ชื่อผู้ส่งผลงาน : นางสาวนิลุบล ศิลปธนู
ขนาดสถานศึกษา : ขนาดกลาง
ผลงานด้าน : ด้านบริหารจัดการชั้นเรียน
โรงเรียน/ ศูนย์พัฒนาวิชา : โรงเรียนสตรีปากพนัง/ ศูนย์พัฒนาวิชาการการศึกษาพิเศษเรียนรวม
รายละเอียดของผลงาน
ชื่อผลงาน : SEL จากการรังแกสู่การยอมรับ: การพัฒนาระบบสติปัญญาทางสังคมอารมณ์เพื่อสร้างห้องเรียนแบบเรียนรวมที่มีความสุข
1. ความสำคัญ/ที่มาของการปฏิบัติที่เป็นเลิศ
1.1 ความเป็นมาและสภาพปัญหา
การศึกษาในประเทศไทยได้เปิดโอกาสให้นักเรียนที่มีความต้องการพิเศษหรือนักเรียนพิการทั้ง 9 ประเภท ในที่นี้ข้าพเจ้าขอใช้คำนิยามว่า นักเรียนพิการ ได้เข้าเรียนในโรงเรียนปกติ ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พระราชบัญญัติการจัดการศึกษาสำหรับคนพิการ พ.ศ. 2551 และกฎหมายอีกหลายฉบับ ได้กำหนดให้ สถานศึกษาทุกประเภทต้องรับนักเรียนที่มีความพิการทุกประเภท เข้าเรียนโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย โดยต้องจัดทำการแผนการจัดการศึกษาเฉพาะบุคคล (IEP) และจัดสภาพแวดล้อม สิ่งอำนวยความสะดวก และความช่วยเหลือทางการเรียนแก่นักเรียนพิการทุกคนสนับสนุนให้เป็นไปตามสิทธิโดยการได้รับการศึกษาตามความสามารถ ความสนใจ ความถนัด ความชอบ และความเหมาะสมของนักเรียนแต่ละบุคคล (ประกาศกระทรวงศึกษาธิการ เรื่อง กำหนดประเภทและหลักเกณฑ์ของคนพิการทางการศึกษา พ.ศ. 2552, 2552; พระราชบัญญัติการจัดการศึกษาสำหรับคนพิการ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2556, 2556; พระราชบัญญัติการจัดการศึกษาสำหรับคนพิการ พ.ศ. 2551, 2551)
โรงเรียนสตรีปากพนัง อำเภอปากพนัง จังหวัดนครศรีธรรมราช เป็นหนึ่งในโรงเรียนที่มีการจัดการศึกษาแบบ การเรียนรวม หรือ ห้องเรียนแบบเรียนรวม (Inclusive Classroom) ให้นักเรียนพิการเรียนร่วมกับเด็กปกติในห้องเรียน ปัจจุบันโรงเรียนสตรีปากพนังมีนักเรียนพิการจำนวน 43 คน คละเรียนในทุกระดับชั้น ปัญหาส่วนใหญ่ที่ครูผู้สอนพบในด้านการบริหารจัดการชั้นเรียน คือ นักเรียนพิการมักโดนนักเรียนปกติล้อเลียน รังแก กลั่นแกล้งนำสู่ความขัดแย้งทะเลาะวิวาทระหว่างนักเรียนในชั้นเรียนบ่อยครั้ง นำสู่ปัญหาถัดไป คือ นักเรียนพิการมักลาโรงเรียนบ่อยครั้ง ทำให้ตามเนื้อหาบทเรียนไม่ทัน เมื่อครูผู้สอนสอบถามเป็นการส่วนตัวกับนักเรียนพิการแต่ละบุคคล นักเรียนพิการให้คำตอบว่าเป็นเพราะตนรู้สึกไม่ปลอดภัยจากการโดนล้อเรียนในห้องเรียน ข้าพเจ้าได้นำข้อมูลปัญหาด้านบริหารจัดการชั้นเรียนที่สำรวจพบนี้หารือทางชุมชนการเรียนรู้ทางวิชาชีพกับเพื่อนครูทั้งในและนอกโรงเรียน (PLC) พบว่า ปัญหาที่พบนี้เป็นปัญหาด้านสติปัญญาทางสังคมอารมณ์ของทั้งนักเรียนปกติและนักเรียนพิการส่งผลกระทบต่อการบริหารจัดการชั้นเรียนซึ่งควรมีการปรับปรุง พัฒนา และแก้ไขอย่างเร่งด่วน
