ค้นหาทุกอย่างในเว็บครูบ้านนอก :
ชุมชนครู บุคลากรทางการศึกษา และนักเรียน แหล่งความรู้สำหรับครู นักเรียน ข่าวการศึกษา ห้องสมุดความรู้ทุกกลุ่มสาระการเรียนรู้ และความรู้ทั่วไป เผยแพร่ผลงานวิชาการ ที่นี่


ค้นหากระทู้
ตั้งกระทู้คำถามใหม่ กลับหน้าที่แล้ว
 
Advertisement

ผลการจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือด้วยเทคนิค ซี ไอ อาร์ ซี ที่มีต่อความสามารถในการอ่านจับใจความ ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6

บทคัดย่อ

การศึกษามีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) เปรียบเทียบความสามารถในการอ่านจับใจความของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ก่อนและหลังได้รับการจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือด้วยเทคนิค ซี ไอ อาร์ ซี 2) เปรียบเทียบความสามารถในการอ่านจับใจความของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ที่ได้รับการจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือด้วยเทคนิค ซี ไอ อาร์ ซี กับเกณฑ์ร้อยละ 75 ของคะแนนเต็ม พบว่า 1) นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 มีความสามารถในการอ่านจับใจความหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 2) นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 มีความสามารถในการอ่านจับใจความหลังเรียนสูงกว่าเกณฑ์ร้อยละ 75 ของคะแนนเต็ม อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05

คำสำคัญ : การจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือ

บทนำ

ภาษาไทยเป็นเครื่องมือของคนในชาติเพื่อการสื่อสารทำความเข้าใจกันและใช้ภาษาในการประกอบกิจการงานทั้งส่วนตัว ครอบครัว กิจกรรมทางสังคมและประเทศชาติ เป็นเครื่องมือการเรียนรู้ การบันทึกเรื่องราวจากอดีตถึงปัจจุบัน และเป็นวัฒนธรรมของชาติ ดังนั้นการเรียนภาษาไทย จึงต้องเรียนรู้เพื่อให้เกิด ทักษะอย่างถูกต้องเหมาะสมในการสื่อสาร เป็นเครื่องมือในการเรียนแสวงหาความรู้ และประสบการณ์เรียนรู้ในฐานะเป็นวัฒนธรรมทางภาษาให้เกิดความชื่นชม ซาบซึ้ง และภูมิใจในภาษาไทย โดยเฉพาะคุณค่าของวรรณคดีและภูมิปัญญาทางภาษา ของบรรพบุรุษได้สร้างสรรค์ไว้ อันเป็นส่วนเสริมสร้างความงดงามในชีวิต สอดคล้องกับ กรมวิชาการที่กล่าวไว้ว่า ภาษาไทยเป็นสมบัติทางวัฒนธรรมอันก่อให้เกิดความเป็นเอกภาพ และเสริมสร้างบุคลิกภาพของคนในชาติ ให้มีความเป็นไทย เป็นเครื่องมือในการติดต่อสื่อสารความเข้าใจและความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน ทำให้สามารถประกอบกิจธุระการงานและดำรงชีวิตร่วมกันในสังคมประชาชาติได้อย่างสันติสุขและเป็นเครื่องมือในการแสวงหาความรู้ ประสบการณ์ จากแหล่งข้อมูลสารสนเทศต่างๆ เพื่อพัฒนาความรู้ ความคิด วิเคราะห์ วิจารณ์ และสร้างสรรค์ให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลงทางสังคม และความก้าวหน้า ทางวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีตลอดจนนำไปใช้ในการพัฒนาอาชีพให้มีความมั่นคง ทางสังคมและเศรษฐกิจ นอกจากนี้ยังเป็นสื่อที่แสดงภูมิปัญญาของบรรพบุรุษด้านวัฒนธรรม ประเพณี ชีวทัศน์ โลกทัศน์ และสุนทรียภาพ โดยบันทึกไว้เป็นวรรณคดีและวรรณกรรมอันล้ำค่าภาษาไทยจึงเป็นสมบัติของชาติที่ควรค่าแก่การเรียนรู้ เพื่ออนุรักษ์และสืบสานให้คงอยู่คู่ชาติไทยตลอดไป (กรมวิชาการ. 2544 : 3) จะเห็นได้ว่าภาษาไทยมีความสำคัญในการใช้ติดต่อสื่อสาร แสวงหาความรู้ พัฒนาอาชีพการดำรงชีวิต และยังแสดงถึงความเอกราชของชาติไทย ภาษาไทย เป็นทักษะการสื่อสารที่ต้องใช้ทักษะการฟัง การพูด การอ่านและการเขียน โดยเฉพาะการอ่านและการเขียนเป็นทักษะการสื่อสารที่สำคัญที่ควรจะพัฒนาควบคู่กันไป เนื่องจากการอ่านเป็นเครื่องมือที่ใช้ในการแสวงหาความรู้ เสริมสร้างความคิด ประสบการณ์ และเป็นเครื่องมือที่ใช้เรียนรู้ตลอดชีวิต ส่วนการเขียนเป็นทักษะการส่งสารที่ใช้ในการถ่ายทอดความรู้ ความคิด เรื่องราวและเหตุการณ์ต่าง ๆ จากการอ่านและการฟังได้เป็นอย่างดี ดังนั้นทักษะการอ่านจึงควรได้รับการพัฒนาให้สัมพันธ์กับทักษะการเขียน ผู้ที่อ่านได้ดีย่อมเป็นผู้ที่เขียนได้ดีด้วย เนื่องจากได้ประสบการณ์จากการตีความและได้ข้อมูลจากสัญลักษณ์หรือตัวอักษรมากเพียงพอ ซึ่งถือเป็นปัจจัยที่สำคัญที่สุดในการแสวงหาความรู้ต่าง ๆ ถ้าผู้อ่านอ่านแล้วสามารถนำไปใช้ในโอกาสที่เหมาะสม ย่อมทำให้เกิดประโยชน์ได้ การอ่านจึงเป็นหัวใจสำคัญของการเรียนการสอนอีกด้วย (ฉวีวรรณ คูหาอภินันทน์. 2542 : 1)

