นแต่เดิมไม่ใช่เป็นพวกที่กินเนื้อ เมล็ดพืช หรือแม้แต่ผักหญ้าใดๆ หากแต่ดำรงชีวิตอยู่ด้วยการเก็บผลไม้มากิน ธรรมชาติได้สร้างร่างกายคนให้รองรับกับการกินผลไม้เป็นอาหารตั้งแต่ไหนแต่ไร มา เพิ่งมามีช่วงศตวรรษที่ผ่านมานี้เองที่เราหันไปกินเนื้อสัตว์กันมากขึ้นกว่า เดิมมาก ซึ่งผลตามมาก็คือ ร่างกายต้องปรับตัวอย่างหนัก บางครั้งปรับตัวไม่ไหวก็กลายเป็นพิษ เห็นจากอุบัติการณ์เพิ่มขึ้นของโรคหลอดเลือดหัวใจ เบาหวาน หรือมะเร็งนานาชนิด ไม่ว่าจะเป็นมะเร็งเม็ดเลือด เต้านม ตับ กระเพาะอาหาร ฯลฯ ขณะที่การกินผลไม้เป็นวิธีสำคัญที่ช่วยล้างพิษ เพราะผลไม้ส่วนใหญ่มีน้ำประกอบอยู่ในปริมาณ 80-90% ทั้งมีกากใย จึงช่วยกวาดล้างพิษต่างๆ ซึ่งคั่งค้างในร่างกายให้ออกไปโดยการขับถ่าย ดังนั้นเมื่อรวมกับสารอาหารที่เราได้จากผลไม้แล้ว จึงนับว่าเป็นอาหารที่ให้ประโยชน์กับร่างกายสูงกว่าอาหารอีกหลายชนิด ในข้อแม้ว่าต้องกินอย่างถูกต้องและเหมาะสมจริงๆ

นอกจากให้สารอาหารต่างๆ แล้ว ไดมอนด์ยังยืนยันว่าการกินผลไม้ แม้จะมีน้ำตาล คาร์โบไฮเดรต และแคลอรีสูง แต่ไม่ได้ทำให้เราอ้วนแบบการกินอาหารชนิดอื่นๆ โดยอ้างถึงผลงานวิจัยของ ศ.จูดิท โรแดง จากมหาวิทยาลัยเยล ที่ได้แถลงผลงานวิจัยของเธอในเดือน ต.ค.ปี 2526 เกี่ยวกับน้ำตาลในผลไม้มีผลต่อการกินอาหารมื้อต่อไปได้ลดลง โดยทดลองให้คนดื่มน้ำหวานจากน้ำตาลฟรุคโตสที่ได้จากผลไม้กลุ่มหนึ่ง เปรียบเทียบกับอีกกลุ่มที่ให้กินน้ำหวานจากน้ำตาลซูโครส แล้วให้ทั้งสองกลุ่มกินอาหารมื้อต่อไป พบว่ากลุ่มที่กินน้ำตาลผลไม้จะกินอาหารมื้อต่อไปได้น้อยกว่าอีกกลุ่มเฉลี่ย ถึง 479 แคลอรี ขณะที่ ดร.วิลเลียม คาสเทลลี จากฮาร์วาร์ด และศูนย์ศึกษาโรคหัวใจฟรามิงแฮม (แมสซาชูเส็ท) พบว่าสารหลายชนิดที่พบในผลไม้มีส่วนช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดโรคหัวใจและ หัวใจวายได้ โดยช่วยป้องกันไม่ให้เลือดจับตัวหนาจนไปอุดตันในหลอดเลือด นอกจากนี้ร่างกายจะใช้เวลาในการย่อยและดูดซึมสารอาหารจากผลไม้ไปใช้ในร่าง กายเพียง 20-30 นาทีเท่านั้น แถมยังใช้พลังงานสำหรับการย่อยน้อยมาก (โดยเฉพาะผลไม้ที่มีน้ำมาก เช่น ส้ม องุ่น ในขณะที่หากเป็นกล้วย ทุเรียน อินทผลัม ซึ่งมีน้ำน้อยจะใช้เวลาย่อยนานขึ้น) ซึ่งต่างกับการกินอาหารชนิดอื่น เช่น ข้าว เนื้อสัตว์ ฯลฯ จะต้องใช้พลังงานในการย่อยอย่างสูง ใช้เวลานานตั้งแต่ชั่วโมงครึ่ง ถึง 4 ชั่วโมง หรือหากกินอาหาร หลายๆ อย่างพร้อมกัน เช่น เนื้อสัตว์ แป้ง ในปริมาณมากๆ อาจใช้เวลาย่อยนานถึง 8 ชั่วโมง ใช้พลังงานไปกับการย่อยเต็มที่ ผลก็คือ ทำให้เรารู้สึกเพลีย ง่วงเหงาหาวนอนหลังอาหารมื้อนั้น ซึ่งอาการนี้จะไม่เกิดเลยหลังจากที่เรากินผลไม้เข้าไป