1.2 แนวทางการแก้ปัญหาและพัฒนา
เพราะการล้อเลียนไม่ได้เป็นแค่พฤติกรรม มันคือเสียงของจิตใจที่ไม่ปลอดภัยที่ส่งเสียงดังจากข้างในของนักเรียนทุกคน การใช้วิธีการ "ลงโทษ" ของครูผู้สอน ผลลัพธ์ คือ ปัญหาไม่ได้สิ้นสุดไป เพราะ การลงโทษ ไม่ใช่วิธีการแก้ไขปัญหาที่ตรงจุด ดังนั้น ข้าพเจ้าจึง คิดค้นและพัฒนา นวัตกรรม ระบบสติปัญญาทางสังคมอารมณ์เพื่อสร้างห้องเรียนแบบเรียนรวมที่มีความสุข (Social - Emotional Learning : SEL) โดยบูรณาการ 3 มิติ ดังนี้
มิติที่ 1 หัวใจของ SEL มาจากการบูรณาการตามแนวคิดสติปัญญาทางสังคมอารมณ์ (Social-Emotional Learning Framework : CASEL) (Emily Kaiser, 2020; MBARUSHIMANA, 2022)
1) นักเรียนรู้จักตนเอง รู้ความรู้สึกของตนเอง (Self-Awareness)
2) นักเรียนสามารถจัดการอารมณ์และความกดดัน (Self-Management)
3) นักเรียนเข้าใจและเห็นอกเห็นใจผู้อื่น (Social Awareness)
4) นักเรียนสร้างความสัมพันธ์ที่ดี และแก้ไขความขัดแย้ง (Relationship Skills)
5) นักเรียนตัดสินใจกระทำสิ่งใดใดด้วยความรับผิดชอบ (Responsible Decision-Making)
มิติที่ 2 พุทธศาสตร์พัฒนาใจ (Buddhist Principles)
1) สติ (Mindfulness) นักเรียนฝึกสมาธิ เพื่อสร้างการตระหนักรู้ตนเอง
2) สมาธิ (Concentration) นักเรียนฝึกการมีจิตสำนึก เพื่อไม่แสดงออกด้วยความโกรธ
3) จริยธรรม (Ethics) นักเรียนฝึกยุติธรรม ความซื่อสัตย์ ความเห็นอกเห็นใจ ความกล้าหาญ ความละอายใจเพื่อความรู้สึกต้องรับผิดชอบ
มิติที่ 3 เพื่อนกัลยาณมิตร (Peer Buddy)
1) เพื่อนกัลยาณมิตร จับคู่ระหว่างนักเรียนปกติและนักเรียนพิการ (Peer Buddy)
2) ฟังเพื่อนอย่างเข้าใจไม่จับผิด (Active Listening) และเห็นอกเห็นใจมองให้ลึกซึ้งเห็นความแตกต่างที่มาจากความต้องการภายในของเพื่อน (Empathy)
3) ครูเป็นต้นแบบของการสร้างวัฒนธรรม มองให้เห็นจุดดีและชมเชย และสนับสนุนให้นักเรียนทุกคนต่างมองจุดดีของกันและกัน
2. วัตถุประสงค์และเป้าหมายของการดำเนินงาน
วัตถุประสงค์
1) พัฒนาระบบสติปัญญาทางสังคมอารมณ์ที่เป็นระบบอย่างต่อเนื่อง
2) นักเรียนทุกคนทั้งหมดยอมรับ เข้าใจ และเห็นคุณค่าของความแตกต่าง
3) ลดปัญหาพฤติกรรมไม่พึงประสงค์
4) เสริมสร้างความรู้สึกปลอดภัยและความสุขในห้องเรียน
5) นักเรียนพิการมีความเชื่อมั่นในตนเองเพิ่มขึ้น
