ค้นหาทุกอย่างในเว็บครูบ้านนอก :
ชุมชนครู บุคลากรทางการศึกษา และนักเรียน แหล่งความรู้สำหรับครู นักเรียน ข่าวการศึกษา ห้องสมุดความรู้ทุกกลุ่มสาระการเรียนรู้ และความรู้ทั่วไป เผยแพร่ผลงานวิชาการ ที่นี่


ค้นหากระทู้
ตั้งกระทู้คำถามใหม่ กลับหน้าที่แล้ว
 
Advertisement

การแก้ปัญหาทักษะการพูดภาษาญี่ปุ่นโดยใช้กิจกรรมการเรียนรู้แบบ ARCS Model ร่วมกับกิจกรรมบทบาทสมมติ (Role Play) ของนักเรียนมัธยมศึกษาปีที่ 4/9 แผนการเรียนรู้ภาษาเอเชีย (ภาษาญี่ปุ่น) โรงเรียนชุมพลโพนพิสัย

สภาพปัญหาของผู้เรียนและการจัดการเรียนรู้

เนื่องด้วยภาษาญี่ปุ่นเป็นภาษาหนึ่งที่มีความสำคัญกับเศรษฐกิจของโลก การเรียนรู้ภาษาต่างประเทศจึงเป็นสิ่งจำเป็น และเป็นประโยชน์ในการติดต่อสื่อสาร การแสวงหาข้อมูลเพิ่มเติม และเพื่อใช้ความรู้ในการศึกษาต่อในระดับสูง ตลอดจนเพื่อให้สามารถนำประเทศไปสู่การแข่งขันทางเศรษฐกิจ เข้าใจความแตกต่างทางด้านการเมืองและวัฒนธรรมในฐานะที่เป็นพลเมืองยุคโลกาภิวัตน์การเรียนภาษาต่างประเทศจะช่วยให้ผู้เรียนมีวิสัยทัศน์กว้างไกล สามารถติดต่อสื่อสารกับชาวต่างประเทศได้ถูกต้องเหมาะสมและมั่นใจ มีเจตคติที่ดีในการใช้ภาษาญี่ปุ่น ถ่ายทอดวัฒนธรรมและเอกลักษณ์ไปสู่สังคมโลก (กระทรวงศึกษาธิการ. 2544: 1) สำหรับประเทศไทย ภาษาญี่ปุ่นเป็นภาษาที่คนนิยมเรียนมากที่สุด (สุมิตรา อังวัฒนกุล, 2537: 12) กระทรวงศึกษาได้ตระหนักถึงความสำคัญของภาษาญี่ปุ่น จึงได้ปรับปรุงหลักสูตรภาษาญี่ปุ่น โดยมีจุดประสงค์เพื่อเน้นให้ผู้เรียนสามารถใช้ภาษาญี่ปุ่นได้ทั้งการฟัง พูด อ่าน เขียน (กระทรวง-ศึกษาธิการ, 2551)

ในการเรียนการสอนภาษาญี่ปุ่นในต่างประเทศนั้น ทักษะการพูดนับว่าเป็นทักษะที่สำคัญและจำเป็นมาก (สุมิตรา อังวัฒนกุล. 2537: 167) เนื่องจากเป็นทักษะเบื้องต้นที่ใช้ในการติดต่อสื่อสาร แต่ทักษะการพูดเป็นทักษะที่ยากต่อการจัดกิจกรรมการเรียนการสอน อุปสรรคในการพัฒนาการพูดภาษาญี่ปุ่นของนักเรียนไทยมี 3 ประการสำคัญ ประการแรก คือ นักเรียนอยู่ในสิ่งแวดล้อมที่ไม่จำเป็นต้องใช้ภาษาญี่ปุ่น จึงทำให้นักเรียนไม่มีโอกาสได้พูดภาษาญี่ปุ่น นอกจากนักเรียนจะได้รับการฝึกฝนในชั้นเรียนเท่านั้น ประการที่สอง คือ นักเรียนขาดโอกาสในการฝึกพูดภาษาญี่ปุ่นและมีส่วนร่วมในการเรียนน้อย เนื่องจากครูผู้สอนมีทักษะในการสอนน้อยและอาจไม่สามารถเลือกเทคนิคและวิธีการที่เหมาะสมมาใช้ในการฝึกให้นักเรียนพูดและประการสุดท้าย คือ นักเรียนส่วนใหญ่มีทัศนคติที่ไม่ดีต่อการพูดภาษาญี่ปุ่น เมื่อจำเป็นต้องพูดนักเรียนรู้สึกกลัวและอาย ทักษะการพูดของนักเรียนที่เรียนภาษาญี่ปุ่นเป็นภาษาต่างประเทศหรือภาษาที่สองนั้น ยังถือได้ว่าเป็นทักษะที่อ่อนที่สุดจากทักษะทั้ง 4 ทักษะสำหรับผู้เรียนภาษาญี่ปุ่นในทุกระดับชั้น ไบแอม(Biyeam,1997)ไม่เพียงแต่เฉพาะนักเรียนชั้นมัธยมศึกษา แต่ยังรวมถึงนักเรียนที่เรียนในระดับสูงที่เรียนภาษาญี่ปุ่นมาหลายปี แต่ยังมีความคับข้องใจในการพูดภาษาญี่ปุ่นโดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อต้องพูดกับเจ้าของภาษา เอลลิส(Ellis. 1994) กล่าวว่าการสอนทักษาการพูดภาษาญี่ปุ่นจากอดีตจนถึงปัจจุบันไม่ประสบความสำเร็จนัก แม้ว่าจะมีการให้นักเรียนลดการท่องจำคำศัพท์และไวยากรณ์ในประโยคไปแล้วก็ตาม ลีแอน (Lian. 1994)

