ค้นหาทุกอย่างในเว็บครูบ้านนอก :
ชุมชนครู บุคลากรทางการศึกษา และนักเรียน แหล่งความรู้สำหรับครู นักเรียน ข่าวการศึกษา ห้องสมุดความรู้ทุกกลุ่มสาระการเรียนรู้ และความรู้ทั่วไป เผยแพร่ผลงานวิชาการ ที่นี่


ค้นหากระทู้
ตั้งกระทู้คำถามใหม่ กลับหน้าที่แล้ว
 
Advertisement

นวัตกรรม “WANGCHA-ON MODEL ปลุกพลังคณิตคิดสร้างสรรค์”

โรงเรียนบ้านวังชะโอน ตำบลวังชะโอน อำเภอบึงสามัคคี จังหวัดกำแพงเพชร เป็นโรงเรียนขนาดเล็กในสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษากำแพงเพชร เขต 2 ที่ให้ความสำคัญกับการจัดการเรียนรู้ในรายวิชาคณิตศาสตร์ จากข้อมูลการประเมินผลสัมฤทธิ์ทางการศึกษา ทั้งจากการสอบ O-NET และการประเมิน PISA ของนักเรียนโรงเรียนบ้านวังชะโอน ยังต่ำกว่ามาตรฐานที่คาดหวังในด้านการคิดวิเคราะห์ การแก้ปัญหา และการประยุกต์ใช้ความรู้ในชีวิตประจำวัน (สถาบันทดสอบทางการศึกษาแห่งชาติ, 2567) ปัญหาดังกล่าวมีสาเหตุสำคัญจากการจัดการเรียนการสอนที่ยังเน้นการบรรยายและการท่องจำ ขาดกิจกรรมที่กระตุ้นให้ผู้เรียนมีส่วนร่วมอย่างแท้จริง (Vygotsky, 1978) นอกจากนี้นักเรียนจำนวนหนึ่งยังมีทัศนคติเชิงลบต่อวิชาคณิตศาสตร์ มองว่าเป็นวิชาที่ยากและไม่น่าสนใจ (Boaler, 2016) ส่งผลให้แรงจูงใจในการเรียนรู้ลดลง และไม่สามารถพัฒนาทักษะสำคัญในศตวรรษที่ 21 เช่น การคิดเชิงวิพากษ์ การทำงานร่วมกัน และการใช้เทคโนโลยีเพื่อแก้ปัญหา (Trilling & Fadel, 2009)

นวัตกรรม WANGCHA-ON MODEL ปลุกพลังคณิตคิดสร้างสรรค์ ได้รับการพัฒนาขึ้นโดยอิงกับแนวคิดและหลักการทางการศึกษาที่สำคัญหลายประการ เพื่อสร้างกระบวนการเรียนรู้ที่มีประสิทธิภาพและตอบโจทย์ทักษะที่ผู้เรียนจำเป็นต้องมีในศตวรรษที่ 21 ประการแรก คือ ทฤษฎีคอนสตรัคติวิสม์ (Constructivism) ซึ่งเชื่อว่าผู้เรียนสร้างความรู้ได้ด้วยตนเองผ่านประสบการณ์ตรงและการปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่น (Piaget, 1972; Vygotsky, 1978) แนวคิดนี้เน้นให้ผู้เรียนมีบทบาทเป็นผู้แสวงหาความรู้แทนที่จะเป็นเพียงผู้รับสาร ประการที่สอง คือ การเรียนรู้เชิงรุก (Active Learning) ซึ่งให้ความสำคัญกับการมีส่วนร่วมอย่างกระตือรือร้นของผู้เรียน ผ่านกิจกรรมหลากหลาย เช่น การทำงานกลุ่ม การตั้งคำถาม การอภิปราย และการแก้โจทย์แบบเปิด (Bonwell & Eison, 1991) ประการที่สาม คือ การบูรณาการทักษะศตวรรษที่ 21 อันประกอบด้วยทักษะการคิดเชิงวิพากษ์ การสื่อสาร การทำงานร่วมกัน และความคิดสร้างสรรค์ (Trilling & Fadel, 2009) นอกจากนี้ ยังใช้หลักการของ การเรียนรู้ผ่านเกม (Game-based Learning) เพื่อเพิ่มแรงจูงใจและความสนุกในการเรียน (Prensky, 2001) และ การเรียนรู้ผ่านการเล่าเรื่อง (Narrative Learning) ซึ่งอาศัยเรื่องราวและบริบทเป็นเครื่องมือเชื่อมโยงเนื้อหาเพื่อให้เกิดความเข้าใจและจดจำได้ยาวนาน (Bruner, 1990) แนวคิดเหล่านี้ถูกรวมเข้าด้วยกันจนเกิดเป็นโมเดลที่มีเอกลักษณ์และสามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้อย่างมีประสิทธิผล