6) นักเรียนพิการมีอัตราการเข้าเรียนเพิ่มขึ้น
เป้าหมาย
เป้าหมาย ตัวชี้วัด เกณฑ์ ช่วงเวลา
ความยอมรับความแตกต่าง แบบประเมินการเห็นอกเห็นใจ ร้อยละ 70 ขึ้นไป 1 ภาคเรียน
ลดพฤติกรรมไม่พึงประสงค์ จำนวนเรื่องรังแก/เดือน น้อยกว่า 20 เรื่องต่อเดือน 1 ภาคเรียน
ความปลอดภัยทางจิตใจ แบบประเมินบรรยากาศห้องเรียน ร้อยละ 70 ขึ้นไป 1 ภาคเรียน
ความเชื่อมั่นในตนเอง คะแนนมาตราส่วนความเชื่อมั่นตนเองของนักเรียน ร้อยละ 70 ขึ้นไป 1 ภาคเรียน
นักเรียนพิการเข้าเรียน อัตราการเข้าเรียน ร้อยละ 70 ขึ้นไป 1 ภาคเรียน
3. กระบวนการผลิตผลงานหรือขั้นตอนการดำเนินงาน
3.1 การออกแบบวิธีปฏิบัติที่เป็นเลิศ
ข้าพเจ้ามีการทบทวนเอกสารแนวคิดและทฤษฎีและออกแบบวิธีปฏิบัติที่เป็นเลิศมีขั้นตอนดังนี้
ขั้นที่ 1 ขั้นศึกษาแนวคิดและทฤษฎี
1) แนวคิดสติปัญญาทางสังคมอารมณ์ (Social-Emotional Learning Framework : CASEL)
2) แนวคิดการฝึกสมาธิตามหลักพุทธศาสนา (Buddhist Mindfulness Practice)
3) แนวคิดเพื่อนร่วมทางสุขภาวะ (Peer Buddy)
4) ทฤษฎีการเรียนรู้แบบร่วมมือ (Cooperative Learning Theory)
ขั้นที่ 2 ขั้นออกแบบกลยุทธ์ (Strategy)
1) การพัฒนาการรู้จักตนเอง รู้ความรู้สึกของตนเอง (Self-Awareness) ผ่าน บัตรแสดงอารมณ์(Emotion Cards)
2) การฝึกการจัดการอารมณ์และความกดดัน (Self-Management) ผ่าน สมาธิ (Concentration)
3) การสร้างการเข้าใจและเห็นอกเห็นใจผู้อื่น (Social Awareness) ผ่าน การแสดงบทบาทสมมติ (Role Play)
4) การสร้างความสัมพันธ์ที่ดี และแก้ไขความขัดแย้ง (Relationship Skills) ผ่าน เพื่อนกัลยาณมิตร (Peer Buddy)
5) การสอนการตัดสินใจกระทำสิ่งใดใดด้วยความรับผิดชอบ (Responsible Decision-Making) ผ่าน กรณีศึกษา (Case Study)
ขั้นที่ 3 ขั้นการปฏิบัติ (Implementation)
1) ออกแบบหน่วยการเรียนรู้ จำนวน 5 หน่วยการเรียนรู้ เป็นเวลา 5 สัปดาห์ โดยจัดการเรียนรู้ 1 หน่วย/สัปดาห์)
2) การบูรณาการระบบสติปัญญาทางสังคมอารมณ์เพื่อสร้างห้องเรียนแบบเรียนรวมที่มีความสุข (Social - Emotional Learning : SEL) ร่วมกับ รายวิชา สังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม
3) ติดตามและปรับปรุงต่อเนื่อง
3.2 การดำเนินงานตามขั้นตอนกระบวนการ (ตามวงจร PDCA)
1. ขั้นเตรียมการ (Plan)
1) รวบรวมข้อมูลปัญหา ได้แก่ 1) จำนวนเรื่องรังแก/ล้อเลียน 28 เรื่อง/เดือน 2) นักเรียนรู้สึกปลอดภัย ร้อยละ 55 เท่านั้น 3) นักเรียนพิการการมาเรียน ร้อยละ 30
