ค้นหาทุกอย่างในเว็บครูบ้านนอก :
ชุมชนครู บุคลากรทางการศึกษา และนักเรียน แหล่งความรู้สำหรับครู นักเรียน ข่าวการศึกษา ห้องสมุดความรู้ทุกกลุ่มสาระการเรียนรู้ และความรู้ทั่วไป เผยแพร่ผลงานวิชาการ ที่นี่


ค้นหากระทู้
ตั้งกระทู้คำถามใหม่ กลับหน้าที่แล้ว
 
Advertisement

การวัดและประเมินผลผสานการเรียนรู้แบบนำตนเองเพื่อส่งเสริมผลสัมฤทธิ์และทักษะทางดนตรี

1.ยุทธวิธีในการวัดประเมินผสานการจัดการเรียนรู้

William (2018) ได้กล่าวถึงยุทธวิธีในการประเมินเพื่อพัฒนาที่ทำให้เกิดผลการพัฒนา 5 ยุทธวิธี ดังนี้

ยุทธวิธีที่ 1 การกำหนดวัตถุประสงค์และเกณฑ์ความส าเร็จในการเรียนรู้

การกำหนดเกณฑ์ให้คะแนน (Rubrics) หลักการในการกำหนดวัตถุประสงค์และเกณฑ์ความสำเร็จในการเรียนรู้ ครูควรคำนึงเกณฑ์การกำหนดเกณฑ์ให้คะแนน (Rubrics) การกำหนดเกณฑ์ความสำเร็จ และการใช้ภาษา ซึ่งไม่มีการกำหนดเกณฑ์ว่าแบบใดที่ดีที่สุด แต่ครูควรมีการเลือกใช้เกณฑ์ที่เหมาะสมในแต่ละชิ้นงานของนักเรียน

ยุทธวิธีที่ 2 การหาหลักฐานของความสำเร็จในการเรียนรู้

เป็นเรื่องของการชี้แจงและสื่อสารสิ่งที่ครูต้องการให้นักเรียนเรียนรู้ นักเรียนต้องมีความเข้าใจในตนเองว่าตนเองมีการเรียนรู้อยู่ในระดับใด มีความเข้าใจในบทเรียนแล้วหรือไม่การหาหลักฐานของความสำเร็จในการเรียนรู้ ครูสามารถทำได้โดยการใช้คำถามเพื่อให้นักเรียนแสดงความคิดเห็นของตนเองออกมาซึ่งคำถามที่ให้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับการเรียนรู้ของนักเรียน

ยุทธวิธีที่ 3 การให้ข้อมูลย้อนกลับ

เป็นยุทธวิธีในการข้อมูลย้อนกลับแก่ผู้เรียนในชั้นเรียนขณะที่มีการจัดการเรียนการสอน การให้ข้อมูลย้อนกลับแบบทันทีและเน้นให้ผู้เรียนได้ตรวจสอบด้วยตนเองก่อนได้รับการช่วยเหลือจาก เพื่อนและครู

ยุทธวิธีที่ 4 นักเรียนเป็นครูซึ่งกันและกัน

การเรียนรู้แบบร่วมมือกันของนักเรียน (cooperative learning) มีประสิทธิภาพ

เทียบเท่ากับการสอนแบบตัวต่อตัวจากครู ซึ่งนักเรียนมักจะรู้สึกไม่เต็มใจที่จะขัดจังหวะครูเพื่อขอคำชี้แจงแต่เมื่อทำงานกับเพื่อนนักเรียนมักจะรู้สึกสบายใจพอที่จะขอให้เพื่อนทำอะไรช้าลงหรือทำอะไรซ้าแล้วซ้าเล่าจนกว่าพวกเขาจะเข้าใจ และนักเรียนที่มีปัญหาอาจได้เรียนรู้เพิ่มเติมจากเพื่อน ๆ มีคุณสมบัติ 2 ประการ เพื่อให้การเรียนรู้แบบร่วมมือ คือ 1) นักเรียนต้องมีเป้าหมายของกลุ่ม หากไม่มีเป้าหมายนักเรียนจะทำงานเป็นกลุ่มไม่ใช่เป็นกลุ่ม และ 2) นักเรียนแต่ละคนจะต้องรับผิดชอบในหน้าที่ของตนเอง

