ค้นหาทุกอย่างในเว็บครูบ้านนอก :
ชุมชนครู บุคลากรทางการศึกษา และนักเรียน แหล่งความรู้สำหรับครู นักเรียน ข่าวการศึกษา ห้องสมุดความรู้ทุกกลุ่มสาระการเรียนรู้ และความรู้ทั่วไป เผยแพร่ผลงานวิชาการ ที่นี่


ค้นหากระทู้
ตั้งกระทู้คำถามใหม่ กลับหน้าที่แล้ว
 
Advertisement

การนิเทศแบบ PIDRE+E เพื่อพัฒนาหลักสูตรต่อเนื่องเชื่อมโยง (รูปแบบการเก็บสะสมหน่วยกิตการศึกษาในระบบ) ส่งเสริมการขับเคลื่อนระบบธนาคารหน่วยกิต

1. ความเป็นมาและสภาพปัญหา

นโยบายการศึกษาไทยปัจจุบันที่มีเป้าหมายหลักในการส่งเสริมการเรียนรู้ตลอดชีวิต (Lifelong Learning) และการลดความเหลื่อมล้ำทางการศึกษา มุ่งเน้นการพัฒนาผู้เรียนให้มีความรู้ ทักษะและคุณลักษณะที่จำเป็นสำหรับการต่อยอดด้านอาชีพ และการดำรงชีวิตในศตวรรษที่ 21 ทำให้ระบบธนาคารหน่วยกิต (Credit Bank) สำหรับระดับการศึกษาขั้นพื้นฐานจึงเป็นกลไกสำคัญที่จะช่วยให้การศึกษาเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ และสอดคล้องกับความต้องการของผู้เรียน ตลาดแรงงาน และการเปลี่ยนแปลงในยุคดิจิทัลในศตวรรษที่ 21

ระบบธนาคารหน่วยกิตหรือระบบการสะสมหน่วยการเรียนรู้(Credit Bank System: CBS) เป็นระบบที่เปิดโอกาสให้ผู้เรียนสามารถนำผลการเรียนที่ได้จากการเรียน หรือผลการเรียนรู้ที่ได้จากการทำงาน การฝึกอบรมทั้งในระบบ นอกระบบ และตามอัธยาศัยที่สะสมไว้มาเทียบโอนเพื่อการเรียนรู้ในระดับที่สูงขึ้น เพิ่มวุฒิ หรือเพิ่มประสบการณ์ในการทำงาน ผู้เรียนสามารถเข้ามาเรียนใหม่ได้ตลอดเวลา โดยไม่จำกัดอายุทำให้ลดข้อจำกัดของผู้เรียน โดยระบบธนาคารหน่วยกิตแบ่งออกเป็น ระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน การศึกษาระดับอาชีวศึกษา ต่ำกว่าปริญญาตรีและระดับอุดมศึกษา (Office of the Secretariat of the Council of Education, 2016; Office of the Secretariat of the Council of Education, 2017a) พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ.2542 และที่แก้ไขเพิ่มเติม ฉบับที่ 2 พ.ศ.2545 ได้กำหนดเรื่อง การเทียบโอนผลการเรียนในมาตรา 15 ว่า “การจัดการศึกษามีสามรูปแบบ คือ การศึกษาในระบบ การศึกษานอกระบบ และการศึกษาตามอัธยาศัย โดยให้มีการเทียบโอนผลการเรียนที่ผู้เรียนสะสมไว้ในระหว่างรูปแบบ เดียวกันหรือต่างรูปแบบได้ไม่ว่าจะเป็นผลการเรียนจากสถานศึกษาเดียวกันหรือไม่ก็ตาม รวมทั้งจากการเรียนรู้นอกระบบตามอัธยาศัย การฝึกอาชีพหรือจากประสบการณ์ การทำงาน” (National Education Act 1999, 1999; National Education Act (No.2), B.E. 2545., 2002) รวมถึง ประกาศกระทรวงศึกษาธิการ เมื่อวันที่ 13 ตุลาคม พ.ศ.2546 เรื่อง การเทียบโอนผลการเรียนการศึกษา ขั้นพื้นฐานและการศึกษาระดับอุดมศึกษาต่ำกว่าปริญญา เพื่อเป็นแนวทางการเทียบโอนผลการเรียนของหน่วยงาน สถานศึกษาต่าง ๆ และกรอบคุณวุฒิแห่งชาติเป็นกรอบแนวทางการเชื่อมโยงผลการเรียนรู้กับสมรรถนะในการปฏิบัติงานขึ้น เมื่อปี พ.ศ.2556 โดยกำหนดกรอบคุณวุฒิ 9 ระดับ คือ ระดับ 1 มัธยมศึกษาตอนต้น ระดับ 2 มัธยมศึกษาตอนปลาย ระดับ 3 ประกาศนียบัตร ระดับ 4 อนุปริญญา/ประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง (ปวส.) ระดับ 5 ปริญญาตรีระดับ 6 ประกาศนียบัตรบัณฑิต ระดับ 7 ปริญญาโท ระดับ 8 ประกาศนียบัตรบัณฑิตชั้นสูง และ ระดับ 9 ปริญญาเอก (Office of the Secretariat of the Council of Education, 2017a)

การกำหนดให้ระบบการเทียบโอนต้องเทียบเคียง หรือเชื่อมโยงกับกรอบคุณวุฒิแห่งชาติ จัดเป็นกลไกหลักในการขับเคลื่อนระบบธนาคารหน่วยกิตของประเทศให้มีมาตรฐานและมีคุณภาพ รวมถึงสนองความต้องการในการพัฒนากำลังคนของประเทศ เนื่องจากกรอบคุณวุฒิแห่งชาติจัดทำขึ้นเพื่อเป็นกลไกการปฏิรูปการศึกษา ด้วยการเชื่อมโยงความต้องการกำลังคนเชิงคุณภาพของภาคการผลิตและบริการกับระบบคุณวุฒิทางการศึกษา ให้ก้าวทันการเปลี่ยนแปลงของโลกอาชีพ โดยใช้ระบบประกันคุณภาพและมาตรฐานการศึกษา อันเป็นการยกระดับคุณภาพการศึกษาให้มีความเป็นสากล โปร่งใส และเทียบเคียงได้กับนานาชาติ ส่งเสริมการเรียนรู้ตลอดชีวิต (Lifelong Learning) และการเพิ่มโอกาสการศึกษา (Widening Education Participation) รวมถึงยกระดับคุณค่าของผู้มีความสามารถหรือสมรรถนะในการปฏิบัติงานที่ต้องการเพิ่มพูนคุณวุฒิการศึกษาด้วยระบบการเทียบโอนประสบการณ์และความรู้ที่มีอยู่ก่อน (Recognition of Prior Learning : RPL) รวมทั้งการเชื่อมโยงเส้นทางการเรียนรู้และความก้าวหน้าในอาชีพที่หลากหลาย (สำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา, 2560ก)