2) ประชุมวางแผนกับทางชุมชนการเรียนรู้ทางวิชาชีพครู (PLC) ได้แก่ ผู้บริหารสถานศึกษา, ครูแนะแนว, ครูผู้สอนรายวิชาสังคมศึกษา ศาสนา วัฒนธรรม, ครูที่ปรึกษา และตัวแทนผู้ปกครอง
3) ออกแบบการพัฒนาระบบสติปัญญาทางสังคมอารมณ์เพื่อสร้างห้องเรียนแบบเรียนรวมที่มีความสุข (Social - Emotional Learning : SEL) จำนวน 5 หน่วย (5 สัปดาห์) โดยบูรณาการร่วมกับรายวิชา สังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม, ออกแบบแผนกิจกรรมการจัดการเรียนรู้
4) เตรียมทรัพยากร ได้แก่ 1) บัตรแสดงอารมณ์ (Emotion Cards) - ความรู้สึก 8 ประเภท 2) สมุดจดบันทึกความรู้สึก (Feelings Journal) 3) พื้นที่ทำกิจกรรมกลุ่ม (Meeting Space) เช่น ห้องเรียน, ลานอเนกประสงค์ 4) แบบประเมินการเห็นอกเห็นใจ (Empathy Scale) และแบบประเมินบรรยากาศห้องเรียน (Climate Survey)
5) ผู้รับผิดชอบ ได้แก่ ครูผู้สอนรายวิชาสังคมศึกษา ศาสนา วัฒนธรรม
6) ระยะเวลา คือ สัปดาห์ที่ 1 ของภาคเรียน
2. ขั้นดำเนินการ (Do)
การพัฒนาระบบ SEL ได้ออกแบบแผนกิจกรรมการจัดการเรียนรู้เป็น 5 สัปดาห์โดยบูรณาการ แนวคิดสติปัญญาทางสังคมอารมณ์ (CASEL) เข้ากับหลักพุทธศาสตร์พัฒนาใจ (Buddhist Principles) และกิจกรรมเพื่อนกัลยาณมิตร (Peer Buddy) ในรายวิชาสังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม ดังนี้
สัปดาห์ที่ 1 การรู้จักตนเอง รู้ความรู้สึกของตนเอง (Self-Awareness)
เป้าหมาย นักเรียนทั้งหมดสามารถรู้จักและระบุอารมณ์พื้นฐาน พร้อมอธิบายตัวตนของตนเองได้
ผลลัพธ์ที่คาดหวัง ร้อยละ 100 ของนักเรียนรู้และสามารถอธิบายตัวตนของตนเองได้
สัปดาห์ที่ 2 การจัดการอารมณ์และความกดดัน (Self-Management)
เป้าหมาย นักเรียนร้อยละ 70 ขึ้นไป สามารถจัดการอารมณ์ โดยใช้เทคนิคการหายใจ และการผ่อนคลาย
ผลลัพธ์ที่คาดหวัง นักเรียนร้อยละ 70 ขึ้นไป สามารถใช้เทคนิคจิตจดจ่อกับลมหายใจและเทคนิคการผ่อนคลายในการจัดการอารมณ์ได้
สัปดาห์ที่ 3 การสร้างการเข้าใจและเห็นอกเห็นใจผู้อื่น (Social Awareness)
เป้าหมาย นักเรียนร้อยละ 80 ขึ้นไป สามารถอธิบายความรู้สึกของผู้อื่นและเห็นอกเห็นใจได้
ผลลัพธ์ที่คาดหวัง นักเรียนร้อยละ 80 ขึ้นไป สามารถอธิบายความรู้สึกและสถานการณ์ของผู้อื่นได้
สัปดาห์ที่ 4 การสร้างความสัมพันธ์ที่ดี และแก้ไขความขัดแย้ง (Relationship Skills)
เป้าหมาย นักเรียนร้อยละ 85 ขึ้นไป สร้างความสัมพันธ์ที่สนิท ผ่านเพื่อนกัลยาณมิตร
ผลลัพธ์ที่คาดหวัง นักเรียนร้อยละ 85 ขึ้นไป สร้างความสัมพันธ์ที่สนิท ผ่านเพื่อนกัลยาณมิตร (Peer Buddy) สำเร็จ
