ค้นหาทุกอย่างในเว็บครูบ้านนอก :
ชุมชนครู บุคลากรทางการศึกษา และนักเรียน แหล่งความรู้สำหรับครู นักเรียน ข่าวการศึกษา ห้องสมุดความรู้ทุกกลุ่มสาระการเรียนรู้ และความรู้ทั่วไป เผยแพร่ผลงานวิชาการ ที่นี่


ค้นหากระทู้
ตั้งกระทู้คำถามใหม่ กลับหน้าที่แล้ว
 
Advertisement

การพัฒนาทักษะการอ่านจับใจความสำคัญโดยใช้เทคนิคการสอนแบบเพื่อนช่วยเพื่อนร่วมกับเทคนิคการสอนบันได 5 ขั้น ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3

บทคัดย่อ

การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ 1.เพื่อเปรียบเทียบทักษะการอ่านจับใจความสำคัญของนักเรียนที่เรียนโดยใช้เทคนิคการสอนแบบเพื่อนช่วยเพื่อนร่วมกับเทคนิคการสอนบันได 5 ขั้น ก่อนเรียนและหลังเรียน กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้ คือนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3/1 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2568 โรงเรียนสงขลาวิทยาคม อำเภอ สิงหนคร จังหวัดสงขลา จำนวน 35 คน ได้มาจากวิธีการสุ่มอย่างง่าย (Simple Random Sampling) ใช้วิธีจับฉลากแบบไม่ใส่กลับคืน เป็นการวิจัยเชิงทดลองแบบกลุ่มเดียวทดสอบก่อนและหลังเรียน (One Group Pretest Posttest Design) Wate เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยประกอบด้วย 1) แผนการจัดการเรียนรู้การอ่านจับใจความสำคัญ เรียนรู้โดยใช้รูปแบบการสอนเพื่อนช่วยเพื่อนร่วมกับการสอนบันได 5 ขั้น แบบสอบถาม ความพึงพอใจของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3โรงเรียนสงขลาวิทยาคม จังหวัดสงขลา ที่มีต่อวิธีการสอนด้วยเทคนิคบันได 5 ขั้น ร่วมกับวิธีการสอนแบบเพื่อนช่วยเพื่อน และ สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ค่าเฉลี่ย ร้อยละ ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน

สรุปผลการวิจัย

ผลการวิจัยเรื่องการพัฒนาทักษะการอ่านจับใจความสำคัญโดยใช้เทคนิคการสอนแบบเพื่อนช่วยเพื่อนของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3/1 โรงเรียนสงขลาวิทยาคม จังหวัดสงขลา สรุปผลการวิจัยได้ ดังนี้

1. จากผลการเปรียบเทียบทักษะการอ่านจับใจความสำคัญของนักเรียนที่เรียนโดยใช้เทคนิคการสอนแบบเพื่อนช่วยเพื่อนร่วมกับการสอนแบบันได 5 ขั้น ก่อนเรียนและหลังเรียน พบว่านักเรียนมีทักษะการอ่านจับใจความสำคัญโดยใช้เทคนิคการสอนแบบเพื่อนช่วยเพื่อน หลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .000

2. นักเรียนที่เรียนโดยใช้เทคนิคการสอนแบบเพื่อนช่วยเพื่อน มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนสูงกว่านักเรียนที่เรียนแบบบรรยาย อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติติที่ระดับ .000

อภิปรายผล

การพัฒนาทักษะการอ่านจับใจความสำคัญโดยใช้เทคนิคการสอนแบบเพื่อนช่วยเพื่อนร่วมกับการสอนแบบบันได 5 ขั้น ของนักเรียนชันมัธยมศึกษาปีที่ 3/1 โรงเรียนสงขลาวิทยาคม จังหวัดสงขลา อภิปรายผลการวิจัยได้ดังนี้