ยุทธวิธีที่ 5 นักเรียนเป็นเจ้าของการเรียนรู้ของตน

ยุทธวิธีนี้ช่วยให้นักเรียนได้ฝึกประเมินตนเอง รับรู้ความสามารถของตนเองทั้งข้อดีและข้อบกพร่องของนักเรียน ถ้าครูสามารถจัดการเรียนรู้ได้ดีเท่าไหร่ก็จะยิ่งสามารถเรียนรู้ได้มากขึ้นเท่านั้นนักเรียนทุกคนสามารถเป็นเจ้าของได้การเรียนรู้ ดังนั้นครูที่จะสอนให้นักเรียนมีทักษะในการเป็นเจ้าของการเรียนรู้ของตนและส่งเสริมการกำกับตนเองของนักเรียน

2. การเรียนรู้ด้วยตนเอง (Self -Directed Learning : SDL)

การเรียนรู้แบบนำตนเอง (Self-directed learning) หมายถึงการเรียนรู้ที่เน้นให้ผู้เรียนได้เป็นผู้ปฏิบัติการเรียนรู้ด้วยตนเองอย่างมีPassion มีเป้าหมายและใช้กระบวนการเรียนรู้ของตนเองอย่างหลากหลาย มีความมุ่งมั่นเพียรพยายามจนเกิดความรู้ความเข้าใจ ทักษะ และสมรรถนะตามเป้าหมายที่ผู้เรียนกาหนดไว้การเรียนรู้ด้วยการนำตนเองเริ่มต้นจากความสนใจใฝ่รู้(curiosity) ประกอบกับการมีวินัย (discipline) และความรับผิดชอบนำตนเองไปสู่การเรียนรู้อย่างมีความหมาย รู้จักการแสวงหาความรู้ด้วยตนเองอย่างไม่มีที่สิ้นสุด นำไปสู่การสร้างวัฒนธรรมการเรียนรู้ตลอดชีวิตซึ่งเป็นวัฒนธรรมที่สำคัญและจำเป็นต่อการพัฒนาตนเองในยุคปัจจุบัน ซึ่งปัจจัยสำคัญที่ทำให้บุคคลต้องมีการเรียนรู้ด้วยตนเอง มีนักวิชาการจำนวนมาก (Song, Lee and Lee, 2022; Hwang and Oh, 2021; Fang et al, 2016; Senyuva and Kaya, 2014; Edly, 2024; Charokar and Dulloo, 2022; Brockett and Hiemstra, 2023) สรุปได้ดังนี้

1. การควบคุมกระบวนการเรียนรู้: ช่วยให้บุคคลสามารถออกแบบเส้นทางการเรียนรู้ของตนเอง มีการควบคุมกระบวนการเรียนรู้และกำกับความก้าวหน้าของตนได้ตามความต้องการ

2. การเพิ่มพูนประสบการณ์และทักษะ : เปิดโอกาสให้บุคคลได้เพิ่มพูนประสบการณ์การเรียนรู้และทักษะในการลงมือทำมากกว่าสิ่งที่ถูกกำหนดไว้ บุคคลมีอิสระในการขับเคลื่อนเส้นทางการเรียนรู้เพิ่มเติมตามความสนใจ และสามารถพัฒนาทักษะด้านนั้นให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้นและยังช่วยให้เกิดความยืดหยุ่นและพัฒนาวินัยในตนเอง ซึ่งสิ่งเหล่านี้เป็นการสร้างทักษะชีวิตในโลกแห่งความเป็นจริงได้

3. การเลือกวิธีการเรียนรู้ที่เหมาะสม : ช่วยส่งเสริมความสามารถในการเลือกวิธีกาเรียนรู้ในเรื่องที่สนใจ สำคัญและเหมาะสมต่อตนเองได้ตลอดเวลา โดยการพัฒนาแนวทางเชิงกลยุทธ์ในการเรียนรู้และขยายขอบเขตการเรียนรู้ซึ่งเป็นการหล่อหลอมกรอบแนวคิดการเติบโต ทำให้การเรียนรู้มีประสิทธิภาพสอดคล้องกับความถนัดและความชอบของตนเอง ดังนั้นวิธีการเหล่านี้จึงเป็นกุญแจสำคัญที่จะเข้าถึงความรู้ต่างๆ ได้อย่างเป็นธรรมชาติและได้ประสิทธิภาพสูงสุด

