บทสรุปผู้บริหาร
รูปแบบการบริหารจัดการสถานศึกษา RIDER Model เพื่อพัฒนาการอ่านออกเขียนได้ของนักเรียนประถมศึกษา โรงเรียนวัดไก่เส่า(พันธุ์พิทยาคาร) โดยเป็นกระบวนการอย่างเป็นระบบใช้แนวคิดทฤษฎีเชิงระบบ (Systems Approach) เป็นกรอบการบริหารสถานศึกษา เพื่อพัฒนาการอ่านออกเขียนได้ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 - 6 โรงเรียนวัดไก่เส่า(พันธุ์พิทยาคาร) เพื่อยกระดับผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน พัฒนาครูครูผู้สอน ให้มีนวัตกรรมการจัดการเรียนรู้ ที่ส่งเสริมทักษะของนักเรียนให้อ่านออก เขียนได้ สามารถวางแผนการจัดการเรียนรู้ที่หลากหลายเหมาะสมกับสถานการณ์ เพื่อให้สอดคล้องกับนโยบายและจุดเน้นในระดับต่างๆ และส่งเสริมให้ผู้เรียนมีทักษะการอ่านออก การเขียน และลายมือสวยที่เหมาะสมกับวัย เต็มศักยภาพและเรียนรู้อย่างมีความสุข มีกระบวนการสำคัญที่ดำเนินการได้แก่
ขั้นตอนที่ 1 การศึกษาข้อมูลและวางแผนพัฒนา เป็นการศึกษาสภาพปัญหาและข้อมูลพื้นฐานของนักเรียน รวบรวมข้อมูลพื้นฐาน การวิเคราะห์บริบทของโรงเรียน ศึกษาความต้องการและความคิดเห็นของครูและผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง วางแผนพัฒนา กำหนดเป้าหมายการพัฒนา
ขั้นที่ 2 สร้างนวัตกรรมเพื่อส่งเสริมการเรียนรู้ โดยใช้กระบวนการชุมชนการเรียนรู้ทางวิชาชีพ (PLC) ในการวิเคราะห์ปัญหาและความต้องการของผู้เรียน การกำหนดวัตถุประสงค์ของนวัตกรรม การออกแบบนวัตกรรม การสร้างและผลิตนวัตกรรม การปรับปรุงและพัฒนา
ขั้นตอนที่ 3 พัฒนาและจัดการเรียนรู้ จัดกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน นำนวัตกรรมไปใช้จริงในห้องเรียน
นักเรียนกลุ่มเป้าหมาย ดำเนินโครงการและกิจกรรมตามแผนปฏิบัติการเพื่อพัฒนาการอ่านออกเขียนได้
ขั้นตอนที่ 4 ร่วมกันประเมินและสะท้อนผล
ขั้นตอนที่ 5 สรุปผลและปรับปรุงพัฒนาให้ดียิ่งขึ้น เพื่อพัฒนาแก้ไขปัญหานักเรียนให้มีทักษะการอ่าน
การเขียนที่เหมาะสมตามวัย ภายใต้แนวคิดหลักวงจรคุณภาพ PDCA เพื่อให้ทุกระดับชั้นให้ มีทักษะการอ่านออก การเขียน ที่เหมาะสมตามวัย เต็มศักยภาพและเรียนรู้อย่างมีความสุข
ส่งผลให้สถานศึกษาประสบผลสำเร็จดังนี้
1. ผลการทดสอบระดับชาติขั้นพื้นฐาน (O-NET) ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ปีการศึกษา 2567 มีค่าเฉลี่ยสูงกว่าปีการศึกษา 2566 เพิ่มขึ้นร้อยละ 12.81 และสูงกว่าค่าเฉลี่ยในระดับประเทศ
