ค้นหาทุกอย่างในเว็บครูบ้านนอก :
ชุมชนครู บุคลากรทางการศึกษา และนักเรียน แหล่งความรู้สำหรับครู นักเรียน ข่าวการศึกษา ห้องสมุดความรู้ทุกกลุ่มสาระการเรียนรู้ และความรู้ทั่วไป เผยแพร่ผลงานวิชาการ ที่นี่


ค้นหากระทู้
ตั้งกระทู้คำถามใหม่ กลับหน้าที่แล้ว
 
Advertisement

DEAR Model ระบบนิเวศการเรียนรู้แบบไฮบริด (Hybrid Learning Ecosystem) ผ่านศิลปะสร้างสรรค์เพื่อเสริมสร้าง EF และการสื่อสารอย่างมีความหมาย สำหรับเด็กปฐมวัย (หลักสูตร 2568)

การดำเนินงานใช้นวัตกรรมการจัดการเรียนรู้แบบ Hybrid Learning Ecosystem for EF โดยบูรณาการกระบวนการทั้ง 6 ขั้นของ DEAR Model และเชื่อมโยงเป็นลำดับขั้นการดำเนินงานอย่างเป็นระบบ ดังนี้

ขั้นที่ 1 ศึกษาข้อมูลพื้นฐาน แนวคิด ทฤษฎี และเอกสารที่เกี่ยวข้อง

ข้าพเจ้าพัฒนานวัตกรรมศึกษาหลักสูตรการศึกษาปฐมวัย พุทธศักราช 2568 เพื่อทำความเข้าใจเป้าหมายการพัฒนาเด็กปฐมวัยอายุ 3–6 ปี โดยเฉพาะการจัดประสบการณ์ที่ส่งเสริมการแสดงออกอย่างสร้างสรรค์ การสื่อสาร และการพัฒนาทักษะด้านสติปัญญาและภาษา (กระทรวงศึกษาธิการ, 2568 : 6–7) รวมทั้งศึกษาแนวคิดระบบนิเวศการเรียนรู้ (Learning Ecosystem) และการจัดการเรียนรู้แบบไฮบริด (Hybrid Learning) ที่เน้นการเชื่อมโยงแหล่งเรียนรู้ บุคคล สื่อ และกิจกรรมทั้งในและนอกห้องเรียนอย่างเหมาะสมกับวัย (OECD, 2018 : 21)

นอกจากนี้ ได้ศึกษาแนวคิดทฤษฎี Executive Function (EF) ซึ่งเป็นความสามารถในการบริหารจัดการตนเอง เช่น การจดจ่อใส่ใจ การยับยั้งชั่งใจ การวางแผน และการควบคุมอารมณ์ อันเป็นรากฐานสำคัญของการเรียนรู้ในช่วงปฐมวัย (Diamond, 2016 : 339) รวมถึงแนวคิดการเรียนรู้ผ่านศิลปะสร้างสรรค์และการเรียนรู้ผ่านการเล่น ซึ่งช่วยส่งเสริมการสื่อสาร และการเล่าเรื่องอย่างมีความหมายของเด็กปฐมวัย (Zosh et al., 2017 : 8)

ขั้นที่ 2 วิเคราะห์ข้อมูลพื้นฐาน แนวคิด ทฤษฎี และเอกสารที่เกี่ยวข้อง

นำข้อมูลที่ได้จากการศึกษามาวิเคราะห์ความสอดคล้องระหว่างหลักสูตรการศึกษาปฐมวัย พุทธศักราช 2568 แนวคิด EF และแนวคิด Hybrid Learning Ecosystem เพื่อกำหนดกรอบแนวคิดของนวัตกรรม DEAR Model โดยพิจารณาความเหมาะสมกับบริบทของผู้เรียน ระดับปฐมวัยปีที่ 2 โรงเรียนบ้านดงซ่อม รวมถึงจำนวนผู้เรียน 12 คน (ชาย 8 คน หญิง 4 คน) การวิเคราะห์ดังกล่าวช่วยให้เห็นแนวทางการบูรณาการศิลปะสร้างสรรค์เป็นสื่อกลางในการพัฒนา EF และการสื่อสารอย่างมีความหมายอย่างเป็นระบบและสอดคล้องกับพัฒนาการตามวัย (กระทรวงศึกษาธิการ, 2568 : 9)

ขั้นที่ 3 วางแผนและออกแบบแผนการจัดประสบการณ์

วางแผนและออกแบบแผนการจัดประสบการณ์ในกิจกรรมสร้างสรรค์ โดยบูรณาการ DEAR Model เข้ากับกิจกรรมศิลปะสร้างสรรค์ กำหนดจุดประสงค์การเรียนรู้ สาระการเรียนรู้ กิจกรรม สื่อ วัสดุอุปกรณ์ และวิธีการประเมินผลให้สอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนา EF และการสื่อสารอย่างมีความหมายของเด็กปฐมวัย แผนการจัดประสบการณ์ถูกออกแบบให้มีความยืดหยุ่น เปิดโอกาสให้เด็กได้เลือก ลงมือปฏิบัติ ดัดแปลง และต่อยอดผลงานจากประสบการณ์เดิม ซึ่งสอดคล้องกับแนวทางการจัดประสบการณ์แบบเน้นผู้เรียนเป็นสำคัญตามหลักสูตรการศึกษาปฐมวัย พุทธศักราช 2568 (กระทรวงศึกษาธิการ, 2568 : 12)

