ค้นหาทุกอย่างในเว็บครูบ้านนอก :
ชุมชนครู บุคลากรทางการศึกษา และนักเรียน แหล่งความรู้สำหรับครู นักเรียน ข่าวการศึกษา ห้องสมุดความรู้ทุกกลุ่มสาระการเรียนรู้ และความรู้ทั่วไป เผยแพร่ผลงานวิชาการ ที่นี่


ค้นหากระทู้
ตั้งกระทู้คำถามใหม่ กลับหน้าที่แล้ว
 
Advertisement

“รหัสลับของเล่น” : TOY CODE MODEL เพื่อปลูกฝังวินัยการเก็บของเล่นเข้าที่อย่างเป็นระบบของเด็กปฐมวัยชั้นที่ 1 (อายุ 3-4 ปี) นางสาวขนิษฐา เฉลิมบุญ ครูโรงเรียนวัดโคกสมานคุณ

“รหัสลับของเล่น” : TOY CODE MODEL เพื่อปลูกฝังวินัยการเก็บของเล่นเข้าที่อย่างเป็นระบบของเด็กปฐมวัยชั้นที่ 1 (อายุ 3-4 ปี)

1.1 ความเป็นมาและสภาพของปัญหา

หลักสูตรการศึกษาปฐมวัย พ.ศ. 2560 ให้ความสำคัญกับการพัฒนาเด็กอย่างรอบด้าน ทั้งทางด้านร่างกาย อารมณ์ จิตใจ สังคม และสติปัญญา โดยมุ่งเน้นให้เด็กมีพัฒนาการที่สมวัย มีทักษะชีวิตขั้นพื้นฐาน และสามารถดำรงชีวิตร่วมกับผู้อื่นในสังคมได้อย่างมีความสุข หนึ่งในเป้าหมายสำคัญของหลักสูตร คือ การส่งเสริมคุณธรรม จริยธรรม และคุณลักษณะที่พึงประสงค์ ซึ่งถือเป็นรากฐานสำคัญในการพัฒนาเด็กให้เติบโตเป็น “คนดี” และ “พลเมืองดี” ในอนาคต โดยระบุชัดว่าเด็กควรได้รับการอบรมเลี้ยงดูและจัดประสบการณ์เรียนรู้ที่ส่งเสริมคุณธรรมตั้งแต่ในช่วงวัยปฐมวัย (กระทรวงศึกษาธิการ,2546)

จากแนวทางดังกล่าวการปลูกฝังคุณธรรมพื้นฐาน เรื่องวินัย ความรับผิดชอบ และความมีระเบียบ จึงเป็นสิ่งจำเป็นที่ควรเริ่มตั้งแต่ช่วงปฐมวัย โดยผ่านกิจกรรมในชีวิตประจำวันและการเล่นของเด็ก ตามแนวทางการส่งเสริมพัฒนาการของหลักสูตรการศึกษาปฐมวัย พ.ศ. 2560 ถือว่าการเล่นเป็นงานของเด็ก เด็กควรได้รับการเรียนรู้ผ่านการเล่น (Play-based Learning) ผลจากการวิเคราะห์พัฒนาการและคุณลักษณะตามวัยของแบบสังเกตพฤติกรรมเด็กปฐมวัยชั้นปีที่ 1 เรื่องการเก็บของเล่นเข้าที่ ประจำปีการศึกษา 2567 ซึ่งเป็นการสังเกตพฤติกรรมพื้นฐานที่สะท้อนวินัยและความรับผิดชอบต่อสิ่งของส่วนตัวและส่วนรวม พบว่าเด็กปฐมวัยชั้นปีที่ 1 (อายุ 3–4 ปี) ในภาคเรียนที่ 1 ของทุกปีการศึกษา เด็กส่วนใหญ่ยังขาดพฤติกรรมด้านความรับผิดชอบและระเบียบวินัย โดยเฉพาะในช่วงหลังจากการเล่นของเล่นตามมุมประสบการณ์เรียนรู้ในชั้นเรียน เด็กมักจะวางของเล่นไม่เป็นที่ ไม่เก็บเข้ากล่องหลังจากเล่นสิ้นสุดกิจกรรม และขาดความร่วมมือในการจัดระเบียบมุมเรียนรู้ของห้องเรียน ส่งผลให้เกิดความไม่เป็นระเบียบ ความไม่ปลอดภัย

