ชื่อเรื่อง การพัฒนารูปแบบการจัดประสบการณ์ตามแนวคิดการแสวงหาความรู้และโครงงานเป็นฐาน
เพื่อส่งเสริมทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ สำหรับเด็กปฐมวัย
ผู้วิจัย อรวรรณ อินทสะอาด
ปีที่วิจัย 2567
บทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์ ดังนี้ 1) เพื่อศึกษาข้อมูลพื้นฐานในการพัฒนารูปแบบการจัดประสบการณ์ตามแนวคิดการแสวงหาความรู้และโครงงานเป็นฐาน เพื่อส่งเสริมทักษะกระบวนการ ทางวิทยาศาสตร์ สำหรับเด็กปฐมวัย 2) เพื่อสร้างและพัฒนารูปแบบการจัดประสบการณ์ตามแนวคิด การแสวงหาความรู้และโครงงานเป็นฐาน เพื่อส่งเสริมทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ สำหรับเด็กปฐมวัย 3) เพื่อทดลองใช้รูปแบบการจัดประสบการณ์ตามแนวคิด การแสวงหาความรู้และโครงงานเป็นฐาน เพื่อส่งเสริมทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ สำหรับเด็กปฐมวัย และ 4) เพื่อประเมินรูปแบบการจัดประสบการณ์ตามแนวคิดการแสวงหาความรู้และโครงงานเป็นฐาน เพื่อส่งเสริมทักษะกระบวนการ ทางวิทยาศาสตร์ สำหรับเด็กปฐมวัย กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้ คือ เด็กชั้นอนุบาลปีที่ 2/1 ที่กำลังเรียนในภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2567 โรงเรียนอนุบาลศีขรภูมิ อำเภอศีขรภูมิ จังหวัดสุรินทร์ สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาสุรินทร์ เขต 1 จำนวน 20 คน ได้มาโดยการสุ่มแบบกลุ่ม (Cluster Random sampling) เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ 1) แบบวิเคราะห์ข้อมูลการประชุมกลุ่มย่อย (Focus Group) 2) รูปแบบการจัดประสบการณ์ 3) กิจกรรมตามแนวคิดการแสวงหาความรู้และโครงงานเป็นฐาน 4) แผนการจัดประสบการณ์ 5) แบบประเมินทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ และ 6) แบบประเมินรูปแบบการจัดประสบการณ์ การวิเคราะห์ข้อมูลโดยการวิเคราะห์เนื้อหา (Content Analysis) หาค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และการทดสอบค่าทีแบบไม่เป็นอิสระต่อกัน (Dependent Samples t-test)
ผลการวิจัยพบว่า
1. ผลการศึกษาข้อมูลพื้นฐานในการพัฒนารูปแบบการจัดประสบการณ์ตามแนวคิด การแสวงหาความรู้และโครงงานเป็นฐาน เพื่อส่งเสริมทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ สำหรับ เด็กปฐมวัย มีดังนี้ 1.1) ข้อมูลพื้นฐาน ได้แก่ แนวทางการจัดประสบการณ์การเรียนรู้สำหรับเด็กปฐมวัย แนวคิดเกี่ยวกับรูปแบบและการพัฒนารูปแบบ แนวคิดเกี่ยวกับทักษะการแสวงหาความรู้ แนวคิดเกี่ยวกับการจัดประสบการณ์รูปแบบโครงงานเป็นฐาน และแนวคิดเกี่ยวกับส่งเสริมทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ สำหรับเด็กปฐมวัย 1.2) สภาพปัจจุบันของการจัดประสบการณ์ พบว่า ส่วนใหญ่มีการจัดประสบการณ์การเรียนรู้แบบบูรณาการที่เน้นเด็กเป็นศูนย์กลางผ่านกิจกรรมหลัก 6 