ที่มาและความสำคัญ
พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พุทธศักราช 2542 และที่แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2545 เห็นความสำคัญของการจัดการศึกษา จึงกำหนดไว้ในหมวด 4 มาตราที่ 22 30 ในส่วนที่ เกี่ยวกับการบริหารจัดการ กำหนดไว้ในหมวดที่ 5 มาตราที่ 31 40 และการนิเทศภายในโดยเฉพาะ นั้น มีกำหนดไว้ในกฎกระทรวงว่าด้วยระบบ หลักเกณฑ์และวิธีการประกันคุณภาพภายในสถานศึกษา พ.ศ. 2542 ซึ่งกำหนดการกำกับ ติดตาม การจัดการศึกษาของผู้บริหารไว้อย่างชัดเจน นอกจากนี้ เกณฑ์การประเมินคุณภาพภายนอกของสำนักงานรับรองมาตรฐานและประกันคุณภาพการศึกษา (สมศ.) ยังได้กำหนดให้มีการนิเทศภายในเป็นส่วนหนึ่งของเกณฑ์การประเมินด้วย เพื่อให้ผู้บริหารสถานศึกษาได้ตระหนัก เห็นความสำคัญและนำไปปฏิบัติในโรงเรียนให้มีประสิทธิภาพและได้ผลอย่างเป็นรูปธรรม การนิเทศการศึกษา นับว่ามีบทบาทสำคัญต่อการพัฒนาครูให้สามารถจัดกิจกรรมและกระบวนการเรียนรู้ให้บรรลุผลตามจุดหมายของหลักสูตรได้ แต่ในอดีตที่ผ่านมาโรงเรียนบ้านชาคลีมีข้อจำกัดหลายประการที่่ทำให้ไม่สามารถปฏิบัติการนิเทศภายในได้ประสบผลสำเร็จเท่าที่ควร ไม่มีการกำหนดแผนการนิเทศที่ชัดเจน การนิเทศไม่เป็นไปตามปฏิทินการนิเทศ และเนื่องจากมีกิจกรรมด้านอื่น ๆ เข้ามาแทรกในการจัดกิจกรรมการเรียนจึงขาดความต่อเนื่อง เวลาในการร่วมนิเทศ จึงไม่ตรงกัน เกิดความเข้าใจคลาดเคลื่อน ด้วยเหตุนี้ผู้บริหารโรงเรียนจึงปรับรูปแบบการนิเทศภายใน เพื่อให้มีความต่อเนื่องและเกิดประโยชน์กับครูผู้สอนและนักเรียน จึงมอบหมายหัวหน้างานวิชาการและหัวหน้าระดับชั้นปฐมวัยเข้ามามีส่วนร่วมในการนิเทศภายในของโรงเรียน ผู้บริหาร ครูและบุคลากรได้ร่วมประชุม วางแผนการดำเนินงานนิเทศภายในอย่างเป็นรูปธรรม ด้วยกระบวนการ PLC พบว่า ครูผู้สอนของโรงเรียนบ้านชาคลี พบประเด็นปัญหา ดังนี้
1) แบบนิเทศการจัดการเรียนการสอนยังไม่ครอบคลุมกับสภาพความต้องการจำเป็น ที่เหมาะสมกับการจัดการเรียนการสอนภายในห้องเรียน
2) ครูผู้สอนมีภาระงานสนับสนุนมากเกินไป ขาดความต่อเนื่องในการสอน
3) ครูผู้สอนขาดเทคนิคและวิธีการสอน จึงต้องการแนวทางในการพัฒนานวัตกรรมการสอน
4) ครูผู้สอนไม่ใช้สื่อการสอน ไม่ใช้เทคโนโลยีเพื่อช่วยการอออกแบบการจัดการเรียนการสอน
5) ครูผู้สอนขาดการรับการนิเทศ กำกับ ติดตามอย่างต่อเนื่อง
ประเวศ วะสี (2556) กล่าวว่า ชุมชนแห่งการเรียนรู้ทางวิชาชีพ หมายถึง การรวมตัวกันของครูเพื่อร่วมกันจัดการความรู้โดยมีเป้าหมายร่วมกันที่มีผลต่อศิษย์ให้เกิดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนที่ดีขึ้น และเกิดผลดีต่อตัวครูเอง ให้มีความสามารถ มีความสุขและมีความก้าวหน้าทางวิชาชีพยิ่งขึ้น จึงเป็นกระบวนการ/กลไก ที่สนับสนุนให้ครูสร้างความรู้และนำความรู้ไปใช้ทำหน้าที่ครูเพื่อให้ผู้เรียน เกิดการเรียนรู้จริง (Mastery) รวมถึงการปรับบทบาทของครูสู่การเป็นผู้อำนวยความสะดวกในการเรียน (Learning Facilitator) หรือครูฝึก (Coach) และปรับห้องเรียนจากห้องสอนมาเป็นห้องเรียนรู้ ในลักษณะของการเรียนรู้แบบกลุ่ม เปลี่ยนจากการเรียนแบบแข่งขัน เป็นการเรียนแบบร่วมมือ วรลักษณ์ ชูกำเนิด และ เอกรินทร์ สังข์ทอง (2557) กล่าวว่า ชุมชนแห่งการเรียนรู้ทางวิชาชีพ หมายถึง การรวมตัว ร่วมใจ ร่วมพลัง ร่วมทำและร่วมเรียนรู้ของครู ผู้บริหารและนักการศึกษา บนพื้นฐานวัฒนธรรมความสัมพันธ์แบบกัลยาณมิตร ที่มีวิสัยทัศน์ คุณค่า เป้าหมายและภารกิจร่วมกัน และผู้บริหารในฐานะผู้ดูแลสนับสนุนการเรียนรู้และพัฒนาวิชาชีพเพื่อเปลี่ยนแปลงคุณภาพตนเองสู่คุณภาพการจัดการเรียนรู้ที่เน้นความสำเร็จหรือประสิทธิผลของผู้เรียนเป็นสำคัญ และความสุขในการทำงานร่วมกันของสมาชิกในชุมชน
จากปัญหาดังกล่าวข้างต้น คณะกรรมการนิเทศภายในสถานศึกษาตระหนักถึงความสำคัญของการนิเทศภายในที่ส่งผลต่อการพัฒนาคุณภาพการจัดการเรียนการสอน การนิเทศภายในเป็นกิจกรรมที่สำคัญที่สุดที่จะทำให้การจัดการเรียนการสอนของโรงเรียนดำเนินไปอย่างมีประสิทธิภาพ เป็นการส่งเสริมให้ครูผู้สอนได้ปรับปรุงคุณภาพการจัดการเรียนรู้ของนักเรียน ให้เป็นไปตามจุดมุ่งหมายของหลักสูตรที่กำหนด ผู้บริหารสถานศึกษาร่วมกับผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทุกฝ่าย ได้พัฒนา รูปแบบนิเทศภายในของสถานศึกษา คือ การนิเทศภายในแบบมีส่วนร่วม ผ่านกระบวนการ PLC เพื่อส่งเสริมการจัดการเรียนรู้เชิงรุก (Active Learning) ขึ้น ให้เหมาะสมสอดคล้องกับความต้องการของครูผู้สอน นักเรียน ผู้ปกครอง ชุมชน และยกระดับการจัดการศึกษาเพื่อพัฒนากระบวนการจัดการเรียนการสอนให้มีคุณภาพตามมาตรฐานการศึกษา