1. ความเป็นมาและสภาพปัญหา
นโยบายการศึกษาไทยปัจจุบันที่มีเป้าหมายหลักในการส่งเสริมการเรียนรู้ตลอดชีวิต (Lifelong Learning) และการลดความเหลื่อมล้ำทางการศึกษา มุ่งเน้นการพัฒนาผู้เรียนให้มีความรู้ ทักษะและคุณลักษณะที่จำเป็นสำหรับการต่อยอดด้านอาชีพ และการดำรงชีวิตในศตวรรษที่ 21 ทำให้ระบบธนาคารหน่วยกิต (Credit Bank) สำหรับระดับการศึกษาขั้นพื้นฐานจึงเป็นกลไกสำคัญที่จะช่วยให้การศึกษาเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ และสอดคล้องกับความต้องการของผู้เรียน ตลาดแรงงาน และการเปลี่ยนแปลงในยุคดิจิทัลในศตวรรษที่ 21
ระบบธนาคารหน่วยกิตหรือระบบการสะสมหน่วยการเรียนรู้(Credit Bank System: CBS) เป็นระบบที่เปิดโอกาสให้ผู้เรียนสามารถนำผลการเรียนที่ได้จากการเรียน หรือผลการเรียนรู้ที่ได้จากการทำงาน การฝึกอบรมทั้งในระบบ นอกระบบ และตามอัธยาศัยที่สะสมไว้มาเทียบโอนเพื่อการเรียนรู้ในระดับที่สูงขึ้น เพิ่มวุฒิ หรือเพิ่มประสบการณ์ในการทำงาน ผู้เรียนสามารถเข้ามาเรียนใหม่ได้ตลอดเวลา โดยไม่จำกัดอายุทำให้ลดข้อจำกัดของผู้เรียน โดยระบบธนาคารหน่วยกิตแบ่งออกเป็น ระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน การศึกษาระดับอาชีวศึกษา ต่ำกว่าปริญญาตรีและระดับอุดมศึกษา (Office of the Secretariat of the Council of Education, 2016; Office of the Secretariat of the Council of Education, 2017a) พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ.2542 และที่แก้ไขเพิ่มเติม ฉบับที่ 2 พ.ศ.2545 ได้กำหนดเรื่อง การเทียบโอนผลการเรียนในมาตรา 15 ว่า การจัดการศึกษามีสามรูปแบบ คือ การศึกษาในระบบ การศึกษานอกระบบ และการศึกษาตามอัธยาศัย โดยให้มีการเทียบโอนผลการเรียนที่ผู้เรียนสะสมไว้ในระหว่างรูปแบบ เดียวกันหรือต่างรูปแบบได้ไม่ว่าจะเป็นผลการเรียนจากสถานศึกษาเดียวกันหรือไม่ก็ตาม รวมทั้งจากการเรียนรู้นอกระบบตามอัธยาศัย การฝึกอาชีพหรือจากประสบการณ์ การทำงาน (National Education Act 1999, 1999; National Education Act (No.2), B.E. 2545., 2002) รวมถึง ประกาศกระทรวงศึกษาธิการ เมื่อวันที่ 13 ตุลาคม พ.ศ.2546 เรื่อง การเทียบโอนผลการเรียนการศึกษา ขั้นพื้นฐานและการศึกษาระดับอุดมศึกษาต่ำกว่าปริญญา เพื่อเป็นแนวทางการเทียบโอนผลการเรียนของหน่วยงาน สถานศึกษาต่าง ๆ และกรอบคุณวุฒิแห่งชาติเป็นกรอบแนวทางการเชื่อมโยงผลการเรียนรู้กับสมรรถนะในการปฏิบัติงานขึ้น เมื่อปี พ.ศ.2556 โดยกำหนดกรอบคุณวุฒิ 9 ระดับ คือ ระดับ 1 มัธยมศึกษาตอนต้น ระดับ 2 มัธยมศึกษาตอนปลาย ระดับ 3 ประกาศนียบัตร ระดับ 4 อนุปริญญา/ประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง (ปวส.) ระดับ 5 ปริญญาตรีระดับ 6 ประกาศนียบัตรบัณฑิต ระดับ 7 ปริญญาโท ระดับ 8 ประกาศนียบัตรบัณฑิตชั้นสูง และ ระดับ 9 ปริญญาเอก (Office of the Secretariat of the Council of Education, 2017a)
