ค้นหาทุกอย่างในเว็บครูบ้านนอก :
ชุมชนครู บุคลากรทางการศึกษา และนักเรียน แหล่งความรู้สำหรับครู นักเรียน ข่าวการศึกษา ห้องสมุดความรู้ทุกกลุ่มสาระการเรียนรู้ และความรู้ทั่วไป เผยแพร่ผลงานวิชาการ ที่นี่


ค้นหากระทู้
ตั้งกระทู้คำถามใหม่ กลับหน้าที่แล้ว
 
Advertisement

การพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้วิชาพลศึกษา COMBINED MODEL เพื่อสร้างเสริมสมรรถภาพทางกายและการคิดเชิงระบบของผู้เรียน

การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) วิเคราะห์สภาพปัญหาและความต้องการของผู้เรียนและครูผู้สอนในการจัดการเรียนรู้วิชาพลศึกษา ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 2) พัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้วิชาพลศึกษา COMBINED MODEL ที่มีประสิทธิภาพเพื่อสร้างเสริมสมรรถภาพทางกายและการคิดเชิงระบบของผู้เรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 3) ประเมินประสิทธิผลของรูปแบบการจัดการเรียนรู้วิชาพลศึกษา COMBINED MODEL เพื่อสร้างเสริมสมรรถภาพทางกายและการคิดเชิงระบบผู้เรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ที่พัฒนาขึ้น 4) ประเมินความพึงพอใจของผู้เรียนและครูผู้สอนวิชาพลศึกษา ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 หลังใช้รูปแบบการจัดการเรียนรู้วิชาพลศึกษา COMBINED MODEL เพื่อสร้างเสริมสมรรถภาพทางกายและการคิดเชิงระบบของผู้เรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 5) ขยายผลการวิจัยเพื่อวางนัยทั่วไปในการเรียนการสอนวิชาพลศึกษาระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ให้มีความน่าเชื่อถือเพิ่มมากขึ้น ผู้วิจัยดำเนินการพัฒนารูปแบบโดยการศึกษาแนวคิดและข้อมูลที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งปัญหาและความต้องการของผู้เรียนและครู นำข้อมูลทั้งหมดมาวิเคราะห์และสังเคราะห์เป็นรูปแบบฉบับร่างต่อจากนั้นได้รับการตรวจสอบจากผู้ทรงคุณวุฒิ และนำไปทดลองใช้ตามกระบวนการ PDCA เพื่อปรับปรุง แล้วจึงนำไปทดลองตามแบบแผนการวิจัย เป็นเวลา 15 สัปดาห์ กับผู้เรียนกลุ่มทดลอง 2 กลุ่ม จากโรงเรียนชุมชนบ้านบุ่งแก้ว และโรงเรียนโนนสะอาดพิทยาสรรค์ จังหวัดอุดรธานี แล้วขยายผลเพื่อวางนัยทั่วไปให้การจัดการเรียนรู้วิชาพลศึกษาระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 มีความน่าเชื่อถือเพิ่มมากขึ้น ตามวัตถุประสงค์ของการวิจัย

ผลการวิจัยสรุปได้ดังนี้

1) สภาพปัญหาและความต้องการของผู้เรียนและครูผู้สอนในการจัดการเรียนรู้วิชาพลศึกษา ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 พบว่า การพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้นับว่ามีความสำคัญและควรดำเนินการควบคู่ไปกับการพัฒนาหลักสูตร แต่ในการปฏิบัติจริงพบว่า รูปแบบการจัดการเรียนรู้วิชาพลศึกษา ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ยังไม่ได้รับการพัฒนาให้สมบูรณ์เท่าที่ควร แต่เนื่องจากวิชา พลศึกษานับว่าเป็นวิชาที่สำคัญที่สุดวิชาหนึ่งในหลักสูตร เพราะเกี่ยวข้องกับการสร้างเสริมสมรรถภาพและการสร้างเสริมสุขภาพ นอกจากนี้ควรมุ่งให้ผู้เรียนได้รับการพัฒนาความสามารถในการคิดเชิงระบบอย่างเป็นรูปธรรมเพื่อสร้างองค์ความรู้หรือสารสนเทศสำหรับการตัดสินใจและแก้ปัญหาได้อย่างสร้างสรรค์ แต่การจัดการศึกษาในปัจจุบันยังพบว่าคุณภาพการจัดการเรียนรู้เพื่อสร้างเสริมสมรรถภาพ

ทางกายและการคิดเชิงระบบของผู้เรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ยังอยู่ในระดับค่อนข้างต่ำ

