บทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ คือ 1) เพื่อสร้างและหาประสิทธิภาพของกิจกรรมการเรียนรู้แบบมีปฏิสัมพันธ์เชิงกลยุทธ์โดยใช้ "SMILE- Math Model" (Strategic Mathematics Interactive Learning Experience) เพื่อเสริมสร้างประสบการณ์การเรียนรู้อย่างมีความสุข สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ตามเกณฑ์ประสิทธิภาพ 80/80 2) เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนระหว่างก่อนเรียนและหลังเรียนโดยการจัดกิจกรรมการเรียนรู้คณิตศาสตร์แบบมีปฏิสัมพันธ์เชิงกลยุทธ์โดยใช้ "SMILE-Math Model" (Strategic Mathematics Interactive Learning Experience) เพื่อเสริมสร้างประสบการณ์การเรียนรู้อย่างมีความสุข สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 3) เพื่อศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ที่มีต่อกิจกรรมการเรียนรู้แบบมีปฏิสัมพันธ์เชิงกลยุทธ์โดยใช้ "SMILE-Math Model" (Strategic Mathematics Interactive Learning Experience) เพื่อเสริมสร้างประสบการณ์การเรียนรู้อย่างมีความสุข สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษา
ปีที่ 1
กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัยเป็นนักเรียนนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 โรงเรียนบ้านท่าขึ้น ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2567 สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษากำแพงเพชร เขต 2 จำนวน 13 คน กลุ่มตัวอย่างได้มาโดยการเลือกแบบเจาะจง (Purposive Sampling) แบบแผน
การทดลอง คือ One Group PretestPosttest Design
เครื่องมือที่ใช้ ประกอบด้วย 1) แผนการจัดการเรียนรู้วิชาคณิตศาสตร์ เรื่อง จำนวนเต็ม โดยใช้กิจกรรมการเรียนรู้แบบมีปฏิสัมพันธ์เชิงกลยุทธ์โดยใช้ "SMILE-Math Model" (Strategic Mathematics Interactive Learning Experience) เพื่อเสริมสร้างประสบการณ์การเรียนรู้อย่างมีความสุข สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 จำนวน 14 ชั่วโมง 2) แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน ชุดจำนวนเต็ม สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 3) แบบประเมินความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อกิจกรรมการเรียนรู้แบบมีปฏิสัมพันธ์เชิงกลยุทธ์โดยใช้ "SMILE-Math Model" (Strategic Mathematics Interactive Learning Experience) เพื่อเสริมสร้างประสบการณ์
การเรียนรู้อย่างมีความสุข สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ค่าเฉลี่ยส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และการทดสอบค่าทีแบบไม่อิสระ
ผลการวิจัยปรากฏว่า 1) แผนการจัดการเรียนรู้วิชาคณิตศาสตร์ เรื่อง จำนวนเต็ม โดยใช้กิจกรรมการเรียนรู้แบบมีปฏิสัมพันธ์เชิงกลยุทธ์โดยใช้ "SMILE-Math Model" (Strategic Mathematics Interactive Learning Experience) เพื่อเสริมสร้างประสบการณ์การเรียนรู้
อย่างมีความสุข สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 จำนวน 14 ชั่วโมง มีความเหมาะสมอยู่ในระดับ
มากที่สุดและมีประสิทธิภาพ เท่ากับ 83.30/86.15 2) นักเรียนกลุ่มตัวอย่างมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 3) ความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อโดยใช้กิจกรรมการเรียนรู้แบบมีปฏิสัมพันธ์เชิงกลยุทธ์โดยใช้ "SMILE-Math Model" (Strategic Mathematics Interactive Learning Experience) เพื่อเสริมสร้างประสบการณ์การเรียนรู้อย่างมีความสุข สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ในภาพรวมอยู่ในระดับมากที่สุด