ความเป็นมาของนวัตกรรมการศึกษา
ความเป็นมาและสภาพปัญหา
ในยุคศตวรรษที่ 21 การจัดการศึกษามิได้มุ่งเน้นเพียงการพัฒนาองค์ความรู้ในรายวิชาต่าง ๆ เท่านั้น แต่ยังให้ความสำคัญกับการพัฒนาทักษะสำคัญที่ผู้เรียนควรมีเพื่อให้สามารถปรับตัวและดำรงชีวิตได้อย่างมีประสิทธิภาพในสังคมที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว หนึ่งในทักษะที่มีความจำเป็นอย่างยิ่ง คือ ทักษะการสื่อสาร (Communication Skills) ซึ่งหมายถึง ความสามารถในการส่งสารและรับสารอย่างมีประสิทธิภาพ ไม่ว่าจะเป็นการพูด การฟัง การอ่าน หรือการเขียน ควบคู่กับ ความกล้าแสดงออก (Self-confidence in Expression) ซึ่งหมายถึง ความมั่นใจในการนำเสนอความคิดเห็น การแสดงออกถึงความรู้สึก ความต้องการ หรือความคิดสร้างสรรค์ของตนอย่างเหมาะสมในสถานการณ์ต่าง ๆ โดยเฉพาะในระดับประถมศึกษาที่เป็นช่วงวัยแห่งการวางรากฐานสำคัญในทุกมิติของพัฒนาการด้านสังคมและอารมณ์ ซึ่งมีความสัมพันธ์โดยตรงกับการสื่อสารและความกล้าแสดงออก ผู้เรียนในช่วงวัยนี้เริ่มจะต้องเข้าสู่ระบบการเรียนรู้ร่วมกับผู้อื่น เริ่มมีการสื่อสารกับเพื่อน ครู และบุคคลอื่นในสังคมมากขึ้น การมีทักษะการสื่อสารที่ดีจะช่วยให้นักเรียนสามารถแลกเปลี่ยนความคิดเห็น แสดงความคิดเห็นในห้องเรียน ซักถามสิ่งที่ไม่เข้าใจ และมีส่วนร่วมในกิจกรรมการเรียนรู้อย่างกระตือรือร้น ในขณะเดียวกัน ความกล้าแสดงออกจะช่วยส่งเสริมให้ผู้เรียนมีความมั่นใจในตนเอง กล้าคิด กล้าพูด กล้าทำ และสามารถแสดงศักยภาพของตนได้อย่างเต็มที่
ซึ่งการสื่อสารที่ดีและมีประสิทธิภาพจะทำให้เกิดความเข้าใจที่ตรงกันและตรงตามเป้าหมายที่วางไว้ เพื่อเป็นสื่อกลางในการสร้างความเข้าใจ และการติดต่อสื่อสารกันภายในสังคมนั้น ๆ ตามพระราชบัญญัติการศึกษา แห่งชาติ พ.ศ. 2542 ที่มีการแก้ไขเพิ่มเติมใน พ.ศ. 2553 มาตรา 23 ระบุว่า ภาษาไทยเป็นภาษาประจำชาติของคนไทย ดังนั้น จึงควรให้ความสำคัญกับการส่งเสริมการใช้และการอนุรักษ์ภาษาท้องถิ่นและภาษาไทยให้ถูกต้องและเหมาะสมการใช้ภาษาไทยอย่างมีประสิทธิภาพจึงเป็นทักษะที่ต้องได้รับการฝึกฝน
จากการสังเกตพฤติกรรมของนักเรียนระดับชั้นประถมศึกษาของโรงเรียนวัดโคกแจงฯ พบว่า นักเรียนโรงเรียนวัดโคกแจงฯจำนวนไม่น้อย ยังขาดทักษะการสื่อสาร ซึ่งเป็นสิ่งจำเป็นทั้งในชีวิตประจำวันและการทำงาน ขาดความมั่นใจในการพูดต่อหน้าชุมชน ไม่กล้าแสดงความเห็นในชั้นเรียน ไม่สามารถสื่อสารความคิดของตนเองได้อย่างชัดเจน และมักเลือกที่จะเงียบหรือตอบแบบสั้น ๆ แม้จะมีโอกาสในการแสดงความคิดเห็น ปัจจัยเหล่านี้ส่งผลต่อการเรียนรู้ในห้องเรียน การมีส่วนร่วมในกิจกรรม และพัฒนาการในด้านบุคลิกภาพโดยรวม นอกจากนี้ สภาพสังคมในปัจจุบันที่เด็กใช้เทคโนโลยีในการสื่อสารมากกว่าการสื่อสารแบบเผชิญหน้า (face-to-face communication) อาจส่งผลให้โอกาสในการฝึกฝนทักษะการพูด ฟัง และการแสดงออกลดลง ขณะที่การจัดกิจกรรมในโรงเรียนบางกิจกรรมยังมุ่งเน้นการถ่ายทอดความรู้แบบทางเดียวมากกว่าการเปิดโอกาสให้นักเรียนได้มีส่วนร่วมในการสื่อสารหรือแสดงออกอย่างหลากหลาย