จากพฤติกรรมดังกล่าว สะท้อนถึงความจำเป็นในการส่งเสริม วินัย และ ความรับผิดชอบ ผ่านวิธีการที่เหมาะสมกับพัฒนาการของเด็กปฐมวัย ซึ่งอยู่ในช่วงวัยที่เรียนรู้ได้ดีที่สุดจากการ เล่น การเลียนแบบ และการปฏิบัติจริง ดังนั้นการจัดประสบการณ์การเรียนรู้ควรอยู่บนพื้นฐานของการสร้างความเข้าใจอย่างเป็นธรรมชาติ ผ่านกิจกรรมที่เป็นรูปธรรม มีความสนุกสนาน และสอดคล้องกับวิถีชีวิตของเด็ก

1.2 แนวคิดหลักการสำคัญ

จากการสังเกตพฤติกรรมของเด็กปฐมวัยชั้นปีที่ 1 (อายุ 3–4 ปี) พบว่า มีปัญหาด้านการขาดวินัยและความรับผิดชอบในชีวิตประจำวัน เรื่องพฤติกรรมการเก็บของเล่นเข้าที่ สะท้อนถึงการที่เด็กไม่ได้เห็นความสำคัญของการจัดเก็บ และการขาดโอกาสในการฝึกฝนพฤติกรรมที่เหมาะสมอย่างเป็นระบบและสม่ำเสมอ เพื่อแก้ไขปัญหานี้ ข้าพเจ้าจึงได้มีการออกแบบนวัตกรรม “รหัสลับของเล่น” : TOY CODE MODEL โดยยึดหลักการสำคัญที่สอดคล้องกับพัฒนาการของเด็กปฐมวัย และแนวคิดทางการศึกษาที่เน้นการเรียนรู้จากการปฏิบัติจริงในการออกแบบได้ ดังนี้

1. กระบวนการเรียนรู้ Unplugged Coding เป็นแนวคิดการเรียนรู้พื้นฐานของการเขียนโปรแกรมโดยไม่ต้องใช้เทคโนโลยีหรืออุปกรณ์ดิจิทัล แต่ใช้ สัญลักษณ์ ภาพ คำสั่ง และลำดับขั้นตอน ในการจัดการหรือแก้ปัญหาอย่างเป็นระบบ หลักการนี้ถูกนำมาใช้ในการออกแบบ “รหัสลับของเล่น” โดยจัดทำสัญลักษณ์ภาพแทนคำสั่ง การสร้างภาพของเล่นประเภทต่าง ๆ จากการวางแผน ออกแบบ และสร้างภาพสัญลักษ์ด้วยตัวเด็ก ซึ่งช่วยให้เด็กสามารถเก็บของเล่นเข้าที่ได้ และฝึกวินัยผ่านกระบวนการโค้ดดิ้งอย่างง่าย ที่เด็กสามารถมีส่วนร่วมและปฏิบัติตามได้อย่างสนุกสนาน

2. แนวคิด Active Learning – การเรียนรู้แบบลงมือปฏิบัติ นวัตกรรมนี้ออกแบบให้เด็กได้เรียนรู้ผ่านการ ลงมือทำจริง (Learning by Doing) รสร้างสัญลักษ์ภาพ การสังเกตภาพ และจัดการเก็บของเล่นเข้าที่ ซึ่งเด็กเป็นผู้ลงมือปฏิบัติด้วยตนเองและมีส่วนร่วมอย่างเต็มที่ โดยครูมีบทบาทเป็นผู้จัดกิจกรรม ชี้แนะ และกระตุ้นให้เด็กเกิดการเรียนรู้อย่างมีความหมาย การเรียนรู้แบบ Active Learning นี้ส่งผลให้เด็กเกิดการเรียนรู้ที่ยั่งยืน ผ่านความเข้าใจและการทำซ้ำในบริบทจริง

3. แนวคิด HighScope – การเรียนรู้ที่ยึดเด็กเป็นศูนย์กลาง เน้นการให้เด็ก เลือก วางแผน ปฏิบัติ และสะท้อนผล (Plan-Do-Review) ซึ่งสอดคล้องกับองค์ประกอบของ“รหัสลับของเล่น” : TOY CODE MODEL โดยให้เด็กได้เลือกของเล่น วางแผนว่าจะเก็บอย่างไร ทำตามแผน และสะท้อนสิ่งที่ได้ทำ ส่งเสริมความคิดริเริ่ม ความรับผิดชอบต่อการกระทำ และทักษะการคิดอย่างมีระบบ