จากการจัดการเรียนการสอนภาษาญี่ปุ่นให้กับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4/9 โรงเรียนชุมพลโพนพิสัย ผู้วิจัยพบว่า ความสามารถในการสื่อสารภาษาญี่ปุ่นด้านทักษะการพูด ของนักเรียนระดับมัธยมศึกษายังอยู่ในเกณฑ์ที่ไม่น่าพึงพอใจนัก จากปัญหาดังกล่าวข้างต้น ผู้วิจัยได้สัมภาษณ์ครูประจำวิชาถึงสาเหตุของปัญหา ซึ่งมี 3 ประการดังนี้ ประการแรกคือ นักเรียนไม่มีโอกาสได้ใช้ภาษาญี่ปุ่นในห้องเรียนมากนัก ตั้งแต่นักเรียนเริ่มเข้าเรียนในระดับอนุบาล จึงทำให้นักเรียนรู้สึกกลัวและอายในการพูดภาษาญี่ปุ่น ประการที่ 2 คือ นักเรียนขาดความรู้ในเรื่องคำศัพท์ภาษาญี่ปุ่น ไวยากรณ์ และการสร้างประโยคหรือวลี ประการสุดท้ายคือ มีการจัดกิจกรรมการสอนที่ไม่เปิดโอกาสให้นักเรียนได้พูดมากนัก

จากสภาพปัญหาที่กล่าวมา ผู้วิจัยได้ศึกษาเอกสารและตำราที่เกี่ยวข้องภาษาญี่ปุ่นเพื่อที่จะความรู้มาแก้ไขปัญหาและนำมากระตุ้นให้ผู้เรียนพูด และพัฒนาภาษาของตนเองโดยสามารถพูดโต้ตอบกับเจ้าของภาษาได้อย่างถูกต้องตรงตามหลักไวยากรณ์ ซึ่งวัตถุประสงค์หลักของผู้วิจัยคือต้องการให้ผู้เรียนสามารถพูดภาษาญี่ปุ่นในการสื่อสารได้ นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมที่เหมาะที่จะนำมาใช้ในการจัดกิจกรรมการเรียนการสอน คือ กิจกรรมบทบาทสมมติ เป็นกระบวนการที่มีประสิทธิภาพที่ผู้สอนนำมาใช้ในการช่วยให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้ตามวัตถุประสงค์ที่กำหนด โดยการให้ผู้เรียนสวมบทบาทในสถานการณ์ที่นักเรียนคุ้นเคยหรือจะต้องนำไปใช้ในชีวิตประจำวัน และแสดงออกตามความรู้สึกนึกคิดของตนตามบริบทต่าง ๆ หรือสถานการณ์ต่าง ๆ ที่ใกล้เคียงกับชีวิตประจำวัน และนำ เอาการแสดงออกของผู้แสดง ทั้งด้านความรู้ ความคิด ความรู้สึกและพฤติกรรมที่สังเกตพบมาเป็นข้อมูลในการอภิปราย เพื่อให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้ตามวัตถุประสงค์ (ทิศนา แขมมณี, 2551: 358) ผู้วิจัยมีความสนใจที่จะนำกิจกรรมบทบาทสมมติมาใช้ในการพัฒนาทักษะการพูดภาษาญี่ปุ่น ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4/9 โรงเรียนชุมพลโพนพิสัย เพื่อให้สร้างเสริมผู้เรียนให้มีความรู้ ความสามารถ และสร้างแรงจูงใจในการพูดภาษาญี่ปุ่นในชีวิตประจำวัน และทำให้ผู้เรียนได้เข้าถึงภาษาญี่ปุ่นมากขึ้น รวมไปถึงการมีเจตคติที่ดีต่อการพูดภาษาญี่ปุ่น และสามารถนำภาษาญี่ปุ่นไปใช้ในชีวิตประจำวันของผู้เรียนอย่างมีประสิทธิภาพ

วัตถุประสงค์และเป้าหมายการพัฒนา

เชิงปริมาณ

นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 ร้อยละ 100 ได้รับการแก้ปัญหาทักษะการพูดภาษาญี่ปุ่นโดยใช้กิจกรรมการเรียนรู้แบบ ARCS Model ร่วมกับกิจกรรมบทบาทสมมติ(Role Play)

นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 ร้อยละ 70 ผ่านเกณฑ์ประเมินการพูดภาษาญี่ปุ่น

เชิงคุณภาพ

นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 ศิลป์ภาษาญี่ปุ่น มีทักษะการด้านการพูดภาษาญี่ปุ่นตามระดับการเรียนการสอนภาษาญี่ปุ่นในระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4

นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 ศิลป์ภาษาญี่ปุ่น มีทักษะการเรียนรู้ตามศตวรรษที่ 21 และมีทัศนคติที่ดีต่อภาษาและวัฒนธรรมภาษาญี่ปุ่นมากขึ้น

วิธีการดำเนินการให้บรรลุผล

1. ประชากรและกลุ่มตัวอย่าง

1.1 ประชากร: นักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4/9 โรงเรียนชุมพลโพนพิสัย จำนวน 19 คน

1.2 กลุ่มตัวอย่าง: นักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4/9 โรงเรียนชุมพลโพนพิสัย จำนวน 19 คน คนโดยได้มาจากการเลือกแบบเจาะจง วิชาภาษาญี่ปุ่น ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2568 นักเรียนส่วนใหญ่จะเป็นผู้ชาย มีส่วนน้อยที่เป็นนักเรียนชายมีพฤติกรรมไม่ค่อยสนใจในบทเรียน ไม่ส่งการบ้านและคะแนนการทดสอบที่ผ่านมาไม่ดีเท่าที่ควร

2. เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย

การดำเนินวิจัยครั้งนี้มีเครื่องมือในการนำไปใช้ในการวิจัยในรูปแบบการทดลองประกอบไปด้วยเครื่องมือวิจัยดังนี้

2.1 เครื่องมือในการศึกษา

2.1.1 แผนกการสอนภาษาญี่ปุ่นที่ออกแบบแก้ปัญหาทักษะการพูดภาษาญี่ปุ่นโดยใช้กิจกรรมการเรียนรู้แบบ ARCS Model ร่วมกับกิจกรรมบทบาทสมมติ(Role Play) ทั้งหมด 6 แผน

2.1.2 แบทดสอบหลังเรียน ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4/9 จำนวน 3 ชุด

2.2.3 แบบวัดทัศนคติของนักศึกษาชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4/9 ที่มีต่อการเรียนภาษาญี่ปุ่น 1 เป็นแบบมาตราส่วนประมาณค่า จำนวน 10 ข้อ

