ความเป็นมาและสภาพของปัญหา
การศึกษาเป็นเครื่องมือในการพัฒนาคุณภาพของมนุษย์ทั้งในด้านความรู้ ความคิด การปฏิบัติคุณธรรม ชีวิตความเป็นอยู่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการพัฒนาคุณภาพของผู้เรียนให้เป็นคนดี มีปัญญา มีคุณภาพชีวิตที่ดี มีขีดความสามารถในการแข่งขัน การเพิ่มศักยภาพของผู้เรียนให้สูงขึ้น สามารถดำรงชีวิตได้อย่างมีความสุขบนพื้นฐานของความเป็นไทยและความเป็นสากล รวมทั้งมีความสามารถในการประกอบอาชีพหรือศึกษาต่อตามความถนัดและความสามารถของแต่ละบุคคล
ยุทธศาสตร์ชาติ (พ.ศ. 2566-2580) ฉบับปรับปรุง ได้กำหนดเป้าหมายการพัฒนา
ประเทศ คือ ประเทศชาติมั่นคง ประชาชนมีความสุข เศรษฐกิจพัฒนาอย่างต่อเนื่อง สังคมเป็นธรรมฐานทรัพยากรธรรมชาติยั่งยืน พัฒนาคนในทุกมิติและในทุกช่วงวัยให้เป็นคนดี เก่ง และมีคุณภาพ สร้างโอกาสและความเสมอภาคทางสังคม สร้างการเติบโตบนคุณภาพชีวิตที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และมีภาครัฐของประชาชนเพื่อประชาชนและประโยชน์ส่วนรวม
ความสอดคล้องของเป้าหมายแผนแม่บทย่อย (Y1) 120101 เชื่อมโยงกับแผนพัฒนา
เศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติฉบับที่ 13 และรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2560 หมวด 16 ตามมาตรา 258 หมุดหมายที่ 12 ไทยมีกำลังคนสมรรถนะสูง มุ่งเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง ตอบโจทย์การพัฒนาแห่งอนาคตและรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2560 หมวด 16 ตามมาตรา 258 ด้านการศึกษา (4) ปรับปรุงการจัดการเรียนการสอนทุกระดับเพื่อให้ผู้เรียนสามารถเรียนได้ตามความถนัดและปรับปรุงโครงสร้างของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อบรรลุเป้าหมายดังกล่าว โดยสอดคล้องกันในระดับชาติและระดับพื้นที่ ซึ่งการปฏิรูปกระบวนการเรียนรู้ที่ตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงในศตวรรษที่ 21 มุ่งเน้นผู้เรียนให้มีทักษะการเรียนรู้ และมีใจใฝ่เรียนรู้ตลอดเวลา และการพัฒนาระบบการเรียนรู้ตลอดชีวิต ปรับเปลี่ยนระบบการเรียนรู้ให้เอื้อต่อการพัฒนาทักษะสำหรับศตวรรษที่ 21 พัฒนาการเรียนรู้ด้านวิชาชีพและทักษะชีวิต อีกทั้งการจัดการศึกษาเพื่อพัฒนาทักษะอาชีพที่สอดคล้องกับบริบทพื้นที่
กระทรวงศึกษาธิการได้ดำเนินการภารกิจหลักตามแผนยุทธศาสตร์ชาติ ร่าง แผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ (พ.ศ. 2566 - 2580) ฉบับปรับปรุง ในฐานะเจ้าภาพหน่วยงานเจ้าภาพขับเคลื่อนประเด็น 11 การพัฒนาศักยภาพคนตลอดช่วงชีวิต ในแผนย่อยที่ 3.3 การพัฒนาช่วงวัยเรียน/วัยรุ่น ประเด็น 12 การพัฒนาการเรียนรู้และประเด็นอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 13 (พ.ศ. 2566 2570) โดยเฉพาะหมุดหมายที่ 12 ไทยมีกำลังคนสมรรถนะสูง มุ่งเรียนรู้ อย่างต่อเนื่องตอบโจทย์การพัฒนาแห่งอนาคต แผนการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2560 2579 เป้าหมาย การพัฒนาที่ยั่งยืน (Sustainable Development Goals : SDGs) มุ่งหวังให้ผู้เรียนทุกช่วงวัยได้รับการพัฒนาในทุกมิติ
กระทรวงศึกษาธิการโดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ได้มีการนโยบายการศึกษาของกระทรวงศึกษาธิการ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567-2568 อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 8 และมาตรา 12 แห่งพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการกระทรวงศึกษาธิการ พ.ศ. 2546 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ โดยมุ่งหวังให้ผู้เรียนทุกช่วงวัยได้รับการพัฒนาในทุกมิติ ทั้งในด้านโอกาส ความเท่าเทียม ความเสมอภาค คุณภาพและสมรรถนะที่สำคัญจำเป็น ตามบริบทของประเทศและสังคมโลก โดยเน้นให้ผู้เรียน เรียนดี มีความสุข ใช้หลักการมีส่วนร่วมในการจัดการศึกษาจากทุกภาคส่วน ดังที่กล่าวไว้ว่า จับมือไว้ แล้วไปด้วยกัน เพื่อเป็นแนวทางให้ทุกหน่วยงานในสังกัดและในกำกับของกระทรวงศึกษานำไปใช้ในการขับเคลื่อนนโยบาย ซึ่งโครงการนี้สอดคล้องกับนโยบายการศึกษาของกระทรวงศึกษาธิการ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567-2568 ข้อที่ 2 ลดภาระนักเรียนและผู้ปกครอง 2.6 ผู้เรียนเรียนรู้ และมีรายได้ระหว่างเรียน จบแล้วมีงานทำ (Learn to Earn)
กระบวนการนิเทศการศึกษา (Supervision) เป็นกระบวนการที่มีบทบาทเป็นผู้สนับสนุน และเป็นสิ่งเชื่อมในการพัฒนาคุณภาพการศึกษา กระบวนการบริหาร กระบวนการเรียนการสอนที่จะทำให้การปฏิรูปการศึกษาให้ประสบผลสาเร็จตามนโยบายของกระทรวงศึกษาธิการ โดยมีศึกษานิเทศก์เป็นบุคลากรทางการศึกษาที่สำคัญในการขับเคลื่อนเป็นผู้รับและประสานนโยบาย (สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน, 2558) การนิเทศการสอนที่สอดคล้องกับปัญหา และความต้องการของครูโดยเน้นความร่วมมือกัน ระหว่างบุคลากรในโรงเรียนที่จะพัฒนาการจัดการเรียนการสอน (สมาน อัศวภูมิ, 2551) ความมีส่วนร่วมจากทุกฝ่ายไม่ว่าจะเป็นผู้บริหาร ครู นักเรียน คณะกรรมการสถานศึกษา ผู้ปกครองนักเรียน และผู้มีส่วนเกี่ยวข้องอื่น ๆ งานถึงจะสำเร็จลงได้ (สุภาภรณ์ กิตติรัชดานนท์, 2551) องค์ประกอบที่จะนำไปสู่ประสิทธิผลการบริหารและการจัด การศึกษาประกอบด้วย ด้านบุคลิกภาพส่วนตัวของผู้บริหาร ด้านพฤติกรรมการปฏิบัติงาน และด้านปัจจัยสนับสนุน (กาญจน์ เรืองมนตรี, 2547) ดังนั้น การนิเทศเพื่อส่งเสริมการจัดการเรียนรู้ ทักษะอาชีพและการมีงานทำ จึงเป็นกระบวนการนิเทศที่มุ่งเน้นให้ผู้รับนิเทศสามารถออกแบบการจัดการเรียนรู้จัดกิจกรรมการเรียนรู้และวัดประเมินผล โดยมีเป้าหมายให้ผู้เรียนมีความรู้ ความสามารถ คุณลักษณะด้านทักษะอาชีพ และการมีงานทำ ซึ่งเป็นรากฐานของการพัฒนาคน พัฒนางาน และสร้างอาชีพเพื่อความเข้มแข็งทางเศรษฐกิจ สอดคล้องกับบริบทและศักยภาพของพื้นที่