การดำเนินงานของ WANGCHA-ON MODEL ปลุกพลังคณิตคิดสร้างสรรค์ ถูกออกแบบเป็น 9 ขั้นตอนตามตัวอักษรของชื่อโมเดล เริ่มจาก W (Work Together) จัดกิจกรรมทำงานเป็นทีม เช่น การแบ่งกลุ่มเพื่อแก้โจทย์คณิตศาสตร์ จากนั้นเป็น A (Ask Questions) ซึ่งใช้เทคนิค Think-Pair-Share ให้นักเรียนได้ฝึกตั้งคำถามและแลกเปลี่ยนความคิดเห็น ต่อด้วย N (Navigate Problems) มอบโจทย์ท้าทายที่ต้องใช้หลายทักษะในการแก้ปัญหา ในขั้น G (Game-based Learning) จะออกแบบเกมคณิตศาสตร์เพื่อสร้างบรรยากาศการเรียนที่สนุกและท้าทายต่อด้วย C (Collaboration with Technology) ใช้สื่อดิจิทัล แอปพลิ เคชัน หรือเว็บไซต์เพื่อฝึกทักษะและขยายการเรียนรู้นอกห้องเรียน ส่วน H (Hands-on Activities) เน้นการลงมือทำผ่านอุปกรณ์จริงหรือบล็อกคณิตศาสตร์เพื่อสร้างความเข้าใจเชิงรูปธรรม เมื่อมีพื้นฐานแล้วจึงเข้าสู่ A (Apply Knowledge) ให้นักเรียนประยุกต์ใช้คณิตศาสตร์ในสถานการณ์จริง เช่น การคำนวณค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน จากนั้นเป็น O (Open-ended Tasks) ที่ออกแบบโจทย์ให้มีคำตอบได้หลากหลายเพื่อกระตุ้นความคิดสร้างสรรค์ และปิดท้ายด้วย N (Narrative Learning) ซึ่งสอดแทรกโจทย์คณิตศาสตร์ในเรื่องเล่าหรือสถานการณ์สมมติ ขั้นตอนทั้งหมดนี้ถูกเรียงลำดับจากกิจกรรมที่เน้นความร่วมมือ → การคิดเชิงลึก → การลงมือทำ → การประยุกต์ใช้จริง เพื่อสร้างกระบวนการเรียนรู้ครบวงจร

การพัฒนานวัตกรรมนี้มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการยกระดับคุณภาพการเรียนการสอนคณิตศาสตร์ในระดับประถมศึกษา และยังมุ่งพัฒนาทักษะสำคัญของศตวรรษที่ 21 ได้แก่ การคิดวิเคราะห์ การทำงานร่วมกัน การสื่อสารอย่างมีประสิทธิภาพ และการใช้เทคโนโลยีเพื่อการเรียนรู้ ที่สำคัญคือช่วยให้คณิตศาสตร์ไม่เป็นเพียงวิชาที่อยู่ในตำรา แต่สามารถประยุกต์ใช้ได้จริงในชีวิตประจำวัน ส่งผลให้ผู้เรียนเกิดความเข้าใจลึกซึ้งและพร้อมเผชิญปัญหาในโลกจริงอย่างมั่นใจ เพื่อแก้ไขปัญหานี้จำเป็นต้องมี นวัตกรรมการเรียนรู้ที่บูรณาการกิจกรรมหลากหลาย ทั้งเชิงรุก (Active Learning) การใช้เทคโนโลยี การเรียนรู้ผ่านเกม และการเชื่อมโยงกับชีวิตจริง จึงเป็นที่มาของ WANGCHA-ON MODEL ซึ่งพัฒนาขึ้นเพื่อยกระดับสมรรถนะคณิตศาสตร์ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 โรงเรียนบ้านวังชะโอน