ขั้นที่ 4 ทำความเข้าใจและเตรียมความพร้อมในการจัดกิจกรรม

ข้าพเจ้าได้ทำความเข้าใจบทบาทของตนเองในฐานะผู้ออกแบบและอำนวยการเรียนรู้ (Facilitator) เตรียมสภาพแวดล้อมการเรียนรู้ทั้งในห้องเรียนและนอกห้องเรียน รวมถึงสื่อและแหล่งเรียนรู้ในระบบ Hybrid Learning Ecosystem ให้เหมาะสมกับวัยเด็กปฐมวัย การเตรียมความพร้อมดังกล่าวช่วยให้การจัดกิจกรรมศิลปะสร้างสรรค์สามารถดำเนินไปอย่างราบรื่นและเอื้อต่อการเสริมสร้าง EF และการสื่อสารอย่างมีความหมาย (OECD, 2018 : 35)

ขั้นที่ 5 จัดประสบการณ์ในกิจกรรมสร้างสรรค์ (การดำเนินงานตาม DEAR Model)

ในส่วนของการดำเนินการจัดประสบการณ์การเรียนรู้ผ่านศิลปะสร้างสรรค์ในขั้นนี้ ข้าพเจ้าได้ออกแบบให้เป็นการเรียนรู้แบบ Hybrid Learning Ecosystem for EF โดยเชื่อมโยงการเรียนรู้จากประสบการณ์ตรงในห้องเรียน (On-site) กับการใช้สื่อ แหล่งเรียนรู้ และการสนทนาสะท้อนผลการเรียนรู้ทั้งในและนอกห้องเรียนอย่างเหมาะสมกับวัยเด็กปฐมวัย การจัดกิจกรรมมุ่งให้เด็กมีบทบาทเป็นผู้เรียนรู้เชิงรุก (Active Learning) ได้คิด วางแผน ลงมือปฏิบัติ และสื่อสารประสบการณ์ของตนเองผ่านผลงานศิลปะ ซึ่งสอดคล้องกับแนวคิดการจัดประสบการณ์ที่เน้นผู้เรียนเป็นศูนย์กลางตามหลักสูตรการศึกษาปฐมวัย พุทธศักราช 2568 (กระทรวงศึกษาธิการ, 2568 : 12)

กระบวนการจัดกิจกรรมบูรณาการทั้ง 4 ขั้นของ DEAR Model อย่างชัดเจน ได้แก่

1. D (Development) เด็กมีส่วนร่วมในการวางแผน เลือกหัวข้อ เลือกวัสดุ และออกแบบผลงานศิลปะของตนเอง โดยครูทำหน้าที่กระตุ้นการคิดและตั้งคำถามเพื่อให้เด็กเชื่อมโยงประสบการณ์เดิมกับประสบการณ์ใหม่ กระบวนการนี้ช่วยส่งเสริมการคิดอย่างมีเป้าหมายและการวางแผน ซึ่งเป็นองค์ประกอบสำคัญของ Executive Function (EF) (Diamond, 2016 : 339)

2. E (Executive Function : EF) ระหว่างการทำกิจกรรม เด็กได้ฝึกการจดจ่อใส่ใจ การรอคอย การควบคุมอารมณ์ และการทำงานตามข้อตกลงของกลุ่ม เช่น การใช้วัสดุร่วมกัน การทำงานให้สำเร็จตามขั้นตอน ซึ่งช่วยเสริมสร้างความสามารถในการบริหารจัดการตนเอง อันเป็นรากฐานสำคัญของการเรียนรู้ในระยะยาว (Diamond, 2016 : 340)

3. A (Active Learning) เด็กได้ลงมือปฏิบัติจริง ทดลอง ดัดแปลง และสร้างสรรค์ผลงานศิลปะอย่างอิสระ ทั้งรายบุคคลและกลุ่มย่อย เปิดโอกาสให้เด็กได้เรียนรู้จากการกระทำ การลองผิดลองถูก และการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับเพื่อน ซึ่งสอดคล้องกับแนวคิดการเรียนรู้เชิงรุกและการเรียนรู้ผ่านการเล่นที่ช่วยส่งเสริมพัฒนาการด้านสติปัญญาและภาษา (Zosh et al., 2017 : 8)

4. R (Review) เด็กได้นำเสนอผลงานศิลปะของตนเอง เล่าเรื่องราว ความคิด และความรู้สึกที่เกิดขึ้นจากกระบวนการสร้างสรรค์ผลงาน พร้อมทั้งสะท้อนความคิดจากประสบการณ์ของตนเองที่ได้รับ โดยครูและเพื่อนร่วมกันสนทนา ตั้งคำถาม และให้ข้อเสนอแนะเชิงบวก กระบวนการทบทวนดังกล่าวช่วยพัฒนาทักษะการสื่อสารอย่างมีความหมาย การเล่าเรื่อง และการเชื่อมโยงประสบการณ์ ซึ่งเป็นเป้าหมายสำคัญของการจัดประสบการณ์ตามหลักสูตรการศึกษาปฐมวัย พุทธศักราช 2568 (กระทรวงศึกษาธิการ, 2568 : 15)

การบูรณาการ Executive Function (EF), Active Learning และการ Review ผ่านการเล่าเรื่องและการสื่อสารอย่างสร้างสรรค์ภายใต้ระบบนิเวศการเรียนรู้แบบไฮบริด ทำให้เด็กปฐมวัยได้รับการพัฒนาอย่างเป็นองค์รวม ทั้งด้านสติปัญญา ภาษา อารมณ์–จิตใจ และสังคม อันสอดคล้องกับแนวทางการจัดการศึกษาปฐมวัยที่มุ่งพัฒนาเด็กให้มีความพร้อมต่อการเรียนรู้ในระดับที่สูงขึ้นอย่างมีคุณภาพและยั่งยืน (OECD, 2018 : 35)

ข้าพเจ้าได้ดำเนินการทดลองตามขั้นตอน ดังนี้

1. ผู้วิจัยดำเนินการจัดเตรียมสภาพแวดล้อมภายในห้องเรียนให้เหมาะสม โดยจัดให้มีมุมต่าง ๆ เช่นมุมสร้างสรรค์ มุมวิทยาศาสตร์ มุมบ้าน มุมหนังสือ โดยเฉพาะมุมสร้างสรรค์เพื่อช่วยส่งเสริมพัฒนาการกล้ามเนื้อมัดเล็กในชีวิตประจำวันเด็กสามารถหยิบจับวัสดุมาใช้ และเก็บเข้าที่ได้ด้วยตนเอง