กินผลไม้ตอนท้องว่าง...ได้ประโยชน์สูงสุด
ไดมอนด์เสนอแนวความคิดว่าน้ำและกากใยในผลไม้ช่วยในการขับถ่ายของเสียออก จากร่างกาย จึงช่วยลดน้ำหนักได้ และร่างกายจะใช้ประโยชน์จากผลไม้สูงสุดต่อเมื่อคนนั้นต้องกินผลไม้อย่างถูก วิธี คือการกินผลไม้ขณะที่ท้องว่าง ไม่ควรกินผลไม้พร้อมกับหรือหลังอาหารอื่นๆ หรือหากกินผลไม้แล้วจะกินอาหารอื่นตาม ก็ควรรอเวลาอย่างน้อย 20-30 นาทีเพื่อให้ผลไม้ที่กินเข้าไปตกสู่ลำไส้เล็กและดูดซึมสารอาหารจากผลไม้เข้า สู่ร่างกายได้อย่างเต็มที่ การห้ามกินผลไม้หลังอาหารนั้นเพราะเมื่ออาหารตกถึงกระเพาะจะใช้เวลาย่อย ประมาณ 4 ชั่วโมง หากกินผลไม้ตามลงไปแทนที่จะผ่านไปยังลำไส้เล็กได้เลยก็จะต้องถูกขัดขวางจาก อาหารที่รอการย่อยเหล่านั้น ระหว่างนี้ทั้งอาหารและผลไม้ที่ผสมกันในกระเพาะจึงอาจทำให้เกิดการหมักบูด เกิดแก๊ส ซึ่งมีผลให้เกิดอาการแน่น จุก หรือไม่สบายท้องได้ ทั้งนี้สอดคล้องกับแนวคิดของ ดร.เฮอร์เบิร์ต เอ็ม. เชลตัน ผู้เชี่ยวชาญเรื่องโภชนาการของสหรัฐฯ ที่เน้นว่าคุณค่าของผลไม้จะให้ประโยชน์กับเราเต็มที่เมื่อกินขณะท้องว่าง แต่หากใครที่กินผลไม้ไม่ถูกวิธี แต่ไม่รู้สึกแย่อะไร ก็แสดงว่าร่างกายคุณปรับตัวได้ดี แต่ก็น่าเสียดายที่จะไม่ได้รับคุณค่าของผลไม้เต็มที่อย่างที่ควรจะเป็น