จากสภาพดังกล่าวข้างต้น ศึกษานิเทศก์ ศธจ.นครปฐมซึ่งปฏิบัติงานการขับเคลื่อนการศึกษาระดับจังหวัดโดยส่งเสริม สนับสนุน และพัฒนาการศึกษาแบบร่วมมือและบูรณาการกับหน่วยงานในสังกัดกระทรวงศึกษาธิการและหน่วยงานอื่น หรือภาคส่วนที่เกี่ยวข้องในพื้นที่นั้น ๆ ตามนโยบายและยุทธศาสตร์กระทรวงศึกษาธิการในพื้นที่รับผิดชอบ ตระหนัก และเห็นถึงความสำคัญ จำเป็นที่ต้องพัฒนารูปแบบการนิเทศเพื่อส่งเสริมการจัดการเรียนรู้ในการพัฒนาทักษะอาชีพและการมีงานทำ เพื่อเป็นแนวทางในการพัฒนาให้ผู้นิเทศสามารถออกแบบการจัดการเรียนรู้ จัดกิจกรรมการเรียนรู้ และวัดประเมินผล ทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องได้เห็นทิศทางการพัฒนาคุณภาพการศึกษาในทิศทางเดียวกัน มองเห็นการบูรณาการการทำงานระหว่างกัน
วัตถุประสงค์
1. เพื่อศึกษาแนวทางการนิเทศเพื่อส่งเสริมการจัดการเรียนรู้ในการพัฒนาทักษะอาชีพ และการมีงานทำ
2. เพื่อพัฒนารูปแบบการนิเทศเพื่อส่งเสริมการจัดการเรียนรู้ในการพัฒนาทักษะอาชีพ และการมีงานทำ
3. เพื่อประเมินรูปแบบการนิเทศเพื่อส่งเสริมการจัดการเรียนรู้ในการพัฒนาทักษะอาชีพ และการมีงานทำ
การออกแบบและแนวทางการพัฒนาเป็นไปตามนโยบายกระทรวงศึกษาธิการ
การพัฒนารูปแบบการนิเทศเพื่อส่งเสริมการจัดการเรียนรู้ในการพัฒนาทักษะอาชีพ และการมีงานทำครั้งนี้เป็นการประยุกต์ใช้การวิจัยและพัฒนา (Research and Development) โดยใช้วิธีการเก็บรวบรวมข้อมูลทั้งเชิงปริมาณและเชิงคุณภาพ แบ่งขั้นตอนการวิจัยเป็น 3 ระยะ ดังนี้
ระยะที่ 1 การศึกษาแนวทางการนิเทศเพื่อส่งเสริมการจัดการเรียนรู้ในการพัฒนาทักษะ อาชีพและการมีงานทำ
ระยะที่ 2 การพัฒนารูปแบบการนิเทศเพื่อส่งเสริมการจัดการเรียนรู้ในการพัฒนาทักษะ อาชีพและการมีงานทำ
ระยะที่ 3 การประเมินรูปแบบการนิเทศเพื่อส่งเสริมการจัดการเรียนรู้ในการพัฒนาทักษะอาชีพและการมีงานทำ
ผลที่เกิดขึ้นกับสถานศึกษาและผู้บริหาร
สถานศึกษา ผู้บริหารได้รับการแก้ไขและพัฒนาตรงตามวัตถุประสงค์และเป้าหมายอย่างครบถ้วน สถานศึกษาได้พัฒนาทักษะอาชีพนักเรียน ผลลัพธ์ที่ได้ คือ นักเรียนสามารถหางานทำได้หลังจบการศึกษา และมีรายได้ดี ผู้บริหารสถานศึกษาด้านทักษะอาชีพของโรงเรียนแห่งนี้ได้รับการยอมรับจากคณะครู ผู้ปกครอง คณะกรรมการสถานศึกษาและผู้เกี่ยวข้อง และได้รับรางวัลผู้บริหารด้านทักษะอาชีพดีเด่น ในปีการศึกษา 2566 มีหลักสูตรต่อเนื่องเชื่อมโยงการศึกษาขั้นพื้นฐานกับอาชีวศึกษาและอุมดมศึกษาจำนวน 5 หลักสูตร และในปีการศึกษา 2567 จำนวน 11 หลักสูตร สถานศึกษามีนักเรียนเข้าศึกษาเพิ่มมากขึ้น
โครงการส่งเสริมเวทีและประชาคมเพื่อการจัดทำรูปแบบและการพัฒนาหลักสูตรต่อเนื่องเชื่อมโยงการศึกษาขั้นพื้นฐานกับอาชีวศึกษาและอุดมศึกษา ปีการศึกษา 2566-2567 พบว่า
1. จังหวัดมีหลักสูตรต่อเนื่องเชื่อมโยงการศึกษาขั้นพื้นฐานกับอาชีวศึกษาและอุดมศึกษา
แบบบูรณาการจำนวน 5 หลักสูตร ดังนี้
1) ชื่อหลักสูตร Robotic Coding For All วิทยาลัยสารพัดช่างนครปฐม
สถานศึกษาที่เป็นคู่พัฒนา โรงเรียนวัดบางแขม และโรงเรียนวัดสระกะเทียม สพป.นครปฐม เขต 1
2) ชื่อหลักสูตร งานช่างซ่อมเครื่องใช้ไฟฟ้า Junior Electrician สถานศึกษาที่เป็นคู่พัฒนา โรงเรียนฟ้าใสวิทยา สำนักงานบริหารการศึกษาพิเศษ สพฐ.