การกำหนดให้ระบบการเทียบโอนต้องเทียบเคียง หรือเชื่อมโยงกับกรอบคุณวุฒิแห่งชาติ จัดเป็นกลไกหลักในการขับเคลื่อนระบบธนาคารหน่วยกิตของประเทศให้มีมาตรฐานและมีคุณภาพ รวมถึงสนองความต้องการในการพัฒนากำลังคนของประเทศ เนื่องจากกรอบคุณวุฒิแห่งชาติจัดทำขึ้นเพื่อเป็นกลไกการปฏิรูปการศึกษา ด้วยการเชื่อมโยงความต้องการกำลังคนเชิงคุณภาพของภาคการผลิตและบริการกับระบบคุณวุฒิทางการศึกษา ให้ก้าวทันการเปลี่ยนแปลงของโลกอาชีพ โดยใช้ระบบประกันคุณภาพและมาตรฐานการศึกษา อันเป็นการยกระดับคุณภาพการศึกษาให้มีความเป็นสากล โปร่งใส และเทียบเคียงได้กับนานาชาติ ส่งเสริมการเรียนรู้ตลอดชีวิต (Lifelong Learning) และการเพิ่มโอกาสการศึกษา (Widening Education Participation) รวมถึงยกระดับคุณค่าของผู้มีความสามารถหรือสมรรถนะในการปฏิบัติงานที่ต้องการเพิ่มพูนคุณวุฒิการศึกษาด้วยระบบการเทียบโอนประสบการณ์และความรู้ที่มีอยู่ก่อน (Recognition of Prior Learning : RPL) รวมทั้งการเชื่อมโยงเส้นทางการเรียนรู้และความก้าวหน้าในอาชีพที่หลากหลาย (สำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา, 2560ก)
สำนักงานศึกษาธิการจังหวัดนครปฐมเห็นถึงความสำคัญของปัญหาดังกล่าวจึงดำเนินการโครงการส่งเสริมการดำเนินงานธนาคารหน่วยกิตและพัฒนาหลักสูตรต่อเนื่องเชื่อมโยงการศึกษาขั้นพื้นฐานกับอาชีวศึกษาและอุดมศึกษาขึ้น 1) ด้านการประชาสัมพันธ์ให้ทุกภาคส่วนได้รับทราบและเข้าถึงระบบธนาคารหน่วยกิตแห่งชาติ 2) ด้านการกำกับติดตาม ตรวจสอบ สถาบันการศึกษา หน่วยงาน องค์กรจัดการศึกษาระดับจังหวัด ทุกระดับและทุกประเภทการศึกษาระดับจังหวัด
วัตถุประสงค์และเป้าหมายการพัฒนา
เพื่อพัฒนาหลักสูตรต่อเนื่องเชื่อมโยง (รูปแบบการเก็บสะสมหน่วยกิตการศึกษาในระบบ) ส่งเสริมการขับเคลื่อนระบบธนาคารหน่วยกิต การนิเทศแบบ PIDRE+E
การออกแบบแนวทางการพัฒนา
ขั้นที่ 1 (P-Plan) ขั้นการวางแผนการนิเทศ
เป็นขั้นศึกษาข้อมูลพื้นฐาน โดย ศึกษาสภาพปัจจุบันปัญหา รวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูลรวมถึงรูปแบบการดำเนินงานธนาคารหน่วยกิตแต่ละสังกัด ประกอบด้วยกิจกรรมดังนี้
1.1 ศึกษาข้อมูลพื้นฐาน เช่น ความต้องการของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับสถานศึกษาขั้นพื้นฐานในการจัดทำระบบของธนาคารหน่วยกิตระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน
1.2 ผู้นิเทศนำข้อมูลที่ได้จากการสำรวจ สภาพปัญหาและความต้องการในการดำเนินงาน
1.3 ผู้นิเทศนำข้อมูลที่ได้จากการสังเคราะห์สภาพปัญหามาใช้ในการจัดทำ 1) คู่มือการนิเทศโดยใช้กระบวนการนิเทศแบบ PIDRE+E 2) แบบทดสอบวัดความรู้ความเข้าใจการดำเนินงานธนาคารหน่วยกิต 3) แบบสอบถามความพึงพอใจที่มีต่อกระบวนการนิเทศแบบ PIDRE+E การดำเนินงานธนาคารหน่วยกิต
1.4 กำหนดระยะเวลานิเทศ ทั้งรูปแบบนิเทศออนไลน์ และการนิเทศแบบลงพื้นที่
ตามความเหมาะสม
ขั้นที่ 2 (I-Information) ร่วมให้ความรู้นำสู่การปฏิบัติ
เป็นขั้นตอนให้องค์ความรู้โดยผู้นิเทศได้จัดอบรมเชิงปฏิบัติการให้ความรู้เกี่ยวกับการดำเนินงานเกี่ยวกับธนาคารหน่วยกิต การชี้แจงรูปแบบที่ 3 รูปแบบการเก็บสะสมหน่วยกิตการศึกษาในระบบ (โดยการพัฒนาหลักสูตรต่อเนื่องเชื่อมโยงกับหลักสูตรในระดับที่สูงกว่า) การออกแบบหลักสูตรต่อเนื่องเชื่อมโยง การเขียนแผนการจัดการเรียนรู้ จำนวน 2 วัน หลังการอบรมเชิงปฏิบัติการครูทำแบบทดสอบวัดความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการดำเนินงานเกี่ยวกับธนาคารหน่วยกิต การชี้แจงรูปแบบที่ 3 รูปแบบการเก็บสะสมหน่วยกิตการศึกษาในระบบ (โดยการพัฒนาหลักสูตรต่อเนื่องเชื่อมโยงกับหลักสูตรในระดับที่สูงกว่า) การออกแบบหลักสูตรต่อเนื่องเชื่อมโยง การเขียนแผนการจัดการเรียนรู้ การอบรมเชิงปฏิบัติการ มี 2 กิจกรรม คือ
