ค้นหาทุกอย่างในเว็บครูบ้านนอก :
ชุมชนครู บุคลากรทางการศึกษา และนักเรียน แหล่งความรู้สำหรับครู นักเรียน ข่าวการศึกษา ห้องสมุดความรู้ทุกกลุ่มสาระการเรียนรู้ และความรู้ทั่วไป เผยแพร่ผลงานวิชาการ ที่นี่


ค้นหากระทู้
ตั้งกระทู้คำถามใหม่ กลับหน้าที่แล้ว
 
Advertisement

การพัฒนากิจกรรมการจัดการเรียนรู้เชิงรุก (Active Learning) โดยใช้การจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือเทคนิค STAD (Student Teams - Achievement Divisions) ร่วมกับการใช้บอร์ดเกม เพื่อส่งเสริมพหุปัญญาด้านวิทยาศาสตร์ เรื่อง ห่วงโซ่อาหาร สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษ

๑. ความสำคัญของผลงาน / นวัตกรรมถอดบทเรียน

๑.๑ เหตุผลที่เกิดแรงบันดาลใจ ความจำเป็น ปัญหาหรือความต้องการที่จะทำผลงาน/นวัตกรรม

การศึกษาในปัจจุบันต้องยึดหลักว่านักเรียนทุกคนมีความสามารถเรียนรู้และพัฒนาตนเองได้กระบวนการจัดการศึกษาต้องส่งเสริมให้นักเรียนสามารถพัฒนาตามธรรมชาติและตามศักยภาพ สามารถดำรงชีวิตอยู่ในสังคมได้อย่างมีความสุขรู้เท่าทันต่อการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วทั้งด้านเทคโนโลยีข้อมูลและข่าวสารต่างๆ และเป็นกระบวนการพัฒนาอันจะนำไปสู่ความสำเร็จในอนาคต นักเรียนสามารถพัฒนาศักยภาพของตนให้เป็นบุคคลแห่งการเรียนรู้ หรือสร้างความรู้ได้ด้วยตนเอง แนวการจัดการเรียนการสอนใหม่จึงมุ่งเน้นการลงมือปฏิบัติที่สอดคล้องกับชีวิตจริง ดังจะเห็นได้จากหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐานของกระทรวงศึกษาธิการ โดยคำนึงถึงการส่งเสริมให้ผู้เรียนมีทักษะที่จำเป็นสำหรับการเรียนรู้ในศตวรรษที่ ๒๑ เป็นสำคัญ นั่นคือ การเตรียมผู้เรียนให้มีทักษะด้านการคิดวิเคราะห์ การคิดอย่างมีวิจารณญาณการแก้ปญหา การคิดสร้างสรรค์ การใช้เทคโนโลยี การสื่อสารและการร่วมมือ ซึ่งจะส่งผลให้ผู้เรียนรู้เท่าทันการเปลี่ยนแปลงของระบบเศรษฐกิจ สังคม วัฒนธรรม และสภาพแวดล้อม สามารถแข่งขันและอยู่ร่วมกับประชาคมโลกได้ (กระทรวงศึกษาธิการ, 2560)

ทฤษฎีพหุปัญญา ของ ดร.โฮเวิร์ด การ์ดเนอร์ ชี้ให้เห็นถึงความหลากหลายทางปัญญาของมนุษย์ ซึ่งมีหลายด้าน หลายมุม แต่ละด้านก็มีความอิสระในการพัฒนาตัวของมันเองให้เจริญงอกงาม ในขณะเดียวกันก็มีการบูรณาการเข้าด้วยกัน เติมเต็มซึ่งกันและกัน แสดงออกเป็นเอกลักษณ์ทางปัญญาของมนุษย์แต่ละคน คนหนึ่งอาจแก่งเพียงด้านเดียว หรือเก่งหลายด้าน หรืออาจไม่เก่งเลยสักด้าน แต่ที่ชัดเจน คือ แต่ละคนมักมีปัญญาด้านใดด้านหนึ่งโดดเด่นกว่าเสมอ ไม่มีใครที่มีปัญญาทุกด้านเท่ากันหมด หรือไม่มีเลยสักด้านเดียว นับเป็นทฤษฎีที่ช่วยจุดประกายความหวัง เปิดกระบวนทัศน์ใหม่ในการศึกษาด้านสติปัญญาของมนุษย์ สามารถนำมาประยุกต์ใช้ได้ทั้งในกลุ่มเด็กปกติ เด็กที่มีความบกพร่อง และเด็กที่มีความสามารถพิเศษ (H. Gardner, 1999)