1.2 วัตถุประสงค์และเป้าหมาย

วัตถุประสงค์ของนวัตกรรม

1. เพื่อพัฒนาทักษะการคิดวิเคราะห์และแก้ปัญหาคณิตศาสตร์ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5อย่างครบถ้วน

2. เพื่อส่งเสริมการทำงานร่วมกันและการสื่อสารระหว่างนักเรียนผ่านกิจกรรมกลุ่ม

3. เพื่อเพิ่มแรงจูงใจและทัศนคติเชิงบวกในการเรียนคณิตศาสตร์ด้วยการเรียนรู้ผ่านเกมและเทคโนโลยี

เป้าหมายเชิงปริมาณและเชิงคุณภาพ

เชิงปริมาณ

1. นักเรียนชั้น ป.5 มีคะแนนเฉลี่ยทักษะการคิดวิเคราะห์และแก้ปัญหาคณิตศาสตร์เพิ่มขึ้นไม่น้อยกว่า 20% หลังใช้ นวัตกรรม WANGCHA-ON MODEL ปลุกพลังคณิตคิดสร้างสรรค์

2. ร้อยละ 80 ของนักเรียนมีส่วนร่วมอย่างเต็มที่ในกิจกรรมกลุ่มและการเรียนรู้เชิงรุก

3. ร้อยละ 85 ของนักเรียนแสดงทัศนคติเชิงบวกและสนุกสนานกับการเรียนคณิตศาสตร์ ตามผลสำรวจความพึงพอใจ

เชิงคุณภาพ

1. นักเรียนสามารถทำงานร่วมกับเพื่อนร่วมกลุ่มได้อย่างมีประสิทธิภาพและแสดงทักษะการสื่อสารที่ดีขึ้น

2. นักเรียนแสดงให้เห็นถึงความสามารถในการประยุกต์ใช้ความรู้คณิตศาสตร์ในสถานการณ์จริงอย่างเหมาะสม

3. ผู้สอนเห็นการเปลี่ยนแปลงในพฤติกรรมการเรียนรู้ของนักเรียน เช่น การตั้งคำถามและความกระตือรือร้นในการแก้โจทย์

4. สภาพแวดล้อมการเรียนรู้มีความสนุกสนานและเอื้อต่อการเรียนรู้เชิงรุกอย่างต่อเนื่อง

จากการดำเนินงานนวัตกรรม พบว่าผลการเรียนของนักเรียนมีการพัฒนาขึ้นอย่างชัดเจน โดยคะแนนเฉลี่ยก่อนใช้เท่ากับ 65.25 ± 8.47 และคะแนนเฉลี่ยหลังใช้เท่ากับ 82.00 ± 7.36 แสดงให้เห็นถึงการเพิ่มขึ้นของผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนอย่างมีนัยสำคัญ นอกจากนี้ ในด้านพฤติกรรมการทำงานกลุ่ม พบว่านักเรียนมีส่วนร่วมในกิจกรรมอย่างเต็มที่จำนวน 10 คนจาก 12 คน คิดเป็นร้อยละ 83.3 ซึ่งสอดคล้องกับข้อมูลเชิงคุณภาพที่ชี้ว่านักเรียนมีการทำงานร่วมกันอย่างมีประสิทธิภาพ แสดงทักษะการสื่อสารและความร่วมมือที่ดียิ่งขึ้น