กิจกรรมที่ 1 ให้ความรู้ความเข้าใจแก่กลุ่มเป้าหมาย จะต้องคำนึงถึง
1. เป้าหมายของกิจกรรม คือ ให้ความรู้แก่กลุ่มเป้าหมายในการออกแบบหลักสูตรต่อเนื่องเชื่อมโยง การเขียนแผนการจัดการเรียนรู้ การจัดการเรียนรู้
2. ผู้เกี่ยวข้อง ประกอบด้วย ศึกษานิเทศก์ วิทยากรเครือข่ายท้องถิ่น
3. การดำเนินการ ศึกษานิเทศก์ร่วมกับวิทยากรเครือข่ายท้องถิ่นที่เชี่ยวชาญด้านการจัดการเรียนรู้มาให้ความรู้แก่ครูผู้สอน
กิจกรรมที่ 2 การเขียนแผนการจัดการเรียนรู้และการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ จะต้องคำนึงถึง
1. เป้าหมายของกิจกรรม คือให้กลุ่มเป้าหมายสามารถเขียนแผนการจัดการเรียนรู้และสามารถจัดการเรียนรู้ได้
2. ผู้เกี่ยวข้อง ประกอบด้วย ศึกษานิเทศก์ วิทยากรเครือข่ายท้องถิ่น
3. การดำเนินการ เมื่อกลุ่มเป้าหมายได้รับความรู้จากการอบรมเชิงปฏิบัติการแล้ว ให้เขียนแผนการจัดการเรียนรู้ และทดลองจัดการเรียนรู้
วิธีการเก็บรวบรวมข้อมูล
1. การสังเกต สัมภาษณ์ครูและการทดสอบก่อนและหลัง อบรมเชิงปฏิบัติการ
2. เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูล ได้แก่ แบบสังเกต แบบสัมภาษณ์และแบบทดสอบก่อนและหลังการอบรมเชิงปฏิบัติการ
ขั้นที่ 3 (D-Doing) ดำเนินการปฏิบัติ
เป็นขั้นขับเคลื่อนการดำเนินงานนิเทศติดตามและประเมินผลการจัดการศึกษา โดยครูผู้สอนที่เข้ารับการอบรมนำความรู้ที่ได้รับ รวมทั้งเครื่องมือต่างๆไปใช้จัดการเรียนการสอน โดยมีกิจกรรมดังนี้
3.1 ให้โรงเรียนดำเนินการขับเคลื่อนการดำเนินงานส่งเสริมการจัดการเรียนรู้ตามแนวทางที่กำหนดไว้
3.2 นิเทศ ติดตาม การดำเนินงานของโรงเรียนโดยผู้นิเทศได้แจ้งให้ผู้รับการนิเทศที่เป็นกลุ่มเป้าหมายทราบถึงกำหนดการนิเทศ ทั้งนี้การดำเนินการนิเทศแบ่งออกเป็น 2 รูปแบบ คือ การนิเทศแบบรายบุคคล และการนิเทศแบบกลุ่ม ดังนี้
3.2.1 การนิเทศแบบรายบุคคล ตามปฏิทินการนิเทศ แบ่งออกแบบ 3 ระยะ
ระยะที่ 1 นิเทศเพื่อการพัฒนางาน โดยกำหนดให้ผู้รับการนิเทศกำหนดส่งแผนการจัดการเรียนรู้เชิงรุกตามแนวทางที่ได้รับการอบรมและแหล่งเรียนรู้ออนไลน์ ผู้นิเทศให้คำแนะนำและทบทวนความรู้ผ่านระบบออนไลน์
ระยะที่ 2 นิเทศเพื่อเยี่ยมชั้นเรียน เป็นการนิเทศตามปฏิทินการนิเทศ โดยการเยี่ยมชั้นเรียน การสังเกตและบันทึกคลิปวิดีโอการจัดการเรียนรู้ และการใช้สื่อประกอบการจัดกิจกรรมการเรียนรู้
ระยะที่ 3 นิเทศเพื่อปรับปรุงงาน เป็นการนิเทศแบบออนไลน์ โดยสะท้อนผลการนิเทศ จากคลิปวิดีโอ จุดเด่น จุดด้อย ที่ผู้รับการนิเทศสะท้อนตนเอง ผู้นิเทศให้ข้อชี้แนะและให้คำแนะนำในการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ที่สอดคล้องกับแผนการจัดการเรียนรู้ได้อย่างเหมาะสม โดยการนิเทศแบบรายบุคคล
ระยะที่ 1-3 ผู้นิเทศได้ใช้เทคนิคการนิเทศแบบผสมผสาน คือการนิเทศแบบชี้แนะ การนิเทศแบบกัลยาณมิตร รวมทั้งการนิเทศผ่านช่องทางสื่อสารทางเครือข่ายออนไลน์ เพื่อให้ความช่วยเหลือ ชี้แนะและให้คำแนะนำเกี่ยวกับการออกแบบกิจกรรมการเรียนรู้ แผนการจัดการเรียนรู้ และกิจกรรมการเรียนรู้ในห้องเรียน
3.2.2 การนิเทศแบบกลุ่ม (ภาคเรียนละ 1 ครั้ง) โดยใช้กระบวนการของชุมชุมแห่งการเรียนรู้ทางวิชาชีพ (PLC) ดำเนินการสอนงานแบบพี่เลี้ยงโดยมีขั้นตอน ดังนี้