2.2 การสร้างและตรวจสอบคุณภาพเครื่องมือ

2.2.1 แผนกการสอนภาษาญี่ปุ่นที่ออกแบบแก้ปัญหาทักษะการพูดภาษาญี่ปุ่นโดยใช้กิจกรรมการเรียนรู้แบบ ARCS Model ร่วมกับกิจกรรมบทบาทสมมติ(Role Play)

ศึกษาทฤษฎี แนวคิด หลักการ เกี่ยวกับการสอนแบบ ARCS Model ร่วมกับกิจกรรม

บทบาทสมมติ(Role Play)

เลือกเนื้อหาจาก หนังสือแบบเรียน

สร้างแผนการสอนภาษาญี่ปุ่น โดยการสอนภาษาญี่ปุ่นที่ออกแบบแก้ปัญหาทักษะการพูดภาษาญี่ปุ่นโดยใช้กิจกรรมการเรียนรู้แบบ ARCS Model ร่วมกับกิจกรรมบทบาทสมมติ(Role Play) จำนวน 6 แผน

เสนอแผนการสอนภาษาญี่ปุ่นให้ผู้เชี่ยวชาญตรวจสอบความถูกต้องของแผนการสอนทั้ง

เนื้อหา และรูปแบบของแผนการสอน แล้วนำมาปรับปรุงแก้ตามคำแนะนำ

จัดทำแผนทั้ง 6 แผนให้สอดคล้องตามคำแนะนำของผู้เชี่ยวชาญ

เสนอแผนการสอนภาษาญี่ปุ่นทั้ง 6 แผน ให้ผู้เชี่ยวชาญตรวจสอบความถูกต้องของ

แผนการสอนทั้งเนื้อหา และรูปแบบของแผนการสอน แล้วนำมาปรับปรุงแก้ตามคำแนะนำ

นำแผนการสอนภาษาญี่ปุ่นที่ได้รับการพิจารณาแล้ว ไปทดลองใช้กับนักเรียน

ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4/9 โรงเรียนชุมพลโพนพิสัย จำนวน 19 คน

2.2.2 แบทดสอบหลังเรียน ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4/9 จำนวน 3 ชุด

กำหนดจุดประสงค์เชิงพฤติกรรมที่ต้องการวัด

สร้างตารางวิเคราะห์เนื้อหา และจำนวนข้อสอบ

สร้างแบบทดสอบ จำนวน 3 ชุด ชุดละ 15 ข้อ

เสนอข้อสอบทั้ง 3 ชุด ให้ผู้เชี่ยวชาญตรวจสอบความถูกต้องของเนื้อหา และรูปแบบ แล้วนำมาปรับปรุงแก้ตามคำแนะนำ

นำข้อสอบภาษาญี่ปุ่นที่ได้รับการพิจารณาแล้ว ไปทดลองใช้กับนักเรียน

ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4/9 โรงเรียนชุมพลโพนพิสัย จำนวน 19 คน ที่ได้รับการสอนโดยวิธีปรับประยุกต์หลักสูตรฐานสมรรถนะในการพัฒนาความสามารถเพื่อส่งเสริมการพัฒนาศักยภาพของผู้เรียนรายบุคคลของนักเรียน

แบบวัดทัศนคติของนักศึกษาชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4/9 ที่มีต่อการเรียนภาษาญี่ปุ่น

กำหนดจุดประสงค์เชิงพฤติกรรมที่ต้องการวัดแบบวัดทัศนคติของนักศึกษาชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4/9 ที่มีต่อการเรียนภาษาญี่ปุ่น จำนวน 1 ชุด ชุดละ 10 ข้อโดยใช้ มาตราส่วนประมาณค่า 5 ระดับ ตามวิธีการของ Linkert ซึ่งมีตัวเลือกให้เลือก 5 ข้อ โดยถือ

เกณฑ์น้ำหนักในการให้คะแนนตัวเลือกของข้อคำถามประเภททางบวก และ ประเภททางลบ

ดังนี้ (บุญเรียง ขจรศิลป์, 2530)

ข้อคำถามประเภททางบวก

Favorable Statement ข้อคำถามประเภททางลบ

Unfavorable Statement

เห็นด้วยอย่างยิ่ง ให้ 5 คะแนน

เห็นด้วย ให้ 4 คะแนน

ไม่แน่ใจ ให้ 3 คะแนน

ไม่เห็นด้วย ให้ 2 คะแนน

ไม่เห็นด้วยอย่างยิ่ง ให้ 1 คะแนน ไม่เห็นด้วยอย่างยิ่ง ให้ 5 คะแนน

ไม่เห็นด้วย ให้ 4 คะแนน

ไม่แน่ใจ ให้ 3 คะแนน

เห็นด้วย ให้ 2 คะแนน

เห็นด้วยอย่างยิ่ง ให้ 1 คะแนน

กำหนดเกณฑ์ในการคิดคะแนนเฉลี่ยของแบบสอบถามตามเกณฑ์ของ ศักดิ์ชัย เสรีรัฐ (2530) ดังนี้

ถ้าคะแนนเฉลี่ยมีค่าน้อยกว่า 1.55 แสดงว่ามีเจตคติที่ไม่ดีอย่างมากต่อวิชาภาษาญี่ปุ่น

ถ้าคะแนนเฉลี่ยอยู่ระหว่าง 1.56 – 2.55 แสดงว่ามีเจตคติที่ไม่ดีต่อวิชาภาษาญี่ปุ่น

ถ้าคะแนนเฉลี่ยอยู่ระหว่าง 2.56 -3.55 แสดงว่ามีเจตคติปานกลางต่อวิชาภาษาญี่ปุ่น

ถ้าคะแนนเฉลี่ยอยู่ระหว่าง 3.56 – 4.55 แสดงว่ามีเจตคติที่ดีต่อวิชาภาษาญี่ปุ่น

ถ้าคะแนนเฉลี่ยมากกว่า 4.55 แสดงว่ามีเจตคติที่ดีอย่างมากต่อวิชาภาษาญี่ปุ่น

เสนอแบบวัดทัศนคติของนักศึกษาชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4/9 ที่มีต่อการเรียนภาษาญี่ปุ่น