ด้วยเหตุนี้โรงเรียนวัดโคกแจงฯ จึงเล็งเห็นถึงความสำคัญในการการส่งเสริมและพัฒนาทักษะการสื่อสารควบคู่กับความกล้าแสดงออกเพื่อเสริมสร้างกระบวนการพัฒนาทักษะการสื่อสารและการนำเสนออย่างมีประสิทธิภาพให้กับนักเรียน เพื่อช่วยแก้ไขปัญหาทักษะการสื่อสารและทำ ให้นักเรียนมีความสนใจบทเรียนมากขึ้น ทั้งยังเป็นความท้าทายสำคัญสำหรับผู้บริหาร สถานศึกษา ซึ่งจำเป็นต้องพัฒนานักเรียนให้มีความรู้ ความเข้าใจ และทักษะการสื่อสารที่เหมาะสม ที่เป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่งสำหรับนักเรียนระดับประถมศึกษา ทั้งในด้านการเรียนรู้ การเข้าสังคม และการเตรียมความพร้อมสู่การเป็นพลเมืองที่มีคุณภาพในอนาคต เพื่อสร้างทรัพยากรมนุษย์ที่มีคุณภาพและสามารถตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงรวดเร็วในยุคศตวรรษที่ 21 ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
วัตถุประสงค์เป้าหมายการพัฒนานวัตกรรมการศึกษา
1. เพื่อพัฒนาทักษะการพูดและการสื่อสารอย่างมีประสิทธิภาพ ให้นักเรียนสามารถพูดสื่อสารได้อย่างชัดเจน ถูกต้อง และเหมาะสมกับบริบทของตนเอง
2. เพื่อเสริมสร้างความกล้าแสดงออกในเชิงสร้างสรรค์ส่งเสริมให้นักเรียนมีความมั่นใจในการนำเสนอความคิด ความรู้ และความคิดเห็นของตนเอง
3. เพื่อกระตุ้นการเรียนรู้ผ่านกิจกรรมที่เน้นการมีส่วนร่วมและการสื่อสารระหว่างกัน ใช้กระบวนการกลุ่ม การนำเสนอ การอภิปราย เพื่อฝึกทักษะสังคม
4. เพื่อสร้างบรรยากาศการเรียนรู้ที่เปิดโอกาสให้นักเรียนได้ฝึกการพูดในสถานการณ์จริง เช่น การแนะนำสถานที่ แสดงบทบาทสมมติ หรือจัดนิทรรศการ
ผลการดำเนินงาน
1. ด้านผู้เรียน
- ผู้เรียนมีพัฒนาการด้านความกล้าแสดงออกอย่างชัดเจน ทั้งในการพูดหน้าชั้น แสดงบทบาทสมมติ และการอภิปรายกลุ่ม
- ผู้เรียนมีทักษะการสื่อสาร ความมั่นใจ และการแสดงความคิดเห็นของผู้เรียนดีขึ้นกว่าช่วงก่อนเริ่มโครงการ
- ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนในวิชาที่นำกิจกรรม Active Learning ไปใช้มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น
- ผู้เรียนมีความสุขและสนุกกับการเรียนรู้มากขึ้น (จากแบบสอบถามความพึงพอใจ)
2. ด้านครูผู้สอน
- ครูสามารถออกแบบกิจกรรมการเรียนรู้แบบ Active Learning ได้อย่างเหมาะสมกับช่วงชั้น
- ครูมีทักษะในการส่งเสริมความกล้าแสดงออกของนักเรียน เช่น การตั้งคำถาม การให้พื้นที่ปลอดภัย
- ครูสามารถวิเคราะห์และสะท้อนผลการจัดการเรียนรู้ร่วมกับเพื่อนครูในวง PLC ได้
3. ด้านโรงเรียนและชุมชน
- โรงเรียนมีต้นแบบกิจกรรมการเรียนรู้ที่สามารถเผยแพร่ขยายผลได้
- ชุมชนให้ความร่วมมือในการจัดกิจกรรม เช่น โครงงานที่เชื่อมโยงกับภูมิปัญญาท้องถิ่น
- ภาพลักษณ์ของโรงเรียนในด้านการพัฒนาทักษะนักเรียนดีขึ้น