1. จากผลการเปรียบเทียบทักษะการอ่านจับใจความสำคัญของนักเรียนที่เรียนโดยใช้เทคนิคการสอนแบบเพื่อนช่วยเพื่อนร่วมกับการสอนแบบบันได 5 ขั้น ก่อนเรียนและหลังเรียน พบว่านักเรียนมีทักษะการอ่านจับใจความสำคัญโดยใช้เทคนิคการสอนแบบเพื่อนช่วยเพื่อน ผลการวิจัยพบว่าผลสัมฤทธิ์หลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .000 ทั้งนี้อาจเป็นเพราะการเรียนการสอนแบบเพื่อนช่วยเพื่อนทำให้นักเรียนมีโอกาสในการช่วยเหลือดูแลซึ่งกันและกัน มีการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ร่วมกันอย่างแท้จริง การเรียนแบบจับคู่ระหว่างคนเก่งกับคนอ่อนส่งผลให้นักเรียนไม่รู้สึกกดดัน กล้าพูด กล้าถาม กล้าคิด มีส่วนร่วมกับครูผู้สอนมากขึ้น มีความรู้สึกผ่อนคลาย มีความสุข สนุกไปกับการเรียน รวมไปถึงทำให้นักเรียนมีมนุษย์สัมพันธ์อันดีกับเพื่อนมากขึ้นส่งผลให้เห็นถึงการพัฒนาทักษะการมีส่วนร่วมในตัวของผู้เรียน ทั้งนี้บรรยากาศในชั้นเรียนดูไม่เคร่งเครียด โดยครูผู้สอนและนักเรียนมีความพร้อมที่จะจัดการเรียนการสอนโดยใช้เทคนิคการสอนแบบเพื่อนช่วยเพื่อน เป็นการจัดการสอนเน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ ทั้งนี้ทำให้ผู้เรียนมีเจตคติที่ที่ดีต่อรายวิชาภาษาไทยเพิ่มมากขึ้น ซึ่งสอดคล้องกับ บุญสนองเภาคำ 2564 : 92-93 ได้ศึกษาเรื่อง การพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนรายวิชา นศ 2201406 กฎหมายแรงงาน และวิธีพิจารณาคดีในศาลแรงงาน โดยใช้วิธีการสอนแบบเพื่อนช่วยเพื่อนสำหรับนักศึกษา สาขาวิชานิติศาสตร์ พบว่าผลการพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนรายวิชานศ 2201406 กฎหมายแรงงานและพิจารณาคดีในศาลแรงงาน โดยใช้วิธีการสอนแบบเพื่อนช่วยเพื่อนหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียน ถาวร ประรงค์ ทอง(2560 : บทคัดย่อ) ได้ศึกษาการศึกษาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน โดยการเรียนแบบร่วมมือ เทคนิคเพื่อนช่วยเพื่อน วิชาการบัญชี 2 เรื่องการบันทึกรายการซื้อ - ชายสินค้าในสมดรายวันทั่วไป ของนักศึกษาระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพ ชั้นปีที่ 1 สาขาคอมพิวเตอร์ธุรกิจ ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2560 วิทยาลัยอาชีวศึกษาสันติราษฎร์ ในพระอุปถัมภ์ฯเมื่อเปรียบเทียบระหว่างคะแนนก่อนเรียนและหลังเรียนพบว่าคะแนนสอบหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียน และอรัญญา ธาตุไชย (2556 : บทคัดย่อ) ได้ศึกษาการสอนแบบรวม-แยกรวมเสริมด้วยเทคนิคการสอนแบบเพื่อนช่วยเพื่อนและการใช้วิดิทัศน์ต่อทักษะปฏิบัตินาฏศิลป์และผลสัมฤทธิ์

ทางการเรียนวิชานาฎศิลป์ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษา ปีที่ 2 ผลวิจัยพบว่านักเรียนมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนที่เรียนโดยใช้วิธีแบบรวม-แยก-รวม เสริมด้วยเทคนิคการสอนแบบเพื่อนช่วยเพื่อนและการใช้วิดิทัศน์ หลังเรียนไม่น้อยกว่า 80 และผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียน

2. จากผลการเปรียบเทียบทักษะการอ่านจับใจความสำคัญของนักเรียนที่เรียนโดยใช้เทคนิคการสอนแบบเพื่อนช่วยเพื่อนและการสอนแบบบรรยาย พบว่านักเรียนที่เรียนโดยใช้เทคนิคการสอนแบบเพื่อนช่วยเพื่อน มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนสูงกว่านักเรียนที่เรียนแบบบรรยาย อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติติที่ระดับ .000 เนื่องจากนักเรียนเกิดการพัฒนาทักษะในการอ่านจับใจความสำคัญที่ดีขึ้น ทั้งนี้รูปแบบวิธีการสอนแบบเพื่อนช่วยเพื่อนเป็นวิธีการสอนที่แตกต่างไปจากการเรียนการสอนในลักษณะเดิมที่เป็นการสอนแบบบรรยาย ซึ่งครูทำหน้าที่เป็นผู้สอนเพียงฝ่ายเดียว นักเรียนไม่ได้มีการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ และนักเรียนไม่ค่อยมีส่วนร่วมกับผู้สอนเท่าที่ควร ทำให้การจัดการเรียนการสอนมีความน่าเบื่อ ซึ่งส่งผลให้ผู้เรียนไม่มีความสุขกับการเรียน จากวิธีการสอนแบบเพื่อนช่วยเพื่อนเป็นวิธีการสอนที่ทำให้นักเรียนได้มีการช่วยเหลือกันในด้านการเรียน การสอนผู้เรียนสามารถช่วยเหลือกัน มีการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ร่วมกันและทบทวนความรู้ได้ตลอดเวลา จากการปรึกษาชักถามร่วมกับเพื่อน ทำให้นักเรียนมีความสนใจใจในการเรียนเพิ่มมากขึ้น อีกทั้งนักเรียนมีความสุขและสนุกกับการเรียน ซึ่งสอดคล้องกับ บุญสนองเภาคำ 2564 : 94 และ ปราโมทย์ จันทร์เรือง (2522 : 14) ได้ศึกษา การเปรียบเทียบผลการจัดการเรียนรู้วิชาทักษะและเทคนิคการสอนของนักศึกษาครุศาสตร์บัณฑิต โดยการจัดการเรียนรู้แบบเพื่อนช่วยเพื่อนกับแบบปกติ พบว่าการจัดการเรียนการสอนที่ดีนั้นต้องถือว่าผู้เรียนสำคัญที่สุดโดยมีส่วนร่วมในการเรียนรู้ ฝึกให้ผู้เรียนคิดได้ ปฏิบัติจริง และรู้จักแก้ปัญหา มีการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ซึ่งกันและกันนอกจากนี้ สมชาย ม่วงลอง (2547 : บทคัดย่อ) ได้ศึกษาการเปรียบเทียบผลการเรียนรู้วิชาพุทธศาสนาเรื่องวันสำคัญทางพระพุทธศาสนาของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 โดยใช้วิธีสอนแบบกลุ่มเพื่อนช่วยเพื่อนกับวิธีสอนแบบปกติ พบว่าทักษะการเรียนของนักเรียนที่เรียนโดยวิธีกลุ่มเพื่อนช่วยเพื่อนสูงกว่าวิธีสอนแบบปกติ

โพสต์โดย aonka : [23 ต.ค. 2568 (11:28 น.)]
อ่าน [57516] ไอพี : 1.46.90.155
หากข้อความนี้ไม่เหมาะสม คลิก คลิกปุ่มนี้ หากเห็นว่าข้อความนี้ไม่เหมาะสม
Advertisement

 
 

โปรดอ่านกฎกติกาก่อนแสดงความเห็น
1. ข้อความของท่านจะขึ้นแสดงโดยอัตโนมัติทันทีที่ได้รับข้อมูล
2.
ห้ามโพสต์ ข้อความยั่วยุให้เกิดความรุนแรงทางสังคม ข้อความที่ก่อให้เกิดความเสียหายและเสื่อมเสียต่อบุคคลที่สาม, เบอร์โทรศัพท์,
รูปภาพที่ไม่เหมาะสมต่อเยาวชนหรือภาพลามกอนาจาร หรือกระทบถึงสถาบันอันเป็นที่เคารพ
ขอให้ผู้ตั้งกระทู้รับผิดชอบตัวเอง
และรับผิดชอบต่อสังคม ถ้ารูปภาพ หรือข้อความใดส่งผลกระทบต่อบุคคลอื่น ทีมงานพร้อมจะส่งรายละเอียดให้เจ้าหน้าที่
เพื่อตามจับตัวผู้กระทำผิดต่อไป

3.
สมาชิกที่โพสต์สิ่งเหล่านี้ อาจถูกดำเนินคดีทางกฎหมายจากผู้เสียหายได้
4. ไม่อนุญาตให้มีการโฆษณาสินค้าใด ๆ ทั้งสิ้น ทั้งทางตรงและทางอ้อม
5. ทุกความคิดเห็นเป็นข้อความที่ทางผู้เยี่ยมชมเข้ามาร่วมตั้งกระทู้ในเว็บไซต์ ทางเว็บไซต์ kroobannok.com ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ ทั้งสิ้น
6. ทางทีมงานขอสงวนสิทธิ์ในการลบกระทู้ที่ไม่เหมาะสมได้ทันที โดยไม่ต้องมีการชี้แจงเหตุผลใดๆ ต่อเจ้าของความเห็นนั้นทั้งสิ้น