จากการจัดการเรียนการสอนในกลุ่มสาระวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 ตามหลักสูตรสถานศึกษา กำหนดให้มีชั่วโมงการเรียนรู้ทั้งสิ้น 120 ชั่วโมงต่อปีการศึกษา ซึ่งแบ่งเป็นรายวิชาวิทยาศาสตร์ 80 ชั่วโมง รายวิชาวิทยาการคำนวณ 40 ชั่วโมง ซึ่งนับว่า เป็นเวลาที่ไม่เพียงพอในบางเนื้อหาซึ่งตามเป้าหมายของหลักสูตรในกลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี อีกทั้งนักเรียนต้องมีทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ อันได้แก่ ทักษะการจำแนก ทักษะการพยากรณ์ ทักษะการลงความเห็นจากข้อมูล ทักษะจัดกระทำและสือความหมายข้อมูล ทักษะการตีความหมายข้อมูลและการลงข้อมูล (หลักสูตรสถานศึกษา โรงเรียนเจริญวิทยา, 2568) จากผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน และจากผลการทำแบบสำรวจแววความสามารถพิเศษ ด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ของนักเรียน โรงเรียนเจริญวิทยาจำนวนนักเรียนที่ต้องสำรวจตามเกณฑ์ทั้งสิ้น 27 คน พบว่า มีนักเรียนที่พบแววความสามารถด้านวิทยาศาสตร์ จำนวน 9 คน คิดเป็นร้อยละ 33.33 ของนักเรียนทั้งหมด (รายงานผลการสำรวจแววความสามารถพิเศษด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์, ๒๕๖7) ของนักเรียนทำให้ทราบว่า นักเรียนยังความรู้ความเข้าใจและขาดทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์หลายด้าน จึงเป็นผลทำให้ไม่สามารถคิดวิเคราะห์ปัญหาทางวิทยาศาสตร์ได้ ซึ่งทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์เป็นทักษะสำคัญที่แสดงถึงการมีกระบวนการคิด อย่างมีเหตุ มีผลตามกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ ทำให้นักเรียน เกิดความเข้าใจในเนื้อหาทางวิทยาศาสตร์ สามารถเรียนรู้ และพัฒนาตนเองไปสู่กระบวนการคิดที่ชับช้อนมากขึ้น

แนวทางหนึ่งที่สามารถนำมาแก้ปัญหาดังกล่าว คือ การจัดการเรียนการสอนที่ให้นักเรียนมีส่วนร่วมในกิจกรรมการเรียนการสอน นักเรียนที่เรียนอ่อนได้รับการเอาใจใส่จากครูหรือเพื่อน และช่วยให้นักเรียนมีความกระตือรือรั้นในการเรียนตลอดเวลา เทคนิคที่ครูนิยมใช้กับวิธีสอนแบบอื่นๆ คือ เทคนิค STAD (Student Teams-Achievement Divisions) คือ รูปแบบหนึ่งของการจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือ (Cooperative Learning) ที่พัฒนาโดย Robert E. Slavin ซึ่งเน้นให้ผู้เรียนทำงานร่วมกันในกลุ่มที่หลากหลาย เพื่อเรียนรู้เนื้อหาและช่วยเหลือกันในการพัฒนาความเข้าใจ และความสามารถของแต่ละบุคคล