ขั้นที่ 1 การวางแผนจัดการเรียนรู้ เป็นขั้นที่ชุมชนการเรียนรู้ทางวิชาชีพประกอบด้วย ครูผู้สอน ศึกษานิเทศก์ ร่วมกับผู้บริหารโรงเรียน ร่วมกันวางแผนให้การชี้แนะ ให้คำปรึกษาในการออกแบบการเรียนรู้และเขียนแผนการจัดการเรียนรู้ วางแผนเรื่องการจัดการชั้นเรียน และการเตรียมสื่อการเรียนรู้ในชั้นเรียน
ขั้นที่ 2 ปฏิบัติและสังเกตการณ์ นำแผนการจัดการเรียนรู้ที่สร้างไปปฏิบัติ
จัดการเรียนรู้โดยมีชุมชนแห่งการเรียนรู้ทางวิชาชีพ ร่วมสังเกตการณ์ ผู้รับการนิเทศเขียนบันทึกหลังจัดกิจกรรม ในขั้นนี้ผู้รับการนิเทศจะได้บทเรียนเกี่ยวกับการปฏิบัติการจัดกิจกรรมการเรียนรู้
ขั้นที่ 3 การสะท้อนคิด คณะนิเทศสะท้อนความคิดโดยผู้รับการนิเทศ
เป็นผู้สะท้อนความคิดเกี่ยวกับความสำเร็จ จุดเด่น จุดที่ต้องการแก้ใช้ในการจัดการเรียนรู้เพื่อพัฒนาทักษะกระบวนการสืบเสาะผู้เรียนในครั้งนี้ และคณะนิเทศร่วมกันสะท้อนความคิดทั้งจุดเด่น จุดด้อย ปัญหา อุปสรรค รวมทั้งแนะนำวิธีการแก้ปัญหา เน้นการนิเทศแบบกัลยาณมิตร ในขั้นนี้ ผู้รับการนิเทศจะได้บทเรียน คือ ประสบการณ์เพื่อการปรับปรุงและพัฒนา
ขั้นที่ 4 ขั้นปรับปรุงใหม่ ผู้นิเทศแนะนำให้ผู้รับการนิเทศปรับแก้ไขแผนการจัดการเรียนรู้และกระบวนการจัดการเรียนรู้เชิงรุก
ขั้นที่ 5 จัดการเรียนรู้ใหม่และทำวิจัย ผู้รับการนิเทศนำแผนการจัดการเรียนรู้ จากการได้รับการแก้ไขในขั้นที่ 4 ไปปฏิบัติการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ใหม่ โดย ผู้นิเทศจะบันทึกคลิปวิดีโอ (หลังการพัฒนา) ผู้รับการนิเทศจะได้นวัตกรรมการเรียนรู้ จากการทดลองหรือเรียกว่า ทำวิจัย เนื่องจากทำในชั้นเรียนเพื่อพัฒนาการเรียนรู้ ดังนั้น จึงเรียกวิจัยนี้ว่าการวิจัยปฏิบัติการในขั้นเรียน (Classroom Action Research) ในชั้นนี้ผู้รับการนิเทศจะได้รับบทเรียน คือนวัตกรรมการจัดกิจกรรมการเรียนรู้จากการวิจัยในห้องเรียน
3.3 ประเมินผลการจัดกิจกรรมโดยครูผู้สอนประเมินผู้เรียนจากการทำโครงงาน คณะกรรมการนิเทศจาก ศธจ.นครปฐม เป็นผู้ประเมินครูผู้สอนเกี่ยวกับความสามารถในการจัดกิจกรรมการเรียนรู้
3.4 ครูผู้สอนรายงานผลการจัดกิจกรรมการเรียนรู้
ขั้นที่ 4 (R-Reinforcing) การสร้างเสริมกำลังใจให้แก่ผู้รับการนิเทศ
ผู้นิเทศได้เสริมสร้างกำลังใจให้แก่ผู้รับการนิเทศ โดยแบ่งออกเป็น 2 ระยะ คือ
ระยะที่ 1 การให้กำลังใจในระหว่างการปฏิบัติการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ โดยผู้นิเทศได้
สนับสนุน ชื่นชม และให้กำลังใจแก่ผู้รับการนิเทศ ในระหว่างที่ผู้รับการนิเทศดำเนินการตามแผนการจัดการเรียนรู้ที่ได้พัฒนาขึ้นพร้อมกันนี้มี การนิเทศแบบเสริมพลัง (Empowerment) เสริมพลัง ทั้งพลังใจ พลังสมองและพลังการปฏิบัติงานเพราะการเสริมพลังอำนาจเป็นการพัฒนาศักยภาพของครูให้สามารถทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ โดยช่วยให้ครูเปลี่ยนโลกทัศน์เกี่ยวกับการมองตนเองและสังคมอย่างสร้างสรรค์ คือ รู้สึกว่าตนเองมีคุณค่า มีความสามารถ และสามารถเปลี่ยนแปลงการทำงานของตนให้ดีขึ้นเพื่อเกิดประโยชน์ต่อสังคมได้ เป็นกระบวนการทางสังคมที่แสดงให้เห็นถึงการยอมรับ ส่งเสริมและพัฒนาควานสามารถของครู ในการแก้ปัญหาด้วยตนเองสามารถใช้ทรัพยากรที่จำเป็นในการดำรงชีวิต (ดำเนินการพร้อมกันในชั้นปฏิบัติการนิเทศ)
ระยะที่ 2 มอบรางวัลและเกียรติบัตร หลังจากผู้รับการนิเทศและส่งโครงงานกระบวนการสืบเสาะเพื่อขอรับตราพระราชทานบ้านนักวิทยาศาสตร์น้อย มีการถอดบทเรียนร่วมแลกเปลี่ยนเรียนรู้การจัดกิจกรรมการเรียนรู้และการจัดทำโครงงานกระบวนการสืบเสาะผ่านระบบออนไลน์