7. หากพบเห็นรูปภาพ หรือข้อความที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งมาที่อีเมล์ kornkham@hotmail.com เพื่อทำการลบออกจากระบบต่อไป


 ** พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.๒๕๕๐**

ขออภัยในความไม่สะดวก เนื่องจากเราประสบปัญหา
มีผู้โพสต์ข้อความที่หมิ่นเหม่และไม่เหมาะสมเป็นจำนวนมาก
ครูบ้านนอกดอทคอมจึงขอความร่วมมือสมาชิก
กรุณาเข้าสู่ระบบก่อนแสดงความเห็นครับ


  

สมัครสมาชิกใหม่
 

 

Advertisement

≡ เรื่องน่าอ่าน/สาระน่ารู้ ≡

เปิดอ่าน 22,317 ครั้ง
หลักสูตรการผลิตครู ควรเป็น 4 หรือ 5 ปีดี โดย : ดิเรก พรสีมา
หลักสูตรการผลิตครู ควรเป็น 4 หรือ 5 ปีดี โดย : ดิเรก พรสีมา

เปิดอ่าน 16,144 ครั้ง
ชมคลิปยอดฮิต"เด็กพี่สาวร้องไห้โฮ ไม่อยากให้น้อง"โต"
ชมคลิปยอดฮิต"เด็กพี่สาวร้องไห้โฮ ไม่อยากให้น้อง"โต"

เปิดอ่าน 101,514 ครั้ง
แนวคิดการจัดการเรียนการสอนคอมพิวเตอร์
แนวคิดการจัดการเรียนการสอนคอมพิวเตอร์

เปิดอ่าน 14,710 ครั้ง
Google ฉลองครบรอบ 189 ปี เกรเกอร์ เมนเดล
Google ฉลองครบรอบ 189 ปี เกรเกอร์ เมนเดล

เปิดอ่าน 31,096 ครั้ง
ประวัติย่อของคณิตศาสตร์
ประวัติย่อของคณิตศาสตร์

เปิดอ่าน 40,686 ครั้ง
จัดโต๊ะทำงาน ตามฮวงจุ้ย
จัดโต๊ะทำงาน ตามฮวงจุ้ย

เปิดอ่าน 10,588 ครั้ง
ใยอาหาร สำคัญกว่าที่คิด
ใยอาหาร สำคัญกว่าที่คิด

เปิดอ่าน 3,354 ครั้ง
สุขอนามัยที่ดีในการนอนหลับ 10 ประการ
สุขอนามัยที่ดีในการนอนหลับ 10 ประการ

เปิดอ่าน 12,327 ครั้ง
ตำแหน่ง "สิว" บอกสุขภาพ
ตำแหน่ง "สิว" บอกสุขภาพ

เปิดอ่าน 33,422 ครั้ง
มหาลัยล้น ห้องเรียนร้าง วิกฤตอุดมศึกษาไทย
มหาลัยล้น ห้องเรียนร้าง วิกฤตอุดมศึกษาไทย

เปิดอ่าน 35,703 ครั้ง
สัตว์พวกปลาไม่มีความรู้สึกเจ็บปวดเลย โดนถูกเบ็ดเกี่ยวดิ้น ก็ไม่ได้ตกอกตกใจ(วิทย์)
สัตว์พวกปลาไม่มีความรู้สึกเจ็บปวดเลย โดนถูกเบ็ดเกี่ยวดิ้น ก็ไม่ได้ตกอกตกใจ(วิทย์)

เปิดอ่าน 6,936 ครั้ง
รายชื่อ 31 จังหวัด เตรียมนำร่องถอดหน้ากากอนามัย ที่ไหนบ้างเช็กเลย !
รายชื่อ 31 จังหวัด เตรียมนำร่องถอดหน้ากากอนามัย ที่ไหนบ้างเช็กเลย !

เปิดอ่าน 947 ครั้ง
ตอบข้อสงสัยแบบชัด ๆ ยาคุมฉุกเฉินต้องกินภายในกี่ชั่วโมง ?
ตอบข้อสงสัยแบบชัด ๆ ยาคุมฉุกเฉินต้องกินภายในกี่ชั่วโมง ?