ดังนั้นหากใครที่กินอาหารแล้วต้องการกินผลไม้ตาม ควรรอเวลาให้อาหารที่กินเข้าไปก่อนหน้านั้นย่อยหมดก่อน แล้วจึงค่อยกินผลไม้ หากเป็นอาหารเบาๆ เช่น สลัดผักสด ใช้เวลารอประมาณ 2 ชั่วโมง หรือหากคุณเพิ่งกินอาหารหนักอย่างเช่น ข้าว หรือเนื้อสัตว์ ที่ใช้เวลาย่อยนานขึ้น ก็อาจต้องรออย่างน้อย 4 ชั่วโมง หรือกินอาหารหลายๆ อย่างรวมกัน มีกากใยน้อย ย่อยยากขึ้น ก็อาจใช้เวลามากถึง 8 ชั่วโมงเลยทีเดียว ซึ่งไม่แนะนำให้กินผลไม้ตามไปในช่วงเวลานั้นเลย

ตามแนวคิดนี้ เวลาที่เหมาะสมที่สุดที่ควรจะกินผลไม้หรือดื่มน้ำผลไม้ คือ ช่วงเช้าของทุกวัน ตั้งแต่ตอนตื่นจนถึงเที่ยง เนื่องจากเป็นช่วงที่ร่างกายสะสมพลังงานไว้เต็มเปี่ยมตลอดคืน ดังนั้นเวลาตื่นจะเป็นช่วงที่ร่างกายสดชื่นที่สุด จึงไม่ควรจะสูญเสียพลังงานที่มีค่าของวันนี้ไปเปล่าๆ กับการย่อยอาหารนานๆ แต่การกินผลไม้ที่ใช้พลังงานในการย่อยต่ำจะช่วยให้เรามีพลังงานเหลือเฟือไว้ ใช้ประโยชน์กับกิจกรรมอื่นๆ ของชีวิต และดูดซึมสารอาหารที่ควรจะได้รับอย่างเต็มที่ รวมทั้งได้กากใยช่วยชับของเสียที่สะสมมาจากวันก่อน ทั้งมีส่วนช่วยให้น้ำหนักลดลง โดยที่ในช่วงเวลาดังกล่าวเราสามารถกินผลไม้ได้มากเท่าที่อยากกิน และเว้นระยะประมาณสักครึ่งชั่วโมงจึงค่อยกินอาหารมื้อกลางวัน หากทำแบบนี้ได้เป็นประจำ ร่างกายเราก็จะได้รับสารอาหารสำคัญจากผลไม้เต็มที่ ช่วยให้เราคงความเป็นหนุ่มเป็นสาวได้ดี มีอายุยืน สุขภาพดี กระชุ่มกระชวย อยู่เสมอ

มาตรฐานคือ ต้อง “สด” 100%
ผลไม้ที่เราจะกิน หรือน้ำผลไม้ จะเป็นชนิดไหนก็ได้ สำคัญที่สุดคือ ต้อง “สด” 100% ไม่ได้ผ่านความร้อน การหมักดอง หรือการปรุงรสใดๆ เพราะร่างกายเราจะนำไปใช้ประโยชน์ได้มากที่สุดเมื่อมันอยู่ในสภาพธรรมชาติ เท่านั้น แต่ผลไม้ที่ผ่านความร้อนปรุงเป็นอาหาร จะสูญเสียคุณค่าในตัวเองไปหมดแล้ว หากเป็นน้ำผลไม้ก็ควรเลือกดื่มชนิดที่คั้นสด 100% จะดีกว่าชนิดที่ผ่านกระบวนการฆ่าเชื้อด้วยความร้อน หรือน้ำผลไม้ที่ผสมจากหัวเชื้อเข้มข้น ซึ่งแบบนั้นจะไม่ได้คุณค่าอาหารแบบที่น้ำผลไม้คั้นสดจะให้ได้ ดื่มน้ำผักหรือผลไม้คั้นสดแทนการดื่มชา กาแฟ ในยามเช้า ก็เป็นหนทางสู่การมีสุขภาพดี แถมยังช่วยให้แต่ละวันของคุณเป็นวันที่แจ่มใสได้อีกด้วย