การอ่านเพื่อจับใจความเป็นพื้นฐานที่สำคัญสำหรับการอ่านเพื่อศึกษาหาความรู้ เป็นประโยชน์สำหรับการจำและทำความเข้าใจเนื้อหาสาระของเรื่องที่อ่าน เป็นทักษะที่จำเป็นสำหรับการอ่านทุกประเภททั้งร้อยแก้วและร้อยกรอง สารคดีและบันเทิงคดี จึงควรฝึกฝนอย่างสม่ำเสมอให้เกิดความชำนาญและสามารถนำไปใช้ประโยชน์ในชีวิตประจำวันได้อย่างดี ดังนั้นการอ่านจับใจความจึงมีบทบาทในเรื่องของการอ่านเพราะถือว่าเป็นการแสดงออกถึงความเข้าใจในการอ่านสิ่งต่าง ๆ เป็นการพัฒนาสติปัญญาให้รู้จัก คิด วิเคราะห์และช่วยให้มีสมาธิสามารถจับใจความของประโยคได้ในเวลาที่รวดเร็ว การสอนอ่านจึงเป็นสิ่งจำเป็นเบื้องต้นที่ครูต้องคำนึงถึง ฝึกฝนให้นักเรียนมีทักษะในการอ่านจับใจความ และนำวิธีการอ่านจับใจความไปเป็นเครื่องมือแสวงหาความรู้ และสามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้ในชีวิตประจำวัน (ศิริวรรณ ฉายะเกษตรินและคณะ. 2535 : 82)

การเรียนรู้แบบร่วมมือ เป็นวิธีการสอนที่ทำให้เกิดการกระตุ้นความคิดซึ่งกันและกันโดยให้นักเรียนทำงานเป็นกลุ่มเล็ก ๆ เพื่อช่วยกันเรียนรู้ และเกิดความรู้ความคิดรวบยอด มีทักษะความเข้าใจ มีความสุขในการช่วยเหลือซึ่งกันและกัน ซึ่งการเรียนรู้แบบร่วมมือนี้จะกำหนดให้นักเรียนทำงานเป็นกลุ่ม สมาชิกในแต่ละกลุ่มประกอบด้วย ผู้ที่มีความสามารถในการเรียนรู้แตกต่างกัน การจัดการเรียนรู้มีหลายเทคนิค แต่เทคนิคที่เน้นแก้ไขปัญหาการอ่านจับใจความและการเขียนภาษาไทยนั้นคือ การจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือด้วยเทคนิค ซี ไอ อาร์ ซี (Cooperative integrated reading composition) ตามแนวคิดของ Slavin (1995, pp. 104-110) เป็นอีกแนวทางการจัดการเรียนรู้แบบหนึ่งซึ่งสามารถนำมาใช้พัฒนาทักษะการอ่านและการเขียนภาษาไทยได้เพราะการจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือด้วยเทคนิค ซี ไอ อาร์ ซี เป็นเทคนิคการเรียนการสอนแบบร่วมมือที่ใช้ในการสอนอ่านและสอนเขียนโดยเฉพาะเป็นการจัดการเรียนรู้ที่มีการฝึกกระบวนการ ทำงานกลุ่มและทักษะการทำงานร่วมกันทางสังคมผู้เรียนจะต้องช่วยเหลือฟังความคิดเห็นของกันและกันจะต้องรับผิดชอบผลงานของตนเองและกลุ่ม ซึ่งสอดคล้องกับแสงดาว ไหม่ทอง (2558) ได้ศึกษาผลการจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือด้วยวิธี ซี ไอ อาร์ ซี ที่มีต่อความสามารถในการอ่าน จับใจความและเจตคติต่อวิชาภาษาไทย ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ผลการวิจัยพบว่า 1. นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ที่ได้รับการสอนแบบร่วมมือด้วยวิธี ซี ไอ อาร์ ซี มีคะแนนความสามารถ ในการอ่านจับใจความวิชาภาษาไทยหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 นอกจากนี้ยังมี นิรมล น้อยจันทร์ (2555) ได้ศึกษา การพัฒนากิจกรรมการเรียนรู้ด้านการอ่านจับใจความ กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 โดยใช้เทคนิค ซี ไอ อาร์ ซี พบว่า 1. การพัฒนากิจกรรมการจัดการเรียนรู้ ด้านการอ่านจับใจความ กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 โดยใช้เทคนิค ซี ไอ อาร์ ซี มีขั้นตอนในการจัดกระบวนการเรียนรู้ที่ผู้วิจัยเลือกใช้คือ 1) ขั้นเตรียม การสอน 2) ขั้นนำเสนอบทเรียน 3) ขั้นกิจกรรมกลุ่ม 4) ขั้นตรวจสอบผลงาน 5) ขั้นสรุปและประเมินผลงานกลุ่ม พบว่า นักเรียนมีค่าคะแนนเฉลี่ยคิดเป็น 90.00 93.33 และ 86.66 ตามลำดับ

