ชื่อเรื่อง การพัฒนาการสอนแบบจัดการเรียนรู้วิชาพลศึกษา COMBINED MODEL เพื่อสร้างเสริมสมรรถภาพทางกายและการคิดเชิงระบบของผู้เรียน
ผู้วิจัย นายทักษิณ จันทรรัตนบุปผา
ปีการศึกษา 2567
บทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) วิเคราะห์สภาพปัญหาและความต้องการของผู้เรียนและครูผู้สอนในการจัดการเรียนรู้วิชาพลศึกษา ระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 2) พัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้วิชาพลศึกษา COMBINED MODEL ที่มีประสิทธิภาพเพื่อสร้างเสริมสมรรถภาพทางกายและการคิดเชิงระบบของผู้เรียนระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 3) ประเมินประสิทธิผลของรูปแบบการจัดการเรียนรู้วิชาพลศึกษา COMBINED MODEL เพื่อสร้างเสริมสมรรถภาพทางกายและการคิดเชิงระบบผู้เรียนระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ที่พัฒนาขึ้น 4) ประเมินความพึงพอใจของผู้เรียนและครูผู้สอนวิชาพลศึกษา ระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 5) หลังใช้รูปแบบการจัดการเรียนรู้วิชาพลศึกษา COMBINED MODEL เพื่อสร้างเสริมสมรรถภาพทางกายและการคิดเชิงระบบของผู้เรียนระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 6) ขยายผลการวิจัยเพื่อวางนัยทั่วไปในการเรียนการสอนวิชาพลศึกษาระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ให้มีความน่าเชื่อถือเพิ่มมากขึ้น ผู้วิจัยดำเนินการพัฒนารูปแบบโดยการศึกษาแนวคิดและข้อมูลที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งปัญหาและความต้องการของผู้เรียนและครู นำข้อมูลทั้งหมดมาวิเคราะห์และสังเคราะห์เป็นรูปแบบฉบับร่างต่อจากนั้นได้รับการตรวจสอบจากผู้ทรงคุณวุฒิ และนำไปทดลองใช้ตามกระบวนการ PDCA เพื่อปรับปรุง แล้วจึงนำไปทดลองตามแบบแผนการวิจัย เป็นเวลา 15 สัปดาห์ กับผู้เรียนกลุ่มทดลอง 2 กลุ่ม จากโรงเรียนวัดปลายนา และโรงเรียนบ้านหนองสรวง แล้วขยายผลเพื่อวางนัยทั่วไปให้การจัดการเรียนรู้วิชาพลศึกษาระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 มีความน่าเชื่อถือเพิ่มมากขึ้น ตามวัตถุประสงค์ของการวิจัย
ผลการวิจัยสรุปได้ดังนี้
1) สภาพปัญหาและความต้องการของผู้เรียนและครูผู้สอนในการจัดการเรียนรู้วิชาพลศึกษา ระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 พบว่า การพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้นับว่ามีความสำคัญและควรดำเนินการควบคู่ไปกับการพัฒนาหลักสูตร แต่ในการปฏิบัติจริงพบว่า รูปแบบการจัดการเรียนรู้วิชาพลศึกษา ระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ยังไม่ได้รับการพัฒนาให้สมบูรณ์เท่าที่ควร แต่เนื่องจากวิชา พลศึกษานับว่าเป็นวิชาที่สำคัญที่สุดวิชาหนึ่งในหลักสูตร เพราะเกี่ยวข้องกับการสร้างเสริมสมรรถภาพและการสร้างเสริมสุขภาพ นอกจากนี้ควรมุ่งให้ผู้เรียนได้รับการพัฒนาความสามารถในการคิดเชิงระบบอย่างเป็นรูปธรรมเพื่อสร้างองค์ความรู้หรือสารสนเทศสำหรับการตัดสินใจและแก้ปัญหาได้อย่างสร้างสรรค์ แต่การจัดการศึกษาในปัจจุบันยังพบว่าคุณภาพการจัดการเรียนรู้เพื่อสร้างเสริมสมรรถภาพทางกายและการคิดเชิงระบบของผู้เรียนระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ยังอยู่ในระดับค่อนข้างต่ำ
2) รูปแบบการจัดการเรียนรู้ที่พัฒนาขึ้นมีองค์ประกอบดังนี้ (1) หลักการของรูปแบบการจัดการเรียนรู้ตามแนวคิดและทฤษฎีที่เกี่ยวข้องกับรูปแบบการจัดการเรียนรู้ (2) วัตถุประสงค์ของรูปแบบการจัดการเรียนรู้ที่คาดหวังให้เกิดขึ้น (3) รูปแบบการจัดการเรียนรู้ที่พัฒนาขึ้นประกอบด้วยกระบวนการจัดการเรียนรู้ 7 ขั้นที่มีประสิทธิภาพ ได้แก่ 3.1) การเชื่อมโยงความรู้เดิมกับการเรียนรู้ใหม่ 3.2) การสร้างเสริมความรู้ใหม่และการคิดเชิงระบบ 3.3) การพัฒนาทักษะเพื่อสร้างเสริมสมรรถภาพทางกาย 3.4) การสร้างสรรค์ผลงาน 3.5) การรับข้อมูลสะท้อนกลับเพื่อปรับปรุงการเรียนรู้ 3.6) การสรุป และ 3.7) การเผยแพร่และขยายผลการเรียนรู้เพื่อร่วมสร้างสรรค์สังคม นำไปสู่การเปลี่ยนแปลงและเป็นแบบอย่างที่ดี
3) ผลการประเมินประสิทธิผลของรูปแบบการจัดการเรียนรู้วิชาพลศึกษา COMBINED MODEL เพื่อสร้างเสริมสมรรถภาพทางกายและการคิดเชิงระบบ พบว่า (1) กลุ่มทดลองมีค่าเฉลี่ยของคะแนนสมรรถภาพทางกายหลังการทดลองสูงกว่าก่อนทดลองอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 และ กลุ่มทดลองมีค่าเฉลี่ยของคะแนนการคิดเชิงระบบหลังการทดลองสูงกว่ากลุ่มควบคุมอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05
4) ผู้เรียนและครูผู้สอนพลศึกษาระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 หลังใช้รูปแบบการจัดการเรียนรู้วิชาพลศึกษา COMBINED MODEL เพื่อสร้างเสริมสมรรถภาพทางกายและการคิดเชิงระบบของผู้เรียนระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 มีความพึงพอใจอยู่ในระดับมากที่สุด
5) ผลการวิจัยจากรูปแบบการจัดการเรียนรู้วิชาพลศึกษา COMBINED MODEL เพื่อสร้างเสริมสมรรถภาพทางกายและการคิดเชิงระบบที่พัฒนาขึ้นสามารถขยายผลเพื่อวางนัยทั่วไปในการเรียนการสอนวิชาพลศึกษาประถมศึกษาปีที่ 6 ให้มีความน่าเชื่อถือเพิ่มมากขึ้น