ในส่วนของความพึงพอใจ พบว่า นักเรียนจำนวน 11 คนจาก 12 คน หรือร้อยละ 91.7 มีความพึงพอใจและรู้สึกสนุกสนานกับการเรียน โดยนักเรียนให้เหตุผลว่ากิจกรรมมีความน่าสนใจ ท้าทาย และช่วยเพิ่มความเข้าใจเนื้อหาได้ดีขึ้น สำหรับข้อมูลเชิงคุณภาพจากการสัมภาษณ์ พบว่ากิจกรรมดังกล่าวช่วยส่งเสริมการคิดวิเคราะห์ การนำความรู้ไปประยุกต์ใช้ในสถานการณ์จริง ตลอดจนสร้างทัศนคติที่ดีต่อการเรียนรู้

โพสต์โดย นภาพร แก้วแสงทอง : [13 ส.ค. 2568 (15:48 น.)]
อ่าน [58582] ไอพี : 203.172.244.47
หากข้อความนี้ไม่เหมาะสม คลิก คลิกปุ่มนี้ หากเห็นว่าข้อความนี้ไม่เหมาะสม
Advertisement

 
 

โปรดอ่านกฎกติกาก่อนแสดงความเห็น
1. ข้อความของท่านจะขึ้นแสดงโดยอัตโนมัติทันทีที่ได้รับข้อมูล
2.
ห้ามโพสต์ ข้อความยั่วยุให้เกิดความรุนแรงทางสังคม ข้อความที่ก่อให้เกิดความเสียหายและเสื่อมเสียต่อบุคคลที่สาม, เบอร์โทรศัพท์,
รูปภาพที่ไม่เหมาะสมต่อเยาวชนหรือภาพลามกอนาจาร หรือกระทบถึงสถาบันอันเป็นที่เคารพ
ขอให้ผู้ตั้งกระทู้รับผิดชอบตัวเอง
และรับผิดชอบต่อสังคม ถ้ารูปภาพ หรือข้อความใดส่งผลกระทบต่อบุคคลอื่น ทีมงานพร้อมจะส่งรายละเอียดให้เจ้าหน้าที่
เพื่อตามจับตัวผู้กระทำผิดต่อไป

3.
สมาชิกที่โพสต์สิ่งเหล่านี้ อาจถูกดำเนินคดีทางกฎหมายจากผู้เสียหายได้
4. ไม่อนุญาตให้มีการโฆษณาสินค้าใด ๆ ทั้งสิ้น ทั้งทางตรงและทางอ้อม
5. ทุกความคิดเห็นเป็นข้อความที่ทางผู้เยี่ยมชมเข้ามาร่วมตั้งกระทู้ในเว็บไซต์ ทางเว็บไซต์ kroobannok.com ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ ทั้งสิ้น
6. ทางทีมงานขอสงวนสิทธิ์ในการลบกระทู้ที่ไม่เหมาะสมได้ทันที โดยไม่ต้องมีการชี้แจงเหตุผลใดๆ ต่อเจ้าของความเห็นนั้นทั้งสิ้น

7. หากพบเห็นรูปภาพ หรือข้อความที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งมาที่อีเมล์ kornkham@hotmail.com เพื่อทำการลบออกจากระบบต่อไป


 ** พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.๒๕๕๐**

ขออภัยในความไม่สะดวก เนื่องจากเราประสบปัญหา
มีผู้โพสต์ข้อความที่หมิ่นเหม่และไม่เหมาะสมเป็นจำนวนมาก
ครูบ้านนอกดอทคอมจึงขอความร่วมมือสมาชิก
กรุณาเข้าสู่ระบบก่อนแสดงความเห็นครับ


  

สมัครสมาชิกใหม่
 

 

Advertisement

≡ เรื่องน่าอ่าน/สาระน่ารู้ ≡

เปิดอ่าน 17,468 ครั้ง
การเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา
การเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา

เปิดอ่าน 15,121 ครั้ง
แนวปฎิบัติการจัดทำเอกสารหลักฐานการศึกษาสำหรับโรงเรียนต้นแบบและโรงเรียนพร้อมใช้หลักสูตรแกนกลางฯ2551
แนวปฎิบัติการจัดทำเอกสารหลักฐานการศึกษาสำหรับโรงเรียนต้นแบบและโรงเรียนพร้อมใช้หลักสูตรแกนกลางฯ2551