เปิดอ่าน 17,075 ครั้ง
"เนยรักโลก" วลีเด็ดสุดฮิต ที่ฮอตที่สุดในขณะนี้
"เนยรักโลก" วลีเด็ดสุดฮิต ที่ฮอตที่สุดในขณะนี้

เปิดอ่าน 67,850 ครั้ง
มารยาทของการจับมือ (shaking Hands)
มารยาทของการจับมือ (shaking Hands)

เปิดอ่าน 13,123 ครั้ง
9 อันดับโน้ตบุ๊กเริ่ม"เอ๋อ"ภายใน 3 ปี
9 อันดับโน้ตบุ๊กเริ่ม"เอ๋อ"ภายใน 3 ปี
เปิดอ่าน 15,815 ครั้ง
ผู้ประดิษฐ์คิดค้น"กล่องดำ"เสียชีวิตแล้ว
ผู้ประดิษฐ์คิดค้น"กล่องดำ"เสียชีวิตแล้ว
เปิดอ่าน 12,955 ครั้ง
รัดผมตึง...ระวังโรคเครียด
รัดผมตึง...ระวังโรคเครียด
เปิดอ่าน 854 ครั้ง
5 เทคนิคบริหารกระแสเงินสดที่นักธุรกิจต้องรู้
5 เทคนิคบริหารกระแสเงินสดที่นักธุรกิจต้องรู้
เปิดอ่าน 31,933 ครั้ง
ประเพณีการบอกหมาก ในงานแต่งงาน
ประเพณีการบอกหมาก ในงานแต่งงาน

รายการหลัก

หน้าแรก
ข่าว/บทความ
สมุดเยี่ยม
กระดานสนทนา
เว็บลิงค์
ผู้จัดทำเว็บครูบ้านนอก
ข้อมูลบุคคล
ภาพกิจกรรม
ผู้สนับสนุน

สมาชิก

เข้าสู่ระบบ
คุณครูต้องรู้ไว้
รวมแบบฟอร์มต่างๆ

เว็บน่าสนใจ

เว็บไซต์ สพฐ.
กระทรวงศึกษาธิการ
ติวสอบ GED
ติวสอบ SAT
เครื่องมือวัด
เครื่องมืออุตสาหกรรม
เกมส์
แหล่งรวมเกมส์

แหล่งรวมเกมส์



 เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ มากมาย
เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ คลายเครียด

เกมส์ รวมเกมส์ เกมส์แข่งรถ เกมส์ต่อสู้ เกมส์ภาษา เกมส์วางระเบิด เกมส์แต่งตัว เกมส์ท่องเที่ยว เกมส์หมากฮอส เกมส์ผจญภัย เกมส์เต้น เกมส์รถ เกมส์ดนตรี เกมส์ขายของ เกมส์ฝึกสมอง เกมส์เด็กๆ เกมส์ปลูกผัก เกมส์การ์ด เกมส์จับผิดภาพ เกมส์ตลก เกมส์ตัดผม เกมส์ก้านกล้วย เกมส์ทําอาหาร เกมส์เลี้ยงสัตว์ เกมส์ผี เกมส์จับคู่ เกมส์กีฬา เกมส์เศรษฐี เกมส์ฝึกทักษะ เกมส์วางแผน เกมส์จีบหนุ่ม เกมส์มาริโอ เกมส์ระบายสี เกมส์จีบสาว เกมส์เบ็นเท็น เกมส์ยิง เกมส์ยาน เกมส์สร้างเมือง เกมส์มันส์ๆ เกมส์แต่งบ้าน เกมส์ความรู้
      kroobannok.com

© 2000-2020 Kroobannok.com  
All rights reserved.


Design by : kroobannok.com


ครูบ้านนอกดอทคอม
การจัดอันดับของ Truehits Web Directory

วิธีนำแบนเนอร์ของครูบ้านนอก.คอมไปแปะในเว็บท่าน บันทึกภาพแบนเนอร์นี้และลิงค์มาที่เราครับ (มีแบนเนอร์ 2 แบบ)
 

ครูบ้านนอกดอทคอม เว็บไซต์ของครูตัวเล็กๆ คนหนึ่ง ที่หวังเพียง ใช้เป็นช่องทางในการสื่อสาร แลกเปลี่ยน เพิ่มพูนความรู้ และให้ข่าวสาร ที่ทันสมัยต่อเหตุการณ์แก่คุณครู ผู้ปฏิบัติงานในทุกพื้นที่ของประเทศไทย เพื่อความเจริญงอกงามในปัญญา และเจริญก้าวหน้าในวิชาชีพ

เว็บนี้ถือกำเนิดเมื่อ 5 มกราคม 2548

Email : kornkham@hotmail.com
Tel : 096-7158383

สนใจสนับสนุนเรา โดยลงโฆษณา
คลิกดูรายละเอียดที่นี่ครับ