สำนักงานศึกษาธิการจังหวัดนครปฐมเห็นถึงความสำคัญของปัญหาดังกล่าวจึงดำเนินการโครงการส่งเสริมการดำเนินงานธนาคารหน่วยกิตและพัฒนาหลักสูตรต่อเนื่องเชื่อมโยงการศึกษาขั้นพื้นฐานกับอาชีวศึกษาและอุดมศึกษาขึ้น 1) ด้านการประชาสัมพันธ์ให้ทุกภาคส่วนได้รับทราบและเข้าถึงระบบธนาคารหน่วยกิตแห่งชาติ 2) ด้านการกำกับติดตาม ตรวจสอบ สถาบันการศึกษา หน่วยงาน องค์กรจัดการศึกษาระดับจังหวัด ทุกระดับและทุกประเภทการศึกษาระดับจังหวัด

วัตถุประสงค์และเป้าหมายการพัฒนา

เพื่อพัฒนาหลักสูตรต่อเนื่องเชื่อมโยง (รูปแบบการเก็บสะสมหน่วยกิตการศึกษาในระบบ) ส่งเสริมการขับเคลื่อนระบบธนาคารหน่วยกิต การนิเทศแบบ PIDRE+E

การออกแบบแนวทางการพัฒนา

ขั้นที่ 1 (P-Plan) ขั้นการวางแผนการนิเทศ

เป็นขั้นศึกษาข้อมูลพื้นฐาน โดย ศึกษาสภาพปัจจุบันปัญหา รวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูลรวมถึงรูปแบบการดำเนินงานธนาคารหน่วยกิตแต่ละสังกัด ประกอบด้วยกิจกรรมดังนี้

1.1 ศึกษาข้อมูลพื้นฐาน เช่น ความต้องการของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับสถานศึกษาขั้นพื้นฐานในการจัดทำระบบของธนาคารหน่วยกิตระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน

1.2 ผู้นิเทศนำข้อมูลที่ได้จากการสำรวจ สภาพปัญหาและความต้องการในการดำเนินงาน

1.3 ผู้นิเทศนำข้อมูลที่ได้จากการสังเคราะห์สภาพปัญหามาใช้ในการจัดทำ 1) คู่มือการนิเทศโดยใช้กระบวนการนิเทศแบบ PIDRE+E 2) แบบทดสอบวัดความรู้ความเข้าใจการดำเนินงานธนาคารหน่วยกิต 3) แบบสอบถามความพึงพอใจที่มีต่อกระบวนการนิเทศแบบ PIDRE+E การดำเนินงานธนาคารหน่วยกิต

1.4 กำหนดระยะเวลานิเทศ ทั้งรูปแบบนิเทศออนไลน์ และการนิเทศแบบลงพื้นที่

ตามความเหมาะสม

ขั้นที่ 2 (I-Information) ร่วมให้ความรู้นำสู่การปฏิบัติ

เป็นขั้นตอนให้องค์ความรู้โดยผู้นิเทศได้จัดอบรมเชิงปฏิบัติการให้ความรู้เกี่ยวกับการดำเนินงานเกี่ยวกับธนาคารหน่วยกิต การชี้แจงรูปแบบที่ 3 รูปแบบการเก็บสะสมหน่วยกิตการศึกษาในระบบ (โดยการพัฒนาหลักสูตรต่อเนื่องเชื่อมโยงกับหลักสูตรในระดับที่สูงกว่า) การออกแบบหลักสูตรต่อเนื่องเชื่อมโยง การเขียนแผนการจัดการเรียนรู้ จำนวน 2 วัน หลังการอบรมเชิงปฏิบัติการครูทำแบบทดสอบวัดความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการดำเนินงานเกี่ยวกับธนาคารหน่วยกิต การชี้แจงรูปแบบที่ 3 รูปแบบการเก็บสะสมหน่วยกิตการศึกษาในระบบ (โดยการพัฒนาหลักสูตรต่อเนื่องเชื่อมโยงกับหลักสูตรในระดับที่สูงกว่า) การออกแบบหลักสูตรต่อเนื่องเชื่อมโยง การเขียนแผนการจัดการเรียนรู้ การอบรมเชิงปฏิบัติการ มี 2 กิจกรรม คือ

กิจกรรมที่ 1 ให้ความรู้ความเข้าใจแก่กลุ่มเป้าหมาย จะต้องคำนึงถึง

1. เป้าหมายของกิจกรรม คือ ให้ความรู้แก่กลุ่มเป้าหมายในการออกแบบหลักสูตรต่อเนื่องเชื่อมโยง การเขียนแผนการจัดการเรียนรู้ การจัดการเรียนรู้

2. ผู้เกี่ยวข้อง ประกอบด้วย ศึกษานิเทศก์ วิทยากรเครือข่ายท้องถิ่น

3. การดำเนินการ ศึกษานิเทศก์ร่วมกับวิทยากรเครือข่ายท้องถิ่นที่เชี่ยวชาญด้านการจัดการเรียนรู้มาให้ความรู้แก่ครูผู้สอน

กิจกรรมที่ 2 การเขียนแผนการจัดการเรียนรู้และการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ จะต้องคำนึงถึง

1. เป้าหมายของกิจกรรม คือให้กลุ่มเป้าหมายสามารถเขียนแผนการจัดการเรียนรู้และสามารถจัดการเรียนรู้ได้

2. ผู้เกี่ยวข้อง ประกอบด้วย ศึกษานิเทศก์ วิทยากรเครือข่ายท้องถิ่น

3. การดำเนินการ เมื่อกลุ่มเป้าหมายได้รับความรู้จากการอบรมเชิงปฏิบัติการแล้ว ให้เขียนแผนการจัดการเรียนรู้ และทดลองจัดการเรียนรู้

วิธีการเก็บรวบรวมข้อมูล

1. การสังเกต สัมภาษณ์ครูและการทดสอบก่อนและหลัง อบรมเชิงปฏิบัติการ

2. เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูล ได้แก่ แบบสังเกต แบบสัมภาษณ์และแบบทดสอบก่อนและหลังการอบรมเชิงปฏิบัติการ

ขั้นที่ 3 (D-Doing) ดำเนินการปฏิบัติ

เป็นขั้นขับเคลื่อนการดำเนินงานนิเทศติดตามและประเมินผลการจัดการศึกษา โดยครูผู้สอนที่เข้ารับการอบรมนำความรู้ที่ได้รับ รวมทั้งเครื่องมือต่างๆไปใช้จัดการเรียนการสอน โดยมีกิจกรรมดังนี้

3.1 ให้โรงเรียนดำเนินการขับเคลื่อนการดำเนินงานส่งเสริมการจัดการเรียนรู้ตามแนวทางที่กำหนดไว้

3.2 นิเทศ ติดตาม การดำเนินงานของโรงเรียนโดยผู้นิเทศได้แจ้งให้ผู้รับการนิเทศที่เป็นกลุ่มเป้าหมายทราบถึงกำหนดการนิเทศ ทั้งนี้การดำเนินการนิเทศแบ่งออกเป็น 2 รูปแบบ คือ การนิเทศแบบรายบุคคล และการนิเทศแบบกลุ่ม ดังนี้