ให้ผู้เชี่ยวชาญตรวจสอบความถูกต้องของเนื้อหา และรูปแบบ แล้วนำมาปรับปรุงแก้ตามคำแนะนำ นำข้อสอบภาษาญี่ปุ่นที่ได้รับการพิจารณาแล้ว ไปทดลองใช้กับนักเรียน ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4/9 โรงเรียนชุมพลโพนพิสัย จำนวน 19 คน ที่ได้รับการสอนโดยปรับประยุกต์หลักสูตรฐานสมรรถนะในการพัฒนาความสามารถเพื่อส่งเสริมการพัฒนาศักยภาพของผู้เรียนรายบุคคลของนักเรียน

3. การเก็บรวบรวมข้อมูล

การศึกษาเรื่อง การแก้ปัญหาทักษะการพูดภาษาญี่ปุ่นโดยใช้กิจกรรมการเรียนรู้แบบ ARCS Model ร่วมกับกิจกรรมบทบาทสมมติ(Role Play) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4/9 โรงเรียนชุมพลโพนพิสัย ซึ่งผู้ศึกษาดำเนินการเก็บข้อมูลเป็นขั้นต่อไปนี้

3.1 เตรียมเครื่องมือในการเก็บรวบรวมข้อมูลให้พร้อม

3.2 จัดทำแผนการจัดการเรียนรู้ 6 แผน พร้อมปรึกษาเครื่องมือกับผู้เชี่ยวชาญ

3.3 นำแผนการจัดการเรียนรู้ 6 แผนที่ปรับปรุงแก้ไขแล้ว ไปใช้กับกลุ่มเป้าหมาย

3.4 ผู้วิจัยจัดทำการสอนตามการแก้ปัญหาทักษะการพูดภาษาญี่ปุ่นโดยใช้กิจกรรมการเรียนรู้แบบ ARCS Model ร่วมกับกิจกรรมบทบาทสมมติ(Role Play)

3.5 หลังจากทำการสอนจนครบ ทั้ง 6 แผน

3.5.1 ผู้วิจัยได้ทำการประเมินคะแนน จากแบบประเมินเกณฑ์การให้คะแนนแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนทางภาษญี่ปุ่น โดยประเมินหลังแผนการสอนทุกครั้ง

3.5.2 ผู้วิจัยได้ทำการประเมินคะแนน จากแบบประเมินเกณฑ์การให้คะแนนแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนทางภาษญี่ปุ่น หลังจากเรียนจนครบทั้ง 6 แผน

3.5.3 จัดทำแบบวัดทัศนคติของนักศึกษาชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4/9 ที่มีต่อการเรียนภาษาญี่ปุ่นโดยการแก้ปัญหาทักษะการพูดภาษาญี่ปุ่นโดยใช้กิจกรรมการเรียนรู้แบบ ARCS Model ร่วมกับกิจกรรมบทบาทสมมติ(Role Play)

3.6 เก็บรวบรวมข้อมูลเพื่อนำ ไปวิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้สถิติพื้นฐานในการหาค่าเฉลี่ย ค่าร้อยละจากข้อมูลแบบประเมินเกณฑ์การให้คะแนนแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนทางภาษญี่ปุ่น วิเคราะห์หาค่าความถี่และค่าเฉลี่ยของแบบวัดทัศนคติของนักศึกษาชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4/9 ที่มีต่อการเรียนภาษาญี่ปุ่นโดย การแก้ปัญหาทักษะการพูดภาษาญี่ปุ่นโดยใช้กิจกรรมการเรียนรู้แบบ ARCS Model ร่วมกับกิจกรรมบทบาทสมมติ(Role Play)

4. การวิเคราะห์ข้อมูล

วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้สถิติพื้นฐานในการหาค่าเฉลี่ยค่าร้อยละจากข้อมูลแบบประเมินเกณฑ์การให้คะแนนแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนทางภาษญี่ปุ่น วิเคราะห์หาค่าความถี่และค่าเฉลี่ยของแบบวัดทัศนคติของนักศึกษาชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4/9 ที่มีต่อการเรียนภาษาญี่ปุ่นโดยวิธีการแก้ปัญหาทักษะการพูดภาษาญี่ปุ่นโดยใช้กิจกรรมการเรียนรู้แบบ ARCS Model ร่วมกับกิจกรรมบทบาทสมมติ (Role Play)

ผลลัพธ์การพัฒนาที่คาดหวัง ( ตามประเด็นท้าทายที่ตกลง)

ผลการวิจัย

ผู้วิจัยแบ่งการวิเคราะห์ข้อมูลออกเป็น 3ตอน ดังนี้

ตอนที่ 1 ประสิทธิภาพของกิจกรรมบทบาทสมมติเพื่อพัฒนาทักษะการพูดภาษาญี่ปุ่นสำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4/9 ให้มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ 75/75

กลุ่มตัวอย่าง (คน) คะแนนเฉลี่ย

(E1) คะแนนเฉลี่ย

(E2) เกณฑ์มาตรฐาน

19 79.05 81.46 75/75

จากตารางที่ 1 พบว่า ผลการหาประสิทธิภาพของการใช้กิจกรรมบทบาทสมมติเพื่อพัฒนาทักษะการพูดภาษาญี่ปุ่นสำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4/9 จำนวน 19 คน ได้ผลการเปรียบเทียบประสิทธิภาพของกระบวนการ (E1)กับประสิทธิภาพของผลลัพธ์ (E2)ดังนี้ การทดสอบระหว่างเรียน จำนวน 4 ครั้ง (E1) มีค่าเท่ากับ 79.05 และการทดสอบหลังเรียนเสร็จสิ้นการเรียน (E2) มีค่าเท่ากับ 81.46 จึงกล่าวได้ว่ากิจกรรมบทบาทสมมติเพื่อพัฒนาทักษะการพูดภาษาญี่ปุ่นสำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4/9 มีประสิทธิภาพเท่ากับ 79.05/81.46 ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์มาตรฐานที่ตั้งไว้ คือ 75/75 แสดงว่ากิจกรรมบทบาทสมมติเพื่อพัฒนาทักษะการพูดภาษาญี่ปุ่นสำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4/9 ที่ผู้วิจัยพัฒนาขึ้น เป็นแผนการสอนที่มีประสิทธิภาพ