แนวคิดของไดมอนด์ที่ปรากฏในหนังสือนั้นเป็นอีกแนวทางหนึ่งในการดูแลสุขภาพ ร่างกายให้สอดคล้องกับที่ธรรมชาติสร้างมา ให้ใครสนใจอาจลองนำไปปฏิบัติตามได้ไม่เสียหลายนะคะ

ที่มา : http://www.numwan.com/health/view.asp?GID=18

เว็บไซต์ดีดีแนะนำ www.nbthai.com

โพสต์โดยสมาชิกหมายเลข 4030 วันที่ 16 พ.ค. 2552


ดื่มนมเปรี้ยวไม่ทำให้ผอม

Advertisement

≡ เรื่องอื่นๆ ที่น่าอ่าน ≡

จดหมายจากครูดอย

จดหมายจากครูดอย


เปิดอ่าน 7,406 ครั้ง
ถ้าสิ่งของ.. พูดได้

ถ้าสิ่งของ.. พูดได้


เปิดอ่าน 7,144 ครั้ง
ดูเองแล้วจะรู้!!

ดูเองแล้วจะรู้!!


เปิดอ่าน 7,143 ครั้ง
รกหูรกตา...ต้องกำจัด

รกหูรกตา...ต้องกำจัด


เปิดอ่าน 7,142 ครั้ง
บรรณารักษ์

บรรณารักษ์


เปิดอ่าน 7,404 ครั้ง

:: เรื่องปักหมุด ::

รายงานการใช้บทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอน เรื่อง ทักษะการฟัง  และการ พูดภาษาอังกฤษ กลุ่มสาระการเรีย

รายงานการใช้บทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอน เรื่อง ทักษะการฟัง และการ พูดภาษาอังกฤษ กลุ่มสาระการเรีย

เปิดอ่าน 7,142 ☕ คลิกอ่านเลย

Advertisement

≡ เรื่องน่าสนใจในหมวดหมู่นี้ ≡
รสชาติกาแฟบอกนิสัย
รสชาติกาแฟบอกนิสัย
เปิดอ่าน 7,140 ☕ คลิกอ่านเลย

พบฟ้าผ่ายิ่งถี่-พายุยิ่งทวีความรุนแรง
พบฟ้าผ่ายิ่งถี่-พายุยิ่งทวีความรุนแรง
เปิดอ่าน 7,142 ☕ คลิกอ่านเลย

บรรเทาอาการปวดหัวด้วยตัวคุณ
บรรเทาอาการปวดหัวด้วยตัวคุณ
เปิดอ่าน 7,139 ☕ คลิกอ่านเลย

หลวงปูใหญ่พระครูเทพโลกอุดร.....
หลวงปูใหญ่พระครูเทพโลกอุดร.....
เปิดอ่าน 7,155 ☕ คลิกอ่านเลย

Top 10 (สาวที่ต้องงดจีบ)
Top 10 (สาวที่ต้องงดจีบ)
เปิดอ่าน 7,136 ☕ คลิกอ่านเลย

ชีวิตจริงของผมครับกับ.....ประสบการณ์ตายก่อนตาย เจตนาตายครั้งที่ 4 (ตอน..3 ..)
ชีวิตจริงของผมครับกับ.....ประสบการณ์ตายก่อนตาย เจตนาตายครั้งที่ 4 (ตอน..3 ..)
เปิดอ่าน 7,140 ☕ คลิกอ่านเลย

≡ เรื่องน่าอ่าน/สาระน่ารู้ ≡

เลือกหมอนให้นอนหลับสบาย
เลือกหมอนให้นอนหลับสบาย
เปิดอ่าน 17,553 ครั้ง

10 นวัตกรรมออกแบบ แปลกใหม่-ไฮเทคแห่งปี 52
10 นวัตกรรมออกแบบ แปลกใหม่-ไฮเทคแห่งปี 52
เปิดอ่าน 27,312 ครั้ง