3.2.1 การนิเทศแบบรายบุคคล ตามปฏิทินการนิเทศ แบ่งออกแบบ 3 ระยะ

ระยะที่ 1 นิเทศเพื่อการพัฒนางาน โดยกำหนดให้ผู้รับการนิเทศกำหนดส่งแผนการจัดการเรียนรู้เชิงรุกตามแนวทางที่ได้รับการอบรมและแหล่งเรียนรู้ออนไลน์ ผู้นิเทศให้คำแนะนำและทบทวนความรู้ผ่านระบบออนไลน์

ระยะที่ 2 นิเทศเพื่อเยี่ยมชั้นเรียน เป็นการนิเทศตามปฏิทินการนิเทศ โดยการเยี่ยมชั้นเรียน การสังเกตและบันทึกคลิปวิดีโอการจัดการเรียนรู้ และการใช้สื่อประกอบการจัดกิจกรรมการเรียนรู้

ระยะที่ 3 นิเทศเพื่อปรับปรุงงาน เป็นการนิเทศแบบออนไลน์ โดยสะท้อนผลการนิเทศ จากคลิปวิดีโอ จุดเด่น จุดด้อย ที่ผู้รับการนิเทศสะท้อนตนเอง ผู้นิเทศให้ข้อชี้แนะและให้คำแนะนำในการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ที่สอดคล้องกับแผนการจัดการเรียนรู้ได้อย่างเหมาะสม โดยการนิเทศแบบรายบุคคล

ระยะที่ 1-3 ผู้นิเทศได้ใช้เทคนิคการนิเทศแบบผสมผสาน คือการนิเทศแบบชี้แนะ การนิเทศแบบกัลยาณมิตร รวมทั้งการนิเทศผ่านช่องทางสื่อสารทางเครือข่ายออนไลน์ เพื่อให้ความช่วยเหลือ ชี้แนะและให้คำแนะนำเกี่ยวกับการออกแบบกิจกรรมการเรียนรู้ แผนการจัดการเรียนรู้ และกิจกรรมการเรียนรู้ในห้องเรียน

3.2.2 การนิเทศแบบกลุ่ม (ภาคเรียนละ 1 ครั้ง) โดยใช้กระบวนการของชุมชุมแห่งการเรียนรู้ทางวิชาชีพ (PLC) ดำเนินการสอนงานแบบพี่เลี้ยงโดยมีขั้นตอน ดังนี้

ขั้นที่ 1 การวางแผนจัดการเรียนรู้ เป็นขั้นที่ชุมชนการเรียนรู้ทางวิชาชีพประกอบด้วย ครูผู้สอน ศึกษานิเทศก์ ร่วมกับผู้บริหารโรงเรียน ร่วมกันวางแผนให้การชี้แนะ ให้คำปรึกษาในการออกแบบการเรียนรู้และเขียนแผนการจัดการเรียนรู้ วางแผนเรื่องการจัดการชั้นเรียน และการเตรียมสื่อการเรียนรู้ในชั้นเรียน

ขั้นที่ 2 ปฏิบัติและสังเกตการณ์ นำแผนการจัดการเรียนรู้ที่สร้างไปปฏิบัติ

จัดการเรียนรู้โดยมีชุมชนแห่งการเรียนรู้ทางวิชาชีพ ร่วมสังเกตการณ์ ผู้รับการนิเทศเขียนบันทึกหลังจัดกิจกรรม ในขั้นนี้ผู้รับการนิเทศจะได้บทเรียนเกี่ยวกับการปฏิบัติการจัดกิจกรรมการเรียนรู้

ขั้นที่ 3 การสะท้อนคิด คณะนิเทศสะท้อนความคิดโดยผู้รับการนิเทศ

เป็นผู้สะท้อนความคิดเกี่ยวกับความสำเร็จ จุดเด่น จุดที่ต้องการแก้ใช้ในการจัดการเรียนรู้เพื่อพัฒนาทักษะกระบวนการสืบเสาะผู้เรียนในครั้งนี้ และคณะนิเทศร่วมกันสะท้อนความคิดทั้งจุดเด่น จุดด้อย ปัญหา อุปสรรค รวมทั้งแนะนำวิธีการแก้ปัญหา เน้นการนิเทศแบบกัลยาณมิตร ในขั้นนี้ ผู้รับการนิเทศจะได้บทเรียน คือ ประสบการณ์เพื่อการปรับปรุงและพัฒนา

ขั้นที่ 4 ขั้นปรับปรุงใหม่ ผู้นิเทศแนะนำให้ผู้รับการนิเทศปรับแก้ไขแผนการจัดการเรียนรู้และกระบวนการจัดการเรียนรู้เชิงรุก

ขั้นที่ 5 จัดการเรียนรู้ใหม่และทำวิจัย ผู้รับการนิเทศนำแผนการจัดการเรียนรู้ จากการได้รับการแก้ไขในขั้นที่ 4 ไปปฏิบัติการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ใหม่ โดย ผู้นิเทศจะบันทึกคลิปวิดีโอ (หลังการพัฒนา) ผู้รับการนิเทศจะได้นวัตกรรมการเรียนรู้ จากการทดลองหรือเรียกว่า ทำวิจัย เนื่องจากทำในชั้นเรียนเพื่อพัฒนาการเรียนรู้ ดังนั้น จึงเรียกวิจัยนี้ว่าการวิจัยปฏิบัติการในขั้นเรียน (Classroom Action Research) ในชั้นนี้ผู้รับการนิเทศจะได้รับบทเรียน คือนวัตกรรมการจัดกิจกรรมการเรียนรู้จากการวิจัยในห้องเรียน

3.3 ประเมินผลการจัดกิจกรรมโดยครูผู้สอนประเมินผู้เรียนจากการทำโครงงาน คณะกรรมการนิเทศจาก ศธจ.นครปฐม เป็นผู้ประเมินครูผู้สอนเกี่ยวกับความสามารถในการจัดกิจกรรมการเรียนรู้

3.4 ครูผู้สอนรายงานผลการจัดกิจกรรมการเรียนรู้

ขั้นที่ 4 (R-Reinforcing) การสร้างเสริมกำลังใจให้แก่ผู้รับการนิเทศ

ผู้นิเทศได้เสริมสร้างกำลังใจให้แก่ผู้รับการนิเทศ โดยแบ่งออกเป็น 2 ระยะ คือ

ระยะที่ 1 การให้กำลังใจในระหว่างการปฏิบัติการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ โดยผู้นิเทศได้