เปิดอ่าน 11,444 ครั้ง
คิดยกกำลังสอง: มองแดนซามูไร…แก้ไขปัญหาโรงเรียนขนาดเล็ก
คิดยกกำลังสอง: มองแดนซามูไร…แก้ไขปัญหาโรงเรียนขนาดเล็ก

เปิดอ่าน 12,134 ครั้ง
เคล็ดลับการถ่ายภาพ ทะเล ให้สวยถูกใจ
เคล็ดลับการถ่ายภาพ ทะเล ให้สวยถูกใจ

เปิดอ่าน 18,992 ครั้ง
การใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารเพื่อการปฏิรูปการเรียนการสอน
การใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารเพื่อการปฏิรูปการเรียนการสอน

เปิดอ่าน 12,046 ครั้ง
เศรษฐศาสตร์มนุษย์เงินเดือน
เศรษฐศาสตร์มนุษย์เงินเดือน

เปิดอ่าน 25,062 ครั้ง
การใช้ใบเสร็จรับเงินจากช่องทางการให้บริการด้านอิเล็กทรอนิกส์เป็นหลักฐานในการประกอบการเบิกค่าเช่าบ้านข้าราชการ (ว 34)
การใช้ใบเสร็จรับเงินจากช่องทางการให้บริการด้านอิเล็กทรอนิกส์เป็นหลักฐานในการประกอบการเบิกค่าเช่าบ้านข้าราชการ (ว 34)

เปิดอ่าน 14,666 ครั้ง
เลี้ยงลูกรักให้มีพัฒนาการสมวัย
เลี้ยงลูกรักให้มีพัฒนาการสมวัย

เปิดอ่าน 12,406 ครั้ง
วิธีแก้เมื่อลืมกินยาตามเวลา
วิธีแก้เมื่อลืมกินยาตามเวลา

เปิดอ่าน 11,534 ครั้ง
รวมฮิต Fail/Win ฮาๆ เดือนกุมภาพันธ์
รวมฮิต Fail/Win ฮาๆ เดือนกุมภาพันธ์

เปิดอ่าน 17,884 ครั้ง
แนวปฏิบัติการเสนอหนังสือราชการของสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน
แนวปฏิบัติการเสนอหนังสือราชการของสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน

เปิดอ่าน 29,212 ครั้ง
องค์ประกอบของมัลติมีเดีย
องค์ประกอบของมัลติมีเดีย

เปิดอ่าน 97,672 ครั้ง
จะใช้คำว่าทัศนะและทรรศนะได้เมื่อไหร่
จะใช้คำว่าทัศนะและทรรศนะได้เมื่อไหร่

เปิดอ่าน 23,163 ครั้ง
ฟักทอง เต็มเปี่ยมด้วยประโยชน์
ฟักทอง เต็มเปี่ยมด้วยประโยชน์

เปิดอ่าน 177,283 ครั้ง
งานแกะสลักไม้
งานแกะสลักไม้

เปิดอ่าน 34,734 ครั้ง
คู่มือเรียนรู้และปฏิบัติการ การวิจัยในชั้นเรียน พลศึกษา
คู่มือเรียนรู้และปฏิบัติการ การวิจัยในชั้นเรียน พลศึกษา
เปิดอ่าน 9,787 ครั้ง
คนชอบนอนกลางวันสมองบรรเจิดจินตนาการ
คนชอบนอนกลางวันสมองบรรเจิดจินตนาการ
เปิดอ่าน 6,383 ครั้ง
สูตรคำนวณการหาคะแนนพัฒนาการสัมพัทธ์(GainScore) สำหรับการทำวิจัย : กิติศักดิ์ ดีพื้น โรงเรียนสุนทรภู่พิทยา จังหวัดระยอง
สูตรคำนวณการหาคะแนนพัฒนาการสัมพัทธ์(GainScore) สำหรับการทำวิจัย : กิติศักดิ์ ดีพื้น โรงเรียนสุนทรภู่พิทยา จังหวัดระยอง
เปิดอ่าน 14,783 ครั้ง
ข้อบังคับคุรุสภา ว่าด้วยการจดทะเบียนเป็นสมาชิกคุรุสภา พ.ศ.2553
ข้อบังคับคุรุสภา ว่าด้วยการจดทะเบียนเป็นสมาชิกคุรุสภา พ.ศ.2553
เปิดอ่าน 19,273 ครั้ง
ว่านหางจระเข้ สมุนไพรสารพัดประโยชน์
ว่านหางจระเข้ สมุนไพรสารพัดประโยชน์