ผู้วิจัยเป็นครูผู้สอนกลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทยในระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 จึงสนใจศึกษาผลการจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือด้วยเทคนิค ซี ไอ อาร์ ซี ที่มีต่อความสามารถในการอ่านจับใจความและการเขียนภาษาไทยของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6

วัตถุประสงค์ของการวิจัย

1. เพื่อเปรียบเทียบความสามารถในการอ่านจับใจความของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ก่อนและหลังได้รับการจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือด้วยเทคนิค ซี ไอ อาร์ ซี

2. เพื่อเปรียบเทียบความสามารถในการอ่านจับใจความของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ที่ได้รับการจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือด้วยเทคนิค ซี ไอ อาร์ ซี กับเกณฑ์ร้อยละ 75 ของคะแนนเต็ม

แนวคิด ทฤษฎีและงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง

แนวคิด ทฤษฎี การพึ่งพาและเกื้อกูลกัน การปรึกษาหารือกันอย่างใกล้ชิด ความรับผิดชอบที่ตรวจสอบได้ของสมาชิก การให้ทักษะการปฏิสัมพันธ์ระหว่างบุคคลและทักษะในการทำงานร่วมกันเป็นกลุ่มย่อย และการวิเคราะห์กระบวนการกลุ่ม (ทิศนา แขมมณี.2554 : 99- 101) งานวิจัยที่เกี่ยวข้อง แสงดาว ไหม่ทอง (2558) ได้ศึกษาผลการจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือด้วยวิธี ซี ไอ อาร์ ซี ที่มีต่อความสามารถในการอ่านจับใจความและเจตคติต่อวิชาภาษาไทย ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ผลการวิจัยพบว่า 1. นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ที่ได้รับการสอนแบบร่วมมือด้วยวิธี ซี ไอ อาร์ ซี มีคะแนนความสามารถ ในการอ่านจับใจความวิชาภาษาไทย หลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 นอกจากนี้ นิรมล น้อยจันทร์ (2555) ได้ศึกษาการพัฒนากิจกรรมการเรียนรู้ด้านการอ่านจับใจความ กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 โดยใช้เทคนิค ซี ไอ อาร์ ซี พบว่า 1) การพัฒนากิจกรรมการจัดการเรียนรู้ ด้านการอ่านจับใจความ กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3โดยใช้เทคนิค ซี ไอ อาร์ ซี มีขั้นตอนในการจัดกระบวนการเรียนรู้ที่ผู้วิจัยเลือกใช้คือ 1)ขั้นเตรียมการสอน 2) ขั้นนำเสนอบทเรียน 3) ขั้นกิจกรรมกลุ่ม 4) ขั้นตรวจสอบผลงาน 5) ขั้นสรุปและประเมินผลงานกลุ่ม พบว่า นักเรียนมีค่าคะแนนเฉลี่ยคิดเป็น 90.00 93.33 และ 86.66 ตามลำดับของวงจรปฏิบัติแสดงให้เห็นว่าการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ด้านการอ่านจับใจความ โดยใช้เทคนิค ซี ไอ อาร์ ซี สามารถพัฒนาความสามารถในด้านการอ่านจับใจความของนักเรียนได้สูงขึ้น จากเนื้อหาที่เรียน คือ นิทาน บทความ และบทร้อยกรอง