2) รูปแบบการจัดการเรียนรู้ที่พัฒนาขึ้นมีองค์ประกอบดังนี้ (1) หลักการของรูปแบบการจัดการเรียนรู้ตามแนวคิดและทฤษฎีที่เกี่ยวข้องกับรูปแบบการจัดการเรียนรู้ (2) วัตถุประสงค์ของรูปแบบการจัดการเรียนรู้ที่คาดหวังให้เกิดขึ้น (3) รูปแบบการจัดการเรียนรู้ที่พัฒนาขึ้นประกอบด้วยกระบวนการจัดการเรียนรู้ 7 ขั้นที่มีประสิทธิภาพ ได้แก่ 3.1) การเชื่อมโยงความรู้เดิมกับการเรียนรู้ใหม่ 3.2) การสร้างเสริมความรู้ใหม่และการคิดเชิงระบบ 3.3) การพัฒนาทักษะเพื่อสร้างเสริมสมรรถภาพทางกาย 3.4) การสร้างสรรค์ผลงาน 3.5) การรับข้อมูลสะท้อนกลับเพื่อปรับปรุงการเรียนรู้ 3.6) การสรุป และ 3.7) การเผยแพร่และขยายผลการเรียนรู้เพื่อร่วมสร้างสรรค์สังคม นำไปสู่การเปลี่ยนแปลงและเป็นแบบอย่างที่ดี

3) ผลการประเมินประสิทธิผลของรูปแบบการจัดการเรียนรู้วิชาพลศึกษา COMBINED MODEL เพื่อสร้างเสริมสมรรถภาพทางกายและการคิดเชิงระบบ พบว่า (1) กลุ่มทดลองมีค่าเฉลี่ยของคะแนนสมรรถภาพทางกายหลังการทดลองสูงกว่าก่อนทดลองอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 และ (2) กลุ่มทดลองมีค่าเฉลี่ยของคะแนนการคิดเชิงระบบหลังการทดลองสูงกว่ากลุ่มควบคุมอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05

4) ผู้เรียนและครูผู้สอนพลศึกษาระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ในจังหวัดอุดรธานี หลังใช้รูปแบบการจัดการเรียนรู้วิชาพลศึกษา COMBINED MODEL เพื่อสร้างเสริมสมรรถภาพทางกายและการคิดเชิงระบบของผู้เรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 มีความพึงพอใจอยู่ในระดับมากที่สุด

5) ผลการวิจัยจากรูปแบบการจัดการเรียนรู้วิชาพลศึกษา COMBINED MODEL เพื่อสร้างเสริมสมรรถภาพทางกายและการคิดเชิงระบบที่พัฒนาขึ้นสามารถขยายผลเพื่อวางนัยทั่วไปในการเรียนการสอนวิชาพลศึกษาระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ให้มีความน่าเชื่อถือเพิ่มมากขึ้น

โพสต์โดย ปิยรัตน์ เรืองวงศ์วิทยา : [26 ต.ค. 2568 (10:24 น.)]
อ่าน [57346] ไอพี : 49.231.27.140
หากข้อความนี้ไม่เหมาะสม คลิก คลิกปุ่มนี้ หากเห็นว่าข้อความนี้ไม่เหมาะสม
Advertisement

 
 

โปรดอ่านกฎกติกาก่อนแสดงความเห็น
1. ข้อความของท่านจะขึ้นแสดงโดยอัตโนมัติทันทีที่ได้รับข้อมูล
2.
ห้ามโพสต์ ข้อความยั่วยุให้เกิดความรุนแรงทางสังคม ข้อความที่ก่อให้เกิดความเสียหายและเสื่อมเสียต่อบุคคลที่สาม, เบอร์โทรศัพท์,
รูปภาพที่ไม่เหมาะสมต่อเยาวชนหรือภาพลามกอนาจาร หรือกระทบถึงสถาบันอันเป็นที่เคารพ
ขอให้ผู้ตั้งกระทู้รับผิดชอบตัวเอง
และรับผิดชอบต่อสังคม ถ้ารูปภาพ หรือข้อความใดส่งผลกระทบต่อบุคคลอื่น ทีมงานพร้อมจะส่งรายละเอียดให้เจ้าหน้าที่
เพื่อตามจับตัวผู้กระทำผิดต่อไป

3.
สมาชิกที่โพสต์สิ่งเหล่านี้ อาจถูกดำเนินคดีทางกฎหมายจากผู้เสียหายได้
4. ไม่อนุญาตให้มีการโฆษณาสินค้าใด ๆ ทั้งสิ้น ทั้งทางตรงและทางอ้อม
5. ทุกความคิดเห็นเป็นข้อความที่ทางผู้เยี่ยมชมเข้ามาร่วมตั้งกระทู้ในเว็บไซต์ ทางเว็บไซต์ kroobannok.com ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ ทั้งสิ้น
6. ทางทีมงานขอสงวนสิทธิ์ในการลบกระทู้ที่ไม่เหมาะสมได้ทันที โดยไม่ต้องมีการชี้แจงเหตุผลใดๆ ต่อเจ้าของความเห็นนั้นทั้งสิ้น