สัปดาห์ที่ 5 การตัดสินใจกระทำสิ่งใดใดด้วยความรับผิดชอบ (Responsible Decision-Making)
เป้าหมาย นักเรียนร้อยละ 80 ขึ้นไป สามารถตัดสินใจกระทำสิ่งต่างๆ ด้วยความรับผิดชอบ
ผลลัพธ์ที่คาดหวัง นักเรียนร้อยละ 80 ขึ้นไป สามารถตัดสินใจด้วยความรับผิดชอบ
3. ขั้นตรวจสอบและประเมินผลการพัฒนา (Check)
การตรวจสอบและประเมินผลการดำเนินงานในระยะ 5 สัปดาห์ ได้ทำการวัดและติดตามผลการพัฒนาของนักเรียนโดยใช้วิธีการประเมินอย่างหลากหลาย ดังนี้ 1) การประเมินแบบก่อนและหลัง (Pre-test and Post-test) ทำการประเมินความรู้ สติสัมปชัญญะ และพฤติกรรมของนักเรียนก่อนการดำเนินงาน (สัปดาห์ที่ 0) และหลังจากการดำเนินงาน (สัปดาห์ที่ 5) โดยใช้เครื่องมือประเมินที่พัฒนาขึ้น ประกอบด้วย แบบประเมินการรู้จักตนเองรู้ความรู้สึกของตนเอง (Self-Awareness Assessment Scale) แบบประเมินสติปัญญาทางสังคมอารมณ์ (Social-Emotional Competency Rubric) แบบประเมินทักษะความสัมพันธ์ระหว่างบุคคล (Relationship Skills Checklist) แบบบันทึกการสังเกตการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรม (Behavioral Observation Log) 2) การติดตามและประเมินแบบต่อเนื่อง (Continuous Monitoring and Evaluation) ในระหว่างการดำเนินงาน 5 สัปดาห์ ครูผู้สอนทำการบันทึก วัด และประเมินผลการเปลี่ยนแปลงอย่างสม่ำเสมอ โดยใช้บันทึกสถิติการรังแก โดยบันทึกจำนวนเหตุการณ์การรังแก/เดือน แบบประเมินการมีส่วนร่วมในกิจกรรม เพื่อวัดระดับความเต็มใจและความสม่ำเสมอ ข้อเสนอแนะจากกัลยาณมิตร เป็นการขอข้อมูลจากนักเรียนเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลง และแบบประเมินความปลอดภัยทางจิตใจ เพื่อวัดระดับความรู้สึกปลอดภัยและสบายใจ 3) การวัดผลในชั้นเรียน ได้แก่ อัตราการเข้าเรียนของนักเรียนพิการ การเข้าร่วมกิจกรรมในชั้นเรียน คะแนนผลการเรียนรู้รายวิชาสังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม
4. ขั้นสรุปและรายงาน (Action)
ระบบสติปัญญาทางสังคมอารมณ์ (SEL) ทำให้วัฒนธรรมห้องเรียนเปลี่ยนเป็นห้องของการยอมรับ เข้าใจ และเห็นคุณค่าของความแตกต่างเพื่อนกัลยาณมิตรประสบความสำเร็จร้อยละ 85 บรรยากาศห้องเรียนมีความปลอดภัยต่อจิตใจ เด็กพิการมีเพื่อนและมีอัตราการเข้าเรียนเพิ่มขึ้นอย่างมีความสุข ซึ่งจะมีการขยายผลไปสู่ชั้น ม.2 และ ม.3 ในภาคเรียนที่ 2 สร้างการติดตามระบบ SEL ของนักเรียนแต่ละคนผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ เขียนคู่มือแผนกิจกรรมการจัดการเรียนรู้ของระบบ SEL ฉบับสมบูรณ์เพื่อแบบต้นแบบให้โรงเรียนอื่น จัดการอบรมครูและมีการขยายผลอย่างยั่งยืนไปยังโรงเรียนอื่น ๆ ในเขตพื้นที่