2. จัดเตรียมวัสดุอุปกรณ์ที่หาง่าย เด็ก ๆ คุ้นเคย วัสดุอุปกรณ์ที่หาได้ง่ายในท้องถิ่น สามารถหาได้ไกล้ตัว เช่น ต้นไม้ ก้อนหิน ใบไม้ ดอกไม้ แกนกระดาษชำระ กระดาษที่ใช้แล้วหน้าเดียว เป็นต้น

3. ทดสอบก่อนการทดลองเป็นรายบุคคล (Individual Test) ในกลุ่มตัวอย่าง คือ นักเรียนชั้นอนุบาล 2 โรงเรียนบ้านดงซ่อม ตำบลโกสัมพี อำเภอโกสัมพีนคร จังหวัดกำแพงเพชร สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษากำแพงเพชรเขต 1 จำนวน 12 คน โดยใช้แบบวัดที่ข้าพเจ้าจัดทำขึ้นเพื่อพัฒนาการสื่อสารอย่างมีความหมาย สำหรับเด็กปฐมวัย

4. ดำเนินการทดลองโดยใช้การจัดประสบการณ์กิจกรรมสร้างสรรค์สำหรับเด็กปฐมวัย เพื่อพัฒนาการสื่อสารอย่างมีความหมาย สำหรับเด็กปฐมวัย โดยข้าพเจ้าดำเนินการทดลองด้วยตนเอง

5. บันทึกพฤติกรรมการแสดงออกเพื่อพัฒนาการสื่อสารอย่างมีความหมาย สำหรับเด็กปฐมวัย เป็นระยะเวลา 6 สัปดาห์

6. เมื่อจัดประสบการณ์ครบสัปดาห์ นำข้อมูลมาวิเคราะห์เปรียบเทียบความแตกต่างของการสื่อสารอย่างมีความหมาย สำหรับเด็กปฐมวัย

7. เมื่อสิ้นสุดการทดลองแล้วข้าพเจ้านำข้อมูลที่ได้มาวิเคราะห์ด้วยวิธีทางสถิติ เพื่อหาค่าเฉลี่ย และค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน เพื่อสรุปผลการรายงานต่อไป

ระยะเวลาที่ใช้

3 พฤศจิกายน 2568 – 19 ธันวาคม 2568

ชุดนิยามศัพท์เฉพาะ

1. แผนการจัดการเรียนรู้สร้างสรรค์ หมายถึง เอกสารเชิงระบบที่ครูใช้เป็นแนวทางในการจัดประสบการณ์การเรียนรู้ โดยออกแบบกิจกรรมให้ผู้เรียนได้ลงมือปฏิบัติจริง เปิดโอกาสให้คิดริเริ่ม สร้างสรรค์ ทดลอง และแสดงออกอย่างอิสระ สอดคล้องกับพัฒนาการตามวัย และมุ่งเน้นการเรียนรู้ผ่านประสบการณ์ตรงมากกว่าการถ่ายทอดความรู้เพียงอย่างเดียว ซึ่งเป็นแนวทางที่สอดคล้องกับการจัดการเรียนรู้สำหรับเด็กปฐมวัยตามหลักสูตรการศึกษาปฐมวัยที่เน้นเด็กเป็นสำคัญ (กระทรวงศึกษาธิการ, 2568 : 32–33)

2. การพัฒนาแผน หมายถึง กระบวนการปรับปรุง ออกแบบ และยกระดับแผนการจัดประสบการณ์การเรียนรู้ให้มีความเหมาะสม ทันสมัย และสอดคล้องกับบริบทของผู้เรียน โดยอาศัยการศึกษาข้อมูลพื้นฐาน แนวคิด ทฤษฎี และผลการสะท้อนจากการจัดกิจกรรมที่ผ่านมา เพื่อนำไปสู่การพัฒนาคุณภาพการเรียนรู้ของเด็กอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นกระบวนการสำคัญของการพัฒนานวัตกรรมทางการศึกษา (สำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา, 2564 : 18)

3. ความสามารถในการบริหารจัดการตนเอง (Executive Function: EF) ของเด็กปฐมวัย หมายถึง ความสามารถทางสมองที่ช่วยให้เด็กปฐมวัยสามารถควบคุมความคิด อารมณ์ และพฤติกรรมของตนเองได้อย่างเหมาะสมกับสถานการณ์ ประกอบด้วยทักษะสำคัญ เช่น การจดจ่อใส่ใจ การยับยั้งชั่งใจ การจำเพื่อใช้งาน และการวางแผนแก้ปัญหา ซึ่งเป็นฐานสำคัญของการเรียนรู้ การปรับตัวทางสังคม และความสำเร็จในการดำเนินชีวิตในระยะยาว โดยเด็กปฐมวัยสามารถพัฒนา EF ได้ผ่านการลงมือปฏิบัติและกิจกรรมที่มีความหมาย (กรมสุขภาพจิต, 2563 : 6–7)

4. เด็กปฐมวัย หมายถึง เด็กที่มีอายุตั้งแต่ 3–6 ปี ซึ่งอยู่ในช่วงพัฒนาการที่สำคัญทั้งด้านร่างกาย อารมณ์ จิตใจ สังคม และสติปัญญา เด็กในวัยนี้เรียนรู้ได้ดีที่สุดผ่านการเล่น การลงมือกระทำ และการมีปฏิสัมพันธ์กับสิ่งแวดล้อมรอบตัว การจัดประสบการณ์การเรียนรู้จึงควรสอดคล้องกับธรรมชาติและศักยภาพของเด็กเป็นรายบุคคล (กระทรวงศึกษาธิการ, 2568 : 9–10)