สนับสนุน ชื่นชม และให้กำลังใจแก่ผู้รับการนิเทศ ในระหว่างที่ผู้รับการนิเทศดำเนินการตามแผนการจัดการเรียนรู้ที่ได้พัฒนาขึ้นพร้อมกันนี้มี การนิเทศแบบเสริมพลัง (Empowerment) เสริมพลัง ทั้งพลังใจ พลังสมองและพลังการปฏิบัติงานเพราะการเสริมพลังอำนาจเป็นการพัฒนาศักยภาพของครูให้สามารถทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ โดยช่วยให้ครูเปลี่ยนโลกทัศน์เกี่ยวกับการมองตนเองและสังคมอย่างสร้างสรรค์ คือ รู้สึกว่าตนเองมีคุณค่า มีความสามารถ และสามารถเปลี่ยนแปลงการทำงานของตนให้ดีขึ้นเพื่อเกิดประโยชน์ต่อสังคมได้ เป็นกระบวนการทางสังคมที่แสดงให้เห็นถึงการยอมรับ ส่งเสริมและพัฒนาควานสามารถของครู ในการแก้ปัญหาด้วยตนเองสามารถใช้ทรัพยากรที่จำเป็นในการดำรงชีวิต (ดำเนินการพร้อมกันในชั้นปฏิบัติการนิเทศ)

ระยะที่ 2 มอบรางวัลและเกียรติบัตร หลังจากผู้รับการนิเทศและส่งโครงงานกระบวนการสืบเสาะเพื่อขอรับตราพระราชทานบ้านนักวิทยาศาสตร์น้อย มีการถอดบทเรียนร่วมแลกเปลี่ยนเรียนรู้การจัดกิจกรรมการเรียนรู้และการจัดทำโครงงานกระบวนการสืบเสาะผ่านระบบออนไลน์

ขั้นที่ 5 (E-Evaluating) ประเมินผล เป็นขั้นประเมินผลการดำเนินงานโดยมีกิจกรรมดังนี้

5.1 โรงเรียนรายงานผลการจัดกิจกรรมและโครงงานมายังสำนักงานศึกษาธิการจังหวัดนครปฐม

5.2 สำนักงานศึกษาธิการจังหวัดนครปฐม ตั้งคณะกรรมการประเมินผลการจัดกิจกรรมและโครงงาน

5.3 คณะกรรมการนิเทศติดตามและประเมินผลสรุปและรายงานผลการดำเนินงาน การส่งเสริมการจัดการเรียนรู้ของครูผู้สอน ตามแบบนิเทศติดตาม ประเด็นปัญหา อุปสรรคในการดำเนินงานและสะท้อนผลการนิเทศ จากการรับการนิเทศรวมถึงความพึงพอใจในการดำเนินงานของโรงเรียนและข้อเสนอแนะต่างๆให้รับรู้และสามารถนำผลการนิเทศไปใช้ในการแก้ปัญหาต่อไป

ขั้นที่ 6 (E-Expand) เครือข่าย ครูผู้สอนที่รับการนิเทศจับคู่กับครูในระดับชั้นอื่นเพื่อขยายผลการจัดการเรียนรู้ โด ผู้นิเทศทำหน้าที่ค่อยชี้แนะ แนะนำ

เป็นพี่เลี้ยงให้ โดยมีขั้นตอนดังนี้

ขั้นที่ 1: จับคู่ครูต่างระดับชั้น

เริ่มต้นด้วยการจับคู่ครูจากระดับชั้นอื่นหรือวิชาต่าง ๆ เพื่อส่งเสริมการแลกเปลี่ยนประสบการณ์และแนวคิดในการจัดการเรียนรู้ ครูแต่ละคนจะมีบทบาทเป็นทั้งผู้ให้คำปรึกษาและผู้รับการนิเทศ เพื่อสร้างความร่วมมือที่เข้มแข็งและเป็นกัลยาณมิตรในการพัฒนา

ขั้นที่ 2: วางแผนการจัดการเรียนรู้ร่วมกัน

ในขั้นนี้ ครูทั้งสองจะร่วมกันออกแบบแผนการเรียนรู้เชิงรุก โดยมีการให้คำปรึกษาและแนะนำแนวทางที่เหมาะสม ครูจะวางแผนเรื่องการจัดการชั้นเรียน การออกแบบกิจกรรมการเรียนรู้ และการเตรียมสื่อการสอน เพื่อให้กิจกรรมมีความน่าสนใจและกระตุ้นการมีส่วนร่วมของผู้เรียน

ขั้นที่ 3: ปฏิบัติการและสังเกตการณ์

นำแผนการจัดการเรียนรู้ที่ออกแบบไว้ไปปฏิบัติจริงในห้องเรียน โดยมี ชุมชนแห่งการเรียนรู้ทางวิชาชีพ (Professional Learning Community: PLC) เข้าร่วมสังเกตการณ์ การบันทึกผลการเรียนรู้หลังจัดกิจกรรมจะช่วยให้ครูผู้รับการนิเทศได้บทเรียนจากประสบการณ์ตรงในการจัดการเรียนการสอน รวมถึงพัฒนาทักษะด้านการจัดการชั้นเรียนและการแก้ปัญหาเฉพาะหน้า

ขั้นที่ 4: สะท้อนคิดและแลกเปลี่ยนความคิดเห็น

หลังจากปฏิบัติการสอน ครูคู่บัดดี้จะร่วมกันสะท้อนความคิดเกี่ยวกับความสำเร็จ จุดเด่น และปัญหาที่พบ โดยเน้นการสะท้อนแบบกัลยาณมิตร ครูผู้รับการนิเทศและคู่บัดดี้จะช่วยกันวิเคราะห์แนวทางการปรับปรุง พร้อมแนะนำวิธีแก้ไขปัญหา เพื่อเสริมทักษะการสอนเพื่อพัฒนาผู้เรียน ในขั้นนี้ ครูทั้งสองจะได้รับบทเรียนสำคัญจากประสบการณ์จริงที่สามารถนำไปปรับใช้ในการสอนต่อไป

ขั้นที่ 5: ปรับปรุงและพัฒนาแผนการจัดการเรียนรู้

ครูผู้รับการนิเทศจะนำข้อเสนอแนะจากขั้นสะท้อนคิดไปปรับปรุงแผนการเรียนรู้และแนวทางการจัดกิจกรรมใหม่ เพื่อให้เหมาะสมยิ่งขึ้นและตอบโจทย์ความต้องการของผู้เรียนมากขึ้น

ขั้นที่ 6: ทดลองสอนใหม่และทำวิจัยปฏิบัติการในชั้นเรียน

ในขั้นสุดท้าย ครูคู่บัดดี้จะนำแผนการเรียนรู้ที่ได้รับการปรับปรุงไปทดลองสอนใหม่ พร้อมบันทึกกระบวนการและผลลัพธ์เป็นวิดีโอ หลังจากการพัฒนาและทดลอง ครูจะสร้างนวัตกรรมทางการเรียนรู้ใหม่ ๆ ผ่าน วิจัยปฏิบัติการในชั้นเรียน (Classroom Action Research) ซึ่งเป็นการสรุปและวิเคราะห์กระบวนการที่เกิดขึ้น เพื่อนำไปพัฒนาต่อยอดสู่การสอนที่มีคุณภาพสูงยิ่งขึ้น