กรอบแนวคิดการวิจัย

จากการศึกษาเอกสารของงานวิจัยที่เกี่ยวข้องพบว่าการจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือมีองค์ประกอบที่สำคัญเนื่องจากช่วยให้ผู้เรียน ปฏิสัมพันธ์ที่ส่งเสริมกันระหว่างสมาชิกภายในกลุ่ม มีความเกี่ยวข้องสัมพันธ์กันในทางบวก สร้างความรับผิดชอบของสมาชิกแต่ละบุคคล มีการใช้ทักษะปฏิสัมพันธ์ระหว่างบุคคลและทักษะการทำงานกลุ่มย่อย และสามารถเรียนรู้จากกระบวนการทำงานของกลุ่มได้เป็นอย่างดี และการจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือด้วยเทคนิค ซี ไอ อาร์ ซี นั้นทำให้ผู้เรียนได้เรียนรู้ตามความสามารถ ผู้เรียนทราบผลการเรียนของตนทันทีเมื่อเรียนจบ ข้อดี คือ ผู้เรียนที่เรียนเก่งจะคอยช่วยเหลือแนะนำนักเรียนที่เรียนอ่อนให้ได้รับความรู้ไปพร้อม ๆ กัน มีความคิดสร้างสรรค์ร่วมกัน ผลงานของแต่ละคนจะมารวมเป็นผลงานของกลุ่ม ทำให้สมาชิกภายในกลุ่มมีความกระตือรือร้นที่จะเรียน ดังนั้นการจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือด้วยเทคนิค ซี ไอ อาร์ ซี จึงทำให้ความสามารถอ่านจับใจความวิชาภาษาไทยของสูงขึ้น จากแนวคิดดังกล่าวผู้วิจัยได้ นำมากำหนดเป็นกรอบความคิด โดยใช้ขั้นตอนของ วัฒนาพร ระงับทุกข์ (2542: 35)

สมมติฐานการวิจัย

1. นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ที่ได้รับการจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือด้วยเทคนิค ซี ไอ อาร์ ซี มีความสามารถในการอ่านจับใจความหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียน 2. นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ที่ได้รับการจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือด้วยเทคนิค ซี ไอ อาร์ ซี มีความสามารถในการอ่านจับใจความหลังเรียนสูงกว่าเกณฑ์ร้อยละ 75 ของคะแนนเต็ม

วิธีการดำเนินการวิจัย

กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 จากโรงเรียนวัดบ้านคลอง กลุ่มโรงเรียน แก้วารี อำเภอบรรพตพิสัย สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษานครสวรรค์ เขต 2 จำนวน 12 คนซึ่งได้มาโดยวิธีการสุ่มแบบกลุ่ม (Cluster random sampling) ด้วยวิธีการจับสลาก โดยใช้โรงเรียนเป็นหน่วยในการสุ่ม เครื่องมือที่ใช้ในการศึกษา ได้แก่ 1) แผนการจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือด้วยเทคนิค ซี ไอ อาร์ ซี เป็นการวิจัยเชิงทดลองเบื้องต้น (Pre - experimental research) ใช้แบบแผนการวิจัยกลุ่มเดียว สอบก่อน – สอบหลัง (One - group pretest - posttest design) จำนวน 8 แผน 2) แบบวัดความสามารถในการอ่านจับใจความ จำนวน 30 ข้อ 3)แบบวัดความสามารถในการเขียนภาษาไทย จำนวน 2 ข้อ สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล

1 หาค่าดัชนีความสอดคล้องของแบบวัดความสามารถในการอ่านจับใจความภาษาไทย โดยใช้สูตรดัชนีความสอดคล้อง IOC (อนุวัติ คูณแก้ว. 2562: 199)

2. ค่าความยากของแบบวัดความสามารถในการอ่านจับใจความ โดยใช้สูตร (ไพศาล วรคำ. 2562: 298)

3. ค่าอำนาจจำแนกของแบบวัดความสามารถในการอ่านจับใจความ โดยใช้สูตรของแบรนนอน (Brennan. 1974, อ้างถึงใน

อนุวัติ คูณแก้ว. 2562: 209)

4. ค่าความเชื่อมั่นของแบบวัดความสามารถในการอ่านจับใจความตามวิธีของ (Lovett Method) โดยใช้สูตร (อนุวัติ คูณแก้ว.

2562: 226)

5. ทดสอบสมมติฐานความแตกต่างระหว่างคะแนนก่อนเรียนและหลังเรียน (Wilcoxon match pairs signed - ranks test) โดยคำนวณจากสูตร (บัญญัติ ชำนาญกิจ, และนวลศรีชำนาญกิจ. 2551: 115-117)

6. ทดสอบความแตกต่างของคะแนนหลังเรียนกับเกณฑ์ (Wilcoxon signed -ranks test) โดยคำนวณจากสูตร (บัญญัติ ชำนาญกิจ, และนวลศรีชำนาญกิจ. 2551: 115-117)