4. การพัฒนาทักษะการแก้ปัญหาและคิดวิเคราะห์ : ช่วยส่งเสริมความสามารถในการแก้ปัญหา ความสามารถด้านการคิดอย่างมีวิจารณญาณและการตัดสินใจ ทั้งในส่วนที่ต้องใช้ทักษะในการค้นคว้า การวางแผน และการตัดสินใจ ซึ่งทักษะเหล่านี้เป็นทักษะที่สำคัญในชีวิตประจำวันและการทำงาน

5. การปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงและการเรียนรู้ตลอดชีวิต: เป็นการสร้างนิสัยที่ดีในการเรียนรู้ที่ต่อเนื่องตลอดชีวิตจากแรงจูงใจภายในที่จะกำหนดเส้นทางการเติบโตส่วนบุคคล ช่วยให้บุคคลสามารถพัฒนาตนเองอย่างต่อเนื่องและไม่หยุดนิ่ง เนื่องจากโลกที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วการมีทักษะในการเรียนรู้ด้วยตนเองทำให้บุคคลสามารถปรับตัวและเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ ได้ตลอดเวลา

6. การเพิ่มความมั่นใจและความรับผิดชอบ : ช่วยเพิ่มความมั่นใจและความรับผิดชอบต่อการเรียนรู้เมื่อบุคคลสามารถกำหนดเป้าหมายและประสบความสำเร็จในการเรียนรู้ด้วยตนเอง จะช่วยเพิ่มความมั่นใจและรู้สึกมีความรับผิดชอบต่อการเรียนรู้ของตนเองมากขึ้น

ผลการดำเนินงาน/ผลสัมฤทธิ์/ประโยชน์ที่ได้รับ

1. ผลที่เกิดขึ้นตามวัตถุประสงค์

1.1 นักเรียนร้อยละ 98.50 ได้รับการวัดและประเมินผลที่ผสานกับการจัดการเรียนรู้ในรายวิชาศิลป์สร้างสรรค์และรายวิชาศิลปะ พบว่า นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 อยู่ที่ร้อยละ 100 ชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 อยู่ที่ร้อยละ 100 ชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 อยู่ที่ร้อยละ 98 ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 อยู่ร้อยละ 98 ชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 ร้อยละ 95 ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 อยู่ที่ร้อยละ 100 ซึ่งบรรลุเป้าหมายของกิจกรรม

1.2 นักเรียนร้อยละ 83.90 ที่มีแววความสามารถทางด้านดนตรีได้รับการส่งเสริมทักษะและความสามารถทางดนตรีได้รับการพัฒนาศักยภาพทางด้านดนตรีผ่านกิจกรรมของวงโยธวาทิต WKK Marching Band วงขับร้องประสานเสียง WKK Chorus รวมไปถึงการเป็นนักเรียนในกิจกรรมพัฒนาผู้เรียนชุมนุม “ดนตรีและเสียงเพลง” ปีการศึกษา 2567 รวมนักเรียนที่มีแววความสามารถทางด้านดนตรี จำนวน 46 คน และนักเรียนที่มีแววความสามารทางด้านดนตรีในระดับชั้นต่าง ๆ ประกอบด้วย นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 จำนวน 10 คน คิดเป็นร้อยละ 22 นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 จำนวน 7 คน คิดเป็นร้อยละ 15 นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 จำนวน 9 คน คิดเป็นร้อยละ 19 นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 จำนวน 6 คน คิดเป็นร้อยละ 19 นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 จำนวน 5 คน คิดเป็นร้อยละ 11 และนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 จำนวน 9 คน คิดเป็นร้อยละ 20 ซึ่งบรรลุเป้าหมายของกิจกรรม