20 เรื่องเหลือเชื่อทางวิทยาศาสตร์
20 เรื่องเหลือเชื่อทางวิทยาศาสตร์
เปิดอ่าน 21,116 ครั้ง

กราฟิกไฟล์สำหรับอินเทอร์เน็ต
กราฟิกไฟล์สำหรับอินเทอร์เน็ต
เปิดอ่าน 32,598 ครั้ง

เมื่อเทคโนโลยีล้างสมองเด็ก อะไรจะเกิดขึ้น?
เมื่อเทคโนโลยีล้างสมองเด็ก อะไรจะเกิดขึ้น?
เปิดอ่าน 21,857 ครั้ง

เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ มากมาย
สนามเด็กเล่น

แหล่งรวมเกมส์ เกมส์ให้เล่นมากมาย ศูนย์รวมเกมส์สนุกๆ เกมส์ความรู้ เกมส์ลับสมอง เกมส์ประลองยุทธ แหล่งรวบรวมข้อมูล เกมส์ เกมส์ออนไลน์ เกมส์มันๆ เกมส์ตัดผม ไว้มากมายที่นี่ ให้เด็กๆได้เลือกเล่นมากมาย คลิกเลย

 
หมวดหมู่เนื้อหา
เนื้อหา แยกตามหมวดหมู่ สามารถเลืออ่านได้ตามหมวดหมู่ที่นี่


· Technology
· บทความเทคโนโลยีการศึกษา
· e-Learning
· Graphics & Multimedia
· OpenSource & Freeware
· ซอฟต์แวร์แนะนำ
· การถ่ายภาพ
· Hot Issue
· Research Library
· Questions in ETC
· แวดวงนักเทคโนฯ

· ความรู้ทั่วไป
· คณิตศาสตร์
· วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
· ภาษาต่างประเทศ
· ภาษาไทย
· สุขศึกษาและพลศึกษา
· สังคมศึกษา ศาสนาฯ
· ศิลปศึกษาและดนตรี
· การงานอาชีพ

· ข่าวการศึกษา
· ข่าวตามกระแสสังคม
· งาน/บริการสังคม
· คลิปวิดีโอยอดนิยม
· เกมส์
· เกมส์ฝึกสมอง

· ทฤษฎีทางการศึกษา
· บทความการศึกษา
· การวิจัยทางการศึกษา
· คุณครูควรรู้ไว้
· เตรียมประเมินวิทยฐานะ
· ผลงานวิชาการเล่มเต็ม
· เครื่องมือสำหรับครู

ครูบ้านนอกดอทคอม

เว็บไซต์เพื่อครู ข่าวการศึกษา ความรู้ การศึกษาไทย

      kroobannok.com

© 2000-2020 Kroobannok.com  
All rights reserved.


Design by : kroobannok.com


ครูบ้านนอกดอทคอม
การจัดอันดับของ Truehits Web Directory

วิธีนำแบนเนอร์ของครูบ้านนอก.คอมไปแปะในเว็บท่าน บันทึกภาพแบนเนอร์นี้และลิงค์มาที่เราครับ (มีแบนเนอร์ 2 แบบ)
 

ครูบ้านนอกดอทคอม เว็บไซต์ของครูตัวเล็กๆ คนหนึ่ง ที่หวังเพียง ใช้เป็นช่องทางในการสื่อสาร แลกเปลี่ยน เพิ่มพูนความรู้ และให้ข่าวสาร ที่ทันสมัยต่อเหตุการณ์แก่คุณครู ผู้ปฏิบัติงานในทุกพื้นที่ของประเทศไทย เพื่อความเจริญงอกงามในปัญญา และเจริญก้าวหน้าในวิชาชีพ

เว็บนี้ถือกำเนิดเมื่อ 5 มกราคม 2548

Email : kornkham@hotmail.com
Tel : 096-7158383

สนใจสนับสนุนเรา โดยลงโฆษณา
คลิกดูรายละเอียดที่นี่ครับ