5. การสื่อสารอย่างมีความหมาย หมายถึง ความสามารถของเด็กในการถ่ายทอดความคิด ความรู้สึก และประสบการณ์ของตนเองผ่านการพูด การเล่าเรื่อง การแสดงออกทางภาษา ภาพ หรือผลงานสร้างสรรค์ โดยผู้ฟังสามารถเข้าใจสาระและความหมายที่เด็กต้องการสื่อได้อย่างชัดเจน การสื่อสารอย่างมีความหมายช่วยส่งเสริมพัฒนาการด้านภาษา ความคิด และความมั่นใจในตนเองของเด็กปฐมวัย และเป็นหนึ่งในทักษะสำคัญที่หลักสูตรปฐมวัยมุ่งเน้นให้เกิดขึ้นผ่านกิจกรรมสร้างสรรค์ (กระทรวงศึกษาธิการ, 2568 : 41)

ผลที่เกิดตามจุดประสงค์

การดำเนินการจัดประสบการณ์การเรียนรู้ผ่านศิลปะสร้างสรรค์ โดยใช้นวัตกรรม DEAR Model ระบบนิเวศการเรียนรู้แบบไฮบริด (Hybrid Learning Ecosystem for EF) ส่งผลให้เด็กปฐมวัยปีที่ 2 มีพัฒนาการด้านการสื่อสารอย่างมีความหมายเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน ทั้งในด้านการแสดงออกทางภาษา การเล่าเรื่องจากผลงานศิลปะ การสนทนาโต้ตอบ และการสะท้อนความคิดจากประสบการณ์ของตนเอง ซึ่งสอดคล้องกับเป้าหมายของหลักสูตรการศึกษาปฐมวัย พุทธศักราช 2568 ที่มุ่งพัฒนาเด็กให้สามารถสื่อสารความคิดและความรู้สึกได้อย่างเหมาะสมกับวัย (กระทรวงศึกษาธิการ, 2568 : 41)

ผลสัมฤทธิ์ของงาน

- เครื่องมือประเมินความสามารถในการสื่อสารอย่างมีความหมายของเด็กปฐมวัย

แบบประเมินความสามารถในการสื่อสารอย่างมีความหมายของเด็กปฐมวัย จากกิจกรรมศิลปะสร้างสรรค์

- ลักษณะเครื่องมือ

เป็นแบบประเมินจากการสังเกต (Observation-based Assessment) ประกอบด้วยการพิจารณาพฤติกรรมเด็กขณะ สนทนาโต้ตอบ เล่าเรื่องจากผลงานศิลปะ นำเสนอชิ้นงาน สะท้อนความคิดและความรู้สึก ซึ่งสอดคล้องกับแนวทางการประเมินพัฒนาการเด็กปฐมวัยที่เน้นการประเมินตามสภาพจริง (Authentic Assessment) (กระทรวงศึกษาธิการ, 2568 : 52)

ประโยชน์ที่เกิดจากนวัตกรรม (อย่างละเอียด)

1. เด็กมีพัฒนาการด้านการสื่อสารและการเล่าเรื่องอย่างมีความหมาย

2. เด็กมีความมั่นใจในการแสดงออกและนำเสนอผลงาน

3. เด็กได้รับการพัฒนา Executive Function ผ่านการวางแผน ลงมือทำ และทบทวน

4. ครูมีเครื่องมือประเมินที่ชัดเจน สอดคล้องกับหลักสูตรปฐมวัย 2568

5. โรงเรียนมีนวัตกรรมการจัดการเรียนรู้ที่สามารถต่อยอดและเผยแพร่ได้

6. ผู้ปกครองเห็นพัฒนาการของเด็กอย่างเป็นรูปธรรมผ่านผลงานศิลปะ

ขั้นที่ 6 วัดและประเมินความสามารถในการสื่อสารอย่างมีความหมาย

ประเมินความสามารถในการสื่อสารอย่างมีความหมายของเด็กปฐมวัยจากการสังเกตพฤติกรรม การสนทนาโต้ตอบ การเล่าเรื่องจากผลงานศิลปะ และชิ้นงานที่เด็กสร้างขึ้น โดยใช้แบบประเมินตามสภาพจริงและการบันทึกพัฒนาการรายบุคคล การประเมินดังกล่าวสอดคล้องกับแนวทางการประเมินพัฒนาการเด็กปฐมวัยที่เน้นการประเมินเพื่อพัฒนา (Assessment for Learning) ตามหลักสูตรการศึกษาปฐมวัย พุทธศักราช 2568 (กระทรวงศึกษาธิการ, 2568 : 18)

4) วิธีการประเมินผล (๑๐ คะแนน)

1. การประเมินพัฒนาการเด็กตามสภาพจริง โดยใช้แบบสังเกตพฤติกรรมด้าน EF และการสื่อสาร

2. การประเมินผลงานศิลปะจากชิ้นงานและการเล่าเรื่องประกอบผลงาน

3. การบันทึกผลการเรียนรู้รายบุคคลและรายกลุ่ม

4. การสะท้อนผลการจัดกิจกรรมของครูผู้สอน

ตัวชี้วัดการประเมิน (ประเมินรายบุคคล) (ตารางที่ 2)

1. เด็กสามารถอธิบายผลงานศิลปะของตนเองได้ด้วยภาษาของตน

2. เด็กสามารถเล่าเรื่องราวจากผลงานศิลปะอย่างต่อเนื่อง

3. เด็กสามารถตอบคำถามหรือสนทนาโต้ตอบเกี่ยวกับผลงานได้

4. เด็กสามารถสื่อสารความคิดหรือความรู้สึกที่เกิดจากการทำกิจกรรม

5. เด็กมีความมั่นใจในการนำเสนอผลงานต่อผู้อื่น

คะแนน ระดับคุณภาพ ความหมาย

3 คะแนน มากที่สุด เด็กสามารถสื่อสารความคิด ความรู้สึก และเล่าเรื่องจากผลงานศิลปะได้อย่างชัดเจน ต่อเนื่อง ใช้ภาษาสอดคล้องกับวัย มีความมั่นใจ และสามารถสนทนาโต้ตอบได้อย่างเหมาะสม

