ชื่อเรื่อง รูปแบบบริหารจัดการเรียนรู้วิถีใหม่ในบริบทที่เปลี่ยนแปลงทางสังคม ด้วยกระบวนการ
ชุมชนเป็นฐาน เพื่อเสริมสร้างทักษะการจัดการตนเองของนักเรียน โรงเรียนบ้านแหลมวิทยา สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาเพชรบุรี
ผู้วิจัย อุษา กองธรรม
ปีที่วิจัย 2566-2567
บทคัดย่อ
การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ(1) ศึกษาสภาพปัจจุบัน สภาพที่พึงประสงค์ และองค์ประกอบในการบริหารจัดการเรียนรู้วิถีใหม่ในบริบทที่เปลี่ยนแปลงทางสังคม ด้วยกระบวนการชุมชนเป็นฐาน เพื่อเสริมสร้างทักษะการจัดการตนเองของนักเรียน โรงเรียนบ้านแหลมวิทยา สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาเพชรบุรี (2) สร้างและตรวจสอบรูปแบบบริหารจัดการเรียนรู้วิถีใหม่ในบริบทที่เปลี่ยนแปลงทางสังคม ด้วยกระบวนการชุมชนเป็นฐาน เพื่อเสริมสร้างทักษะการจัดการตนเองของนักเรียน โรงเรียนบ้านแหลมวิทยา สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาเพชรบุรี (3) ทดลองใช้รูปแบบบริหารจัดการเรียนรู้วิถีใหม่ในบริบทที่เปลี่ยนแปลงทางสังคม ด้วยกระบวนการชุมชนเป็นฐาน เพื่อเสริมสร้างทักษะการจัดการตนเองของนักเรียน โรงเรียนบ้านแหลมวิทยา สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาเพชรบุรี และ (4) ประเมินรูปแบบบริหารจัดการเรียนรู้วิถีใหม่ในบริบทที่เปลี่ยนแปลงทางสังคม ด้วยกระบวนการชุมชนเป็นฐาน เพื่อเสริมสร้างทักษะการจัดการตนเองของนักเรียน โรงเรียนบ้านแหลมวิทยา สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาเพชรบุรี โดยดำเนินการวิจัย 4 ขั้นตอน ได้แก่ ขั้นตอนที่ 1 การศึกษาข้อมูลพื้นฐานและองค์ประกอบของรูปแบบ กลุ่มผู้ให้ข้อมูล คือ ครู โรงเรียนบ้านแหลมวิทยา ปีการศึกษา 2565 จำนวน 15 คน ผู้ปกครองนักเรียน 20 คณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน จำนวน 13 คน ผู้นำชุมชน จำนวน 5 คน ผู้ทรงคุณวุฒิ จำนวน 5 คน ได้มาโดยการคัดเลือกแบบเจาะจง เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย คือ แบบสอบถามและแบบสัมภาษณ์ วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้สถิติ คือ ค่าเฉลี่ยและส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และวิเคราะห์เนื้อหาและสรุปข้อมูล ขั้นตอนที่ 2 สร้างและตรวจสอบรูปแบบ กลุ่มผู้ให้ข้อมูล คือ ผู้ทรงคุณวุฒิ จำนวน 7 คน ได้มาโดยการคัดเลือกแบบเจาะจง เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย คือ แบบตรวจสอบรูปแบบ วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้สถิติ คือ ค่าเฉลี่ยและส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ขั้นตอนที่ 3 ทดลองใช้รูปแบบ โดยนำรูปแบบไปใช้กับครูโรงเรียนบ้านแหลมวิทยา ปีการศึกษา 2566 จำนวน 38 คน ซึ่งได้มาโดยการคัดเลือกแบบเจาะจง เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย คือ แบบสรุปข้อมูล วิเคราะห์ข้อมูลโดยการวิเคราะห์เนื้อหาและสรุปข้อมูล และขั้นตอนที่ 4 ประเมินรูปแบบ กลุ่มผู้ให้ข้อมูล ได้แก่ ครู โรงเรียนบ้านแหลมวิทยา จำนวน 38 คน ได้มาโดยการคัดเลือกแบบเจาะจง และประเมินความพึงพอใจที่มีต่อรูปแบบ กลุ่มผู้ให้ข้อมูล ได้แก่ ครู โรงเรียนบ้านแหลมวิทยา จำนวน 38 คน นักเรียน จำนวน 535 คน และผู้ปกครองนักเรียน จำนวน 535 คน ผู้นำชุมชน จำนวน 7 คน คณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน จำนวน 13 คน ได้มาโดยการคัดเลือกแบบเจาะจง เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย คือ แบบประเมินรูปแบบ และแบบประเมินความพึงพอใจ วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้สถิติ คือ ค่าเฉลี่ยและส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน
ผลการวิจัยพบว่า
1. ผลการศึกษาข้อมูลพื้นฐานการศึกษาข้อมูลพื้นฐานและองค์ประกอบของรูปแบบ พบว่า การบริหารจัดการเรียนรู้วิถีใหม่ในบริบทที่เปลี่ยนแปลงทางสังคม ด้วยกระบวนการชุมชนเป็นฐาน เพื่อเสริมสร้างทักษะการจัดการตนเองของนักเรียน โรงเรียนบ้านแหลมวิทยา สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาเพชรบุรี ควรกำหนดนโยบายโดยใช้หลักการบริหารแบบมีส่วนร่วมและการปฏิบัติงานด้วยวงจรคุณภาพ PDCA มีกระบวนการบริหารจัดการเรียนรู้อย่างเป็นระบบและต่อเนื่อง ส่งเสริมการจัดการเรียนรู้ตามความสนใจของนักเรียน ใช้สื่อ เทคโนโลยีดิจิทัล และแฟลตฟอร์มการจัดการเรียนรู้ ให้ชุมชนมีส่วนร่วมและบูรณาการการเรียนรู้ และมีการวัดและประเมินผลด้วยวิธีการที่หลากหลาย
2. รูปแบบบริหารจัดการเรียนรู้วิถีใหม่ในบริบทที่เปลี่ยนแปลงทางสังคม ด้วยกระบวนการชุมชนเป็นฐาน เพื่อเสริมสร้างทักษะการจัดการตนเองของนักเรียน โรงเรียนบ้านแหลมวิทยา สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาเพชรบุรี มี 3 องค์ประกอบหลัก ได้แก่ ปัจจัยนำเข้า (Input) กระบวนการดำเนินการ (Process) และผลการดำเนินการ (Result) โดยมีกระบวนการดำเนินการ 5 ขั้นตอน ได้แก่ 1) การวิเคราะห์บริบทและวางแผนร่วมกับชุมชน 2) การจัดกระบวนการเรียนรู้เชิงบูรณาการ 3) การมีส่วนร่วมของผู้เรียนและชุมชน 4) การใช้สื่อและเทคโนโลยีดิจิทัล 5) การวัดและประเมินผล
โดยรวมรูปแบบและคู่มือการใช้รูปแบบ มีความเหมาะสมและความเป็นไปได้อยู่ในระดับมากที่สุด
3. ผลการใช้รูปแบบบริหารจัดการเรียนรู้วิถีใหม่ในบริบทที่เปลี่ยนแปลงทางสังคม ด้วยกระบวนการชุมชนเป็นฐาน เพื่อเสริมสร้างทักษะการจัดการตนเองของนักเรียน โรงเรียนบ้านแหลมวิทยา สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาเพชรบุรี พบว่า 1) ด้านทักษะการจัดการตนเองของนักเรียนสูงกว่าค่าเป้าหมายที่กำหนดไว้ และ 2) ด้านความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อการใช้รูปแบบอยู่ในระดับมากที่สุด
4. ผลการประเมินรูปแบบ พบว่า โดยรวมอยู่ในระดับมากที่สุด เมื่อพิจารณาเป็นรายด้านพบว่า ด้านกระบวนการ มีผลการประเมินอยู่ในระดับมากที่สุด รองลงมา คือ ด้านผลการดำเนินงาน และ ด้านปัจจัยนำเข้า ตามลำดับ และผลการประเมินความพึงพอใจของผู้ที่เกี่ยวข้องต่อการดำเนินงานตามรูปแบบ โดยรวมอยู่ในระดับมากที่สุด