สรุปผลการวิจัย

ตอนที่ 1 ผลการเปรียบเทียบความสามารถในการอ่านจับใจความของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ก่อนและหลังได้รับการจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือด้วยเทคนิค ซี ไอ อาร์ ซี ผลการเปรียบเทียบความสามารถในการอ่านจับใจความของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ก่อนและหลังได้รับการจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือด้วยเทคนิค ซี ไอ อาร์ ซี จำนวน 12 คน โดยการนำคะแนนจากแบบทดสอบวัดความสามารถในการอ่านจับใจความวิชาภาษาไทยก่อนเรียนและคะแนนจากแบบทดสอบวัดความสามารถในการอ่านจับใจความวิชาภาษาไทยหลังเรียน ดำเนินการทดสอบความแตกต่างของความสามารถในการอ่านจับใจความวิชาภาษาไทย]ก่อนเรียนและหลังเรียนตามสมมติฐานข้อที่ 1 โดยใช้สถิติทดสอบของวิลคอกซัน

ตอนที่ 2 ผลการเปรียบเทียบความสามารถในการอ่านจับใจความของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ที่ได้รับการจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือด้วยเทคนิค ซี ไอ อาร์ ซี กับเกณฑ์ร้อยละ 75 ของคะแนนเต็มพิจารณาหลังจากที่ได้รับการจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือด้วยเทคนิค ซี ไอ อาร์ ซี กับเกณฑ์ร้อยละ 75 ของคะแนนเต็ม 30 คะแนน นักเรียนทั้งหมด 12 คน นำผลที่ได้ไปทดสอบสมมติฐานข้อที่ 2 โดยใช้สถิติทดสอบของวิลคอกซัน

อภิปรายผลการวิจัย

จากการศึกษาเรื่อง ผลการจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือด้วยเทคนิค ซี ไอ อาร์ ซี ที่มีผลต่อความสามารถในการอ่านจับใจความและการเขียนภาษไทยของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ครั้งนี้ สามารถอภิปรายผลได้ ดังนี้

1. นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ที่ได้รับการจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือด้วยเทคนิค ซี ไอ อาร์ ซี มีความสามารถในการอ่านจับใจความวิชาภาษาไทยหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 ทั้งนี้อาจเป็นผลมาจากการจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือด้วยเทคนิค ซี ไอ อาร์ ซี เป็นการเรียนแบบร่วมมือเพื่อพัฒนาการอ่านและการเขียนนักเรียนจะจับคู่กันทำกิจกรรมผลัดกัน เป็นผู้ตรวจสอบการทำกิจกรรมและช่วยสมาชิกในกลุ่มของตนให้ทำกิจกรรมสำเร็จ (ญาดา หอมเกษร. 2552 : 15) ทำให้นักเรียนได้เรียนรู้ตามความสามารถผู้เรียนที่เรียนเก่งจะคอยช่วยเหลือแนะนำนักเรียนที่เรียนอ่อนให้ได้รับความรู้ไปพร้อม ๆ กัน มีความคิดสร้างสรรค์ร่วมกัน ผลงานของแต่ละคนจะมารวมเป็นผลงานของกลุ่ม ทำให้สมาชิกในกลุ่มมีความกระตือรือร้นที่จะเรียน ดังนั้น การจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือด้วยเทคนิค ซี ไอ อาร์ ซี จึงทำให้ความสามารถใจการอ่านจับใจความของวิชาภาษาไทยสูงขึ้น (วัฒนาพร ระงับทุกข์. 2542 : 35) ซึ่งสอดคล้องกับงานวิจัยของกนกวรรณ ภู่ทิม (2560) พบว่า นักเรียนที่ได้รับการจัดการเรียนรู้โดยการประยุกต์ใช้การจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือเทคนิค CIRC ร่วมกับการสอนอ่านแบบปฏิบัติการมีความสามารถในการอ่านจับใจความวิชาภาษาไทยหลังการจัดการเรียนรู้สูงกว่าก่อนการจัดการเรียนรู้ อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 และสอดคล้องกับงานวิจัยของ จิรัฐิพร นวนสาย (2557) พบว่า ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 หลังเรียนด้วยแผนการจัดการเรียนรู้ การอ่านจับใจความ กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย โดยใช้การเรียนรู้แบบร่วมมือเทคนิค ซี ไอ อาร์ ซี สูงกว่าก่อนเรียน

2. นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ที่ได้รับการจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือด้วยเทคนิค ซี ไอ อาร์ ซี มีความสามารถในการอ่านจับใจความวิชาภาษาไทยหลังเรียนสูงกว่าเกณฑ์ร้อยละ 75 ของคะแนนเต็ม อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 ทั้งนี้อาจเป็นผลมาจากการเรียนแบบร่วมมือด้วยเทคนิค ซี ไอ อาร์ ซี เป็นการเรียนแบบกลุ่มมีการช่วยเหลือซึ่งกันและกันจะมุ่งไปที่ปฏิสัมพันธ์ระหว่างครู กับผู้เรียน หรือระหว่างผู้เรียนกับบทเรียนโดยแต่ละคนต่างก็รับผิดชอบในการ เรียนรู้ของตนและในขณะเดียวกันก็ต้องช่วยผู้เรียนคนอื่น ๆ ภายในกลุ่มด้วย ดังแนวคิดของจอห์น ดิวอี้ (Dewey. 1959 : อ้างถึงในเพ็ญศิริ จีระเดชากุล 2533) เกี่ยวกับวิธีการเรียนการสอน ดิวอี้ ได้เสนอให้ครูและนักเรียนทั้งชั้นเรียนร่วมมือกันแลกเปลี่ยนทัศนะความคิดเห็นและติดต่อสื่อสารซึ่งกันและกัน ด้วยวิธีเช่นนี้นักเรียน จะได้เรียนรู้วิธีการทำงาน การช่วยเหลือ และการร่วมมือกับผู้อื่น เพราะสิ่งเหล่านี้จะช่วยขจัดปัญหาข้อขัดแย้งทางสังคม และสร้างบรรยากาศแบบประชาธิปไตยในห้องเรียน นอกจากนั้นการให้โอกาสนักเรียนได้ทำงานร่วมกันยังสามารถช่วยลดความเห็นแก่ตัว และการแข่งขันในหมู่นักเรียนได้เป็นอย่างดี ซึ่งสอดคล้องกับงานวิจัยของบุญปารถนา มาลาทอง (2562) พบว่า ความสามารถด้านการอ่านภาษาไทยหลังการจัดการเรียนรู้สูงกว่าเกณฑ์ร้อยละ 75 อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 และสอดคล้องกับงานวิจัยของ วรรณวิษา จันทร (2567) พบว่า นักเรียนที่ได้รับการจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือด้วยเทคนิคซีไออาร์ซีที่มีต่อความสามารถในการอ่านวิชาภาษาไทยหลังเรียนสูงกว่าเกณฑ์ร้อยละ 70 ของคะแนนเต็มอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05

ข้อเสนอแนะ

ข้อเสนอแนะทั่วไป

1. การจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือด้วยเทคนิค ซี ไอ อาร์ ซี ที่มีผลต่อความสามารถในการอ่านจับใจความและการเขียนภาษาไทย ครูผู้สอนจะต้องศึกษาแบบฝึกทักษะการอ่านจับใจความเกี่ยวกับวิธีการ เนื้อหา จุดประสงค์ และรูปแบบการใช้ ตลอดจนแนวทางในการปฏิบัติของผู้เรียนในการเรียนการสอน ให้เข้าใจ ถูกต้อง ทั้งนี้เพื่อให้นักเรียนรู้อย่างถูกต้องและมีประสิทธิภาพมากที่สุด

ข้อเสนอแนะในการศึกษาครั้งต่อไป

1. ควรศึกษาเกี่ยวกับการจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือด้วยเทคนิค ซี ไอ อาร์ ซี ในเนื้อหาสาระหรือระดับอื่นๆ แล้วนําไปสอนเปรียบเทียบกับเทคนิคการสอนในรูปแบบอื่น ๆ

2. ควรศึกษาผลการใช้เทคนิค ซี ไอ อาร์ ซี ที่มีผลต่อความสามารถในการอ่านจับใจความและการเขียนภาษาไทย และความพึงพอใจในการเรียนเกี่ยวกับเนื้อหาสาระระดับชั้นอื่นๆ

โพสต์โดย มะปราง : [25 พ.ย. 2568 (12:48 น.)]
อ่าน [36825] ไอพี : 183.89.212.187
หากข้อความนี้ไม่เหมาะสม คลิก คลิกปุ่มนี้ หากเห็นว่าข้อความนี้ไม่เหมาะสม
Advertisement

 
 

โปรดอ่านกฎกติกาก่อนแสดงความเห็น
1. ข้อความของท่านจะขึ้นแสดงโดยอัตโนมัติทันทีที่ได้รับข้อมูล
2.
ห้ามโพสต์ ข้อความยั่วยุให้เกิดความรุนแรงทางสังคม ข้อความที่ก่อให้เกิดความเสียหายและเสื่อมเสียต่อบุคคลที่สาม, เบอร์โทรศัพท์,
รูปภาพที่ไม่เหมาะสมต่อเยาวชนหรือภาพลามกอนาจาร หรือกระทบถึงสถาบันอันเป็นที่เคารพ
ขอให้ผู้ตั้งกระทู้รับผิดชอบตัวเอง
และรับผิดชอบต่อสังคม ถ้ารูปภาพ หรือข้อความใดส่งผลกระทบต่อบุคคลอื่น ทีมงานพร้อมจะส่งรายละเอียดให้เจ้าหน้าที่
เพื่อตามจับตัวผู้กระทำผิดต่อไป