2 คะแนน พอใช้ เด็กสามารถสื่อสารและเล่าเรื่องได้บางส่วน แต่ยังขาดความต่อเนื่อง หรือจำเป็นต้องได้รับการกระตุ้นจากครู

1 คะแนน ควรเสริม เด็กยังไม่สามารถสื่อสารหรือเล่าเรื่องได้ชัดเจน ต้องได้รับการช่วยเหลืออย่างใกล้ชิด

* เกณฑ์ดังกล่าวสอดคล้องกับแนวทางการประเมินพัฒนาการเชิงคุณภาพของเด็กปฐมวัย (กระทรวงศึกษาธิการ, 2568 : 54)

การแปลผลคะแนน

คะแนนเฉลี่ย 2.51–3.00 = ระดับดีมาก

คะแนนเฉลี่ย 1.51–2.50 = ระดับพอใช้

คะแนนเฉลี่ย 1.00–1.50 = ระดับควรเสริม

ผลการประเมินความสามารถในการสื่อสารอย่างมีความหมาย

เด็กปฐมวัยปีที่ 2 จำนวน 12 คน (ชาย 8 คน หญิง 4 คน)

สรุปผลคะแนนรายตัวชี้วัด (ค่าเฉลี่ย) (ตารางที่ 3)

ตัวชี้วัด ค่าเฉลี่ย

อธิบายผลงานศิลปะ 2.83

เล่าเรื่องจากผลงาน 2.75

สนทนาโต้ตอบ 2.67

สื่อสารความคิด/ความรู้สึก 2.75

ความมั่นใจในการนำเสนอ 2.92

คะแนนเฉลี่ยรวม = 2.78 (ระดับดีมาก)

การแปลผลเป็นร้อยละ

- เด็กระดับคุณภาพ มากที่สุด (3 คะแนน) = 10 คน = ร้อยละ 83.33

- เด็กระดับคุณภาพ พอใช้ (2 คะแนน) = 2 คน = ร้อยละ 16.67

- เด็กระดับคุณภาพ ควรเสริม (1 คะแนน) = 0 คน = ร้อยละ 0.00

การแปลความหมายของค่าร้อยละ

ร้อยละ 75 ของเด็กมีความสามารถในการสื่อสารอย่างมีความหมายอยู่ในระดับมากที่สุด มากกว่าเป้าหมายที่กำหนด แสดงให้เห็นว่านวัตกรรมสามารถส่งเสริมทักษะการสื่อสาร การเล่าเรื่อง และความมั่นใจของเด็กได้อย่างมีประสิทธิภาพ สอดคล้องกับเป้าหมายของหลักสูตรที่มุ่งพัฒนาเด็กให้สื่อสารและแสดงออกอย่างเหมาะสมกับวัย (กระทรวงศึกษาธิการ, 2568 : 41)

สรุปผล

ผลการดำเนินนวัตกรรม DEAR Model ระบบนิเวศการเรียนรู้แบบไฮบริดผ่านศิลปะสร้างสรรค์ แสดงให้เห็นว่าเด็กปฐมวัยสามารถพัฒนาความสามารถในการสื่อสารอย่างมีความหมายได้อย่างชัดเจน กิจกรรมศิลปะสร้างสรรค์ที่เปิดโอกาสให้เด็กลงมือปฏิบัติจริง ผสานกับกระบวนการ Active Learning และ Review ทำให้เด็กสามารถสะท้อนความคิด เล่าเรื่องจากผลงาน และสื่อสารประสบการณ์ของตนเองได้อย่างเป็นธรรมชาติ ซึ่งเป็นการเรียนรู้ที่สอดคล้องกับพัฒนาการตามวัย และส่งเสริม Executive Function โดยเฉพาะด้านการควบคุมอารมณ์ ความจำเพื่อใช้งาน และความยืดหยุ่นทางความคิด (กรมสุขภาพจิต, 2563 : 6)

5) ผลสำเร็จของการดำเนินงาน (๒๐ คะแนน)

การดำเนินนวัตกรรมนี้ได้นำประสบการณ์และเทคนิคจากนวัตกรรมเดิมของผู้พัฒนา คือ การพัฒนากล้ามเนื้อมัดเล็กของเด็กปฐมวัยปีที่ 2 โดยใช้รูปแบบการจัดประสบการณ์การเรียนรู้แบบ DER Model โรงเรียนบ้านดงซ่อม ปีการศึกษา 2566–2567 มาปรับใช้ โดยเปลี่ยนจุดเน้นจากทักษะกล้ามเนื้อมัดเล็กไปสู่การส่งเสริมการสื่อสารและการเล่าเรื่องอย่างมีความหมาย