ตอนที่ 2 ทักษะการพูดภาษาญี่ปุ่นของนักเรียนโดยใช้กิจกรรมบทบาทสมมติ ผู้วิจัยได้ทำการทดสอบเพื่อวัดทักษะการพูดภาษาญี่ปุ่นก่อนและหลังเรียนของนักเรียน กลุ่มตัวอย่าง และนำค่าเฉลี่ยของคะแนนจากแบบทดสอบก่อนและหลังการทดลองมาเปรียบเทียบกัน

ตารางที่ 2 ค่าเฉลี่ย ค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และการทดสอบค่าทีของคะแนนสอบก่อนและหลังเรียน หลังจากจัดการเรียนรู้เพื่อพัฒนาทักษะการอ่านคำศัพท์ภาษาญี่ปุ่นโดยการสอนแบบ

การทดสอบ n (x̄) S.D. D t Sig.(1-tailed)

ก่อนเรียน 19 16.82 3.90 1.04 20.96* 0.00

หลังเรียน 19 26.03 4.55

* มีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05

จากตารางที่ 2 พบว่า ค่าเฉลี่ยคะแนนสอบก่อนเรียนคือ 16.82 (S.D. = 3.90)และค่าเฉลี่ยคะแนนสอบหลังเรียนคือ 26.03 (S.D. = 4.55) มีค่าความต่างของคะแนนสอบหลังเรียนมากกว่าก่อนเรียน 1.04 คะแนน เมื่อทำการทดสอบค่าที พบว่า ความสามารถในการอ่านจับใจความภาษาญี่ปุ่นของนักเรียนสูงขึ้นหลังการทดลอง อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05

ตอนที่ 3 ความพึงพอใจต่อการใช้กิจกรรมบทบาทสมมติเพื่อพัฒนาทักษะการพูดภาษาญี่ปุ่น

หลังจากกิจกรรมบทบาทสมมติเพื่อพัฒนาทักษะการพูดภาษาญี่ปุ่นสำหรับนักเรียน ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4/9 แล้ว ผู้วิจัยได้แจกแบบสอบถามเพื่อประเมินความพึงพอใจของนักเรียนที่มี ต่อการใช้กิจกรรมบทบาทสมมติเพื่อพัฒนาทักษะการพูดภาษาญี่ปุ่น โดยผู้วิจัยนำผลจากการตอบแบบสอบถามความคิดเห็นมาวิเคราะห์หาค่าเฉลี่ย (x̄) และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D.) พบว่า นักเรียนมีความพึงพอใจต่อการใช้กิจกรรมบทบาทสมมติเพื่อพัฒนาทักษะการพูดภาษาญี่ปุ่น อยู่ในระดับมากที่สุด (x̄) = 4.53 เมื่อพิจารณาเป็นรายข้อพบว่า ข้อที่มีค่าเฉลี่ยสูงสุดคือข้อ 4 การเปิดโอกาสให้แสดงความคิดเห็นและการซักถาม (x̄) = 4.70 และข้อ 6 พื้นที่ในการจัดกิจกรรมมีความเหมาะสม (x̄) = 4.70 รองลงมาคือข้อ 3 การใช้ภาษาที่เหมาะสมและเข้าใจง่าย (x̄) = 4.60 ถัดมาคือข้อ 7 ความพร้อมของอุปกรณ์โสตทัศนูปกรณ์ (x̄) = 4.40 และข้อ 9 ความรู้ ความเข้าใจหลังการเรียน (x̄) = 4.40 รองลงมาคือข้อ 2 การถ่ายทอดของครูผู้สอนสามารถอธิบายเนื้อหาได้ชัดเจนและตรงประเด็น (x̄) = 4.30 ถัดมาคือข้อ 5 ระยะเวลาในการการเรียนมีความเหมาะสม (x̄) = 4.30 และข้อ 11 สามารถนำความรู้ไปเผยแพร่แก่ผู้อื่นได้ (x̄) = 4.30 ถัดมาคือข้อ 1 การเตรียมความพร้อมของ(x ̅) = 4.20 และข้อ 10 สามารถนำความรู้ที่ได้รับไปประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวัน (x̄) = 4.20

อภิปรายผล

การวิจัย เรื่อง การใช้กิจกรรมบทบาทสมมติเพื่อพัฒนาทักษะการพูดภาษาญี่ปุ่นสำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4/9 สามารถอภิปรายผลได้ ดังนี้

1. ผลการวิจัยในครั้งนี้ทำให้ทราบว่านักเรียนที่ได้รับการสอนโดยใช้กิจกรรมบทบาทสมมติ มีผลสัมฤทธิ์ทางด้านการพูดภาษาญี่ปุ่นสูงขึ้น ทั้งนี้ เนื่องจากการดำเนินกิจกรรมการเรียนการสอนโดยใช้กิจกรรมบทบาทสมมติมีขั้นตอนที่ส่งเสริมและเปิดโอกาสให้นักเรียนได้ปฏิบัติจริงเกี่ยวกับการใช้ภาษาญี่ปุ่น สามารถฝึกการพูดคุยในกลุ่มย่อยและใช้ในสถานการณ์ต่าง ๆ ได้จริง จึงส่งผลให้คะแนนหลังจากกันนักเรียนมีคะแนนสูงขึ้น ดังรายละเอียดเกี่ยวกับขั้นตอนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้การสอน ดังนี้

แต่ละแผนการจัดการเรียนรู้ประกอบด้วย ขั้นนำ ขั้นนำเสนอ ขั้นฝึก ขั้นนำไปใช้ และขั้นสรุป ซึ่งมีขั้นตอนดังนี้

ขั้นนำ เป็นการปูพื้นฐานความรู้ที่นักเรียนจะได้เรียนเกี่ยวกับบทเรียนนั้น ๆ การนำเสนอนักเรียนจะได้เรียนรู้เกี่ยวกับคำศัพท์หรือและโครงสร้างเกี่ยวกับบทเรียนนั้น ๆ