รายการหลัก

หน้าแรก
ข่าว/บทความ
สมุดเยี่ยม
กระดานสนทนา
เว็บลิงค์
ผู้จัดทำเว็บครูบ้านนอก
ข้อมูลบุคคล
ภาพกิจกรรม
ผู้สนับสนุน

สมาชิก

เข้าสู่ระบบ
คุณครูต้องรู้ไว้
รวมแบบฟอร์มต่างๆ

เว็บน่าสนใจ

เว็บไซต์ สพฐ.
กระทรวงศึกษาธิการ
ติวสอบ GED
ติวสอบ SAT
เครื่องมือวัด
เครื่องมืออุตสาหกรรม
เกมส์
แหล่งรวมเกมส์

แหล่งรวมเกมส์



 เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ มากมาย
เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ คลายเครียด

เกมส์ รวมเกมส์ เกมส์แข่งรถ เกมส์ต่อสู้ เกมส์ภาษา เกมส์วางระเบิด เกมส์แต่งตัว เกมส์ท่องเที่ยว เกมส์หมากฮอส เกมส์ผจญภัย เกมส์เต้น เกมส์รถ เกมส์ดนตรี เกมส์ขายของ เกมส์ฝึกสมอง เกมส์เด็กๆ เกมส์ปลูกผัก เกมส์การ์ด เกมส์จับผิดภาพ เกมส์ตลก เกมส์ตัดผม เกมส์ก้านกล้วย เกมส์ทําอาหาร เกมส์เลี้ยงสัตว์ เกมส์ผี เกมส์จับคู่ เกมส์กีฬา เกมส์เศรษฐี เกมส์ฝึกทักษะ เกมส์วางแผน เกมส์จีบหนุ่ม เกมส์มาริโอ เกมส์ระบายสี เกมส์จีบสาว เกมส์เบ็นเท็น เกมส์ยิง เกมส์ยาน เกมส์สร้างเมือง เกมส์มันส์ๆ เกมส์แต่งบ้าน เกมส์ความรู้
      kroobannok.com

© 2000-2020 Kroobannok.com  
All rights reserved.


Design by : kroobannok.com


ครูบ้านนอกดอทคอม
การจัดอันดับของ Truehits Web Directory

วิธีนำแบนเนอร์ของครูบ้านนอก.คอมไปแปะในเว็บท่าน บันทึกภาพแบนเนอร์นี้และลิงค์มาที่เราครับ (มีแบนเนอร์ 2 แบบ)
 

ครูบ้านนอกดอทคอม เว็บไซต์ของครูตัวเล็กๆ คนหนึ่ง ที่หวังเพียง ใช้เป็นช่องทางในการสื่อสาร แลกเปลี่ยน เพิ่มพูนความรู้ และให้ข่าวสาร ที่ทันสมัยต่อเหตุการณ์แก่คุณครู ผู้ปฏิบัติงานในทุกพื้นที่ของประเทศไทย เพื่อความเจริญงอกงามในปัญญา และเจริญก้าวหน้าในวิชาชีพ

เว็บนี้ถือกำเนิดเมื่อ 5 มกราคม 2548

Email : kornkham@hotmail.com
Tel : 096-7158383

สนใจสนับสนุนเรา โดยลงโฆษณา
คลิกดูรายละเอียดที่นี่ครับ