7. หากพบเห็นรูปภาพ หรือข้อความที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งมาที่อีเมล์ kornkham@hotmail.com เพื่อทำการลบออกจากระบบต่อไป


 ** พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.๒๕๕๐**

ขออภัยในความไม่สะดวก เนื่องจากเราประสบปัญหา
มีผู้โพสต์ข้อความที่หมิ่นเหม่และไม่เหมาะสมเป็นจำนวนมาก
ครูบ้านนอกดอทคอมจึงขอความร่วมมือสมาชิก
กรุณาเข้าสู่ระบบก่อนแสดงความเห็นครับ


  

สมัครสมาชิกใหม่
 

 

Advertisement

≡ เรื่องน่าอ่าน/สาระน่ารู้ ≡

เปิดอ่าน 70,557 ครั้ง
รูปแบบการรายงานผลการวิจัยแบบเป็นทางการ
รูปแบบการรายงานผลการวิจัยแบบเป็นทางการ

เปิดอ่าน 33,300 ครั้ง
jobsDB เผย 10 สายงานที่มีเงินเดือนมากที่สุด
jobsDB เผย 10 สายงานที่มีเงินเดือนมากที่สุด

เปิดอ่าน 4,922 ครั้ง
กรมอนามัยแนะนำเด็กไทย ดื่มนมจืด 2 แก้ว ทุกวัน เพิ่มความสูงได้
กรมอนามัยแนะนำเด็กไทย ดื่มนมจืด 2 แก้ว ทุกวัน เพิ่มความสูงได้

เปิดอ่าน 83,531 ครั้ง
วิธีการสอนนกแก้ว นกขุนทองพูด
วิธีการสอนนกแก้ว นกขุนทองพูด

เปิดอ่าน 15,902 ครั้ง
อย่าลืมเป้าหมายการศึกษา : โดย ดร.กมล รอดคล้าย
อย่าลืมเป้าหมายการศึกษา : โดย ดร.กมล รอดคล้าย

เปิดอ่าน 14,764 ครั้ง
เคล็ดลับน่ารู้วิธีเลิกติดกาแฟ
เคล็ดลับน่ารู้วิธีเลิกติดกาแฟ

เปิดอ่าน 21,744 ครั้ง
ทานไข่วันละกี่ฟอง ถึงจะดี?
ทานไข่วันละกี่ฟอง ถึงจะดี?

เปิดอ่าน 17,777 ครั้ง
รวมรายชื่อสถานศึกษาที่ได้รับรางวัลพระราชทาน ปีการศึกษา 2507 ถึง 2557
รวมรายชื่อสถานศึกษาที่ได้รับรางวัลพระราชทาน ปีการศึกษา 2507 ถึง 2557

เปิดอ่าน 46,383 ครั้ง
"เสียงกู่จากครูใหญ่" หนังสั้นที่ปลุกพลังผู้เสียสละ เพื่อการศึกษา อนาคตของชาติ
"เสียงกู่จากครูใหญ่" หนังสั้นที่ปลุกพลังผู้เสียสละ เพื่อการศึกษา อนาคตของชาติ

เปิดอ่าน 20,381 ครั้ง
ร่างพระราชบัญญัติเงินเดือนและเงินประจำตำแหน่ง
ร่างพระราชบัญญัติเงินเดือนและเงินประจำตำแหน่ง

เปิดอ่าน 11,040 ครั้ง
กระแสแอนตี้ "เด็กแสบ"...ผู้ใหญ่ใจร้ายหรือพ่อแม่รังแกฉัน?
กระแสแอนตี้ "เด็กแสบ"...ผู้ใหญ่ใจร้ายหรือพ่อแม่รังแกฉัน?

เปิดอ่าน 28,961 ครั้ง
"รังผึ้ง" นวัตกรรมใหม่สามารถเก็บน้ำผึ้งโดยไม่ต้องกวนผึ้งเลย
"รังผึ้ง" นวัตกรรมใหม่สามารถเก็บน้ำผึ้งโดยไม่ต้องกวนผึ้งเลย

เปิดอ่าน 12,042 ครั้ง
กินแคลเซียมป้องกันโรคกระดูกผุ กลับไปเสี่ยงให้เกิดหัวใจวายขึ้น
กินแคลเซียมป้องกันโรคกระดูกผุ กลับไปเสี่ยงให้เกิดหัวใจวายขึ้น

เปิดอ่าน 15,226 ครั้ง
ตัวอย่างภาพถ่าย จากกล้องของ iPhone 5
ตัวอย่างภาพถ่าย จากกล้องของ iPhone 5