หมายเหตุ : ในขั้นนี้ผู้นิเทศทำหน้าที่เป็นพี่เลี้ยง ชี้แนะ และแนะนำครูผู้รับการนิเทศ

1. ผลที่เกิดกับสถานศึกษา

1.1 ด้านการพัฒนาหลักสูตรและการจัดการเรียนรู้

1.1.1 หลักสูตรมีความยืดหยุ่นและทันสมัย สถานศึกษาสามารถพัฒนาหลักสูตรที่

ตอบสนองความต้องการของผู้เรียนและตลาดแรงงานได้ดียิ่งขึ้น เปิดโอกาสให้มีการปรับปรุงหลักสูตรให้เชื่อมโยงกันระหว่างระดับการศึกษาหรือสาขาวิชาต่าง ๆ รวมถึงการนำผลลัพธ์การเรียนรู้จากประสบการณ์จริงมาเทียบโอนได้

1.1.2 กระบวนการเรียนรู้หลากหลายและเน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ การนิเทศช่วย

ส่งเสริมให้ครูผู้สอนเข้าใจและนำการจัดการเรียนรู้ที่หลากหลายมาใช้ เช่น การเรียนรู้แบบโมดูล (Modular Learning), การเรียนรู้ที่เน้นสมรรถนะ (Competency-Based Learning) ซึ่งเอื้อต่อการเก็บสะสมหน่วยกิตและตอบโจทย์ความแตกต่างของผู้เรียนแต่ละบุคคล

1.1.3 การประเมินผลการเรียนรู้มีประสิทธิภาพ: บุคลากรมีความเข้าใจในการ

ประเมินผลการเรียนรู้ตามสภาพจริงและประเมินตามสมรรถนะมากขึ้น ทำให้การรับรองและเทียบโอนหน่วยกิตเป็นไปอย่างโปร่งใสและยุติธรรม

1.2 ด้านการขับเคลื่อนและบริหารจัดการระบบธนาคารหน่วยกิต

1.2.1 ระบบธนาคารหน่วยกิตเป็นรูปธรรมและใช้งานได้จริง สถานศึกษาสามารถพัฒนาระบบทะเบียนสะสมหน่วยกิตและกลไกการเทียบโอนผลการเรียนได้อย่างเป็นระบบ ตั้งแต่การกำหนดหลักเกณฑ์ที่ชัดเจน ไปจนถึงการมีระบบสารสนเทศที่รองรับ ทำให้การบริหารจัดการหน่วยกิตมีประสิทธิภาพ

1.2.2 เพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการ ผู้บริหารและบุคลากรมีความเข้าใจในบทบาทและหน้าที่เกี่ยวกับการบริหารจัดการระบบธนาคารหน่วยกิต ทำให้เกิดการทำงานที่เป็นทีมและบูรณาการระหว่างหน่วยงานภายในและภายนอก

1.2.3 สร้างเครือข่ายความร่วมมือ การขับเคลื่อนระบบธนาคารหน่วยกิตส่งเสริมให้สถานศึกษาขยายความร่วมมือกับสถาบันการศึกษาอื่น ๆ, สถานประกอบการ, และหน่วยงานภาครัฐ/เอกชน เพื่อให้เกิดการยอมรับและเทียบโอนหน่วยกิตข้ามสถาบัน/องค์กรได้ง่ายขึ้น

1.3 ด้านบุคลากรและการพัฒนาศักยภาพ

1.3.1 ครูและบุคลากรมีสมรรถนะสูงขึ้น การนิเทศแบบ PIDRE+E ที่เน้นการพัฒนา และการเสริมสร้างศักยภาพ ทำให้ครูผู้สอนและบุคลากรที่เกี่ยวข้องมีความรู้ ความเข้าใจ และทักษะที่จำเป็นในการจัดการเรียนรู้ตามแนวทางของหลักสูตรต่อเนื่องเชื่อมโยงและระบบธนาคารหน่วยกิต เช่น การออกแบบหลักสูตร การจัดการชั้นเรียน การประเมินผล และการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ

1.3.2 เกิดวัฒนธรรมการเรียนรู้และการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง: การสะท้อนผล และการประเมินที่เป็นระบบส่งเสริมให้บุคลากรเกิดการเรียนรู้จากประสบการณ์ ปัญหา และความสำเร็จ นำไปสู่การปรับปรุงและพัฒนาตนเองอย่างสม่ำเสมอ

1.4 ด้านการสร้างโอกาสและภาพลักษณ์ของสถานศึกษา

1.4.1 เพิ่มโอกาสทางการศึกษาให้กับผู้เรียน สถานศึกษาสามารถตอบสนองความต้องการของผู้เรียนทุกช่วงวัย ไม่จำกัดเพศ อายุ วุฒิการศึกษา หรืออาชีพ ให้สามารถเข้าถึงการศึกษาและพัฒนาทักษะได้ตลอดชีวิต ซึ่งจะช่วยดึงดูดผู้เรียนกลุ่มใหม่ๆ ได้

1.4.2 ยกระดับคุณภาพผู้เรียนและบัณฑิต ผู้เรียนที่ผ่านระบบนี้จะมีทักษะและสมรรถนะที่ตรงกับความต้องการของตลาดแรงงานและสังคมมากขึ้น เนื่องจากสามารถเลือกเรียนในสิ่งที่สนใจและจำเป็นต่อการพัฒนาตนเอง

1.4.3 สร้างภาพลักษณ์ที่ดีและเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน การเป็น

สถานศึกษาที่ทันสมัย มีความยืดหยุ่น และมีระบบธนาคารหน่วยกิตที่เข้มแข็ง จะช่วยสร้างชื่อเสียงและเพิ่มความน่าเชื่อถือให้กับสถานศึกษาในฐานะ "องค์กรแห่งการเรียนรู้ตลอดชีวิต" ที่ตอบโจทย์การเปลี่ยนแปลงของโลก

2. ผลที่เกิดกับครูผู้สอน

2.1 ครูมีความรู้และเข้าใจในหลักสูตรใหม่มากขึ้น ครูผู้สอนจะได้รับความรู้และทำความเข้าใจ

เกี่ยวกับ หลักสูตรต่อเนื่องเชื่อมโยง และแนวคิดของ ธนาคารหน่วยกิต อย่างลึกซึ้งยิ่งขึ้น กระบวนการนิเทศแบบ PIDRE+E จะช่วยให้ครูเข้าใจถึง หลักการ และโครงสร้างของหลักสูตรที่เน้นความยืดหยุ่น การสะสมหน่วยกิต และการเทียบโอนผลการเรียนรู้

2.2 ครูมีทักษะและสมรรถนะในการจัดการเรียนรู้ที่หลากหลาย

2.2.1 การออกแบบการเรียนรู้แบบโมดูล ครูจะได้รับการพัฒนาทักษะในการออกแบบหน่วยการเรียนรู้หรือโมดูล (modules) ที่สามารถเรียนรู้ได้ด้วยตนเอง หรือเรียนรู้แบบสะสมหน่วยกิต ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของหลักสูตรต่อเนื่องเชื่อมโยง