3.3 ประสิทธิภาพของการดำเนินงาน
นวัตกรรมและองค์ความรู้ใหม่ที่นำมาประยุกต์ใช้จุดเด่นของระบบสติปัญญาทางสังคมอารมณ์ (SEL) นี้มาจากการนำวิธีการสอนหรือแนวคิดใหม่ที่แตกต่างจากวิธีการสอนเดิมมาประยุกต์ใช้ จะเห็นได้จาก 1)การบูรณาการกรอบแนวคิด CASEL กับหลักพุทธศาสตร์พัฒนาใจ โดยวิธีการที่ข้าพเจ้าคิดขึ้นใหม่ คือ การนำแนวคิด SEL ซึ่งเป็นแนวคิดการจัดการเรียนรู้ระดับสากลของประเทศสหรัฐอเมริกา มาปรับบริบทให้สอดคล้องกับศรัทธาและค่านิยมพุทธศาสนาของนักเรียนประเทศไทย ผลลัพธ์นักเรียนไม่เพียงเรียนรู้ทักษะทางสังคมเท่านั้น แต่เชื่อมโยงกับจิตใจและศรัทธาของตนเองด้วย 2) ระบบเพื่อนกัลยาณมิตร (Peer Buddy) วิธีการที่ข้าพเจ้าคิดขึ้นใหม่ ไม่เพียงแค่ให้นักเรียนปกติยอมรับเพื่อนพิการแต่ให้เป็นส่วนหนึ่งของการแก้ไขปัญหาผ่านบทบาทการตัดสินใจด้วยความรับผิดชอบอย่างรอบคอบ ผลลัพธ์นักเรียนปกติรู้สึกว่าเป็นส่วนหนึ่งของการช่วยเหลือในพัฒนาการชองนักเรียนพิการ 3) การวัดและการประเมินผลแบบบูรณาการ โดยข้าพเจ้าใช้วิธีการอย่างหลากหลายจากการสังเกต บันทึก สัมภาษณ์ และการประเมินตนเองไว้ด้วยกัน แทนการใช้เครื่องมือเดียว
ผลลัพธ์ ได้ข้อมูลสมบูรณ์และเชื่อถือได้ช่วยให้ปรับปรุงแผนกิจกรรมการจัดการเรียนรู้ของระบบ SEL ทันท่วงที4) สภาพแวดล้อมที่ปลอดภัยทางจิตใจ ข้าพเจ้านำแนวคิดใหม่เกี่ยวกับความปลอดภัยทางจิตใจ เป็นเงื่อนไขแรกที่สำคัญที่สุดของการเรียนรู้ที่มีคุณภาพ ไม่ใช่การบังคับให้ยอมรับ ผลลัพธ์ห้องเรียนเปลี่ยนจากห้องที่เต็มไปด้วยความกลัวเป็นที่ที่นักเรียนยินดีที่จะเรียนรู้
3.4 การใช้ทรัพยากร
ข้าพเจ้าดำเนินการใช้ทรัพยากรตามทฤษฎีปัจจัยสำคัญของหลักการบริหาร 4Ms ของมิเชลล์ (เกียรติพงษ์ อุดมธนะธีระ, 2561) ได้แก่ 1) ด้านบุคลากร (Man) การดำเนินระบบสติปัญญาทางสังคมอารมณ์เพื่อสร้างห้องเรียนแบบเรียนรวมที่มีความสุข ได้แก่ ครูผู้สอนทำหน้าที่จัดกิจกรรมตามแผนกิจกรรมการจัดการเรียนรู้ โดยหารือแนวทางปรับปรุงวิธีการร่วมกับครูแนะแนว ครูที่ปรึกษา ตัวแทนผู้ปกครอง ผู้บริหารสถานศึกษาทำหน้าที่ให้คำปรึกษา 2) ด้านงบประมาณ (Money) ใช้งบประมาณจากการจัดสรรงบประมาณตามแผนงานของโรงเรียนโดยใช้อย่างประหยัดและคุ้มค่า 3) ด้านวัสดุอุปกรณ์ (Materials) จัดซื้อบัตรแสดงอารมณ์ (Emotion Cards) สมุดจดบันทึกความรู้สึก (Feelings Journal) และสื่ออื่น ๆ 4) การบริหารจัดการ (Management) ได้ศึกษาแนวคิดและทฤษฎี ได้แก่ แนวคิดสติปัญญาทางสังคมอารมณ์, แนวคิดการฝึกสมาธิตามหลักพุทธศาสนา, แนวคิดเพื่อนร่วมทางสุขภาวะ และทฤษฎีการเรียนรู้แบบร่วมมือ จากนั้นออกแบบกลยุทธ์แผนกิจกรรมการจัดการเรียนรู้ และปฏิบัติตามแผนกิจกรรมการจัดการเรียนรู้ โดยติดตามและปรับปรุงต่อเนื่อง