เปิดอ่าน 28,285 ครั้ง
ความคลาดเคลื่อนที่เกิดจากการเก็บข้อมูลของการวิจัย
ความคลาดเคลื่อนที่เกิดจากการเก็บข้อมูลของการวิจัย

เปิดอ่าน 48,518 ครั้ง
Chat GPT คืออะไร ใช้งานยังไง AI  สำหรับครูยุคใหม่จำเป็นต้องรู้
Chat GPT คืออะไร ใช้งานยังไง AI สำหรับครูยุคใหม่จำเป็นต้องรู้
เปิดอ่าน 8,519 ครั้ง
ยัน"เขื่อนศรีฯ"ยังรับน้ำได้อีก
ยัน"เขื่อนศรีฯ"ยังรับน้ำได้อีก
เปิดอ่าน 99,244 ครั้ง
เสียงร้องทารก บอก"อะไร"คุณแม่
เสียงร้องทารก บอก"อะไร"คุณแม่
เปิดอ่าน 16,639 ครั้ง
การถวายสังฆทาน
การถวายสังฆทาน
เปิดอ่าน 1,703 ครั้ง
6 สมุนไพรต้านริ้วรอย ช่วยคืนความอ่อนเยาว์
6 สมุนไพรต้านริ้วรอย ช่วยคืนความอ่อนเยาว์

รายการหลัก

หน้าแรก
ข่าว/บทความ
สมุดเยี่ยม
กระดานสนทนา
เว็บลิงค์
ผู้จัดทำเว็บครูบ้านนอก
ข้อมูลบุคคล
ภาพกิจกรรม
ผู้สนับสนุน

สมาชิก

เข้าสู่ระบบ
คุณครูต้องรู้ไว้
รวมแบบฟอร์มต่างๆ

เว็บน่าสนใจ

เว็บไซต์ สพฐ.
กระทรวงศึกษาธิการ
ติวสอบ GED
ติวสอบ SAT
เครื่องมือวัด
เครื่องมืออุตสาหกรรม
เกมส์
แหล่งรวมเกมส์

แหล่งรวมเกมส์



 เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ มากมาย
เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ คลายเครียด

เกมส์ รวมเกมส์ เกมส์แข่งรถ เกมส์ต่อสู้ เกมส์ภาษา เกมส์วางระเบิด เกมส์แต่งตัว เกมส์ท่องเที่ยว เกมส์หมากฮอส เกมส์ผจญภัย เกมส์เต้น เกมส์รถ เกมส์ดนตรี เกมส์ขายของ เกมส์ฝึกสมอง เกมส์เด็กๆ เกมส์ปลูกผัก เกมส์การ์ด เกมส์จับผิดภาพ เกมส์ตลก เกมส์ตัดผม เกมส์ก้านกล้วย เกมส์ทําอาหาร เกมส์เลี้ยงสัตว์ เกมส์ผี เกมส์จับคู่ เกมส์กีฬา เกมส์เศรษฐี เกมส์ฝึกทักษะ เกมส์วางแผน เกมส์จีบหนุ่ม เกมส์มาริโอ เกมส์ระบายสี เกมส์จีบสาว เกมส์เบ็นเท็น เกมส์ยิง เกมส์ยาน เกมส์สร้างเมือง เกมส์มันส์ๆ เกมส์แต่งบ้าน เกมส์ความรู้
      kroobannok.com

© 2000-2020 Kroobannok.com  
All rights reserved.


Design by : kroobannok.com


ครูบ้านนอกดอทคอม
การจัดอันดับของ Truehits Web Directory

วิธีนำแบนเนอร์ของครูบ้านนอก.คอมไปแปะในเว็บท่าน บันทึกภาพแบนเนอร์นี้และลิงค์มาที่เราครับ (มีแบนเนอร์ 2 แบบ)
 

ครูบ้านนอกดอทคอม เว็บไซต์ของครูตัวเล็กๆ คนหนึ่ง ที่หวังเพียง ใช้เป็นช่องทางในการสื่อสาร แลกเปลี่ยน เพิ่มพูนความรู้ และให้ข่าวสาร ที่ทันสมัยต่อเหตุการณ์แก่คุณครู ผู้ปฏิบัติงานในทุกพื้นที่ของประเทศไทย เพื่อความเจริญงอกงามในปัญญา และเจริญก้าวหน้าในวิชาชีพ

เว็บนี้ถือกำเนิดเมื่อ 5 มกราคม 2548

Email : kornkham@hotmail.com
Tel : 096-7158383

สนใจสนับสนุนเรา โดยลงโฆษณา
คลิกดูรายละเอียดที่นี่ครับ