1.3 นักเรียนที่ผ่านการจัดการเรียนรู้ที่ผสานการวัดและประเมินผลมีสมรรถนะการเรียนรู้แบบนำตนเองอยู่ในระดับมาก ค่าเฉลี่ยอยู่ที่ 2.65 ดังนี้ นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 มีผลการประเมินสมรรถนะการเรียนรู้แบบนำตนเอง อยู่ในระดับมาก ค่าเฉลี่ยอยู่ที่ 2.61 นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 มีผลการประเมิสมรรถนะการเรียนรู้แบบนำตนเอง อยู่ในระดับมาก ค่าเฉลี่ยอยู่ที่ 2.64 นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 มีผลการประเมิสมรรถนะการเรียนรู้แบบนำตนเอง อยู่ในระดับมาก ค่าเฉลี่ยอยู่ที่ 2.54 นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 มีผลการประเมิสมรรถนะการเรียนรู้แบบนำตนเอง อยู่ในระดับมาก ค่าเฉลี่ยอยู่ที่ 2.70 นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 มีผลการประเมิสมรรถนะการเรียนรู้แบบนำตนเอง อยู่ในระดับมาก ค่าเฉลี่ยอยู่ที่ 2.62 และนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 มีผลการประเมิสมรรถนะการเรียนรู้แบบนำตนเอง อยู่ในระดับมาก ค่าเฉลี่ยอยู่ที่ 2.80 ซึ่งบรรลุเป้าหมายของกิจกรรม

1.4 การดำเนินกิจกรรมการวัดและประเมินผสานการจัดการเรียนรู้ส่งเสริมให้นักเรียนมีสมรรถนะการเรียนรู้แบบนำตนเอง ได้รับการส่งเสริมสนับสนุนศักยภาพทางด้านดนตรี สามารถนำความรู้ความสามารถต่อยอดความสนใจในการพัฒนาตนเองในระดับการศึกษาที่สูงขึ้น กระทั้งใช้ความสามารถเพื่อสร้างความภาคภูมิใจในตนเองและสร้างชื่อเสียงในโรงเรียน

โพสต์โดย ED_Ball : [5 พ.ย. 2568 (18:27 น.)]
อ่าน [57213] ไอพี : 159.192.81.90
หากข้อความนี้ไม่เหมาะสม คลิก คลิกปุ่มนี้ หากเห็นว่าข้อความนี้ไม่เหมาะสม
Advertisement

 
 

โปรดอ่านกฎกติกาก่อนแสดงความเห็น
1. ข้อความของท่านจะขึ้นแสดงโดยอัตโนมัติทันทีที่ได้รับข้อมูล
2.
ห้ามโพสต์ ข้อความยั่วยุให้เกิดความรุนแรงทางสังคม ข้อความที่ก่อให้เกิดความเสียหายและเสื่อมเสียต่อบุคคลที่สาม, เบอร์โทรศัพท์,
รูปภาพที่ไม่เหมาะสมต่อเยาวชนหรือภาพลามกอนาจาร หรือกระทบถึงสถาบันอันเป็นที่เคารพ
ขอให้ผู้ตั้งกระทู้รับผิดชอบตัวเอง
และรับผิดชอบต่อสังคม ถ้ารูปภาพ หรือข้อความใดส่งผลกระทบต่อบุคคลอื่น ทีมงานพร้อมจะส่งรายละเอียดให้เจ้าหน้าที่
เพื่อตามจับตัวผู้กระทำผิดต่อไป

3.
สมาชิกที่โพสต์สิ่งเหล่านี้ อาจถูกดำเนินคดีทางกฎหมายจากผู้เสียหายได้
4. ไม่อนุญาตให้มีการโฆษณาสินค้าใด ๆ ทั้งสิ้น ทั้งทางตรงและทางอ้อม
5. ทุกความคิดเห็นเป็นข้อความที่ทางผู้เยี่ยมชมเข้ามาร่วมตั้งกระทู้ในเว็บไซต์ ทางเว็บไซต์ kroobannok.com ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ ทั้งสิ้น
6. ทางทีมงานขอสงวนสิทธิ์ในการลบกระทู้ที่ไม่เหมาะสมได้ทันที โดยไม่ต้องมีการชี้แจงเหตุผลใดๆ ต่อเจ้าของความเห็นนั้นทั้งสิ้น

7. หากพบเห็นรูปภาพ หรือข้อความที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งมาที่อีเมล์ kornkham@hotmail.com เพื่อทำการลบออกจากระบบต่อไป


 ** พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.๒๕๕๐**

ขออภัยในความไม่สะดวก เนื่องจากเราประสบปัญหา
มีผู้โพสต์ข้อความที่หมิ่นเหม่และไม่เหมาะสมเป็นจำนวนมาก
ครูบ้านนอกดอทคอมจึงขอความร่วมมือสมาชิก
กรุณาเข้าสู่ระบบก่อนแสดงความเห็นครับ