2.2.2 การจัดการเรียนรู้ที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ: ครูมีความสามารถในการจัดการเรียน การสอนที่หลากหลายและตอบสนองความต้องการของผู้เรียนแต่ละบุคคลมากขึ้น เช่น การใช้เทคโนโลยีในการจัดการเรียนรู้, การสอนที่เน้นการปฏิบัติ (active learning) และการส่งเสริม การเรียนรู้ตลอดชีวิต

2.2.3 การประเมินผลตามสภาพจริงและประเมินสมรรถนะ: ครูพัฒนาทักษะในการสร้างและใช้เครื่องมือประเมินผลที่หลากหลาย ทั้งการประเมินเพื่อพัฒนา (formative assessment) และการประเมินสรุปผล (summative assessment) รวมถึงการประเมินตามสมรรถนะที่แท้จริงของผู้เรียน เพื่อให้การรับรองหน่วยกิตมีความถูกต้องและน่าเชื่อถือ

2.3 ครูมีบทบาทและเป็นส่วนหนึ่งของการพัฒนา

กระบวนการ PIDRE+E ส่งเสริมให้ครูมีบทบาทในการ วางแผน (P) และ สะท้อนผล (R) การจัดการเรียนรู้ของตนเอง ครูไม่ได้เป็นเพียงผู้รับการนิเทศ แต่เป็นผู้ร่วมคิด ร่วมทำ และร่วมประเมิน ทำให้เกิดความรู้สึกเป็นเจ้าของและความผูกพันกับนวัตกรรม การเปิดโอกาสให้ครูได้แสดงความคิดเห็นและนำเสนอแนวทางการพัฒนา จะช่วยให้แผนการนิเทศและหลักสูตรมีความสมบูรณ์และสอดคล้องกับสภาพจริงมากยิ่งขึ้น

2.4 ครูได้รับการพัฒนาวิชาชีพอย่างต่อเนื่อง

การนิเทศแบบ PIDRE+E เป็นเสมือนกลไกการพัฒนาวิชาชีพของครูอย่างต่อเนื่องและเป็นระบบ (Development - D) ครูจะได้รับการอบรม, การโค้ช (coaching), และการเป็นพี่เลี้ยง (mentoring) อย่างสม่ำเสมอ ซึ่งช่วยยกระดับความรู้และทักษะให้ทันสมัยอยู่เสมอ การประเมิน (Evaluation - E) และการเสริมสร้างศักยภาพ ทำให้ครูรับทราบจุดเด่นและจุดที่ต้องปรับปรุงของตนเอง นำไปสู่การพัฒนาตนเองอย่างมีเป้าหมาย

2.5 ครูมีขวัญกำลังใจและแรงจูงใจในการทำงาน

เมื่อครูได้รับโอกาสในการพัฒนาตนเองอย่างต่อเนื่อง มีส่วนร่วมในการออกแบบการเรียนรู้ และเห็นว่าการนิเทศเป็นไปเพื่อสนับสนุนการทำงานอย่างแท้จริง จะช่วยเพิ่ม ขวัญกำลังใจและแรงจูงใจในการทำงาน ทำให้ครูมีความมุ่งมั่นที่จะพัฒนาคุณภาพการจัดการเรียนรู้และส่งเสริมการเรียนรู้ของผู้เรียนอย่างเต็มศักยภาพ

2.6 ครูมีเครือข่ายการเรียนรู้และการแลกเปลี่ยนประสบการณ์

การนิเทศแบบ PIDRE+E มักจะส่งเสริมให้เกิดการสร้าง ชุมชนแห่งการเรียนรู้ (Professional Learning Community - PLC) ในครูผู้สอน ทำให้ครูมีโอกาสแลกเปลี่ยนความรู้ ประสบการณ์ ปัญหา และแนวทางการแก้ไขร่วมกัน ซึ่งช่วยขยายมุมมองและสร้างนวัตกรรมใหม่ ๆ ในการจัดการเรียนรู้

3. ผลที่เกิดกับผู้เรียน

3.1 ผู้เรียนมีโอกาสในการเข้าถึงการศึกษาที่หลากหลายและยืดหยุ่นมากขึ้น

3.1.1 มีทางเลือกที่หลากหลาย ผู้เรียนไม่ถูกจำกัดอยู่เพียงหลักสูตรแบบดั้งเดิม แต่สามารถเลือกเรียนโมดูลหรือรายวิชาที่สนใจได้ตามความต้องการและความถนัดของตนเอง รวมถึงสามารถเรียนรู้จากแหล่งเรียนรู้ที่หลากหลาย เช่น การเรียนรู้แบบออนไลน์ (MOOCs), ประสบการณ์จากการทำงาน, หรือการฝึกอบรมจากสถานประกอบการ

3.1.2 ยืดหยุ่นในการจัดการเวลาเรียน ระบบธนาคารหน่วยกิตช่วยให้ผู้เรียนสามารถสะสมหน่วยกิตได้ตามความพร้อมและเงื่อนไขชีวิต ทำให้การเรียนรู้ไม่ถูกจำกัดด้วยกรอบเวลาหรือตารางเรียนที่ตายตัว เหมาะสำหรับผู้ที่ทำงานไปด้วยเรียนไปด้วย หรือผู้ที่ต้องการพัฒนาทักษะเฉพาะด้าน

3.2 ผู้เรียนสามารถเรียนรู้ได้ตลอดชีวิต (Lifelong Learning)

3.2.1 การพัฒนาตนเองอย่างต่อเนื่อง ด้วยระบบธนาคารหน่วยกิต ผู้เรียนสามารถเก็บสะสมหน่วยกิตที่ได้จากการเรียนรู้ในแต่ละช่วงเวลาของชีวิต เมื่อต้องการยกระดับวุฒิการศึกษาหรือเปลี่ยนสายอาชีพ ก็สามารถนำหน่วยกิตที่สะสมไว้มาเทียบโอนได้ ทำให้เกิดการเรียนรู้และพัฒนาตนเองอย่างไม่มีที่สิ้นสุด

3.2.2 ตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงของโลก ผู้เรียนสามารถเติมเต็มทักษะใหม่ ๆ ที่

จำเป็นต่อตลาดแรงงานที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว โดยไม่จำเป็นต้องกลับเข้าสู่ระบบการศึกษาเต็มเวลาอีกครั้ง

3.3 ผู้เรียนมีทักษะและสมรรถนะที่ตรงตามความต้องการของตลาดแรงงาน

3.3.1 เน้นการพัฒนาสมรรถนะ หลักสูตรที่พัฒนาภายใต้การนิเทศแบบ PIDRE+E มักจะเน้นการพัฒนาสมรรถนะที่แท้จริงของผู้เรียน ทำให้ผู้เรียนมีทักษะที่สามารถนำไปใช้ในการประกอบอาชีพได้จริงและเป็นที่ต้องการของสถานประกอบการ