ขั้นที่ 5 (E-Evaluating) ประเมินผล เป็นขั้นประเมินผลการดำเนินงานโดยมีกิจกรรมดังนี้
5.1 โรงเรียนรายงานผลการจัดกิจกรรมและโครงงานมายังสำนักงานศึกษาธิการจังหวัดนครปฐม
5.2 สำนักงานศึกษาธิการจังหวัดนครปฐม ตั้งคณะกรรมการประเมินผลการจัดกิจกรรมและโครงงาน
5.3 คณะกรรมการนิเทศติดตามและประเมินผลสรุปและรายงานผลการดำเนินงาน การส่งเสริมการจัดการเรียนรู้ของครูผู้สอน ตามแบบนิเทศติดตาม ประเด็นปัญหา อุปสรรคในการดำเนินงานและสะท้อนผลการนิเทศ จากการรับการนิเทศรวมถึงความพึงพอใจในการดำเนินงานของโรงเรียนและข้อเสนอแนะต่างๆให้รับรู้และสามารถนำผลการนิเทศไปใช้ในการแก้ปัญหาต่อไป
ขั้นที่ 6 (E-Expand) เครือข่าย ครูผู้สอนที่รับการนิเทศจับคู่กับครูในระดับชั้นอื่นเพื่อขยายผลการจัดการเรียนรู้ โด ผู้นิเทศทำหน้าที่ค่อยชี้แนะ แนะนำ
เป็นพี่เลี้ยงให้ โดยมีขั้นตอนดังนี้
ขั้นที่ 1: จับคู่ครูต่างระดับชั้น
เริ่มต้นด้วยการจับคู่ครูจากระดับชั้นอื่นหรือวิชาต่าง ๆ เพื่อส่งเสริมการแลกเปลี่ยนประสบการณ์และแนวคิดในการจัดการเรียนรู้ ครูแต่ละคนจะมีบทบาทเป็นทั้งผู้ให้คำปรึกษาและผู้รับการนิเทศ เพื่อสร้างความร่วมมือที่เข้มแข็งและเป็นกัลยาณมิตรในการพัฒนา
ขั้นที่ 2: วางแผนการจัดการเรียนรู้ร่วมกัน
ในขั้นนี้ ครูทั้งสองจะร่วมกันออกแบบแผนการเรียนรู้เชิงรุก โดยมีการให้คำปรึกษาและแนะนำแนวทางที่เหมาะสม ครูจะวางแผนเรื่องการจัดการชั้นเรียน การออกแบบกิจกรรมการเรียนรู้ และการเตรียมสื่อการสอน เพื่อให้กิจกรรมมีความน่าสนใจและกระตุ้นการมีส่วนร่วมของผู้เรียน
ขั้นที่ 3: ปฏิบัติการและสังเกตการณ์
นำแผนการจัดการเรียนรู้ที่ออกแบบไว้ไปปฏิบัติจริงในห้องเรียน โดยมี ชุมชนแห่งการเรียนรู้ทางวิชาชีพ (Professional Learning Community: PLC) เข้าร่วมสังเกตการณ์ การบันทึกผลการเรียนรู้หลังจัดกิจกรรมจะช่วยให้ครูผู้รับการนิเทศได้บทเรียนจากประสบการณ์ตรงในการจัดการเรียนการสอน รวมถึงพัฒนาทักษะด้านการจัดการชั้นเรียนและการแก้ปัญหาเฉพาะหน้า
ขั้นที่ 4: สะท้อนคิดและแลกเปลี่ยนความคิดเห็น
หลังจากปฏิบัติการสอน ครูคู่บัดดี้จะร่วมกันสะท้อนความคิดเกี่ยวกับความสำเร็จ จุดเด่น และปัญหาที่พบ โดยเน้นการสะท้อนแบบกัลยาณมิตร ครูผู้รับการนิเทศและคู่บัดดี้จะช่วยกันวิเคราะห์แนวทางการปรับปรุง พร้อมแนะนำวิธีแก้ไขปัญหา เพื่อเสริมทักษะการสอนเพื่อพัฒนาผู้เรียน ในขั้นนี้ ครูทั้งสองจะได้รับบทเรียนสำคัญจากประสบการณ์จริงที่สามารถนำไปปรับใช้ในการสอนต่อไป
ขั้นที่ 5: ปรับปรุงและพัฒนาแผนการจัดการเรียนรู้
ครูผู้รับการนิเทศจะนำข้อเสนอแนะจากขั้นสะท้อนคิดไปปรับปรุงแผนการเรียนรู้และแนวทางการจัดกิจกรรมใหม่ เพื่อให้เหมาะสมยิ่งขึ้นและตอบโจทย์ความต้องการของผู้เรียนมากขึ้น
ขั้นที่ 6: ทดลองสอนใหม่และทำวิจัยปฏิบัติการในชั้นเรียน
ในขั้นสุดท้าย ครูคู่บัดดี้จะนำแผนการเรียนรู้ที่ได้รับการปรับปรุงไปทดลองสอนใหม่ พร้อมบันทึกกระบวนการและผลลัพธ์เป็นวิดีโอ หลังจากการพัฒนาและทดลอง ครูจะสร้างนวัตกรรมทางการเรียนรู้ใหม่ ๆ ผ่าน วิจัยปฏิบัติการในชั้นเรียน (Classroom Action Research) ซึ่งเป็นการสรุปและวิเคราะห์กระบวนการที่เกิดขึ้น เพื่อนำไปพัฒนาต่อยอดสู่การสอนที่มีคุณภาพสูงยิ่งขึ้น