นวัตกรรมนี้สอดคล้องกับ ความต้องการกับกลุ่มเป้าหมาย ได้แก่ เด็กปฐมวัย ซึ่งเป็นวัยที่ต้องการการฝึกฝนซ้ำๆ ผ่านกิจกรรมที่เข้าใจง่าย และเกิดขึ้นจริงในชีวิตประจำวัน การเก็บของเล่นเข้าที่ คือพฤติกรรมพื้นฐานที่สะท้อนความรับผิดชอบ ความ

สำหรับสถานศึกษา โดยเฉพาะห้องเรียนอนุบาล นวัตกรรมนี้สามารถนำไปใช้ได้จริงในกิจวัตรประจำวัน โดยครูไม่จำเป็นต้องใช้เทคโนโลยีเพิ่มเติม สามารถนำองค์ประกอบ ที่ประยุกต์ของนวัตกรรมไปใช้ในห้องเรียน เพื่อปลูกฝังวินัย ช่วยลดภาระของครูในการสั่งซ้ำ และการส่งเสริมการเรียนรู้แบบมีส่วนร่วมและยั่งยืน

ในด้านชุมชนและครอบครัว นวัตกรรมนี้สามารถนำไปปรับใช้ในบ้านได้อย่างเหมาะสม ผู้ปกครองสามารถเด็กจดจำขั้นตอนการเก็บของเล่นได้เหมือนกันทั้งที่บ้านและโรงเรียน เป็นการเชื่อมโยงพฤติกรรมที่ดีจากโรงเรียนสู่บ้าน และส่งเสริมบทบาทของผู้ปกครองในการสร้างวินัยให้กับบุตรหลานอย่างต่อเนื่อง

นวัตกรรม “รหัสลับของเล่น” : TOY CODE MODEL สามารถเป็นแนวทางการปลูกฝังวินัยของเด็กปฐมวัยที่มีความสอดคล้องกับพัฒนาการของเด็ก ความต้องการของสถานศึกษา และบริบทของชุมชน

2.1 การจุดประสงค์ และเป้าหมาย

จุดประสงค์

1. เพื่อปลูกฝังวินัยของเด็กปฐมวัยชั้นปีที่ 1 (อายุ 3-4 ปี) ในการเก็บของเล่นเข้าที่อย่างเป็นระบบ ด้วยกระบวนการเรียนรู้ Unplugged coding

2. เพื่อให้ผู้ปกครองเข้าใจ และสามารถมีส่วนร่วมในการปลูกฝังวินัยการเก็บของเล่นเข้าที่ให้กับเด็กอย่างเป็นระบบ

3. เพื่อพัฒนานวัตกรรม และขยายผลให้เป็นแบบอย่างที่ดีในการปลูกฝังวินัยเชิงสร้างสรรค์

เป้าหมาย

 เชิงปริมาณ

1. เด็กปฐมวัยชั้นปีที่ ๑ (อายุ 3-4 ปี) จำนวน 27 คน ที่ได้รับการปลูกฝังวินัยในการเก็บของเล่นเข้าที่อย่างเป็นระบบ ด้วยกระบวนการเรียนรู้ Unplugged coding มีผลการประเมินพฤติกรรมที่พึงประสงค์ ระดับ ดีมาก ได้ร้อยละ ๑๐๐

2. ผู้ปกครองเด็กปฐมวัยชั้นปีที่ ๑ (อายุ 3-4 ปี) จำนวน 27 คน เข้าใจและสามารถมีส่วนร่วมในการปลูกฝังวินัยให้กับลูกอย่างเป็นระบบ ได้ร้อยละ 95.00

3. มีการพัฒนานวัตกรรม และขยายผลให้เป็นแบบอย่างที่ดีในการปลูกฝังวินัยเชิงสร้างสรรค์ ทั้งในสถานศึกษา สถานศึกษาอื่น และช่องทางการศึกษาระบบออนไลน์

 เชิงคุณภาพ

1. เด็กปฐมวัยชั้นปีที่ ๑ (อายุ 3-4 ปี) ได้รับการปลูกฝังวินัยในการเก็บของเล่นเข้าที่อย่างเป็นระบบ ด้วยกระบวนการเรียนรู้ Unplugged coding และเกิดพฤติกรรมที่พึงประสงค์ เรื่องการมีวินัยต่อตนเองและสังคมที่ดีขึ้น

2. ผู้ปกครองเด็กปฐมวัยชั้นปีที่ ๑ (อายุ 3-4 ปี) เข้าใจ และแนวทางในการปลูกฝังวินัยให้กับเด็กอย่างเป็นระบบได้ง่ายๆ ที่บ้าน