บอร์ดเกมถูกใช้ในการเป็นสื่อนวัตกรรมในการจัดการเรียนรู้แบบเชิงรุก (Active Learning) รูปแบบหนึ่งที่ได้รับความนิยมอย่างมาก เนื่องจากเป็นเครื่องมือที่นำไปใช้ได้ง่ายในการเรียนรู้ ซึ่งการนำเกมมาใช้ในกระบวนการจัดการเรียนรู้ หรือกระบวนการเรียนรู้อื่น ๆ นั้นจะทำให้ ผู้เรียนเกิดความคิดที่หลากหลาย และสามารถช่วยให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้ที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น (ศิริพร ศรีจันทะ และคณะ, 2562) การใช้เกมเข้ามามีบทบาทในการจัดการเรียนรู้ถือเป็นการสร้างบรรยากาศการเรียนรู้ที่แปลกใหม่ และกระตุ้นให้ผู้เรียนมีความสนุกกับการเรียน ซึ่งเป็นนวัตกรรมที่มีความน่าสนใจอย่างหนึ่งในการจัดการเรียนรู้ โดยใช้ความสำเร็จหรือรางวัลจากเกมเป็นตัวกระตุ้นให้การเรียนการรู้มีความน่าสนใจมากยิ่งขึ้น เป็นการนำจิตวิทยาและแรงจูงใจจากเกมมาใช้เป็นตัวกระตุ้นให้ผู้เรียนมีส่วนร่วมกับการจัดการเรียนรู้ (เสฐียรพงษ์ ดวงรัตนเอกชัย, 2562, หน้า 25-30) ซึ่งการศึกษาช่วงศตวรรษ ที่ 21 นี้การจัดการเรียนรู้แบบเชิงรุก (Active Learning) ที่นับเป็นสิ่งที่ถูกกล่าวถึงมากที่สุดเพราะเป็นแนวการจัดการเรียนรู้เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ (จิรพัฒน์ พวงจำปา, 2562)

ดังนั้น การพัฒนากิจกรรมการจัดการเรียนรู้เชิงรุก (Active Learning) โดยใช้การจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือเทคนิค STAD (Student Teams - Achievement Divisions) ร่วมกับการใช้บอร์ดเกม เพื่อส่งเสริมพหุปัญญาด้านวิทยาศาสตร์ เรื่อง ห่วงโซ่อาหาร สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 เพื่อกระตุ้นผู้เรียนเกิดการเรียนรู้ที่มีประสิทธิภาพ มีทักษะทางวิทยาศาสตร์ให้นักเรียนได้ศึกษาค้นคว้าและเกิดการเรียนรู้ ทั้งในห้องเรียนและนอกห้องเรียน มีเจตคติที่ดีต่อวิชาวิทยาศาสตร์

โพสต์โดย Little_NN : [18 ส.ค. 2568 (20:55 น.)]
อ่าน [58684] ไอพี : 49.237.93.143
หากข้อความนี้ไม่เหมาะสม คลิก คลิกปุ่มนี้ หากเห็นว่าข้อความนี้ไม่เหมาะสม
Advertisement

 
 

โปรดอ่านกฎกติกาก่อนแสดงความเห็น
1. ข้อความของท่านจะขึ้นแสดงโดยอัตโนมัติทันทีที่ได้รับข้อมูล
2.
ห้ามโพสต์ ข้อความยั่วยุให้เกิดความรุนแรงทางสังคม ข้อความที่ก่อให้เกิดความเสียหายและเสื่อมเสียต่อบุคคลที่สาม, เบอร์โทรศัพท์,
รูปภาพที่ไม่เหมาะสมต่อเยาวชนหรือภาพลามกอนาจาร หรือกระทบถึงสถาบันอันเป็นที่เคารพ
ขอให้ผู้ตั้งกระทู้รับผิดชอบตัวเอง
และรับผิดชอบต่อสังคม ถ้ารูปภาพ หรือข้อความใดส่งผลกระทบต่อบุคคลอื่น ทีมงานพร้อมจะส่งรายละเอียดให้เจ้าหน้าที่
เพื่อตามจับตัวผู้กระทำผิดต่อไป

3.
สมาชิกที่โพสต์สิ่งเหล่านี้ อาจถูกดำเนินคดีทางกฎหมายจากผู้เสียหายได้
4. ไม่อนุญาตให้มีการโฆษณาสินค้าใด ๆ ทั้งสิ้น ทั้งทางตรงและทางอ้อม
5. ทุกความคิดเห็นเป็นข้อความที่ทางผู้เยี่ยมชมเข้ามาร่วมตั้งกระทู้ในเว็บไซต์ ทางเว็บไซต์ kroobannok.com ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ ทั้งสิ้น
6. ทางทีมงานขอสงวนสิทธิ์ในการลบกระทู้ที่ไม่เหมาะสมได้ทันที โดยไม่ต้องมีการชี้แจงเหตุผลใดๆ ต่อเจ้าของความเห็นนั้นทั้งสิ้น

