ความเป็นมาและความสำคัญของปัญหา
การจัดการศึกษาในระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง (ปวส.) มีเป้าหมายสำคัญเพื่อผลิตกำลังคนระดับเทคนิคที่มีความเชี่ยวชาญ (Supervisory Level) สามารถปฏิบัติงานและแก้ปัญหาในสถานประกอบการได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยมี "รายวิชาโครงการ" (Project) เป็นรายวิชาบังคับที่เปรียบเสมือนบทพิสูจน์สุดท้าย (Capstone Project) ที่นักศึกษาจะต้องบูรณาการความรู้และทักษะทั้งหมดในสาขาวิชาชีพที่ได้ศึกษามาตลอดหลักสูตร เพื่อสร้างสรรค์ผลงาน นวัตกรรม หรือชิ้นงานที่สามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้จริง
อย่างไรก็ตาม จากประสบการณ์ของผู้วิจัยในฐานะผู้สอนรายวิชาโครงการให้กับนักศึกษา ปวส. สาขาการบัญชี และเทคโนโลยีดิจิทัล วิทยาลัยเทคโนโลยีวัฒนพฤกษาบริหารธุรกิจได้พบปัญหาและอุปสรรคสำคัญที่เกิดขึ้นซ้ำ ๆ ในกระบวนการดำเนินงานของนักศึกษา กล่าวคือ นักศึกษาส่วนใหญ่ยังขาดความเข้าใจในกระบวนการทำโครงงานอย่างเป็นระบบ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการจัดทำรายงานโครงงาน 5 บท ซึ่งเป็นแบบแผนสากลของการนำเสนอผลงานเชิงวิชาการ
ปัญหาที่พบโดยสรุป ได้แก่:1.การเริ่มต้น (บทที่ 1): นักศึกษาไม่สามารถกำหนดปัญหาหรือที่มาของโครงงานได้ชัดเจน ทำให้การตั้งวัตถุประสงค์ไม่สอดคล้องกับปัญหา2.การสืบค้น (บทที่ 2): ขาดทักษะในการสืบค้นและสังเคราะห์ทฤษฎีหรือวรรณกรรมที่เกี่ยวข้อง ทำให้โครงงานขาดกรอบแนวคิดที่หนักแน่น3.การดำเนินงาน (บทที่ 3): (มักเป็นปัญหาใหญ่ที่สุด) ไม่สามารถออกแบบขั้นตอนการดำเนินงาน, การสร้างเครื่องมือ, หรือการพัฒนานวัตกรรมได้อย่างเป็นระบบและน่าเชื่อถือ4.การสรุปผล (บทที่ 4-5): ไม่สามารถวิเคราะห์ผลและอภิปรายผลให้เชื่อมโยงกับวัตถุประสงค์หรือทฤษฎีที่อ้างอิงได้อุปสรรคดังกล่าว ส่งผลกระทบโดยตรงต่อ คุณภาพของโครงงาน ที่ได้ผลลัพธ์ไม่สมบูรณ์ และทำให้กระบวนการให้คำปรึกษาของครูผู้สอนเป็นไปอย่างล่าช้า ต้องเสียเวลาในการแก้ไขจุดเดิมซ้ำ ๆ ผู้วิจัยเล็งเห็นว่า หากมี "เครื่องมือ" ที่ช่วย "นำทาง" (Scaffolding) ให้นักศึกษาสามารถดำเนินงานตามขั้นตอนได้อย่างถูกต้องด้วยตนเอง จะช่วยลดอุปสรรคเหล่านี้ลงได้
ดังนั้น ผู้วิจัยจึงมีความสนใจที่จะพัฒนา "ชุดคู่มือปฏิบัติการโครงงาน 5 บท (Project Workbook)" ขึ้น เพื่อใช้เป็นนวัตกรรมในการจัดการเรียนการสอนรายวิชาโครงการ โดย Workbook นี้จะทำหน้าที่เป็น "แบบฝึกหัดนำทาง" ที่มีคำอธิบาย ตัวอย่าง และ Checklist ที่ชัดเจน ทำให้นักศึกษาสามารถเรียนรู้และลงมือปฏิบัติได้ด้วยตนเอง ซึ่งคาดหวังว่านวัตกรรมนี้จะช่วย "ยกระดับคุณภาพการทำโครงงาน" และ "ลดอุปสรรคในการดำเนินงาน" ของนักศึกษาได้อย่างมีประสิทธิภาพ จึงนำมาสู่การวิจัยในชั้นเรียนครั้งนี้
การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) พัฒนาและหาคุณภาพของ "ชุดคู่มือปฏิบัติการฯ" 2) ศึกษาคุณภาพการทำโครงงาน 5 บท ของนักศึกษา และ 3) ศึกษาความพึงพอใจของนักศึกษาที่มีต่อ "ชุดคู่มือปฏิบัติการฯ" โดยเป็นการวิจัยและพัฒนา (R&D) กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ นักศึกษาระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง สาขาการบัญชีและเทคโนโลยีดิจิทัล วิทยาลัยเทคโนโลยีวัฒนพฤกษาบริหารธุรกิจ จำนวน 30 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยประกอบด้วย 1) "ชุดคู่มือปฏิบัติการฯ" ที่ผู้วิจัยสร้างขึ้น 2) แบบประเมินคุณภาพคู่มือ 3) แบบประเมินคุณภาพโครงงาน 5 บท (Rubric Score) และ 4) แบบสอบถามความพึงพอใจของนักศึกษา สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ค่าเฉลี่ย และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D.)
ผลการวิจัยสรุปได้ดังนี้: คุณภาพของ "ชุดคู่มือปฏิบัติการฯ" ที่ประเมินโดยผู้เชี่ยวชาญ 3 ท่าน โดยรวมมีคุณภาพอยู่ในระดับ มากที่สุด x̄ 4.70, S.D. = 0.43 คุณภาพการทำโครงงาน 5 บท ของนักศึกษาหลังจากใช้ "ชุดคู่มือปฏิบัติการฯ" โดยรวมอยู่ในระดับ ดีมาก x̄ 85.00, S.D. = 4.50 โดยองค์ประกอบที่นักศึกษาทำได้คะแนนเฉลี่ยสูงสุดคือ บทที่ 1 (บทนำ) x̄17.50 และต่ำที่สุดคือ บทที่ 4 (ผลการวิเคราะห์) x̄16.50 ความพึงพอใจของนักศึกษา ที่มีต่อการใช้ "ชุดคู่มือปฏิบัติการฯ" โดยรวมอยู่ในระดับ มากที่สุด x̄ 4.75, S.D. = 0.42
คำสำคัญ : ชุดคู่มือปฏิบัติการโครงงาน 5 บท