4. ผลการดำเนินการ/ ผลสัมฤทธิ์/ ประโยชน์ที่ได้รับ
4.1 ผลที่เกิดตามวัตถุประสงค์
การดำเนินการตามระบบ SEL ที่พัฒนาขึ้นในระยะเวลา 5 สัปดาห์ ได้บรรลุวัตถุประสงค์ที่ตั้งไว้ โดยแสดงผลการเปลี่ยนแปลงที่ชัดเจนในทุกด้าน ดังนี้ การยอมรับความแตกต่างเพิ่มขึ้น โดยระดับการเห็นอกเห็นใจและการยอมรับนักเรียนพิการเพิ่มขึ้นจากร้อยละ 65 เป็นร้อยละ 82 เกินค่าเป้าหมายซึ่งกำหนดไว้ที่ร้อยละ 70 พฤติกรรมไม่พึงประสงค์ลดลง โดยเหตุการณ์การรังแก ลดลงจากเฉลี่ย 28 เรื่องต่อเดือน เป็น 14 เรื่องต่อเดือน ซึ่งบรรลุเป้าหมายที่กำหนดไว้ คือ น้อยกว่า 20 เรื่อง/เดือน ความปลอดภัยทางจิตใจเพิ่มขึ้น โดยระดับการรู้สึกปลอดภัยในห้องเรียนเพิ่มขึ้นจากร้อยละ 55 เป็นร้อยละ 78 เกินค่าเป้าหมายซึ่งกำหนดไว้ที่ร้อยละ 70 ความเชื่อมั่นตนเองเพิ่มขึ้น โดยนักเรียนพิการมีระดับความเชื่อมั่นในตนเองเพิ่มขึ้นจากร้อยละ 30 เป็นร้อยละ 75 เกินค่าเป้าหมายซึ่งกำหนดไว้ที่ร้อยละ 70
4.2 ผลสัมฤทธิ์ของงาน
สามารถแก้ไขปัญหาการรังแก ผ่านการพัฒนาความเห็นอกเห็นใจ (Empathy) และการยอมรับของนักเรียนปกติต่อเพื่อนพิการ ซึ่งส่งผลให้ลดเหตุการณ์การรังแกได้อย่างเห็นได้ชัด พัฒนาความปลอดภัยทางจิตใจ โดยสร้างบรรยากาศห้องเรียนที่เอื้อต่อการยอมรับและความสนับสนุนจากเพื่อน ทำให้นักเรียนพิการรู้สึกมีที่พึ่งและปลอดภัยในการเข้าเรียน เพิ่มอัตราการเข้าเรียน ของนักเรียนพิการจากร้อยละ 65 เป็นร้อยละ 95 เกินเป้าหมายร้อยละ 70 อย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งแสดงให้เห็นว่าการปรับปรุงความปลอดภัยและบรรยากาศห้องเรียนมีผลโดยตรงต่อการตัดสินใจเข้าเรียนของนักเรียน พัฒนาทักษะสติปัญญาทางสังคมอารมณ์ของนักเรียนพิการและนักเรียนปกติ ผ่านแผนกิจกรรมการจัดการเรียนรู้ของระบบ SEL ที่เป็นระบบและบูรณาการกับพุทธศาสตร์พัฒนาใจ
4.3 ประโยชน์ที่ได้รับ