  

สมัครสมาชิกใหม่
 

 

Advertisement

≡ เรื่องน่าอ่าน/สาระน่ารู้ ≡

เปิดอ่าน 10,197 ครั้ง
คาดคนอ้วนมี"โดปามีน"น้อย ต้นเหตุไร้ความสุข
คาดคนอ้วนมี"โดปามีน"น้อย ต้นเหตุไร้ความสุข

เปิดอ่าน 72,336 ครั้ง
กฏอัยการศึก ถูกประกาศใช้มาแล้ว 8 ครั้ง ประกาศโดย ผบ.ทบ.และสถานการณ์ใดบ้าง
กฏอัยการศึก ถูกประกาศใช้มาแล้ว 8 ครั้ง ประกาศโดย ผบ.ทบ.และสถานการณ์ใดบ้าง

เปิดอ่าน 37,566 ครั้ง
ผลศึกษา45ผักพื้นบ้าน ต้านมะเร็ง-กินแล้วไม่อ้วน
ผลศึกษา45ผักพื้นบ้าน ต้านมะเร็ง-กินแล้วไม่อ้วน

เปิดอ่าน 43,108 ครั้ง
แนวทางการจัดประเมินกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน (ตอนที่ 1)
แนวทางการจัดประเมินกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน (ตอนที่ 1)

เปิดอ่าน 42,907 ครั้ง
ประวัติ หลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ (พระเทพวิทยาคม)
ประวัติ หลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ (พระเทพวิทยาคม)

เปิดอ่าน 16,620 ครั้ง
พระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมืองของไทย
พระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมืองของไทย

เปิดอ่าน 55,119 ครั้ง
คู่มือประเมินสมรรถนะสำคัญของผู้เรียนฯ ตามหลักสูตรแกนกลางการฯ 2551 ชั้นป. 6
คู่มือประเมินสมรรถนะสำคัญของผู้เรียนฯ ตามหลักสูตรแกนกลางการฯ 2551 ชั้นป. 6

เปิดอ่าน 10,035 ครั้ง
ห้องเรียนสีดำ : ตูนส์ศึกษา โดย ครรชิต มนูญผล
ห้องเรียนสีดำ : ตูนส์ศึกษา โดย ครรชิต มนูญผล

เปิดอ่าน 33,526 ครั้ง
10 อาชีพเสี่ยงตกงาน "สูง"!!!
10 อาชีพเสี่ยงตกงาน "สูง"!!!

เปิดอ่าน 20,711 ครั้ง
ดูทีวีเวลานอน...ผู้ใหญ่เสี่ยงโรค-เด็กเสี่ยงโง่
ดูทีวีเวลานอน...ผู้ใหญ่เสี่ยงโรค-เด็กเสี่ยงโง่

เปิดอ่าน 8,634 ครั้ง
รัฐบาลทำงานอย่างไร? จึงจะถูกใจประชาชน
รัฐบาลทำงานอย่างไร? จึงจะถูกใจประชาชน

เปิดอ่าน 43,197 ครั้ง
ฟังก์ชันของ exponential
ฟังก์ชันของ exponential

เปิดอ่าน 21,924 ครั้ง
หลักเกณฑ์การคำนวณเงินค่าเสาเข็มฐานรากอาคารเรียนและอาคารประกอบ
หลักเกณฑ์การคำนวณเงินค่าเสาเข็มฐานรากอาคารเรียนและอาคารประกอบ

เปิดอ่าน 14,857 ครั้ง
ชวน สวดมนต์ข้ามปี รับ ปีใหม่ 2553
ชวน สวดมนต์ข้ามปี รับ ปีใหม่ 2553

เปิดอ่าน 19,990 ครั้ง
แคว่ก ๆ! ที่ครอบปากสุนัขรูปปากเป็ด เก๋ ๆ น่าใช้
แคว่ก ๆ! ที่ครอบปากสุนัขรูปปากเป็ด เก๋ ๆ น่าใช้