3.3.2 เชื่อมโยงกับการทำงาน การที่สามารถเทียบโอนประสบการณ์จากการทำงานเป็นหน่วยกิตได้ ทำให้ผู้เรียนเห็นความเชื่อมโยงระหว่างการเรียนรู้กับการทำงาน และสามารถนำความรู้จากห้องเรียนไปประยุกต์ใช้ในสถานการณ์จริงได้ดียิ่งขึ้น

3.4 ผู้เรียนมีเส้นทางอาชีพที่ชัดเจนและหลากหลาย

3.4.1 วางแผนการศึกษาและอาชีพ ผู้เรียนสามารถวางแผนเส้นทางการศึกษาและอาชีพของตนเองได้อย่างยืดหยุ่นและเป็นอิสระมากขึ้น โดยสามารถเลือกสะสมหน่วยกิตในสาขาที่สนใจเพื่อนำไปสู่คุณวุฒิที่ต้องการ หรือเพื่อต่อยอดความก้าวหน้าในอาชีพ

3.4.2 ลดอุปสรรคในการศึกษาต่อ การเทียบโอนหน่วยกิตที่สะสมมาได้ช่วยลดเวลาและ

ค่าใช้จ่ายในการเรียนซ้ำในรายวิชาที่เคยเรียนมาแล้ว ทำให้ผู้เรียนมีแรงจูงใจในการศึกษาต่อหรือพัฒนาทักษะเพิ่มขึ้น

3.5 ผู้เรียนมีส่วนร่วมในการเรียนรู้มากขึ้น

3.5.1 ความเป็นเจ้าของการเรียนรู้ เมื่อผู้เรียนมีทางเลือกและมีอิสระในการออกแบบเส้นทางการเรียนรู้ของตนเอง จะเกิดความรู้สึกเป็นเจ้าของการเรียนรู้และมีความกระตือรือร้นในการแสวงหาความรู้ด้วยตนเองมากขึ้น

3.5.2 การพัฒนาทักษะการเรียนรู้ด้วยตนเอง ด้วยการจัดการเรียนรู้ที่ยืดหยุ่น ผู้เรียนจะได้รับการส่งเสริมให้พัฒนาทักษะการเรียนรู้ด้วยตนเอง การจัดการตนเอง และการแก้ปัญหา ซึ่งเป็นทักษะสำคัญสำหรับศตวรรษที่ 21

โพสต์โดย ดร.จิรประวัติ : [22 ก.ย. 2568 (10:22 น.)]
อ่าน [58305] ไอพี : 101.51.159.218
หากข้อความนี้ไม่เหมาะสม คลิก คลิกปุ่มนี้ หากเห็นว่าข้อความนี้ไม่เหมาะสม
Advertisement

 
 

โปรดอ่านกฎกติกาก่อนแสดงความเห็น
1. ข้อความของท่านจะขึ้นแสดงโดยอัตโนมัติทันทีที่ได้รับข้อมูล
2.
ห้ามโพสต์ ข้อความยั่วยุให้เกิดความรุนแรงทางสังคม ข้อความที่ก่อให้เกิดความเสียหายและเสื่อมเสียต่อบุคคลที่สาม, เบอร์โทรศัพท์,
รูปภาพที่ไม่เหมาะสมต่อเยาวชนหรือภาพลามกอนาจาร หรือกระทบถึงสถาบันอันเป็นที่เคารพ
ขอให้ผู้ตั้งกระทู้รับผิดชอบตัวเอง
และรับผิดชอบต่อสังคม ถ้ารูปภาพ หรือข้อความใดส่งผลกระทบต่อบุคคลอื่น ทีมงานพร้อมจะส่งรายละเอียดให้เจ้าหน้าที่
เพื่อตามจับตัวผู้กระทำผิดต่อไป

3.
สมาชิกที่โพสต์สิ่งเหล่านี้ อาจถูกดำเนินคดีทางกฎหมายจากผู้เสียหายได้
4. ไม่อนุญาตให้มีการโฆษณาสินค้าใด ๆ ทั้งสิ้น ทั้งทางตรงและทางอ้อม
5. ทุกความคิดเห็นเป็นข้อความที่ทางผู้เยี่ยมชมเข้ามาร่วมตั้งกระทู้ในเว็บไซต์ ทางเว็บไซต์ kroobannok.com ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ ทั้งสิ้น
6. ทางทีมงานขอสงวนสิทธิ์ในการลบกระทู้ที่ไม่เหมาะสมได้ทันที โดยไม่ต้องมีการชี้แจงเหตุผลใดๆ ต่อเจ้าของความเห็นนั้นทั้งสิ้น

7. หากพบเห็นรูปภาพ หรือข้อความที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งมาที่อีเมล์ kornkham@hotmail.com เพื่อทำการลบออกจากระบบต่อไป


 ** พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.๒๕๕๐**

ขออภัยในความไม่สะดวก เนื่องจากเราประสบปัญหา
มีผู้โพสต์ข้อความที่หมิ่นเหม่และไม่เหมาะสมเป็นจำนวนมาก
ครูบ้านนอกดอทคอมจึงขอความร่วมมือสมาชิก
กรุณาเข้าสู่ระบบก่อนแสดงความเห็นครับ


  

สมัครสมาชิกใหม่
 

 

Advertisement

≡ เรื่องน่าอ่าน/สาระน่ารู้ ≡

เปิดอ่าน 52,858 ครั้ง
รับชมย้อนหลัง การประชุมทางไกลฯ ซักซ้อมความเข้าใจในการดำเนินการสอบแข่งขัน ครูผู้ช่วย ปี พ.ศ.2561
รับชมย้อนหลัง การประชุมทางไกลฯ ซักซ้อมความเข้าใจในการดำเนินการสอบแข่งขัน ครูผู้ช่วย ปี พ.ศ.2561

เปิดอ่าน 77,215 ครั้ง
รวมกฏกระทรวงศึกษาธิการ
รวมกฏกระทรวงศึกษาธิการ

เปิดอ่าน 16,087 ครั้ง
10 เหตุผลที่ลดเท่าไหร่น้ำหนักก็ไม่ลงสักที
10 เหตุผลที่ลดเท่าไหร่น้ำหนักก็ไม่ลงสักที

เปิดอ่าน 29,212 ครั้ง
องค์ประกอบของมัลติมีเดีย
องค์ประกอบของมัลติมีเดีย

เปิดอ่าน 11,974 ครั้ง
กินโป๊ยกั้กใส่"พะโล้"สู้ไข้หวัด
กินโป๊ยกั้กใส่"พะโล้"สู้ไข้หวัด

เปิดอ่าน 20,264 ครั้ง
ยุบ ศธจ.ศจภ? : การทับซ้อนของอำนาจบริหาร? โดย รองศาสตราจารย์ ดร.สมบัติ นพรัก
ยุบ ศธจ.ศจภ? : การทับซ้อนของอำนาจบริหาร? โดย รองศาสตราจารย์ ดร.สมบัติ นพรัก

เปิดอ่าน 11,750 ครั้ง
5 เทคโนโลยีสำคัญในปี 2559
5 เทคโนโลยีสำคัญในปี 2559

เปิดอ่าน 13,895 ครั้ง
การนำหลักคณิตศาสตร์ มาเล่นกับตัวเลข ให้กลายเป็นสิ่งที่น่าทึ่งที่สุด ชมคลิป
การนำหลักคณิตศาสตร์ มาเล่นกับตัวเลข ให้กลายเป็นสิ่งที่น่าทึ่งที่สุด ชมคลิป

เปิดอ่าน 26,754 ครั้ง
รู้หรือเปล่าว่าปลาร้าเกิดขึ้นมาตั้งแต่เมื่อไหร่?
รู้หรือเปล่าว่าปลาร้าเกิดขึ้นมาตั้งแต่เมื่อไหร่?