7. หากพบเห็นรูปภาพ หรือข้อความที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งมาที่อีเมล์ kornkham@hotmail.com เพื่อทำการลบออกจากระบบต่อไป


 ** พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.๒๕๕๐**

ขออภัยในความไม่สะดวก เนื่องจากเราประสบปัญหา
มีผู้โพสต์ข้อความที่หมิ่นเหม่และไม่เหมาะสมเป็นจำนวนมาก
ครูบ้านนอกดอทคอมจึงขอความร่วมมือสมาชิก
กรุณาเข้าสู่ระบบก่อนแสดงความเห็นครับ


  

สมัครสมาชิกใหม่
 

 

Advertisement

≡ เรื่องน่าอ่าน/สาระน่ารู้ ≡

เปิดอ่าน 11,052 ครั้ง
อากาศแบบนี้จะปกป้องผิวหน้าอย่างไรดี?
อากาศแบบนี้จะปกป้องผิวหน้าอย่างไรดี?

เปิดอ่าน 814 ครั้ง
เปิด 5 เหตุผลที่ต้องกำจัดขยะ E-Waste ให้ถูกวิธี
เปิด 5 เหตุผลที่ต้องกำจัดขยะ E-Waste ให้ถูกวิธี

เปิดอ่าน 29,855 ครั้ง
5 วิธีชำระหนี้ กยศ. ให้หมดอย่างรวดเร็ว
5 วิธีชำระหนี้ กยศ. ให้หมดอย่างรวดเร็ว

เปิดอ่าน 14,761 ครั้ง
ชมคลิป น้องปุ๊ กุลปรียา นักเรียนบุรีรัมย์ โชว์เล่านิทานไข่ทองคำยุคอาเซียน
ชมคลิป น้องปุ๊ กุลปรียา นักเรียนบุรีรัมย์ โชว์เล่านิทานไข่ทองคำยุคอาเซียน

เปิดอ่าน 7,000 ครั้ง
ดูโปรตั๋วเครื่องบินไปแม่สอด เที่ยวบินราคาประหยัด
ดูโปรตั๋วเครื่องบินไปแม่สอด เที่ยวบินราคาประหยัด

เปิดอ่าน 77,483 ครั้ง
คอมพิวเตอร์กราฟิกกับการประยุกต์ใช้ในงานด้านต่าง ๆ
คอมพิวเตอร์กราฟิกกับการประยุกต์ใช้ในงานด้านต่าง ๆ

เปิดอ่าน 19,244 ครั้ง
ทําไมลูกไม่หายไอสักที ?
ทําไมลูกไม่หายไอสักที ?

เปิดอ่าน 20,825 ครั้ง
ชนชาติแรกที่สูบบุหรี่
ชนชาติแรกที่สูบบุหรี่

เปิดอ่าน 21,022 ครั้ง
ภูมิปัญญาชาวบ้าน
ภูมิปัญญาชาวบ้าน

เปิดอ่าน 17,693 ครั้ง
6 ข้อดีของการพาลูกไปที่ทำงาน
6 ข้อดีของการพาลูกไปที่ทำงาน

เปิดอ่าน 31,665 ครั้ง
แฟลช และเทคนิคการถ่ายภาพด้วยแสงแฟลช
แฟลช และเทคนิคการถ่ายภาพด้วยแสงแฟลช

เปิดอ่าน 25,615 ครั้ง
เทคนิคการคูณแบบญี่ปุ่น ลองฝึกดูครับ
เทคนิคการคูณแบบญี่ปุ่น ลองฝึกดูครับ