3. นวัตกรรมได้รับการพัฒนาการดำเนินกิจจกรรมที่ยังยืนมากขึ้น และสถานศึกษา สถานศึกษาอื่น และช่องทางการศึกษาระบบออนไลน์ที่ได้รับการขยายผลสามารถนำนวัตกรรมไปประยุกต์ เพื่อปลูกฝังวินัย เชิงสร้างสรรค์ให้กับเด็กได้ต่อไป

3.2 การดำเนินงานตามกิจกรรม

นวัตกรรม “รหัสลับของเล่น” : TOY CODE MODEL เพื่อปลูกฝังวินัยการเก็บของเล่นเข้าที่อย่างเป็นระบบของเด็กปฐมวัยชั้นที่ 1 (อายุ 3-4 ปี) ได้ดำเนินการตามวงจรการบริหารคุณภาพ (Quality Management Cycle) PDCA ที่ใช้สำหรับ การวางแผน และปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้การดำเนินงานเป็นระบบ มีประสิทธิภาพ และสามารถพัฒนาให้ดีขึ้นได้อย่างยั่งยืน ดังนี้

1 การวางแผน (Plan)

1.1 การระบุปัญหาหรือโอกาสในการพัฒนา ผ่านการสังเกตพฤติกรรมและวิเคราะห์ปัญหาของเด็กในสถานการณ์จริง ได้แก่ ช่วงเวลาเล่นอิสระ ช่วงเก็บของเล่น หรือเปลี่ยนกิจกรรม โดยสังเกตความร่วมมือ ความรับผิดชอบ ท่าทีของเด็กเมื่อเล่นเสร็จแล้ว โดยบันทึกพฤติกรรมรายบุคคล เพื่อจดข้อมูลอย่างเป็นระบบ

1.2 การศึกษา รวบรวมข้อมูลการปลูกวินัยการเก็บของเล่นที่ยั่งยืนสำหรับเด็กปฐมวัย ชั้นปีที่ 1 (อายุ 3-4 ปี)

1.2.1 ศึกษาหลักสูตรการศึกษาปฐมวัย พุทธศักราช 2560 และหลักสูตรสถานศึกษา พุทธศักราช 2566

1.2.2 ศึกษาการจัดประสบการณ์สำหรับเด็กปฐมวัยชั้นปีที่ 1 (อายุ 3-4 ปี)

1.2.3 ศึกษาแนวคิดสำคัญสำหรับการปลูกฝังวินัยเด็กปฐมวัยชั้นปีที่ 1 (อายุ 3-4 ปี) 1.2.4 ศึกษาเอกสารงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง

1.3 การประชุมแลกเปลี่ยนความคิดเห็น วางแผนและออกแบบปลูกฝังวินัยที่ยั่งยืนสำหรับเด็กปฐมวัยชั้นปีที่ 1 (อายุ 3-4 ปี) ร่วมกันกับผู้บริหารสถานศึกษา และคณะครู ระดับปฐมวัย ที่จะต้องพัฒนา ปรับปรุงแก้ไขให้ดีขึ้น หรือมีระดับคุณภาพที่สูงขึ้น ตามลำดับที่ต้องการพัฒนาและส่งเสริม

1.4 การออกแบบนวัตกรรม “รหัสลับของเล่น” : TOY CODE MODEL เพื่อปลูกฝังวินัยการเก็บของเล่นเข้าที่อย่างเป็นระบบของเด็กปฐมวัยชั้นที่ 1 (อายุ 3-4 ปี) ให้สอดคล้องกับจุดประสงค์และเป้าหมายโดยมีแนวคิดรองรับ และนำแนวคิดมาเป็นพื้นฐานในการออกแบบกิจกรรม ให้มีความเชื่อมโยงและสอดคล้องกัน

1.5 การวางแผนการดำเนิน กำหนดขั้นตอนการปฏิบัติงานอย่างละเอียด เป็นระบบ และสอดคล้องกับจุดประสงค์ และพัฒนาการตามวัยของเด็ก

2 การปฏิบัติ (DO)

2.1 ดำเนินการปลูกฝังวินัยการเก็บของเล่นเข้าที่อย่างเป็นระบบกับกลุ่มเป้าหมาย ได้แก่ เด็กปฐมวัยชั้นที่ 1 (อายุ 3-4 ปี) ตามการออกแบบนวัตกรรม “รหัสลับของเล่น” : TOY CODE MODEL โดยมีขั้นตอนการปฏิบัติ 4 ขั้นตอน ดังนี้