3) ชื่อหลักสูตร ฝึกอบรมเพื่อพัฒนาทักษะอาชีพและเทคโนโลยีระยะสั้น สถานศึกษาที่เป็นคู่พัฒนา วิทยาลัยเทคนิคนครปฐม
4) ชื่อหลักสูตร การบูรณาการหลักสูตรต่อเนื่องเชื่อมโยงสู่การปฏิบัติ โรงเรียนวัดบางปลาร่วมกับวิทยาลัยการอาชีพบางแก้วฟ้า เรียนเพื่อมีงานทำในอนาคต สถานศึกษาที่เป็นคู่พัฒนา วิทยาลัยการอาชีพบางแก้วฟ้า
5) ชื่อหลักสูตร การจัดการเรียนรู้ที่ส่งเสริมทักษะอาชีพบาริสต้า เที่ยวสามพราน
ย่านแฟพร้าว สถานศึกษาคู่พัฒนา วิทยาลัยเทคโนโลยีจิตรลดา
2. ผู้บริหารสถานศึกษา, ครู สังกัด สอศ.นครปฐม สพป.นครปฐม เขต 1, 2, สพม.นครปฐม, สช.นครปฐม, อปท.นครปฐม เข้าใจแนวทางการจัดทำหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐานที่มีความเชื่อมโยงการจัดการเรียนรู้ในระดับการศึกษาขั้นพื้นฐานกับอาชีวศึกษาและอุดมศึกษาที่สอดคล้องกับบริบทของพื้นที่อย่างบูรณาการ เพิ่มขึ้นร้อยละ 90.20
ผลที่เกิดขึ้นกับครูผู้สอน
ครูผู้สอนได้รับการแก้ไขและพัฒนาตรงตามวัตถุประสงค์และเป้าหมายอย่างครบถ้วน ผลที่เกิดขึ้นกับครูผู้สอนด้านการส่งเสริมและพัฒนาทักษะอาชีพ มีดังนี้
1. พัฒนาความรู้และทักษะ ครูผู้สอนได้รับการพัฒนาและเพิ่มพูนความรู้ใหม่ ๆ ที่เกี่ยวข้องกับทักษะอาชีพใหม่ ๆ รวมถึงเทคนิคการสอนที่ทันสมัย ทำให้สามารถสอนนักเรียนได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
2. การปรับตัวกับเทคโนโลยีใหม่ ๆ ครูผู้สอนต้องปรับตัวและเรียนรู้การใช้เทคโนโลยี
และเครื่องมือใหม่ ๆ ที่ใช้ในสาขาอาชีพนั้น ๆ ซึ่งช่วยเพิ่มความสามารถในการสอนและทำให้การเรียนการสอนมีความหลากหลายและน่าสนใจมากขึ้น
3. การพัฒนาทางวิชาชีพ การได้รับการพัฒนาและฝึกอบรมทำให้ครูผู้สอนสามารถ
พัฒนาตนเองในด้านวิชาชีพ ทำให้มีความเชี่ยวชาญและเป็นที่ยอมรับในวงการการศึกษาและในสายอาชีพ นั้น ๆ
4. เพิ่มความพึงพอใจและแรงบันดาลใจ การที่ครูได้รับการส่งเสริมและพัฒนาทักษะ
ทำให้ครูมีความพึงพอใจในงานมากขึ้น และมีแรงบันดาลใจในการสอนและพัฒนานักเรียนต่อไป
5. การเชื่อมโยงกับภาคธุรกิจและอุตสาหกรรม ครูผู้สอนมีโอกาสในการเชื่อมโยงและ
สร้างเครือข่ายกับภาคธุรกิจและอุตสาหกรรม ทำให้เข้าใจความต้องการของตลาดแรงงานและสามารถเตรียมความพร้อมให้นักเรียนได้ดียิ่งขึ้น
6. การสนับสนุนการเรียนรู้ตลอดชีวิต การส่งเสริมและพัฒนาทักษะทำให้ครูมี