ขั้นฝึก นักเรียนจะได้เรียนรู้เกี่ยวกับการฝึกใช้คำศัพท์ การฝึกใช้ประโยค การฝึกใช้สำนวน ในบทเรียนนั้น

ขั้นนำไปใช้นักเรียนสามารถต่อยอดความรู้โดยการคิดเอง ปฏิบัติเองโดยผ่านทางแสดงบทบาทสมมติ รับบทบาทต่าง ๆ ในแต่ละหน่วยการเรียนรู้ โดยนำความรู้ที่นักเรียนได้จากบทเรียนนั้นไปต่อยอดเป็นความคิดของตนเอง

ขั้นสรุป นักเรียนสรุปเนื้อหาในบทเรียนนั้นโดยความเข้าใจของนักเรียน

ผลการจัดกิจกรรมบทบาทสมมติที่กล่าวมาล้วนเป็นปัจจัยส่งเสริมให้นักเรียนกลุ่มเป้าหมายได้รับการสอนและพัฒนาทักษะการพูดทำให้มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยยะสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 สอดคล้องกับงานวิจัยของกาญจนาเกตุบรรจง (2540: บทคัดย่อ นักศึกษามีความสามารถในการใช้ภาษาเพื่อการสื่อสารพฤติกรรมกล้าแสดงออกและมีเจตคติต่อการเรียนภาษาญี่ปุ่นโดยใช้วิธีบทบาทสมมติและวิธีสอนตามคู่มือครูพบว่านักเรียนที่เรียนโดยใช้กิจกรรมบทบาทสมมติจะมีความสามารถในการใช้ภาษาเพื่อการสื่อสารได้สูงกว่านักเรียนที่เรียนโดยวิธีปกติ

2. ระดับความสามารถในการพูดภาษาญี่ปุ่นของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4/9 หลังเรียน โดยใช้กิจกรรมบทบาทสมมติพบว่าระดับความสามารถในการพูดภาษาญี่ปุ่นอยู่ในระดับสูงขึ้น มีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 3.59 ซึ่งสอดคล้องกับวิจัยของวัชรพงษ์ ทองงาม (2541: บทคัดย่อ) ได้ศึกษา การพัฒนากิจกรรมการละครแบบมีบทพูดเพื่อส่งเสริมพัฒนาทักษะการพูดภาษาญี่ปุ่นสำหรับนักเรียนที่มีต่อกิจกรรมละครที่แบบมีบทพูด

เพื่อส่งเสริมทักษะการฟังพูดภาษาญี่ปุ่นของนักเรียนได้รับการพัฒนาให้เหมาะสมกับระดับความรู้ความสามารถของนักเรียนมากและทำให้นักเรียนมีความคิดเห็นในเชิงบวกและความคิดเห็นต่อกิจกรรม

3. นักเรียนมีความพึงพอใจต่อการเรียนภาษาญี่ปุ่นอยู่ในระดับมาก โดยมีค่าเฉลี่ยของ การเตรียมความพร้อมของครูผู้สอนอยู่ในระดับมาก การถ่ายทอดของครูผู้สอนสามารถอธิบายเนื้อหา ได้ชัดเจนและตรงประเด็นมีค่าเฉลี่ยอยู่ในระดับมาก การใช้ภาษาที่เหมาะสมและเข้าใจง่ายมีค่าเฉลี่ย อยู่ในระดับมากที่สุด การเปิดโอกาสให้แสดงความคิดเห็นและการซักถามมีค่าเฉลี่ยอยู่ในระดับมากที่สุด ระยะเวลาในการการเรียนมีความเหมาะสมมีค่าเฉลี่ยนอยู่ในระดับมาก พื้นที่ในการจัดกิจกรรมมีความเหมาะสมมีค่าเฉลี่ยอยู่ในระดับมากที่สุด ความพร้อมของอุปกรณ์โสตทัศนูปกรณ์มีค่าเฉลี่ยอยู่ในระดับมาก ความรู้ความเข้าใจในเรื่องนี้หลังการเรียนมีค่าเฉลี่ยอยู่ในระดับมาก สามารถนำความรู้ที่ได้รับไปประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวันมีค่าเฉลี่ยอยู่ในระดับมาก สามารถนำความรู้ไปเผยแพร่แก่ผู้อื่นได้มีค่าเฉลี่ยอยู่ในระดับมาก

ข้อเสนอแนะเพื่อการวิจัย

1. ครูผู้สอนควรศึกษารูปแบบการสอนภาษาญี่ปุ่นโดยใช้กิจกรรมบทบาทสมมติให้เข้าใจก่อนการนำไปใช้เพื่อให้การจัดการเรียนการสอนเป็นไปโดยมีประสิทธิภาพสูงสุด

2. ควรให้นักเรียนได้มีโอกาสใช้ภาษาในสถานการณ์จริงอย่างต่อเนื่องและสม่ำเสมอ

3. การเรียนภาษาญี่ปุ่นให้ได้ผลควรมีจำนวนนักเรียนไม่มากทั้งนี้เพราะทุกคนจะได้มีโอกาสฝึกฝนอย่างเต็มที่

4. ควรให้นักเรียนได้มีโอกาสเลือกเนื้อหาในการเรียนการสอนเพราะจะทำให้นักเรียนมีความสนใจในกระบวนการเรียนการสอนมากยิ่งขึ้น

5. การเรียนการสอนโดยใช้กิจกรรมบทบาทสมมติไม่ควรจะจัดซ้ำกันบ่อยในรูปแบบเดิมประจำ การเรียนการสอนโดยใช้กิจกรรมบทบาทสมมติไม่ควรจะจัดซ้ำกันบ่อยในรูปแบบเดิมเพราะจะทำให้เกิดความเบื่อหน่ายได้

ข้อเสนอแนะเพื่อการวิจัยครั้งต่อไป

1. นำกิจกรรมบทไปใช้เป็นเครื่องมือวัดความคงทนต่อการใช้คำศัพท์และโครงสร้างไวยากรณ์ที่นักเรียนได้เรียนไปแล้วเปรียบเทียบกับการเรียนโดยวิธีปกติ