หมายเหตุ : ในขั้นนี้ผู้นิเทศทำหน้าที่เป็นพี่เลี้ยง ชี้แนะ และแนะนำครูผู้รับการนิเทศ
1. ผลที่เกิดกับสถานศึกษา
1.1 ด้านการพัฒนาหลักสูตรและการจัดการเรียนรู้
1.1.1 หลักสูตรมีความยืดหยุ่นและทันสมัย สถานศึกษาสามารถพัฒนาหลักสูตรที่
ตอบสนองความต้องการของผู้เรียนและตลาดแรงงานได้ดียิ่งขึ้น เปิดโอกาสให้มีการปรับปรุงหลักสูตรให้เชื่อมโยงกันระหว่างระดับการศึกษาหรือสาขาวิชาต่าง ๆ รวมถึงการนำผลลัพธ์การเรียนรู้จากประสบการณ์จริงมาเทียบโอนได้
1.1.2 กระบวนการเรียนรู้หลากหลายและเน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ การนิเทศช่วย
ส่งเสริมให้ครูผู้สอนเข้าใจและนำการจัดการเรียนรู้ที่หลากหลายมาใช้ เช่น การเรียนรู้แบบโมดูล (Modular Learning), การเรียนรู้ที่เน้นสมรรถนะ (Competency-Based Learning) ซึ่งเอื้อต่อการเก็บสะสมหน่วยกิตและตอบโจทย์ความแตกต่างของผู้เรียนแต่ละบุคคล
1.1.3 การประเมินผลการเรียนรู้มีประสิทธิภาพ: บุคลากรมีความเข้าใจในการ
ประเมินผลการเรียนรู้ตามสภาพจริงและประเมินตามสมรรถนะมากขึ้น ทำให้การรับรองและเทียบโอนหน่วยกิตเป็นไปอย่างโปร่งใสและยุติธรรม
1.2 ด้านการขับเคลื่อนและบริหารจัดการระบบธนาคารหน่วยกิต
1.2.1 ระบบธนาคารหน่วยกิตเป็นรูปธรรมและใช้งานได้จริง สถานศึกษาสามารถพัฒนาระบบทะเบียนสะสมหน่วยกิตและกลไกการเทียบโอนผลการเรียนได้อย่างเป็นระบบ ตั้งแต่การกำหนดหลักเกณฑ์ที่ชัดเจน ไปจนถึงการมีระบบสารสนเทศที่รองรับ ทำให้การบริหารจัดการหน่วยกิตมีประสิทธิภาพ
1.2.2 เพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการ ผู้บริหารและบุคลากรมีความเข้าใจในบทบาทและหน้าที่เกี่ยวกับการบริหารจัดการระบบธนาคารหน่วยกิต ทำให้เกิดการทำงานที่เป็นทีมและบูรณาการระหว่างหน่วยงานภายในและภายนอก
1.2.3 สร้างเครือข่ายความร่วมมือ การขับเคลื่อนระบบธนาคารหน่วยกิตส่งเสริมให้สถานศึกษาขยายความร่วมมือกับสถาบันการศึกษาอื่น ๆ, สถานประกอบการ, และหน่วยงานภาครัฐ/เอกชน เพื่อให้เกิดการยอมรับและเทียบโอนหน่วยกิตข้ามสถาบัน/องค์กรได้ง่ายขึ้น
1.3 ด้านบุคลากรและการพัฒนาศักยภาพ
1.3.1 ครูและบุคลากรมีสมรรถนะสูงขึ้น การนิเทศแบบ PIDRE+E ที่เน้นการพัฒนา และการเสริมสร้างศักยภาพ ทำให้ครูผู้สอนและบุคลากรที่เกี่ยวข้องมีความรู้ ความเข้าใจ และทักษะที่จำเป็นในการจัดการเรียนรู้ตามแนวทางของหลักสูตรต่อเนื่องเชื่อมโยงและระบบธนาคารหน่วยกิต เช่น การออกแบบหลักสูตร การจัดการชั้นเรียน การประเมินผล และการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ
1.3.2 เกิดวัฒนธรรมการเรียนรู้และการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง: การสะท้อนผล และการประเมินที่เป็นระบบส่งเสริมให้บุคลากรเกิดการเรียนรู้จากประสบการณ์ ปัญหา และความสำเร็จ นำไปสู่การปรับปรุงและพัฒนาตนเองอย่างสม่ำเสมอ
1.4 ด้านการสร้างโอกาสและภาพลักษณ์ของสถานศึกษา
1.4.1 เพิ่มโอกาสทางการศึกษาให้กับผู้เรียน สถานศึกษาสามารถตอบสนองความต้องการของผู้เรียนทุกช่วงวัย ไม่จำกัดเพศ อายุ วุฒิการศึกษา หรืออาชีพ ให้สามารถเข้าถึงการศึกษาและพัฒนาทักษะได้ตลอดชีวิต ซึ่งจะช่วยดึงดูดผู้เรียนกลุ่มใหม่ๆ ได้
1.4.2 ยกระดับคุณภาพผู้เรียนและบัณฑิต ผู้เรียนที่ผ่านระบบนี้จะมีทักษะและสมรรถนะที่ตรงกับความต้องการของตลาดแรงงานและสังคมมากขึ้น เนื่องจากสามารถเลือกเรียนในสิ่งที่สนใจและจำเป็นต่อการพัฒนาตนเอง