3.
สมาชิกที่โพสต์สิ่งเหล่านี้ อาจถูกดำเนินคดีทางกฎหมายจากผู้เสียหายได้
4. ไม่อนุญาตให้มีการโฆษณาสินค้าใด ๆ ทั้งสิ้น ทั้งทางตรงและทางอ้อม
5. ทุกความคิดเห็นเป็นข้อความที่ทางผู้เยี่ยมชมเข้ามาร่วมตั้งกระทู้ในเว็บไซต์ ทางเว็บไซต์ kroobannok.com ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ ทั้งสิ้น
6. ทางทีมงานขอสงวนสิทธิ์ในการลบกระทู้ที่ไม่เหมาะสมได้ทันที โดยไม่ต้องมีการชี้แจงเหตุผลใดๆ ต่อเจ้าของความเห็นนั้นทั้งสิ้น

7. หากพบเห็นรูปภาพ หรือข้อความที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งมาที่อีเมล์ kornkham@hotmail.com เพื่อทำการลบออกจากระบบต่อไป


 ** พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.๒๕๕๐**

ขออภัยในความไม่สะดวก เนื่องจากเราประสบปัญหา
มีผู้โพสต์ข้อความที่หมิ่นเหม่และไม่เหมาะสมเป็นจำนวนมาก
ครูบ้านนอกดอทคอมจึงขอความร่วมมือสมาชิก
กรุณาเข้าสู่ระบบก่อนแสดงความเห็นครับ


  

สมัครสมาชิกใหม่
 

 

Advertisement

≡ เรื่องน่าอ่าน/สาระน่ารู้ ≡

เปิดอ่าน 17,467 ครั้ง
การเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา
การเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา

เปิดอ่าน 21,201 ครั้ง
ดวงอาทิตย์ (The Sun)
ดวงอาทิตย์ (The Sun)

เปิดอ่าน 16,828 ครั้ง
แอปเปิ้ลหลากสีหลากประโยชน์
แอปเปิ้ลหลากสีหลากประโยชน์

เปิดอ่าน 21,338 ครั้ง
ไม่อยากแก่ เรามีเคล็ดลับมาบอก
ไม่อยากแก่ เรามีเคล็ดลับมาบอก

เปิดอ่าน 23,858 ครั้ง
จำนวนเต็ม (Integer) คืออะไร
จำนวนเต็ม (Integer) คืออะไร

เปิดอ่าน 18,409 ครั้ง
วิธีการพับเสื้อยืดอย่างรวดเร็ว
วิธีการพับเสื้อยืดอย่างรวดเร็ว

เปิดอ่าน 11,245 ครั้ง
10 ท่ากระชับสัดส่วนสวย
10 ท่ากระชับสัดส่วนสวย

เปิดอ่าน 24,965 ครั้ง
เคล็ดไม่ลับ!!!วิธีตอน"มะนาว"ด้วย"กะปิ" ได้กิ่งพันธุ์ดี เป็นที่ต้องการ
เคล็ดไม่ลับ!!!วิธีตอน"มะนาว"ด้วย"กะปิ" ได้กิ่งพันธุ์ดี เป็นที่ต้องการ

เปิดอ่าน 51,393 ครั้ง
‘คุณค่าของครู’ ในโลกที่เกิดการเปลี่ยนแปลง
‘คุณค่าของครู’ ในโลกที่เกิดการเปลี่ยนแปลง

เปิดอ่าน 17,373 ครั้ง
จุฬาฯวิจัยเปลือกมังคุดพบคุณค่าอื้อ ต้านอักเสบ รักษาเซลล์มะเร็ง
จุฬาฯวิจัยเปลือกมังคุดพบคุณค่าอื้อ ต้านอักเสบ รักษาเซลล์มะเร็ง

เปิดอ่าน 15,749 ครั้ง
วิธีฝึกสมาธิเพื่อให้เรียนหนังสือเก่ง
วิธีฝึกสมาธิเพื่อให้เรียนหนังสือเก่ง

เปิดอ่าน 8,754 ครั้ง
การศึกษาในศตวรรษที่ 21 รร.ต้องร่างหลักสูตรให้เด็กเป็นผู้บริหาร
การศึกษาในศตวรรษที่ 21 รร.ต้องร่างหลักสูตรให้เด็กเป็นผู้บริหาร

เปิดอ่าน 12,378 ครั้ง
ดาวน์โหลดเอกสารประกอบการบรรยายในการประชุมสัมมนาการรับนักเรียนปีการศึกษา 2556
ดาวน์โหลดเอกสารประกอบการบรรยายในการประชุมสัมมนาการรับนักเรียนปีการศึกษา 2556

เปิดอ่าน 10,987 ครั้ง
ปฏิรูปการศึกษาเรียนรู้จากผู้ประสบความสำเร็จ: "สิงคโปร์"
ปฏิรูปการศึกษาเรียนรู้จากผู้ประสบความสำเร็จ: "สิงคโปร์"