ขั้นตอนที่ 1 : การสร้างความตระหนัก (Create Awareness) เป็นกระบวนการส่งเสริม และกระตุ้นให้เด็กเกิดความเข้าใจ ยอมรับ และเห็นความสำคัญของการเก็บของเล่นอย่างเป็นระเบียบ จนสามารถเชื่อมโยงความรู้ ความรู้สึก และพฤติกรรมเข้าไว้ด้วยกัน ทำให้เด็กเกิดความสนใจ ตั้งใจ และพร้อมที่จะแสดงพฤติกรรมหรือเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมไปในทางที่เหมาะสม เป็น “ความเข้าใจจากภายใน” ที่จะต้องส่งผลให้เด็กพร้อมจะ “ปรับเปลี่ยนพฤติกรรม” อย่างมีเหตุผลและยั่งยืน ซึ่งองค์ประกอบสำคัญของการสร้างความตระหนักรู้ ได้แก่ การให้ข้อมูล ความรู้: เพื่อให้เข้าใจถึงปัญหาหรือสิ่งที่ควรปรับปรุง และการกระตุ้นความคิดและความรู้สึก ผ่านกิจกรรมและคำถามที่ให้เด็กคิดและเชื่อมโยงกับตนเอง

ขั้นตอนที่ 2 : การสร้างสัญลักษณ์ภาพ (Code) เป็นกระบวนการเรียนรู้ Unplugged Coding ที่เด็กจะได้ฝึกทักษะด้านลอจิก (Logic), การจัดลำดับขั้นตอน (Sequencing), การวางแผน (Planning), และการแก้ปัญหา (Problem Solving) ผ่านกิจกรรมสัญลักษณ์ภาพ (Pictorial Symbols) ซึ่งเด็กจะได้วางแผน ออกแบบ และสื่อสารด้วยภาพแทนคำพูด เพื่อการจัดเก็บของเล่นเข้าที่เข้าที่ให้เรียบร้อยตามหมวดหมู่หรือประเภทของของเล่นในชั้นเรียน

3. การตรวจสอบ/ประเมินผล (Check)

ขั้นตอนที่ 3 : การสร้างเครื่องมือและประเมินพฤติกรรม (Check to Real Life)

3.1 ศึกษาเครื่องมือที่ใช้ในการประเมินผล

3.2 สร้างเครื่องมือที่ใช้ในการประเมินผล ดังนี้

3.2.1 การสังเกตพฤติกรรม

- แบบสังเกตพฤติกรรมรายบุคคลของเด็กขณะจัดเก็บของเล่นที่โรงเรียน

3.2.2 การติดตามความต่อเนื่อง

- แบบสังเกตพฤติกรรมรายบุคคลของเด็กขณะจัดเก็บของเล่นที่บ้าน - แบบสอบถามความพึงพอใจของผู้ปกครอง

3.2.2 การรายงานความสำเร็จของการพัฒนานวัตกรรม และขยายผลให้เป็นแบบอย่างที่ดีในการปลูกฝังวินัยเชิงสร้างสรรค์

4. การตรวจสอบ/ประเมินผล (Check)

ขั้นตอนที่ 4 : สร้างพฤติกรรมที่ยั่งยืน (Creating sustainable behavior) เป็นกระบวนการที่ต้องอาศัยการเรียนรู้ที่ต่อเนื่อง มีการกระตุ้นให้เด็กตระหนักถึงพฤติกรรมที่พึงประสงค์ และฝึกฝนซ้ำๆ จนกลายเป็นนิสัย กระบวนการนี้เรียกว่า “การสะท้อนผลและทำซ้ำ” (Reflect & Repeat) ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญในการเปลี่ยนพฤติกรรมจากการกระทำชั่วคราวให้กลายเป็นความยั่งยืน

การสะท้อนผล (Reflect) สังเกตผลลัพธ์ของพฤติกรรมจากครูและผู้ปกครอง การให้เด็กได้ทบทวนสิ่งที่ตนเองได้ทำไป สังเกตผลลัพธ์ของการกระทำนั้น ทั้งในด้านบวกและด้านลบ ผ่านคำถามกระตุ้นการคิด การแสดงความรู้ของเด็กต่อพฤติกรรม

การทำซ้ำ (Repeat) เป็นการเปิดโอกาสให้เด็กได้ฝึกฝนพฤติกรรมเดิมอีกครั้งในบริบทใหม่หรือสถานการณ์ที่คล้ายคลึง เพื่อเสริมความมั่นใจ ความคล่องแคล่ว และการยึดถือพฤติกรรมเป็นส่วนหนึ่งของตน ยิ่งเด็กได้ทำซ้ำมากเท่าไร พฤติกรรมนั้นก็จะฝังลึกยิ่งขึ้น และกลายเป็นส่วนหนึ่งของวิถีชีวิตในที่สุด