เปิดอ่าน 15,176 ครั้ง
คนจีนแห่เที่ยวไทย ตามรอยหนังดัง Lost in Thailand ชมตัวอย่างหนังเรื่องนี้กันเลย
คนจีนแห่เที่ยวไทย ตามรอยหนังดัง Lost in Thailand ชมตัวอย่างหนังเรื่องนี้กันเลย

เปิดอ่าน 796 ครั้ง
5 วิธีป้องกันมิจฉาชีพ ไม่เสียรู้จนเสียทรัพย์ !
5 วิธีป้องกันมิจฉาชีพ ไม่เสียรู้จนเสียทรัพย์ !

เปิดอ่าน 15,086 ครั้ง
พจนานุกรมตัวชี้วัดการประเมินผลการจัดการศึกษาของประเทศ (KPI Dictionary for Thai Education Evaluation)
พจนานุกรมตัวชี้วัดการประเมินผลการจัดการศึกษาของประเทศ (KPI Dictionary for Thai Education Evaluation)

เปิดอ่าน 11,068 ครั้ง
เปิดตัว "iPhone5" จอเรตินา 4 นิ้ว พร้อม iOS6 อัพเดทใหม่อีกเพียบ ไทยรอปลายปี
เปิดตัว "iPhone5" จอเรตินา 4 นิ้ว พร้อม iOS6 อัพเดทใหม่อีกเพียบ ไทยรอปลายปี

เปิดอ่าน 11,775 ครั้ง
อยู่อย่างไรให้ห่างไกล มะเร็งเต้านม
อยู่อย่างไรให้ห่างไกล มะเร็งเต้านม

เปิดอ่าน 41,347 ครั้ง
ต้นสัตบรรณ - ต้นตีนเป็ด
ต้นสัตบรรณ - ต้นตีนเป็ด

เปิดอ่าน 35,657 ครั้ง
อยากเก่งภาษาอังกฤษทำยังไง
อยากเก่งภาษาอังกฤษทำยังไง
เปิดอ่าน 13,710 ครั้ง
ผักที่มีรูจากแมลงใช่ว่าจะปลอดภัยเสมอไป...
ผักที่มีรูจากแมลงใช่ว่าจะปลอดภัยเสมอไป...
เปิดอ่าน 15,266 ครั้ง
คนแบบไหนที่ต้องการวิตามินซี
คนแบบไหนที่ต้องการวิตามินซี
เปิดอ่าน 57,698 ครั้ง
ขั้นตอนการขอต่อใบอายุใบอนุญาตประกอบวิชาชีพ
ขั้นตอนการขอต่อใบอายุใบอนุญาตประกอบวิชาชีพ
เปิดอ่าน 11,757 ครั้ง
กลั้นปัสสาวะ เรื่องธรรมดาที่น่ากลัว
กลั้นปัสสาวะ เรื่องธรรมดาที่น่ากลัว

รายการหลัก

หน้าแรก
ข่าว/บทความ
สมุดเยี่ยม
กระดานสนทนา
เว็บลิงค์
ผู้จัดทำเว็บครูบ้านนอก
ข้อมูลบุคคล
ภาพกิจกรรม
ผู้สนับสนุน

สมาชิก

เข้าสู่ระบบ
คุณครูต้องรู้ไว้
รวมแบบฟอร์มต่างๆ

เว็บน่าสนใจ

เว็บไซต์ สพฐ.
กระทรวงศึกษาธิการ
ติวสอบ GED
ติวสอบ SAT
เครื่องมือวัด
เครื่องมืออุตสาหกรรม
เกมส์
แหล่งรวมเกมส์

แหล่งรวมเกมส์



 เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ มากมาย
เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ คลายเครียด

เกมส์ รวมเกมส์ เกมส์แข่งรถ เกมส์ต่อสู้ เกมส์ภาษา เกมส์วางระเบิด เกมส์แต่งตัว เกมส์ท่องเที่ยว เกมส์หมากฮอส เกมส์ผจญภัย เกมส์เต้น เกมส์รถ เกมส์ดนตรี เกมส์ขายของ เกมส์ฝึกสมอง เกมส์เด็กๆ เกมส์ปลูกผัก เกมส์การ์ด เกมส์จับผิดภาพ เกมส์ตลก เกมส์ตัดผม เกมส์ก้านกล้วย เกมส์ทําอาหาร เกมส์เลี้ยงสัตว์ เกมส์ผี เกมส์จับคู่ เกมส์กีฬา เกมส์เศรษฐี เกมส์ฝึกทักษะ เกมส์วางแผน เกมส์จีบหนุ่ม เกมส์มาริโอ เกมส์ระบายสี เกมส์จีบสาว เกมส์เบ็นเท็น เกมส์ยิง เกมส์ยาน เกมส์สร้างเมือง เกมส์มันส์ๆ เกมส์แต่งบ้าน เกมส์ความรู้
      kroobannok.com

© 2000-2020 Kroobannok.com  
All rights reserved.


Design by : kroobannok.com


ครูบ้านนอกดอทคอม
การจัดอันดับของ Truehits Web Directory

วิธีนำแบนเนอร์ของครูบ้านนอก.คอมไปแปะในเว็บท่าน บันทึกภาพแบนเนอร์นี้และลิงค์มาที่เราครับ (มีแบนเนอร์ 2 แบบ)
 

ครูบ้านนอกดอทคอม เว็บไซต์ของครูตัวเล็กๆ คนหนึ่ง ที่หวังเพียง ใช้เป็นช่องทางในการสื่อสาร แลกเปลี่ยน เพิ่มพูนความรู้ และให้ข่าวสาร ที่ทันสมัยต่อเหตุการณ์แก่คุณครู ผู้ปฏิบัติงานในทุกพื้นที่ของประเทศไทย เพื่อความเจริญงอกงามในปัญญา และเจริญก้าวหน้าในวิชาชีพ

เว็บนี้ถือกำเนิดเมื่อ 5 มกราคม 2548

Email : kornkham@hotmail.com
Tel : 096-7158383

สนใจสนับสนุนเรา โดยลงโฆษณา
คลิกดูรายละเอียดที่นี่ครับ