2. เอากิจกรรมบทบาทสมมติใช้เป็นกิจกรรมในการเรียนที่ทำให้ผู้เรียนเกิดกระบวนการคิดสร้างสรรค์เช่นการแสดงละครในแนวคิดสร้างสรรค์

3. ในการเรียนโดยใช้กิจกรรมบทบาทสมมติควรจะต้องปูพื้นฐานให้นักเรียนเรียนรู้คำศัพท์เขียนบทสนทนาง่าย ๆ ก่อนจึงควรมีการวิจัยเพื่อพัฒนาความสามารถในการเขียนและการพูดต่อไป

โพสต์โดย รัตติยา : [22 ก.ย. 2568 (11:23 น.)]
อ่าน [58497] ไอพี : 203.172.222.23
หากข้อความนี้ไม่เหมาะสม คลิก คลิกปุ่มนี้ หากเห็นว่าข้อความนี้ไม่เหมาะสม
Advertisement

 
 

โปรดอ่านกฎกติกาก่อนแสดงความเห็น
1. ข้อความของท่านจะขึ้นแสดงโดยอัตโนมัติทันทีที่ได้รับข้อมูล
2.
ห้ามโพสต์ ข้อความยั่วยุให้เกิดความรุนแรงทางสังคม ข้อความที่ก่อให้เกิดความเสียหายและเสื่อมเสียต่อบุคคลที่สาม, เบอร์โทรศัพท์,
รูปภาพที่ไม่เหมาะสมต่อเยาวชนหรือภาพลามกอนาจาร หรือกระทบถึงสถาบันอันเป็นที่เคารพ
ขอให้ผู้ตั้งกระทู้รับผิดชอบตัวเอง
และรับผิดชอบต่อสังคม ถ้ารูปภาพ หรือข้อความใดส่งผลกระทบต่อบุคคลอื่น ทีมงานพร้อมจะส่งรายละเอียดให้เจ้าหน้าที่
เพื่อตามจับตัวผู้กระทำผิดต่อไป

3.
สมาชิกที่โพสต์สิ่งเหล่านี้ อาจถูกดำเนินคดีทางกฎหมายจากผู้เสียหายได้
4. ไม่อนุญาตให้มีการโฆษณาสินค้าใด ๆ ทั้งสิ้น ทั้งทางตรงและทางอ้อม
5. ทุกความคิดเห็นเป็นข้อความที่ทางผู้เยี่ยมชมเข้ามาร่วมตั้งกระทู้ในเว็บไซต์ ทางเว็บไซต์ kroobannok.com ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ ทั้งสิ้น
6. ทางทีมงานขอสงวนสิทธิ์ในการลบกระทู้ที่ไม่เหมาะสมได้ทันที โดยไม่ต้องมีการชี้แจงเหตุผลใดๆ ต่อเจ้าของความเห็นนั้นทั้งสิ้น

7. หากพบเห็นรูปภาพ หรือข้อความที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งมาที่อีเมล์ kornkham@hotmail.com เพื่อทำการลบออกจากระบบต่อไป


 ** พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.๒๕๕๐**

ขออภัยในความไม่สะดวก เนื่องจากเราประสบปัญหา
มีผู้โพสต์ข้อความที่หมิ่นเหม่และไม่เหมาะสมเป็นจำนวนมาก
ครูบ้านนอกดอทคอมจึงขอความร่วมมือสมาชิก
กรุณาเข้าสู่ระบบก่อนแสดงความเห็นครับ


  

สมัครสมาชิกใหม่
 

 

Advertisement

≡ เรื่องน่าอ่าน/สาระน่ารู้ ≡

เปิดอ่าน 24,801 ครั้ง
นักวิชาการแจงข้อสอบเด็ก ป.3 สุดยาก เป็นการคัดเลือกเด็กเข้าเรียนในห้องพิเศษ
นักวิชาการแจงข้อสอบเด็ก ป.3 สุดยาก เป็นการคัดเลือกเด็กเข้าเรียนในห้องพิเศษ

เปิดอ่าน 24,638 ครั้ง
อาหารยอดนิยมในอาเซียน (บรูไนดารุสซาลาม)
อาหารยอดนิยมในอาเซียน (บรูไนดารุสซาลาม)

เปิดอ่าน 73,098 ครั้ง
ฟุตซอล(Futsal): กติกาข้อ 5 ผู้ตัดสิน (The Referee)
ฟุตซอล(Futsal): กติกาข้อ 5 ผู้ตัดสิน (The Referee)

เปิดอ่าน 7,152 ครั้ง
รู้จัก The Big Five Domains เพื่อรู้จักวัยเรียนให้ดียิ่งขึ้น
รู้จัก The Big Five Domains เพื่อรู้จักวัยเรียนให้ดียิ่งขึ้น

เปิดอ่าน 15,269 ครั้ง
สารพัดวิธี เบิร์น 100 กิโลแคลอรี่ แค่ไม่ถึงชั่วโมง แบบง่ายๆ
สารพัดวิธี เบิร์น 100 กิโลแคลอรี่ แค่ไม่ถึงชั่วโมง แบบง่ายๆ

เปิดอ่าน 1,859 ครั้ง
ฟิลเลอร์ใต้ตา เคลียร์ปัญหาใต้ตาคล้ำ ถุงใต้ตา เห็นผลในครั้งแรก
ฟิลเลอร์ใต้ตา เคลียร์ปัญหาใต้ตาคล้ำ ถุงใต้ตา เห็นผลในครั้งแรก

เปิดอ่าน 13,800 ครั้ง
โอเมก้า 3 ใน ปลา ก็มีโทษ
โอเมก้า 3 ใน ปลา ก็มีโทษ

เปิดอ่าน 14,385 ครั้ง
พากษ์อีสาน คลิปล้อตัวอย่าง "ฟรีแลนซ์ฯ" รุ่นจิ๋ว ที่ผู้กับเต๋อถึงกับยกนิ้วให้
พากษ์อีสาน คลิปล้อตัวอย่าง "ฟรีแลนซ์ฯ" รุ่นจิ๋ว ที่ผู้กับเต๋อถึงกับยกนิ้วให้