การสร้างความเชื่อมโยง เป็นการขยายกิจกรรมจากห้องเรียนไปสู่บ้าน เพื่อสร้างความต่อเนื่องและความมั่นคงทางพฤติกรรมในชีวิตของเด็ก โดยเฉพาะเด็กปฐมวัยซึ่งอยู่ในช่วงวัยที่การเรียนรู้เกิดขึ้นผ่านการเลียนแบบ และการทำซ้ำ พฤติกรรมที่เด็กฝึกฝนและปฏิบัติในโรงเรียน และเมื่อได้รับการสนับสนุนและส่งเสริมอย่างต่อเนื่องที่บ้าน จะทำให้พฤติกรรมนั้น ฝังลึกเป็นนิสัยถาวร และกลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวันอย่างเป็นธรรมชาติ

การพัฒนานวัตกรรม และขยายผลให้เป็นแบบอย่างที่ดีในการปลูกฝังวินัยเชิงสร้างสรรค์ การนำของการปลูกฝังวินัยการเก็บของเล่นเข้าที่อย่างเป็นระบบของเด็กปฐมวัยชั้นที่ 1 (อายุ 3-4 ปี) สถานศึกษา สถานศึกษาอื่น และช่องทางการศึกษาระบบออนไลน์

6.1 การระบุข้อมูลที่ได้รับจากการผลิตและการนำเสนอผลงานใช้

1. เด็กปฐมวัยชั้นปีที่ 1 (อายุ 3–4 ปี) สามารถเรียนรู้วินัยผ่านกระบวนการเล่น และภาพสัญลักษณ์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ จากการพัฒนานวัตกรรมและนำไปใช้จริง พบว่าเด็กสามารถเรียนรู้ลำดับขั้นตอนการเก็บของเล่นจาก ‘รหัสลับของเล่น’ (Toy Code) ได้เป็นอย่างดี โดยสามารถจดจำ และปฏิบัติตามขั้นตอนได้อย่างต่อเนื่องภายในระยะเวลาไม่เกิน 2 สัปดาห์ ส่งผลพฤติกรรมการเก็บของเล่นเข้าที่โดยไม่ต้องเตือนซ้ำ และเริ่มมีความรับผิดชอบต่อหน้าที่ของตนเองมากขึ้น

2. การออกแบบและผลิตนวัตกรรมด้วยทรัพยากรที่มีอยู่ ทำให้เกิดความคุ้มค่าและยั่งยืนในกระบวนการผลิตนวัตกรรม ได้ใช้วัสดุเหลือใช้ เช่น กระดาษสี ฝาขวดพลาสติก และ ออกแบบ‘รหัสลับของเล่น’ (Toy Code) ให้มีความทนทาน เช่น เคลือบพลาสติก พิมพ์ลงกระดาษแข็ง เพื่อยืดอายุการใช้งาน และสามารถนำกลับมาใช้ซ้ำได้ เด็กๆ มีส่วนร่วมในการสร้าง ‘รหัสลับของเล่น’ (Toy Code) ทำให้เกิดความรู้สึกเป็นเจ้าของ และดูแลรักษาสื่ออย่างดี

3. กระบวนการ Unplugged Coding ช่วยส่งเสริมทักษะพื้นฐานด้านลำดับเหตุการณ์และการคิดเป็นระบบ การให้เด็กได้ใช้รหัสภาพ เพื่อวางแผนการเก็บของเล่นตามลำดับขั้นตอน ส่งผลให้เด็กมีทักษะด้าน การคิดเชิงลำดับ (Sequential Thinking) และ การแก้ปัญหาเบื้องต้น เช่น หากลืมว่าต้องเก็บของเล่นแต่ละประเภทตรงไหม เด็กก็สามารถสังเกตได้จากสัญลักษณ์ภาพที่เด็กช่วยกันสร้างขึ้นด้วยตัวเองได้

4. บรรยากาศในห้องเรียนเปลี่ยนแปลงไปในทางบวก เด็กมีความสุขกับการเรียนรู้วินัย จากการสังเกตพฤติกรรม พบว่าเด็กมีความสนุกและเต็มใจในการทำกิจกรรมเก็บของเล่น เมื่อใช้รูปแบบ TOY CODE MODEL ในการเก็บของไม่ใช่ “หน้าที่ที่น่าเบื่อ” แต่กลายเป็น กิจกรรมที่มีเป้าหมายชัดเจนและสนุกเหมือนเล่นเกม