ผลการดำเนินงานพบว่า เด็กปฐมวัยปีที่ 2 โรงเรียนบ้านดงซ่อม ปีการศึกษา 2568 มีพัฒนาการด้าน EF ดีขึ้น และมีความสามารถในการสื่อสารอย่างมีความหมาย ร้อยละ 84.35 ระดับคุณภาพ ดีมาก โดยจำแนกออกเป็น เด็กสามารถอธิบายผลงานศิลปะของตนเองได้ด้วยภาษาของตน ร้อยละ 84.72 ระดับคุณภาพ ดีมาก เด็กสามารถเล่าเรื่องราวจากผลงานศิลปะอย่างต่อเนื่อง ร้อยละ 80.53 ระดับคุณภาพ ดีมาก เด็กสามารถตอบคำถามหรือสนทนาโต้ตอบเกี่ยวกับผลงานได้ ร้อยละ 84.26 ระดับคุณภาพ ดีมาก เด็กสามารถสื่อสารความคิดหรือความรู้สึกที่เกิดจากการทำกิจกรรม ร้อยละ 81.02 ระดับคุณภาพ ดีมาก และเด็กสามารถสื่อสารความคิดหรือความรู้สึกที่เกิดจากการทำกิจกรรม ร้อยละ 91.20 ระดับคุณภาพ ดีมาก ส่งผลให้สามารถจดจ่อกับกิจกรรม วางแผนการทำงาน และควบคุมตนเองได้เหมาะสมกับวัย เด็กสามารถสร้างผลงานศิลปะที่มีความหลากหลาย แสดงความคิด ความรู้สึก และเล่าเรื่องราวจากผลงานของตนเองให้ผู้อื่นเข้าใจได้ชัดเจนมากขึ้น

6) แนวทางการต่อยอดและพัฒนานวัตกรรมการศึกษา ( ๑๐ คะแนน)

แนวทางการต่อยอดนวัตกรรมการเรียนรู้แบบไฮบริด (Hybrid Learning Ecosystem for EF

“DEAR Model ระบบนิเวศการเรียนรู้แบบไฮบริด (Hybrid Learning Ecosystem) ผ่านศิลปะสร้างสรรค์เพื่อเสริมสร้าง EF และการสื่อสารอย่างมีความหมาย สำหรับเด็กปฐมวัย (หลักสูตร 2568)”

ดังนี้

1. การขยายผล DEAR Model ไปยังระดับปฐมวัยชั้นอื่น การนำโมเดลไปใช้กับเด็กช่วงอายุที่ต่างกัน (อนุบาล 1-3) ต้องปรับความเข้มข้นให้สอดคล้องกับพัฒนาการ ระดับอนุบาล 1 (อายุ 3-4 ปี) เน้นขั้น E (Executive Function) ในด้านการยับยั้งชั่งใจและการปรับตัว (Inhibitory Control & Flexibility) ผ่านกิจกรรมศิลปะที่ใช้วัสดุที่สัมผัสได้ง่าย ไม่ซับซ้อน มุ่งเน้นการฝึกกล้ามเนื้อมัดเล็กและการทำตามกติกาง่ายๆระดับอนุบาล 3 (อายุ 5-6 ปี) ยกระดับขั้น A (Active Learning) และ R (Review) ให้มีความซับซ้อนขึ้น โดยให้เด็กเป็นผู้ "ริเริ่มโครงการ" (Project-based) นำเสนอผลงานผ่านการใช้คำศัพท์ที่กว้างขึ้น และฝึกการวิพากษ์ผลงานอย่างมีเหตุผลเพื่อพัฒนาทักษะการคิดระดับสูง (กระทรวงศึกษาธิการ, 2560 : 7)

2. พัฒนาสื่อดิจิทัลและแหล่งเรียนรู้เพิ่มเติมในระบบ Hybrid Learning Ecosystem เพื่อให้ Ecosystem สมบูรณ์และไร้รอยต่อระหว่างบ้านและโรงเรียน Interactive Digital Learning Space พัฒนาห้องเรียนเสมือน (Virtual Classroom) หรือแอพพลิเคชั่นง่ายๆ ที่รวบรวมวิดีโอสาธิตการสร้างสรรค์ศิลปะในขั้น D ที่เด็กและผู้ปกครองสามารถเข้าดูร่วมกันได้จากที่บ้าน (กระทรวงศึกษาธิการ, 2560 : 25)

3. บูรณาการนวัตกรรมกับสาระการเรียนรู้อื่น เช่น ภาษา คณิตศาสตร์ และวิทยาศาสตร์ปฐมวัย

นำแนวคิด DEAR Model ไปบูรณาการเข้ากับสาระที่ควรเรียนรู้ทั้ง 4 สาระ โดยเน้นการจัดประสบการณ์ที่ยึดเด็กเป็นสำคัญ เพื่อให้เด็กได้ฝึกทักษะการสังเกต การเปรียบเทียบ และการใช้ภาษาในการสื่อสารผ่านชิ้นงานศิลปะ อันเป็นการปูพื้นฐานทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์และคณิตศาสตร์อย่างเป็นระบบ (กระทรวงศึกษาธิการ, 2560 : 34)

4. พัฒนาเครือข่ายความร่วมมือระหว่างสถานศึกษาและครอบครัว ส่งเสริมให้ผู้ปกครองมีส่วนร่วมในการจัดการเรียนรู้และพัฒนาทักษะสมอง (EF) ของเด็กอย่างต่อเนื่องเมื่ออยู่ที่บ้าน เพื่อให้เกิดความสอดคล้องในการพัฒนาเด็กอย่างเป็นรูปธรรม ซึ่งถือเป็นบทบาทสำคัญของครอบครัวในการอบรมเลี้ยงดูและส่งเสริมการศึกษาตามหลักสูตร (กระทรวงศึกษาธิการ, 2560 : 41)

5. Parental Engagement Model ต่อยอดสู่การสร้าง "DEAR at Home" โดยการอบรมผู้ปกครองให้เข้าใจหลัก EF เพื่อให้สามารถใช้คำถามกระตุ้นในขั้น Review เมื่อเด็กอยู่ที่บ้าน เป็นการสร้าง Ecosystem ที่แข็งแกร่งที่สุด

6. PLC for EF Development สร้างชุมชนแห่งการเรียนรู้ทางวิชาชีพ (PLC) ระหว่างครูในโรงเรียน เพื่อแลกเปลี่ยนเทคนิคการตั้งคำถามในขั้น R และการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าในขั้น A เพื่อให้โมเดลได้รับการปรับปรุงอยู่เสมอ

๗) การเผยแพร่นวัตกรรมการศึกษา ( ๑๐ คะแนน )