กิจกรรม ครูมี การชี้แนะให้ทำตามขั้นตอนมากกว่าการเปิดโอกาสให้เด็กสืบค้นหรือทดลองด้วยตนเอง การจัดกิจกรรม ด้านวิทยาศาสตร์ เป็นการสาธิตหรือกิจกรรมทดลองง่าย ๆ แต่ยังไม่เน้นกระบวนการคิดของเด็ก ใช้สื่อ อุปกรณ์ไม่เหมาะสมกับวัย และ 1.3) ความต้องการของครูในการพัฒนา ครูต้องการแนวทางการจัดประสบการณ์ที่มีขั้นตอนชัดเจน เป็นกิจกรรมที่ส่งเสริมให้เด็กได้สืบค้น ทดลอง และสรุปผล เด็กได้ฝึกคิดและลงมือปฏิบัติจริงจากความสนใจหรือเหตุการณ์ใกล้ตัวและได้สื่อสารสิ่งที่เรียนรู้
2. ผลการสร้างและพัฒนารูปแบบการจัดประสบการณ์ตามแนวคิดการแสวงหาความรู้และโครงงานเป็นฐาน เพื่อส่งเสริมทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ สำหรับเด็กปฐมวัย พบว่า ได้องค์ประกอบที่ได้จากการวิเคราะห์ 5 องค์ประกอบ คือ 1) หลักการของรูปแบบ 2) วัตถุประสงค์ของรูปแบบ 3) วิธีดำเนินกิจกรรมตามรูปแบบ มี 5 ขั้นตอน คือ ขั้นที่ 1 ขั้นกระตุ้นความสนใจขั้นที่ 2 ขั้นการตั้งคำถาม ขั้นที่ 3 ขั้นจัดกลุ่มและแสวงหาความรู้ ขั้นที่ 4 ขั้นแลกเปลี่ยนความรู้ใหม่ และขั้นที่ 5 ขั้นสรุปสิ่งที่เรียนรู้ 4) เงื่อนไขและปัจจัยความสำเร็จ และ 5) การวัดและประเมินผล และผลการตรวจสอบความเหมาะสม และความเป็นไปได้ของรูปแบบการจัดประสบการณ์ โดยผู้ทรงคุณวุฒิ พบว่า มีความเหมาะสมในระดับมากที่สุดและมีความเป็นไปได้ ในระดับมาก
3. ผลการทดลองใช้รูปแบบการจัดประสบการณ์ตามแนวคิดการแสวงหาความรู้และโครงงานเป็นฐาน เพื่อส่งเสริมทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ สำหรับเด็กปฐมวัย พบว่า
3.1 รูปแบบการจัดประสบการณ์ตามแนวคิดการแสวงหาความรู้และโครงงานเป็นฐาน เพื่อส่งเสริมทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ สำหรับเด็กปฐมวัย มีประสิทธิภาพ เท่ากับ 85.94/85.13 ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์ที่กำหนดไว้
3.2 ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ของเด็กปฐมวัยที่เรียนด้วยรูปแบบการจัดประสบการณ์ตามแนวคิดการแสวงหาความรู้และโครงงานเป็นฐานหลังการทดลองสูงกว่าก่อน การทดลองอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05
4. ผลการประเมินรูปแบบการจัดประสบการณ์ตามแนวคิดการแสวงหาความรู้และโครงงานเป็นฐาน เพื่อส่งเสริมทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ สำหรับเด็กปฐมวัย พบว่า
4.1 ความคิดเห็นของครูผู้สอนที่มีต่อรูปแบบการจัดประสบการณ์ตามแนวคิดการแสวงหาความรู้และโครงงานเป็นฐาน เพื่อส่งเสริมทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ สำหรับเด็กปฐมวัย โดยรวม อยู่ในระดับมากที่สุด
4.2 ความพึงพอใจของครูผู้สอนที่มีต่อรูปแบบการจัดประสบการณ์ตามแนวคิด การแสวงหาความรู้และโครงงานเป็นฐาน เพื่อส่งเสริมทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ สำหรับเด็กปฐมวัย โดยรวม อยู่ในระดับมากที่สุด