5. การนำเสนอผลงานนวัตกรรมช่วยให้เกิดการพัฒนาต่อเนื่องและแลกเปลี่ยนเรียนรู้ จากการนำเสนอนวัตกรรมต่อผู้บริหาร ครูปฐมวัย และผู้ปกครอง ได้รับข้อเสนอแนะที่เป็นประโยชน์ ดังนี้

ข้อสังเกตจากการใช้นวัตกรรม

เด็กบางคนที่มีพัฒนาการช้าหรือเพิ่งเข้าเรียนใหม่ ต้องการการช่วยเหลือเป็นรายบุคคลในช่วงแรก โดยครูมอบหมายให้นักเรียนในชั้นเรียนที่เข้าใจสัญลักษณ์เป็นคนช่วยแนะนำ

ข้อเสนอแนะ

ควรมีคู่มือการใช้ ‘รหัสลับของเล่น’ (Toy Code) สำหรับครูและผู้ปกครอง เพื่อให้การใช้งานสอดคล้อง และต่อเนื่องทั้งที่โรงเรียนและบ้าน

ข้อควรระวังในการนำผลงานไปประยุกต์ใช้

หลีกเลี่ยงการใช้สัญลักษณ์แบบ “สั่ง” หรือ “ควบคุม” เด็กเกินไป เพราะอาจทำให้เกิดความรู้สึกถูกบังคับ ควรเน้นการเรียนรู้เชิงบวก

แนวทางการพัฒนาเพิ่มเติม

สร้างชุดการเรียนรู้แบบบูรณาการ “TOY CODE MODEL” ที่สามารถนำไปใช้กับพฤติกรรมอื่น เช่น การเข้าห้องน้ำ, การรับประทานอาหาร ฯลฯ

โพสต์โดย กิตติ บุญศรี : [3 ส.ค. 2568 (22:38 น.)]
อ่าน [58591] ไอพี : 49.229.232.104
หากข้อความนี้ไม่เหมาะสม คลิก คลิกปุ่มนี้ หากเห็นว่าข้อความนี้ไม่เหมาะสม
Advertisement

 
 

โปรดอ่านกฎกติกาก่อนแสดงความเห็น
1. ข้อความของท่านจะขึ้นแสดงโดยอัตโนมัติทันทีที่ได้รับข้อมูล
2.
ห้ามโพสต์ ข้อความยั่วยุให้เกิดความรุนแรงทางสังคม ข้อความที่ก่อให้เกิดความเสียหายและเสื่อมเสียต่อบุคคลที่สาม, เบอร์โทรศัพท์,
รูปภาพที่ไม่เหมาะสมต่อเยาวชนหรือภาพลามกอนาจาร หรือกระทบถึงสถาบันอันเป็นที่เคารพ
ขอให้ผู้ตั้งกระทู้รับผิดชอบตัวเอง
และรับผิดชอบต่อสังคม ถ้ารูปภาพ หรือข้อความใดส่งผลกระทบต่อบุคคลอื่น ทีมงานพร้อมจะส่งรายละเอียดให้เจ้าหน้าที่
เพื่อตามจับตัวผู้กระทำผิดต่อไป

3.
สมาชิกที่โพสต์สิ่งเหล่านี้ อาจถูกดำเนินคดีทางกฎหมายจากผู้เสียหายได้
4. ไม่อนุญาตให้มีการโฆษณาสินค้าใด ๆ ทั้งสิ้น ทั้งทางตรงและทางอ้อม
5. ทุกความคิดเห็นเป็นข้อความที่ทางผู้เยี่ยมชมเข้ามาร่วมตั้งกระทู้ในเว็บไซต์ ทางเว็บไซต์ kroobannok.com ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ ทั้งสิ้น
6. ทางทีมงานขอสงวนสิทธิ์ในการลบกระทู้ที่ไม่เหมาะสมได้ทันที โดยไม่ต้องมีการชี้แจงเหตุผลใดๆ ต่อเจ้าของความเห็นนั้นทั้งสิ้น

7. หากพบเห็นรูปภาพ หรือข้อความที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งมาที่อีเมล์ kornkham@hotmail.com เพื่อทำการลบออกจากระบบต่อไป


 ** พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.๒๕๕๐**

ขออภัยในความไม่สะดวก เนื่องจากเราประสบปัญหา
มีผู้โพสต์ข้อความที่หมิ่นเหม่และไม่เหมาะสมเป็นจำนวนมาก
ครูบ้านนอกดอทคอมจึงขอความร่วมมือสมาชิก
กรุณาเข้าสู่ระบบก่อนแสดงความเห็นครับ