การคิดค้นและพัฒนาในครั้งนี้ก่อให้เกิดประสบการณ์การเรียนรู้ร่วมกันและส่งผลดีหลายระดับดังนี้ นักเรียนพิการได้รับประโยชน์ด้านความปลอดภัยทางจิตใจและอารมณ์ ลดความกังวลเรื่องการรังแก เพิ่มความเชื่อมั่นตนเองและความสุขในการเข้าเรียน ตั้งใจเรียน และการแสดงออกในชั้นเรียนเพิ่มขึ้น พัฒนาทักษะสติปัญญาทางสังคมอารมณ์ซึ่งเป็นทักษะพื้นฐานสำคัญสำหรับการดำเนินชีวิตประจำวันในสังคม นักเรียนปกติได้รับประโยชน์ด้านการเพิ่มความเห็นอกเห็นใจและยอมรับความแตกต่าง (Empathy) ของเพื่อนที่มีความพิการ ได้เรียนรู้จากการเป็นเพื่อนกัลยาณมิตร (Peer Buddy) ซึ่งพัฒนาทักษะการรับฟัง การให้คำแนะนำ และความเห็นอกเห็นใจ พัฒนาความรับผิดชอบสังคม (Social Responsibility) และภาวะผู้นำผ่านบทบาทการสนับสนุนเพื่อน สร้างวัฒนธรรมห้องเรียนแบบเรียนรวมที่ปลอดภัยและมีความสุข ครูผู้สอนได้รับประโยชน์สำหรับบรรยากาศห้องเรียนที่ปลอดภัย มีความสุข และเต็มไปด้วยสัมพันธ์ที่ดีลดปัญหาความขัดแย้งในห้องเรียน เพิ่มประสิทธิภาพในการจัดการเรียนการสอน เนื่องจากนักเรียนมีจิตใจสงบและมีสมาธิในการเรียนเพิ่มขึ้น
5. ปัจจัยความสำเร็จ
ความมุ่งมั่นของผู้บริหารสถานศึกษา ในการยึดมั่นนโยบายการยอมรับความหลากหลายของนักเรียนและรองรับศักยภาพของทุกคนความร่วมมือของชุมชนการเรียนรู้ทางวิชาชีพ (PLC) ในการบูรณาการการพัฒนาระบบ SEL เข้ากับการสอนรายวิชาสังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม การสนับสนุนและความเข้าใจของผู้ปกครอง ต่อการเปลี่ยนแปลงวัฒนธรรมห้องเรียน โดยให้ข้อมูลอย่างต่อเนื่องผ่านช่องทางการติดต่อสื่อสารออนไลน์ ความตระหนักรู้ของนักเรียนปกติ ต่อความหลากหลายและความต้องการพิเศษของเพื่อนนักเรียนพิการ ผ่านการเข้าใจและการฝึกทักษะความเห็นอกเห็นใจ
6. บทเรียนที่ได้รับเพื่อการปรับคุณภาพมุ่งพัฒนาต่อไป
6.1 บทเรียนที่ได้รับ
การพัฒนาระบบ SEL ควรบูรณาการกับค่านิยมและหลักธรรมทางศาสนา ไม่ใช่การนำแนวคิดสากลมาใช้โดยตรงโดยไม่ปรับบริบท การสร้างความเปลี่ยนแปลงทางวัฒนธรรมในห้องเรียนต้องเริ่มจาก ความเข้าใจก่อนจึงค่อยไปการยอมรับและการกระทำ ทั้งนี้การวัดผลไม่ควรจำกัดแค่ตัวเลขสถิติเท่านั้น แต่ต้องสังเกตการเปลี่ยนแปลงเชิงคุณภาพในพฤติกรรมและความสัมพันธ์ระหว่างนักเรียน
6.2 การปรับคุณภาพมุ่งพัฒนาต่อไป
ควรมีการนำระบบ SEL ไปบูรณาการปรับใช้ในวิชาอื่น ๆ พัฒนาคู่มือแผนกิจกรรมการจัดการเรียนรู้ของระบบ SEL ฉบับสมบูรณ์ และควรมีการจัดฝึกอบรมสำหรับครูบรรจุใหม่ในโรงเรียนและสถานศึกษาอื่นเพื่อการขยายผลอย่างยั่งยืน
6.3 ข้อควรพึงระวัง
ควรปรับเนื้อหา กิจกรรม และวิธีการประเมินสำหรับจำนวนและประเภทของนักเรียนพิการของห้องเรียนแบบเรียนรวมอย่างเหมาะสม
7. การเผยแพร่/ การได้รับการยอมรับ/ รางวัลที่ได้รับ
มีการนำเสนอในชุมชนการเรียนรู้ทางวิชาชีพครู (PLC) ภายในโรงเรียน และมีเผยแพร่ภายนอกโรงเรียนผ่านทาง Facebook