เปิดอ่าน 20,490 ครั้ง
(ก.ค.ศ.)การจ่ายค่าตอบแทนมีความสำคัญยิ่งในฐานะเป็นหน้าที่หลักประการหนึ่งของหน่วยงาน
(ก.ค.ศ.)การจ่ายค่าตอบแทนมีความสำคัญยิ่งในฐานะเป็นหน้าที่หลักประการหนึ่งของหน่วยงาน
เปิดอ่าน 14,236 ครั้ง
"เลี้ยงลูกยิ่งใหญ่" ของขวัญปีใหม่ของพ่อแม่
"เลี้ยงลูกยิ่งใหญ่" ของขวัญปีใหม่ของพ่อแม่
เปิดอ่าน 15,329 ครั้ง
การออกกำลังกายยามเช้า ลดน้ำหนักได้มากกว่า
การออกกำลังกายยามเช้า ลดน้ำหนักได้มากกว่า
เปิดอ่าน 17,384 ครั้ง
งานนมัสการองค์พระธาตุพนม
งานนมัสการองค์พระธาตุพนม
เปิดอ่าน 12,017 ครั้ง
การพัฒนาทักษะ EF ให้กับเด็ก
การพัฒนาทักษะ EF ให้กับเด็ก

รายการหลัก

หน้าแรก
ข่าว/บทความ
สมุดเยี่ยม
กระดานสนทนา
เว็บลิงค์
ผู้จัดทำเว็บครูบ้านนอก
ข้อมูลบุคคล
ภาพกิจกรรม
ผู้สนับสนุน

สมาชิก

เข้าสู่ระบบ
คุณครูต้องรู้ไว้
รวมแบบฟอร์มต่างๆ

เว็บน่าสนใจ

เว็บไซต์ สพฐ.
กระทรวงศึกษาธิการ
ติวสอบ GED
ติวสอบ SAT
เครื่องมือวัด
เครื่องมืออุตสาหกรรม
เกมส์
แหล่งรวมเกมส์

แหล่งรวมเกมส์



 เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ มากมาย
เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ คลายเครียด

เกมส์ รวมเกมส์ เกมส์แข่งรถ เกมส์ต่อสู้ เกมส์ภาษา เกมส์วางระเบิด เกมส์แต่งตัว เกมส์ท่องเที่ยว เกมส์หมากฮอส เกมส์ผจญภัย เกมส์เต้น เกมส์รถ เกมส์ดนตรี เกมส์ขายของ เกมส์ฝึกสมอง เกมส์เด็กๆ เกมส์ปลูกผัก เกมส์การ์ด เกมส์จับผิดภาพ เกมส์ตลก เกมส์ตัดผม เกมส์ก้านกล้วย เกมส์ทําอาหาร เกมส์เลี้ยงสัตว์ เกมส์ผี เกมส์จับคู่ เกมส์กีฬา เกมส์เศรษฐี เกมส์ฝึกทักษะ เกมส์วางแผน เกมส์จีบหนุ่ม เกมส์มาริโอ เกมส์ระบายสี เกมส์จีบสาว เกมส์เบ็นเท็น เกมส์ยิง เกมส์ยาน เกมส์สร้างเมือง เกมส์มันส์ๆ เกมส์แต่งบ้าน เกมส์ความรู้
      kroobannok.com

© 2000-2020 Kroobannok.com  
All rights reserved.


Design by : kroobannok.com


ครูบ้านนอกดอทคอม
การจัดอันดับของ Truehits Web Directory

วิธีนำแบนเนอร์ของครูบ้านนอก.คอมไปแปะในเว็บท่าน บันทึกภาพแบนเนอร์นี้และลิงค์มาที่เราครับ (มีแบนเนอร์ 2 แบบ)
 

ครูบ้านนอกดอทคอม เว็บไซต์ของครูตัวเล็กๆ คนหนึ่ง ที่หวังเพียง ใช้เป็นช่องทางในการสื่อสาร แลกเปลี่ยน เพิ่มพูนความรู้ และให้ข่าวสาร ที่ทันสมัยต่อเหตุการณ์แก่คุณครู ผู้ปฏิบัติงานในทุกพื้นที่ของประเทศไทย เพื่อความเจริญงอกงามในปัญญา และเจริญก้าวหน้าในวิชาชีพ

เว็บนี้ถือกำเนิดเมื่อ 5 มกราคม 2548

Email : kornkham@hotmail.com
Tel : 096-7158383

สนใจสนับสนุนเรา โดยลงโฆษณา
คลิกดูรายละเอียดที่นี่ครับ