แนวคิดในการเรียนรู้ตลอดชีวิตและสามารถถ่ายทอดแนวคิดนี้ให้นักเรียนได้ ทำให้นักเรียนเห็นความสำคัญของการเรียนรู้และพัฒนาตนเองอย่างต่อเนื่อง
ผลที่เกิดขึ้นกับผู้เรียน
ผู้เรียนได้รับการแก้ไขและพัฒนาตรงตามวัตถุประสงค์และเป้าหมายครบถ้วน ดังนี้
ผลที่เกิดขึ้นกับผู้เรียนด้านการส่งเสริมและพัฒนาทักษะอาชีพมีหลายด้าน ดังนี้:
1. เพิ่มความรู้และทักษะเฉพาะทาง ผู้เรียนได้รับความรู้และทักษะที่จำเป็นต่อการ
ทำงานในสายอาชีพนั้น ๆ ทำให้มีความเชี่ยวชาญและสามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
2. เพิ่มโอกาสในการหางาน การที่ผู้เรียนมีทักษะและความรู้เฉพาะทางทำให้มีโอกาสในการหางานและการได้งานที่ตรงกับความสามารถมากขึ้น ทั้งในระดับประเทศและระดับสากล
3. พัฒนาความคิดสร้างสรรค์และนวัตกรรม การเรียนรู้และฝึกฝนทักษะอาชีพทำให้ผู้เรียนสามารถพัฒนาความคิดสร้างสรรค์และสามารถคิดค้นนวัตกรรมใหม่ ๆ ที่เป็นประโยชน์ต่อการทำงานและสังคม
4. พัฒนาทักษะการแก้ปัญหา ผู้เรียนได้รับการฝึกฝนให้สามารถแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นในงานได้อย่างมีประสิทธิภาพและทันต่อสถานการณ์
5. เพิ่มความมั่นใจในตนเอง การที่ผู้เรียนได้รับการส่งเสริมและพัฒนาทักษะทำให้มีความมั่นใจในความสามารถของตนเองและมีความพร้อมในการเผชิญกับความท้าทายต่าง ๆ ในการทำงาน
6. เพิ่มความพึงพอใจในการทำงาน การที่ผู้เรียนมีทักษะและความรู้ที่ตรงกับความต้องการของตลาดแรงงานทำให้มีโอกาสในการทำงานที่ตนเองชอบและมีความพึงพอใจในการทำงานมากขึ้น
7. การเตรียมความพร้อมสู่การเป็นผู้ประกอบการ ผู้เรียนที่ได้รับการพัฒนาและฝึกฝนทักษะอาชีพมีโอกาสในการพัฒนาความสามารถในการเป็นผู้ประกอบการ สามารถสร้างธุรกิจของตนเองและมีความพร้อมในการบริหารจัดการธุรกิจ
8. สร้างเครือข่ายและการเชื่อมโยงในอุตสาหกรรม ผู้เรียนมีโอกาสในการสร้างเครือข่ายและการเชื่อมโยงกับผู้เชี่ยวชาญและผู้ประกอบการในอุตสาหกรรม ทำให้มีโอกาสในการเรียนรู้และพัฒนาตนเองต่อไป
การส่งเสริมและพัฒนาทักษะอาชีพจึงเป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยเพิ่มโอกาสและพัฒนาคุณภาพชีวิตของผู้เรียน ทำให้สามารถเตรียมตัวเข้าสู่ตลาดแรงงานและการทำงานในอนาคตได้อย่างมีประสิทธิภาพ