1.4.3 สร้างภาพลักษณ์ที่ดีและเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน การเป็น
สถานศึกษาที่ทันสมัย มีความยืดหยุ่น และมีระบบธนาคารหน่วยกิตที่เข้มแข็ง จะช่วยสร้างชื่อเสียงและเพิ่มความน่าเชื่อถือให้กับสถานศึกษาในฐานะ "องค์กรแห่งการเรียนรู้ตลอดชีวิต" ที่ตอบโจทย์การเปลี่ยนแปลงของโลก
2. ผลที่เกิดกับครูผู้สอน
2.1 ครูมีความรู้และเข้าใจในหลักสูตรใหม่มากขึ้น ครูผู้สอนจะได้รับความรู้และทำความเข้าใจ
เกี่ยวกับ หลักสูตรต่อเนื่องเชื่อมโยง และแนวคิดของ ธนาคารหน่วยกิต อย่างลึกซึ้งยิ่งขึ้น กระบวนการนิเทศแบบ PIDRE+E จะช่วยให้ครูเข้าใจถึง หลักการ และโครงสร้างของหลักสูตรที่เน้นความยืดหยุ่น การสะสมหน่วยกิต และการเทียบโอนผลการเรียนรู้
2.2 ครูมีทักษะและสมรรถนะในการจัดการเรียนรู้ที่หลากหลาย
2.2.1 การออกแบบการเรียนรู้แบบโมดูล ครูจะได้รับการพัฒนาทักษะในการออกแบบหน่วยการเรียนรู้หรือโมดูล (modules) ที่สามารถเรียนรู้ได้ด้วยตนเอง หรือเรียนรู้แบบสะสมหน่วยกิต ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของหลักสูตรต่อเนื่องเชื่อมโยง
2.2.2 การจัดการเรียนรู้ที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ: ครูมีความสามารถในการจัดการเรียน การสอนที่หลากหลายและตอบสนองความต้องการของผู้เรียนแต่ละบุคคลมากขึ้น เช่น การใช้เทคโนโลยีในการจัดการเรียนรู้, การสอนที่เน้นการปฏิบัติ (active learning) และการส่งเสริม การเรียนรู้ตลอดชีวิต
2.2.3 การประเมินผลตามสภาพจริงและประเมินสมรรถนะ: ครูพัฒนาทักษะในการสร้างและใช้เครื่องมือประเมินผลที่หลากหลาย ทั้งการประเมินเพื่อพัฒนา (formative assessment) และการประเมินสรุปผล (summative assessment) รวมถึงการประเมินตามสมรรถนะที่แท้จริงของผู้เรียน เพื่อให้การรับรองหน่วยกิตมีความถูกต้องและน่าเชื่อถือ
2.3 ครูมีบทบาทและเป็นส่วนหนึ่งของการพัฒนา
กระบวนการ PIDRE+E ส่งเสริมให้ครูมีบทบาทในการ วางแผน (P) และ สะท้อนผล (R) การจัดการเรียนรู้ของตนเอง ครูไม่ได้เป็นเพียงผู้รับการนิเทศ แต่เป็นผู้ร่วมคิด ร่วมทำ และร่วมประเมิน ทำให้เกิดความรู้สึกเป็นเจ้าของและความผูกพันกับนวัตกรรม การเปิดโอกาสให้ครูได้แสดงความคิดเห็นและนำเสนอแนวทางการพัฒนา จะช่วยให้แผนการนิเทศและหลักสูตรมีความสมบูรณ์และสอดคล้องกับสภาพจริงมากยิ่งขึ้น
2.4 ครูได้รับการพัฒนาวิชาชีพอย่างต่อเนื่อง
การนิเทศแบบ PIDRE+E เป็นเสมือนกลไกการพัฒนาวิชาชีพของครูอย่างต่อเนื่องและเป็นระบบ (Development - D) ครูจะได้รับการอบรม, การโค้ช (coaching), และการเป็นพี่เลี้ยง (mentoring) อย่างสม่ำเสมอ ซึ่งช่วยยกระดับความรู้และทักษะให้ทันสมัยอยู่เสมอ การประเมิน (Evaluation - E) และการเสริมสร้างศักยภาพ ทำให้ครูรับทราบจุดเด่นและจุดที่ต้องปรับปรุงของตนเอง นำไปสู่การพัฒนาตนเองอย่างมีเป้าหมาย
2.5 ครูมีขวัญกำลังใจและแรงจูงใจในการทำงาน
เมื่อครูได้รับโอกาสในการพัฒนาตนเองอย่างต่อเนื่อง มีส่วนร่วมในการออกแบบการเรียนรู้ และเห็นว่าการนิเทศเป็นไปเพื่อสนับสนุนการทำงานอย่างแท้จริง จะช่วยเพิ่ม ขวัญกำลังใจและแรงจูงใจในการทำงาน ทำให้ครูมีความมุ่งมั่นที่จะพัฒนาคุณภาพการจัดการเรียนรู้และส่งเสริมการเรียนรู้ของผู้เรียนอย่างเต็มศักยภาพ
2.6 ครูมีเครือข่ายการเรียนรู้และการแลกเปลี่ยนประสบการณ์