1. เผยแพร่ผ่านช่องทางดิจิทัล OBEC Content Center

2. เผยแพร่ผ่านชุมชนการเรียนรู้ทางวิชาชีพ (PLC)

3. จัดทำรายงานนวัตกรรมและเผยแพร่ผ่านสื่อออนไลน์ของสถานศึกษา

โพสต์โดย mama : [20 ธ.ค. 2568 (21:29 น.)]
อ่าน [212] ไอพี : 182.232.237.48
หากข้อความนี้ไม่เหมาะสม คลิก คลิกปุ่มนี้ หากเห็นว่าข้อความนี้ไม่เหมาะสม
Advertisement

 
 

โปรดอ่านกฎกติกาก่อนแสดงความเห็น
1. ข้อความของท่านจะขึ้นแสดงโดยอัตโนมัติทันทีที่ได้รับข้อมูล
2.
ห้ามโพสต์ ข้อความยั่วยุให้เกิดความรุนแรงทางสังคม ข้อความที่ก่อให้เกิดความเสียหายและเสื่อมเสียต่อบุคคลที่สาม, เบอร์โทรศัพท์,
รูปภาพที่ไม่เหมาะสมต่อเยาวชนหรือภาพลามกอนาจาร หรือกระทบถึงสถาบันอันเป็นที่เคารพ
ขอให้ผู้ตั้งกระทู้รับผิดชอบตัวเอง
และรับผิดชอบต่อสังคม ถ้ารูปภาพ หรือข้อความใดส่งผลกระทบต่อบุคคลอื่น ทีมงานพร้อมจะส่งรายละเอียดให้เจ้าหน้าที่
เพื่อตามจับตัวผู้กระทำผิดต่อไป

3.
สมาชิกที่โพสต์สิ่งเหล่านี้ อาจถูกดำเนินคดีทางกฎหมายจากผู้เสียหายได้
4. ไม่อนุญาตให้มีการโฆษณาสินค้าใด ๆ ทั้งสิ้น ทั้งทางตรงและทางอ้อม
5. ทุกความคิดเห็นเป็นข้อความที่ทางผู้เยี่ยมชมเข้ามาร่วมตั้งกระทู้ในเว็บไซต์ ทางเว็บไซต์ kroobannok.com ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ ทั้งสิ้น
6. ทางทีมงานขอสงวนสิทธิ์ในการลบกระทู้ที่ไม่เหมาะสมได้ทันที โดยไม่ต้องมีการชี้แจงเหตุผลใดๆ ต่อเจ้าของความเห็นนั้นทั้งสิ้น

7. หากพบเห็นรูปภาพ หรือข้อความที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งมาที่อีเมล์ kornkham@hotmail.com เพื่อทำการลบออกจากระบบต่อไป


 ** พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.๒๕๕๐**

ขออภัยในความไม่สะดวก เนื่องจากเราประสบปัญหา
มีผู้โพสต์ข้อความที่หมิ่นเหม่และไม่เหมาะสมเป็นจำนวนมาก
ครูบ้านนอกดอทคอมจึงขอความร่วมมือสมาชิก
กรุณาเข้าสู่ระบบก่อนแสดงความเห็นครับ


  

สมัครสมาชิกใหม่
 

 

Advertisement

≡ เรื่องน่าอ่าน/สาระน่ารู้ ≡

เปิดอ่าน 14,399 ครั้ง
ถึงเป็น"หนี้"แต่ก็มีเงินเก็บ
ถึงเป็น"หนี้"แต่ก็มีเงินเก็บ

เปิดอ่าน 568 ครั้ง
กู้ร่วมกับใครได้บ้าง? เปิดเงื่อนไขกู้ร่วมที่ควรรู้
กู้ร่วมกับใครได้บ้าง? เปิดเงื่อนไขกู้ร่วมที่ควรรู้

เปิดอ่าน 9,251 ครั้ง
ปฏิรูปการศึกษา ?
ปฏิรูปการศึกษา ?

เปิดอ่าน 17,332 ครั้ง
ปฏิรูปประเทศ การปฏิรูปด้านการศึกษา (มัธยมศึกษา)
ปฏิรูปประเทศ การปฏิรูปด้านการศึกษา (มัธยมศึกษา)

เปิดอ่าน 22,107 ครั้ง
ข้าวหางหรือข้าวนก
ข้าวหางหรือข้าวนก

เปิดอ่าน 9,688 ครั้ง
รวมฮิตโรคเด่น-เด็กเสี่ยงเป็นมากที่สุดในหน้าฝน!
รวมฮิตโรคเด่น-เด็กเสี่ยงเป็นมากที่สุดในหน้าฝน!

เปิดอ่าน 27,851 ครั้ง
รู้แล้วจะตกใจ! เครื่องดื่มดับกระหาย มีน้ำตาลตัวร้ายผสมเพียบ
รู้แล้วจะตกใจ! เครื่องดื่มดับกระหาย มีน้ำตาลตัวร้ายผสมเพียบ

เปิดอ่าน 13,676 ครั้ง
ทดลองวิทยาศาสตร์ หน้าชั้นเรียน ทำเอารร.แทบไหม้
ทดลองวิทยาศาสตร์ หน้าชั้นเรียน ทำเอารร.แทบไหม้

เปิดอ่าน 13,287 ครั้ง
วิจัยเผย เฟซบุ๊กทำให้คนมีความอิจฉามากขึ้น
วิจัยเผย เฟซบุ๊กทำให้คนมีความอิจฉามากขึ้น

เปิดอ่าน 10,504 ครั้ง
สอนลูกรู้จักใช้จ่าย
สอนลูกรู้จักใช้จ่าย

เปิดอ่าน 16,928 ครั้ง
9 ประโยชน์เพื่อสุขภาพของกระเทียม ที่คุณอาจคาดไม่ถึง!
9 ประโยชน์เพื่อสุขภาพของกระเทียม ที่คุณอาจคาดไม่ถึง!

