ความเหมือนที่แตกต่าง
สถานศึกษาที่ผ่านการรับรองคุณภาพการศึกษาจากสำนักงานรับรองมาตรฐานและประเมินคุณภาพการศึกษา (สมศ.) กับ สถานศึกษายอดนิยม ต่างกันหรือเหมือนกันอย่างไร
ในฐานะครูผู้สอนระดับประถมศึกษาปีที่ 6 มีผู้ปกครองนักเรียนหลายท่าน ได้มาสอบถามปรึกษาถึงการนำลูกไปศึกษาต่อในระดับ ม. 1 ว่าควรจะนำลูกไปเรียนในโรงเรียนไหนดี ระหว่างโรงเรียนที่ผ่านการประเมินจาก สมศ. กับโรงเรียนยอดนิยม ข้าพเจ้าจึงได้ให้ข้อแนะนำ ไปตามความคิดเห็น และประสบการณ์ เพื่อใช้เป็นแนวทางในการตัดสินใจไป
สถานศึกษาที่ผ่านการรับรองคุณภาพการศึกษาจาก สมศ. คือ สถานศึกษาที่มีการพัฒนาการบริหารงานในด้านต่าง ๆ และการดำเนินกิจกรรมตามภารกิจปกติของสถานศึกษา พัฒนาคุณภาพของผู้เรียนอย่างต่อเนื่อง ตรงตามขั้นตอนมาตรฐานการปฏิบัติงาน โดยมีการประเมินคุณภาพภายนอกจากสำนักรับรองมาตรฐานและการประเมินคุณภาพการศึกษา (องค์การมหาชน) อย่างเป็นระบบ ที่เชื่อถือได้ และ ได้รับการรับรองมาตรฐานทั้ง 14 มาตรฐาน ใน 3 ด้าน คือ ด้านผู้เรียน ด้านครู และด้านผู้บริหาร ว่ามีการจัดการศึกษาได้มาตรฐานตามที่กำหนด เป็นที่ยอมรับได้
ส่วนสถานศึกษายอดนิยม คือ สถานศึกษาที่ผู้ปกครอง หรือผู้รับบริการให้ความสนใจส่งบุตรหลานเข้าศึกษาเป็นจำนวนมาก เนื่องจากมีจัดการศึกษากิจกรรมการเรียนรู้ หรือพัฒนาผู้เรียน โดยเน้นให้ความสำคัญ หรือพัฒนาผู้เรียนไปในด้านใด ด้านหนึ่ง เป็นพิเศษ ตามความสนใจ หรือความพึงพอใจของผู้ปกครอง ที่เป็นผู้รับบริการเพื่อสนองตอบความต้องการ มีคุณภาพมาตรฐานเป็นที่ยอมรับ
อาทิเช่น ในจังหวัดเชียงรายที่ข้าพเจ้าทำการสอนอยู่ มี โรงเรียนเทศบาล 1 ศรีเกิด จังหวัดเชียงราย จัดการสอนภาษาจีน โรงเรียนองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย ส่งเสริมพัฒนาให้ผู้เรียนเด่นในด้านกีฬา โรงเรียนเทศบาล 6 มุ่งส่งเสริมทักษะทางด้านภาษา และ ICT
หรืออย่างตัวครูเอง (ตัวข้าพเจ้า) มีความสนใจ และรู้สึกสนุก มีความสุข ที่ได้เข้าร่วมกิจกรรมของโรงเรียนในด้านกิจกรรมดนตรี และการแสดง ตอนเรียนในชั้นประถมศึกษา พ่อ แม่ จึงสนับสนุน ส่งเสริมให้เรียน ที่ วิทยาลัยนาฏศิลป์เชียงใหม่ จนสำเร็จระดับ ปริญญาตรี ทำให้มีประสบการณ์ และเป็นพื้นฐานที่ดี ในการประกอบวิชาชีพครูในทุกวันนี้ เป็นต้น
แต่อย่างไรก็ดี ทั้งสถานศึกษาที่ผ่านการรับรองคุณภาพการศึกษาจากสมศ. และ สถานศึกษายอดนิยม ต่างก็ต้องมีการบริหารงาน และการจัดกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน ที่ได้มาตรฐานทั้งมาตรฐานการศึกษาระดับชั้นต่าง ๆ และ ได้มาตรฐานของสมศ. ด้วยเช่นกัน ขึ้นอยู่ที่ความมุ่งมั่นตั้งใจ ของผู้บริหาร และบุคลากรครูในโรงเรียน ที่จะนำพาองค์กรการศึกษาให้บรรลุสู่เป้าหมายการจัดการศึกษาเพียงใด
ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับผู้ปกครองนักเรียนว่าจะให้ความมั่นใจ เชื่อมั่นสถานศึกษาใด ว่าจะสามารถพัฒนาให้บุตรหลาน มีความรู้ความสามารถ ได้อย่างเต็มศักยภาพ และให้ความคำนึงถึง ความชอบ และความสนใจ ของนักเรียนด้วยว่า อยากจะเรียนหรือไม่ มิใช่เป็นความต้องการของผู้ปกครองฝ่ายเดียว แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น นโยบาย เรียนฟรี 15 ปี อย่างมีคุณภาพ ก็เป็นหลักประกัน ที่สำคัญแก่ผู้ปกครองได้ว่า ทุกสถานศึกษาในประเทศไทย จะต้องขับเคลื่อน การศึกษา ไปสู่เป้าหมายสูงสุดให้มีคุณภาพอย่างแน่นอน...
@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@