เปิดอ่าน 14,512 ครั้ง
สัญญาณไฟจากรถบรรทุก
สัญญาณไฟจากรถบรรทุก

เปิดอ่าน 6,034 ครั้ง
วิธีใช้ "เขียง" ให้ปลอดภัย
วิธีใช้ "เขียง" ให้ปลอดภัย

เปิดอ่าน 25,718 ครั้ง
จุดที่เย็นที่สุดในโลก
จุดที่เย็นที่สุดในโลก

เปิดอ่าน 52,582 ครั้ง
GPS คืออะไร
GPS คืออะไร
เปิดอ่าน 38,945 ครั้ง
การวิ่งเพื่อสุขภาพ (สุขศึกษา)
การวิ่งเพื่อสุขภาพ (สุขศึกษา)
เปิดอ่าน 19,244 ครั้ง
ทําไมลูกไม่หายไอสักที ?
ทําไมลูกไม่หายไอสักที ?
เปิดอ่าน 11,464 ครั้ง
งานหนักมาก เหนื่อย ทำอย่างไรดี
งานหนักมาก เหนื่อย ทำอย่างไรดี
เปิดอ่าน 25,854 ครั้ง
3กลุ่มผลไม้ไทย อุดมสารต้านมะเร็ง
3กลุ่มผลไม้ไทย อุดมสารต้านมะเร็ง

รายการหลัก

หน้าแรก
ข่าว/บทความ
สมุดเยี่ยม
กระดานสนทนา
เว็บลิงค์
ผู้จัดทำเว็บครูบ้านนอก
ข้อมูลบุคคล
ภาพกิจกรรม
ผู้สนับสนุน

สมาชิก

เข้าสู่ระบบ
คุณครูต้องรู้ไว้
รวมแบบฟอร์มต่างๆ

เว็บน่าสนใจ

เว็บไซต์ สพฐ.
กระทรวงศึกษาธิการ
ติวสอบ GED
ติวสอบ SAT
เครื่องมือวัด
เครื่องมืออุตสาหกรรม
เกมส์
แหล่งรวมเกมส์

แหล่งรวมเกมส์



 เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ มากมาย
เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ คลายเครียด

เกมส์ รวมเกมส์ เกมส์แข่งรถ เกมส์ต่อสู้ เกมส์ภาษา เกมส์วางระเบิด เกมส์แต่งตัว เกมส์ท่องเที่ยว เกมส์หมากฮอส เกมส์ผจญภัย เกมส์เต้น เกมส์รถ เกมส์ดนตรี เกมส์ขายของ เกมส์ฝึกสมอง เกมส์เด็กๆ เกมส์ปลูกผัก เกมส์การ์ด เกมส์จับผิดภาพ เกมส์ตลก เกมส์ตัดผม เกมส์ก้านกล้วย เกมส์ทําอาหาร เกมส์เลี้ยงสัตว์ เกมส์ผี เกมส์จับคู่ เกมส์กีฬา เกมส์เศรษฐี เกมส์ฝึกทักษะ เกมส์วางแผน เกมส์จีบหนุ่ม เกมส์มาริโอ เกมส์ระบายสี เกมส์จีบสาว เกมส์เบ็นเท็น เกมส์ยิง เกมส์ยาน เกมส์สร้างเมือง เกมส์มันส์ๆ เกมส์แต่งบ้าน เกมส์ความรู้
      kroobannok.com

© 2000-2020 Kroobannok.com  
All rights reserved.


Design by : kroobannok.com


ครูบ้านนอกดอทคอม
การจัดอันดับของ Truehits Web Directory

วิธีนำแบนเนอร์ของครูบ้านนอก.คอมไปแปะในเว็บท่าน บันทึกภาพแบนเนอร์นี้และลิงค์มาที่เราครับ (มีแบนเนอร์ 2 แบบ)
 

ครูบ้านนอกดอทคอม เว็บไซต์ของครูตัวเล็กๆ คนหนึ่ง ที่หวังเพียง ใช้เป็นช่องทางในการสื่อสาร แลกเปลี่ยน เพิ่มพูนความรู้ และให้ข่าวสาร ที่ทันสมัยต่อเหตุการณ์แก่คุณครู ผู้ปฏิบัติงานในทุกพื้นที่ของประเทศไทย เพื่อความเจริญงอกงามในปัญญา และเจริญก้าวหน้าในวิชาชีพ

เว็บนี้ถือกำเนิดเมื่อ 5 มกราคม 2548

Email : kornkham@hotmail.com
Tel : 096-7158383

สนใจสนับสนุนเรา โดยลงโฆษณา
คลิกดูรายละเอียดที่นี่ครับ