เปิดอ่าน 3,815 ครั้ง
ใช้ถุงพลาสติกผิดประเภท…เสี่ยงมะเร็ง
ใช้ถุงพลาสติกผิดประเภท…เสี่ยงมะเร็ง

เปิดอ่าน 6,357 ครั้ง
รวม 4 เทคนิค ออนไลน์-ออนไซต์ จากคลาสแอคทีฟเลิร์นนิ่ง กระตุ้นสัมพันธ์ "นักเรียน – ครู" แบบไม่น่าเบื่อ
รวม 4 เทคนิค ออนไลน์-ออนไซต์ จากคลาสแอคทีฟเลิร์นนิ่ง กระตุ้นสัมพันธ์ "นักเรียน – ครู" แบบไม่น่าเบื่อ

เปิดอ่าน 11,078 ครั้ง
ของใช้สำคัญที่ควรจัดไว้ในทุกทริปการเดินทาง
ของใช้สำคัญที่ควรจัดไว้ในทุกทริปการเดินทาง

เปิดอ่าน 4,290 ครั้ง
4 เรื่องไม่จริงเกี่ยวกับ PDPA พรบ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
4 เรื่องไม่จริงเกี่ยวกับ PDPA พรบ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล

เปิดอ่าน 14,400 ครั้ง
"มัลเบอร์รี่" ผลไม้สุดเทรนดี้ ประจำปี 2013
"มัลเบอร์รี่" ผลไม้สุดเทรนดี้ ประจำปี 2013
เปิดอ่าน 49,632 ครั้ง
ลมบกและลมทะเล
ลมบกและลมทะเล
เปิดอ่าน 57,746 ครั้ง
ระเบียบกระทรวงศึกษาธิการ ว่าด้วยการชักธงชาติในสถานศึกษา (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2561
ระเบียบกระทรวงศึกษาธิการ ว่าด้วยการชักธงชาติในสถานศึกษา (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2561
เปิดอ่าน 99,033 ครั้ง
การปฐมพยาบาลแผลถูกแมงป่องต่อย ตะขาบหรือแมงมุมกัด
การปฐมพยาบาลแผลถูกแมงป่องต่อย ตะขาบหรือแมงมุมกัด
เปิดอ่าน 14,023 ครั้ง
6 ประการ สู่การเป็นมนุษย์เงินเดือนที่ทำงานดีและมีความสุข
6 ประการ สู่การเป็นมนุษย์เงินเดือนที่ทำงานดีและมีความสุข

รายการหลัก

หน้าแรก
ข่าว/บทความ
สมุดเยี่ยม
กระดานสนทนา
เว็บลิงค์
ผู้จัดทำเว็บครูบ้านนอก
ข้อมูลบุคคล
ภาพกิจกรรม
ผู้สนับสนุน

สมาชิก

เข้าสู่ระบบ
คุณครูต้องรู้ไว้
รวมแบบฟอร์มต่างๆ

เว็บน่าสนใจ

เว็บไซต์ สพฐ.
กระทรวงศึกษาธิการ
ติวสอบ GED
ติวสอบ SAT
เครื่องมือวัด
เครื่องมืออุตสาหกรรม
เกมส์
แหล่งรวมเกมส์

แหล่งรวมเกมส์



 เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ มากมาย
เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ คลายเครียด

เกมส์ รวมเกมส์ เกมส์แข่งรถ เกมส์ต่อสู้ เกมส์ภาษา เกมส์วางระเบิด เกมส์แต่งตัว เกมส์ท่องเที่ยว เกมส์หมากฮอส เกมส์ผจญภัย เกมส์เต้น เกมส์รถ เกมส์ดนตรี เกมส์ขายของ เกมส์ฝึกสมอง เกมส์เด็กๆ เกมส์ปลูกผัก เกมส์การ์ด เกมส์จับผิดภาพ เกมส์ตลก เกมส์ตัดผม เกมส์ก้านกล้วย เกมส์ทําอาหาร เกมส์เลี้ยงสัตว์ เกมส์ผี เกมส์จับคู่ เกมส์กีฬา เกมส์เศรษฐี เกมส์ฝึกทักษะ เกมส์วางแผน เกมส์จีบหนุ่ม เกมส์มาริโอ เกมส์ระบายสี เกมส์จีบสาว เกมส์เบ็นเท็น เกมส์ยิง เกมส์ยาน เกมส์สร้างเมือง เกมส์มันส์ๆ เกมส์แต่งบ้าน เกมส์ความรู้
      kroobannok.com

© 2000-2020 Kroobannok.com  
All rights reserved.


Design by : kroobannok.com


ครูบ้านนอกดอทคอม
การจัดอันดับของ Truehits Web Directory

วิธีนำแบนเนอร์ของครูบ้านนอก.คอมไปแปะในเว็บท่าน บันทึกภาพแบนเนอร์นี้และลิงค์มาที่เราครับ (มีแบนเนอร์ 2 แบบ)
 

ครูบ้านนอกดอทคอม เว็บไซต์ของครูตัวเล็กๆ คนหนึ่ง ที่หวังเพียง ใช้เป็นช่องทางในการสื่อสาร แลกเปลี่ยน เพิ่มพูนความรู้ และให้ข่าวสาร ที่ทันสมัยต่อเหตุการณ์แก่คุณครู ผู้ปฏิบัติงานในทุกพื้นที่ของประเทศไทย เพื่อความเจริญงอกงามในปัญญา และเจริญก้าวหน้าในวิชาชีพ

เว็บนี้ถือกำเนิดเมื่อ 5 มกราคม 2548

Email : kornkham@hotmail.com
Tel : 096-7158383

สนใจสนับสนุนเรา โดยลงโฆษณา
คลิกดูรายละเอียดที่นี่ครับ