2. ผลการประเมินความสามารถด้านการอ่านของผู้เรียน (Reading Test : RT) ชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 ปีการศึกษา 2567 มีค่าเฉลี่ยสูงกว่าปีการศึกษา 2566 เพิ่มขึ้นร้อยละ 30.44 และสูงกว่าค่าเฉลี่ยในระดับประเทศ
3. รางวัลทรงคุณค่า สพฐ. OBEC AWARDS ครั้งที่ 12 ระดับภาคกลางและภาคตะวันออก ระดับเหรียญทอง สถานศึกษายอดเยี่ยม ประเภทประถมศึกษาขนาดกลาง ด้านบริหารจัดการ
ผลการดำเนินงานภาพรวมพบว่า
1. นักเรียนมีพัฒนาการด้านการอ่านออกเขียนได้ที่สูงขึ้น สามารถอ่านออกเสียงได้อย่างถูกต้อง
มีทักษะการคิดและการสื่อสารดีขึ้น มีทักษะการจับใจความสำคัญ สรุปความ ตั้งคำถามจากเรื่องที่อ่าน สามารถถ่ายทอดความคิดของตนเองผ่านการอ่านและการเขียนได้เป็นขั้นตอน มีเจตคติที่ดีต่อการเรียนภาษาไทย กล้าแสดงออกทางความคิด กล้าตอบและร่วมกิจกรรมการเรียนรู้ได้อย่างมีความสุข
2. ครูมีทักษะในการจัดการเรียนรู้เชิงรุก (Active Learning) สามารถออกแบบกิจกรรมการเรียนรู้แบบมีส่วนร่วม เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ จัดกิจกรรมให้เหมาะสมกับศักยภาพของผู้เรียนอย่างหลากหลายพัฒนาทักษะการจัดทำสื่อและนวัตกรรม มีทักษะในการผลิตและประยุกต์ใช้ พัฒนาตนเองอย่างต่อเนื่อง
ปัจจัยความสำเร็จ
1. ผู้บริหารสนับสนุนงบประมาณในการจัดหาวัสดุอุปกรณ์ สื่อ เทคโนโลยี สำหรับจัดกิจกรรมการเรียนการสอนและงบประมาณสำหรับจัดกิจกรรมเพื่อให้นักเรียนได้รับการพัฒนาและเกิดทักษะวิชาการทั้งยังให้ขวัญกำลังใจครูโดยการส่งเสริมและสนับสนุนให้มีโอกาสเข้ารับการพัฒนาตนเองอย่างสม่ำเสมอ และมีภาวะผู้นำทางวิชาการของผู้บริหาร มีวิสัยทัศน์ชัดเจนในการพัฒนาคุณภาพผู้เรียนด้านการอ่าน การเขียน
2. ครูและบุคลากรทุกคนให้ความร่วมมือในการส่งเสริมให้นักเรียนมีทักษะด้านวิชาการเต็มตามศักยภาพผู้เรียน มีความมุ่งมั่นและมีทักษะของครูผู้สอน มีความตั้งใจในการแก้ปัญหา นักเรียนอ่านไม่ออก เขียนไม่ได้ อย่างตรงจุด
3. ผู้ปกครองให้ความร่วมมือในการช่วยเหลือประสานงานในด้านการเรียน และด้านพฤติกรรมนักเรียน
บทเรียนที่ได้รับ
1. การบริหารจัดการสถานศึกษา อย่างเป็นระบบต้องเริ่มจากการวิเคราะห์ข้อมูลที่แท้จริง สภาพปัญหาที่เกิดขึ้นในสถานศึกษา ข้อมูลจากการคัดกรองนักเรียนเป็นพื้นฐานช่วยให้การวางแผนการสอนและการพัฒนา มีเป้าหมายชัดเจนโรงเรียนสามารถกำหนดแนวทางการพัฒนารายนักเรียนได้ชัดเจน และแก้ปัญหาได้ตรงจุด
2. บทบาทของผู้บริหารสถานศึกษา ภาวะผู้นำทางวิชาการมีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนผู้บริหารที่มีความเข้าใจในงานวิชาการสามารถวางแผน และการดำเนินงาน สนับสนุนครู ได้อย่างมีประสิทธิภาพ