เปิดอ่าน 16,114 ครั้ง
วัดป่าที่แม่ฮ่องสอนดังทั่วโลก ต่างชาติแห่เรียนสมาธิปีละกว่า 2 พันคน
วัดป่าที่แม่ฮ่องสอนดังทั่วโลก ต่างชาติแห่เรียนสมาธิปีละกว่า 2 พันคน

เปิดอ่าน 23,419 ครั้ง
เรื่องน่ารู้ของ "สตรอเบอรี่"
เรื่องน่ารู้ของ "สตรอเบอรี่"
เปิดอ่าน 15,902 ครั้ง
อย่าลืมเป้าหมายการศึกษา : โดย ดร.กมล รอดคล้าย
อย่าลืมเป้าหมายการศึกษา : โดย ดร.กมล รอดคล้าย
เปิดอ่าน 72,336 ครั้ง
กฏอัยการศึก ถูกประกาศใช้มาแล้ว 8 ครั้ง ประกาศโดย ผบ.ทบ.และสถานการณ์ใดบ้าง
กฏอัยการศึก ถูกประกาศใช้มาแล้ว 8 ครั้ง ประกาศโดย ผบ.ทบ.และสถานการณ์ใดบ้าง
เปิดอ่าน 8,352 ครั้ง
เปิด 10 ธุรกิจเด่นปี59 สุขภาพและความงามยังครองแชมป์
เปิด 10 ธุรกิจเด่นปี59 สุขภาพและความงามยังครองแชมป์
เปิดอ่าน 10,742 ครั้ง
ห้องสมุดในมัสยิด อีกย่างก้าวของความรู้
ห้องสมุดในมัสยิด อีกย่างก้าวของความรู้

รายการหลัก

หน้าแรก
ข่าว/บทความ
สมุดเยี่ยม
กระดานสนทนา
เว็บลิงค์
ผู้จัดทำเว็บครูบ้านนอก
ข้อมูลบุคคล
ภาพกิจกรรม
ผู้สนับสนุน

สมาชิก

เข้าสู่ระบบ
คุณครูต้องรู้ไว้
รวมแบบฟอร์มต่างๆ

เว็บน่าสนใจ

เว็บไซต์ สพฐ.
กระทรวงศึกษาธิการ
ติวสอบ GED
ติวสอบ SAT
เครื่องมือวัด
เครื่องมืออุตสาหกรรม
เกมส์
แหล่งรวมเกมส์

แหล่งรวมเกมส์



 เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ มากมาย
เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ คลายเครียด

เกมส์ รวมเกมส์ เกมส์แข่งรถ เกมส์ต่อสู้ เกมส์ภาษา เกมส์วางระเบิด เกมส์แต่งตัว เกมส์ท่องเที่ยว เกมส์หมากฮอส เกมส์ผจญภัย เกมส์เต้น เกมส์รถ เกมส์ดนตรี เกมส์ขายของ เกมส์ฝึกสมอง เกมส์เด็กๆ เกมส์ปลูกผัก เกมส์การ์ด เกมส์จับผิดภาพ เกมส์ตลก เกมส์ตัดผม เกมส์ก้านกล้วย เกมส์ทําอาหาร เกมส์เลี้ยงสัตว์ เกมส์ผี เกมส์จับคู่ เกมส์กีฬา เกมส์เศรษฐี เกมส์ฝึกทักษะ เกมส์วางแผน เกมส์จีบหนุ่ม เกมส์มาริโอ เกมส์ระบายสี เกมส์จีบสาว เกมส์เบ็นเท็น เกมส์ยิง เกมส์ยาน เกมส์สร้างเมือง เกมส์มันส์ๆ เกมส์แต่งบ้าน เกมส์ความรู้
      kroobannok.com

© 2000-2020 Kroobannok.com  
All rights reserved.


Design by : kroobannok.com


ครูบ้านนอกดอทคอม
การจัดอันดับของ Truehits Web Directory

วิธีนำแบนเนอร์ของครูบ้านนอก.คอมไปแปะในเว็บท่าน บันทึกภาพแบนเนอร์นี้และลิงค์มาที่เราครับ (มีแบนเนอร์ 2 แบบ)
 

ครูบ้านนอกดอทคอม เว็บไซต์ของครูตัวเล็กๆ คนหนึ่ง ที่หวังเพียง ใช้เป็นช่องทางในการสื่อสาร แลกเปลี่ยน เพิ่มพูนความรู้ และให้ข่าวสาร ที่ทันสมัยต่อเหตุการณ์แก่คุณครู ผู้ปฏิบัติงานในทุกพื้นที่ของประเทศไทย เพื่อความเจริญงอกงามในปัญญา และเจริญก้าวหน้าในวิชาชีพ

เว็บนี้ถือกำเนิดเมื่อ 5 มกราคม 2548

Email : kornkham@hotmail.com
Tel : 096-7158383

สนใจสนับสนุนเรา โดยลงโฆษณา
คลิกดูรายละเอียดที่นี่ครับ