เปิดอ่าน 75,655 ครั้ง
โฮเนะคาวา ซูเนโอะ : ตัวละครจากการ์ตูนโดราเอมอน
โฮเนะคาวา ซูเนโอะ : ตัวละครจากการ์ตูนโดราเอมอน

เปิดอ่าน 12,763 ครั้ง
นิตยสาร SCIENCE WORLD  ขอเชิญชวนคนรักของเล่นวาดภาพออกแบบของเล่นวิทยาศาสตร์ในจินตนาการ
นิตยสาร SCIENCE WORLD ขอเชิญชวนคนรักของเล่นวาดภาพออกแบบของเล่นวิทยาศาสตร์ในจินตนาการ

เปิดอ่าน 14,760 ครั้ง
ทายนิสัยจากวิชาที่ชอบ
ทายนิสัยจากวิชาที่ชอบ

เปิดอ่าน 100,168 ครั้ง
ประโยชน์และโทษของ "ขิง" ที่คุณอาจคาดไม่ถึง
ประโยชน์และโทษของ "ขิง" ที่คุณอาจคาดไม่ถึง

เปิดอ่าน 152,938 ครั้ง
คริส ไรท์ โพสต์แฉ"การศึกษาไทยไม่ไปไหน"เพราะใคร
คริส ไรท์ โพสต์แฉ"การศึกษาไทยไม่ไปไหน"เพราะใคร

เปิดอ่าน 20,254 ครั้ง
"ยุคนี้ใครๆ ก็อยากเป็นครู" โดย อ.วิริยะ ฤาชัยพาณิชย์
"ยุคนี้ใครๆ ก็อยากเป็นครู" โดย อ.วิริยะ ฤาชัยพาณิชย์

เปิดอ่าน 11,163 ครั้ง
กระเป๋านักเรียนหนักเสี่ยง! หมอนรองกระดูกทับเส้นประสาท
กระเป๋านักเรียนหนักเสี่ยง! หมอนรองกระดูกทับเส้นประสาท

เปิดอ่าน 39,538 ครั้ง
กีฬาวิ่ง 31 ขา สามัคคี
กีฬาวิ่ง 31 ขา สามัคคี
เปิดอ่าน 24,446 ครั้ง
หมอเตือนอย่ากิน"แมลงทอด"กับ"เหล้า-เบียร์"
หมอเตือนอย่ากิน"แมลงทอด"กับ"เหล้า-เบียร์"
เปิดอ่าน 20,234 ครั้ง
วัยไหนให้ดูทีวี
วัยไหนให้ดูทีวี
เปิดอ่าน 37,145 ครั้ง
การจัดคนเข้าพักบ้านราชการ
การจัดคนเข้าพักบ้านราชการ
เปิดอ่าน 19,050 ครั้ง
ชวนดู ฝนดาวตก โอไรโอนิดส์ Orionid Meteors shower
ชวนดู ฝนดาวตก โอไรโอนิดส์ Orionid Meteors shower

รายการหลัก

หน้าแรก
ข่าว/บทความ
สมุดเยี่ยม
กระดานสนทนา
เว็บลิงค์
ผู้จัดทำเว็บครูบ้านนอก
ข้อมูลบุคคล
ภาพกิจกรรม
ผู้สนับสนุน

สมาชิก

เข้าสู่ระบบ
คุณครูต้องรู้ไว้
รวมแบบฟอร์มต่างๆ

เว็บน่าสนใจ

เว็บไซต์ สพฐ.
กระทรวงศึกษาธิการ
ติวสอบ GED
ติวสอบ SAT
เครื่องมือวัด
เครื่องมืออุตสาหกรรม
เกมส์
แหล่งรวมเกมส์

แหล่งรวมเกมส์



 เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ มากมาย
เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ คลายเครียด

เกมส์ รวมเกมส์ เกมส์แข่งรถ เกมส์ต่อสู้ เกมส์ภาษา เกมส์วางระเบิด เกมส์แต่งตัว เกมส์ท่องเที่ยว เกมส์หมากฮอส เกมส์ผจญภัย เกมส์เต้น เกมส์รถ เกมส์ดนตรี เกมส์ขายของ เกมส์ฝึกสมอง เกมส์เด็กๆ เกมส์ปลูกผัก เกมส์การ์ด เกมส์จับผิดภาพ เกมส์ตลก เกมส์ตัดผม เกมส์ก้านกล้วย เกมส์ทําอาหาร เกมส์เลี้ยงสัตว์ เกมส์ผี เกมส์จับคู่ เกมส์กีฬา เกมส์เศรษฐี เกมส์ฝึกทักษะ เกมส์วางแผน เกมส์จีบหนุ่ม เกมส์มาริโอ เกมส์ระบายสี เกมส์จีบสาว เกมส์เบ็นเท็น เกมส์ยิง เกมส์ยาน เกมส์สร้างเมือง เกมส์มันส์ๆ เกมส์แต่งบ้าน เกมส์ความรู้
      kroobannok.com

© 2000-2020 Kroobannok.com  
All rights reserved.


Design by : kroobannok.com


ครูบ้านนอกดอทคอม
การจัดอันดับของ Truehits Web Directory

วิธีนำแบนเนอร์ของครูบ้านนอก.คอมไปแปะในเว็บท่าน บันทึกภาพแบนเนอร์นี้และลิงค์มาที่เราครับ (มีแบนเนอร์ 2 แบบ)
 

ครูบ้านนอกดอทคอม เว็บไซต์ของครูตัวเล็กๆ คนหนึ่ง ที่หวังเพียง ใช้เป็นช่องทางในการสื่อสาร แลกเปลี่ยน เพิ่มพูนความรู้ และให้ข่าวสาร ที่ทันสมัยต่อเหตุการณ์แก่คุณครู ผู้ปฏิบัติงานในทุกพื้นที่ของประเทศไทย เพื่อความเจริญงอกงามในปัญญา และเจริญก้าวหน้าในวิชาชีพ

เว็บนี้ถือกำเนิดเมื่อ 5 มกราคม 2548

Email : kornkham@hotmail.com
Tel : 096-7158383

สนใจสนับสนุนเรา โดยลงโฆษณา
คลิกดูรายละเอียดที่นี่ครับ