การนิเทศแบบ PIDRE+E มักจะส่งเสริมให้เกิดการสร้าง ชุมชนแห่งการเรียนรู้ (Professional Learning Community - PLC) ในครูผู้สอน ทำให้ครูมีโอกาสแลกเปลี่ยนความรู้ ประสบการณ์ ปัญหา และแนวทางการแก้ไขร่วมกัน ซึ่งช่วยขยายมุมมองและสร้างนวัตกรรมใหม่ ๆ ในการจัดการเรียนรู้
3. ผลที่เกิดกับผู้เรียน
3.1 ผู้เรียนมีโอกาสในการเข้าถึงการศึกษาที่หลากหลายและยืดหยุ่นมากขึ้น
3.1.1 มีทางเลือกที่หลากหลาย ผู้เรียนไม่ถูกจำกัดอยู่เพียงหลักสูตรแบบดั้งเดิม แต่สามารถเลือกเรียนโมดูลหรือรายวิชาที่สนใจได้ตามความต้องการและความถนัดของตนเอง รวมถึงสามารถเรียนรู้จากแหล่งเรียนรู้ที่หลากหลาย เช่น การเรียนรู้แบบออนไลน์ (MOOCs), ประสบการณ์จากการทำงาน, หรือการฝึกอบรมจากสถานประกอบการ
3.1.2 ยืดหยุ่นในการจัดการเวลาเรียน ระบบธนาคารหน่วยกิตช่วยให้ผู้เรียนสามารถสะสมหน่วยกิตได้ตามความพร้อมและเงื่อนไขชีวิต ทำให้การเรียนรู้ไม่ถูกจำกัดด้วยกรอบเวลาหรือตารางเรียนที่ตายตัว เหมาะสำหรับผู้ที่ทำงานไปด้วยเรียนไปด้วย หรือผู้ที่ต้องการพัฒนาทักษะเฉพาะด้าน
3.2 ผู้เรียนสามารถเรียนรู้ได้ตลอดชีวิต (Lifelong Learning)
3.2.1 การพัฒนาตนเองอย่างต่อเนื่อง ด้วยระบบธนาคารหน่วยกิต ผู้เรียนสามารถเก็บสะสมหน่วยกิตที่ได้จากการเรียนรู้ในแต่ละช่วงเวลาของชีวิต เมื่อต้องการยกระดับวุฒิการศึกษาหรือเปลี่ยนสายอาชีพ ก็สามารถนำหน่วยกิตที่สะสมไว้มาเทียบโอนได้ ทำให้เกิดการเรียนรู้และพัฒนาตนเองอย่างไม่มีที่สิ้นสุด
3.2.2 ตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงของโลก ผู้เรียนสามารถเติมเต็มทักษะใหม่ ๆ ที่
จำเป็นต่อตลาดแรงงานที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว โดยไม่จำเป็นต้องกลับเข้าสู่ระบบการศึกษาเต็มเวลาอีกครั้ง
3.3 ผู้เรียนมีทักษะและสมรรถนะที่ตรงตามความต้องการของตลาดแรงงาน
3.3.1 เน้นการพัฒนาสมรรถนะ หลักสูตรที่พัฒนาภายใต้การนิเทศแบบ PIDRE+E มักจะเน้นการพัฒนาสมรรถนะที่แท้จริงของผู้เรียน ทำให้ผู้เรียนมีทักษะที่สามารถนำไปใช้ในการประกอบอาชีพได้จริงและเป็นที่ต้องการของสถานประกอบการ
3.3.2 เชื่อมโยงกับการทำงาน การที่สามารถเทียบโอนประสบการณ์จากการทำงานเป็นหน่วยกิตได้ ทำให้ผู้เรียนเห็นความเชื่อมโยงระหว่างการเรียนรู้กับการทำงาน และสามารถนำความรู้จากห้องเรียนไปประยุกต์ใช้ในสถานการณ์จริงได้ดียิ่งขึ้น
3.4 ผู้เรียนมีเส้นทางอาชีพที่ชัดเจนและหลากหลาย
3.4.1 วางแผนการศึกษาและอาชีพ ผู้เรียนสามารถวางแผนเส้นทางการศึกษาและอาชีพของตนเองได้อย่างยืดหยุ่นและเป็นอิสระมากขึ้น โดยสามารถเลือกสะสมหน่วยกิตในสาขาที่สนใจเพื่อนำไปสู่คุณวุฒิที่ต้องการ หรือเพื่อต่อยอดความก้าวหน้าในอาชีพ
3.4.2 ลดอุปสรรคในการศึกษาต่อ การเทียบโอนหน่วยกิตที่สะสมมาได้ช่วยลดเวลาและ
ค่าใช้จ่ายในการเรียนซ้ำในรายวิชาที่เคยเรียนมาแล้ว ทำให้ผู้เรียนมีแรงจูงใจในการศึกษาต่อหรือพัฒนาทักษะเพิ่มขึ้น
3.5 ผู้เรียนมีส่วนร่วมในการเรียนรู้มากขึ้น
3.5.1 ความเป็นเจ้าของการเรียนรู้ เมื่อผู้เรียนมีทางเลือกและมีอิสระในการออกแบบเส้นทางการเรียนรู้ของตนเอง จะเกิดความรู้สึกเป็นเจ้าของการเรียนรู้และมีความกระตือรือร้นในการแสวงหาความรู้ด้วยตนเองมากขึ้น
3.5.2 การพัฒนาทักษะการเรียนรู้ด้วยตนเอง ด้วยการจัดการเรียนรู้ที่ยืดหยุ่น ผู้เรียนจะได้รับการส่งเสริมให้พัฒนาทักษะการเรียนรู้ด้วยตนเอง การจัดการตนเอง และการแก้ปัญหา ซึ่งเป็นทักษะสำคัญสำหรับศตวรรษที่ 21