  

สมัครสมาชิกใหม่
 

 

Advertisement

≡ เรื่องน่าอ่าน/สาระน่ารู้ ≡

เปิดอ่าน 12,173 ครั้ง
น้ำคั้นหัวบีทรู้ท ช่วยลดความดันได้ชัวร์
น้ำคั้นหัวบีทรู้ท ช่วยลดความดันได้ชัวร์

เปิดอ่าน 16,937 ครั้ง
เด็กๆ นี่มีเสน่ห์ คนนี้ชอบพูด NO น่ารักดี
เด็กๆ นี่มีเสน่ห์ คนนี้ชอบพูด NO น่ารักดี

เปิดอ่าน 71,954 ครั้ง
เพลง "วันแม่"
เพลง "วันแม่"

เปิดอ่าน 12,178 ครั้ง
ผลวิจัยใหม่ระบุ "ความสุข" ไม่ทำให้อายุยืน
ผลวิจัยใหม่ระบุ "ความสุข" ไม่ทำให้อายุยืน

เปิดอ่าน 9,807 ครั้ง
ข้อสอบเด็กไทย...ปัญหาใหญ่ที่ต้องมอง
ข้อสอบเด็กไทย...ปัญหาใหญ่ที่ต้องมอง

เปิดอ่าน 8,392 ครั้ง
อะโดบีเผยผลการศึกษาชี้ นักเรียนรุ่น Gen Z และครูในไทยมองว่าความคิดสร้างสรรค์คือกุญแจสู่ความสำเร็จ
อะโดบีเผยผลการศึกษาชี้ นักเรียนรุ่น Gen Z และครูในไทยมองว่าความคิดสร้างสรรค์คือกุญแจสู่ความสำเร็จ

เปิดอ่าน 48,595 ครั้ง
หลักเกณฑ์การเขียนคำย่อ (ใหม่)
หลักเกณฑ์การเขียนคำย่อ (ใหม่)

เปิดอ่าน 13,667 ครั้ง
เสริมสร้างความเข้าใจและกระตุ้นความคิดสร้างสรรค์ ด้วยการคิดแบบปิงปองดูสิ
เสริมสร้างความเข้าใจและกระตุ้นความคิดสร้างสรรค์ ด้วยการคิดแบบปิงปองดูสิ

เปิดอ่าน 22,317 ครั้ง
หลักสูตรการผลิตครู ควรเป็น 4 หรือ 5 ปีดี โดย : ดิเรก พรสีมา
หลักสูตรการผลิตครู ควรเป็น 4 หรือ 5 ปีดี โดย : ดิเรก พรสีมา

เปิดอ่าน 84,999 ครั้ง
สรุปสูตรวงรี
สรุปสูตรวงรี

เปิดอ่าน 5,121 ครั้ง
"ยาเสียสาว" คืออะไร? ต้องป้องกันตัวอย่างไร?
"ยาเสียสาว" คืออะไร? ต้องป้องกันตัวอย่างไร?

เปิดอ่าน 25,585 ครั้ง
12 เทคโนโลยี (ไม่) พร้อมใช้ใน Web 3.0
12 เทคโนโลยี (ไม่) พร้อมใช้ใน Web 3.0

เปิดอ่าน 49,580 ครั้ง
ศึก เอล กลาซิโก้ คืออะไร
ศึก เอล กลาซิโก้ คืออะไร

เปิดอ่าน 16,865 ครั้ง
อบเชย
อบเชย

เปิดอ่าน 20,490 ครั้ง
(ก.ค.ศ.)การจ่ายค่าตอบแทนมีความสำคัญยิ่งในฐานะเป็นหน้าที่หลักประการหนึ่งของหน่วยงาน
(ก.ค.ศ.)การจ่ายค่าตอบแทนมีความสำคัญยิ่งในฐานะเป็นหน้าที่หลักประการหนึ่งของหน่วยงาน

เปิดอ่าน 20,352 ครั้ง
ข้อเสียของการดื่มน้ำเย็นจัด
ข้อเสียของการดื่มน้ำเย็นจัด
เปิดอ่าน 12,711 ครั้ง
การเลี้ยง "หมูหลุม" และ การผลิต "น้ำหมักชีวภาพ"
การเลี้ยง "หมูหลุม" และ การผลิต "น้ำหมักชีวภาพ"
เปิดอ่าน 12,469 ครั้ง
วิธีไหว้แก้ชงต่อเทพเจ้า ให้ถูกต้อง-ถูกองค์
วิธีไหว้แก้ชงต่อเทพเจ้า ให้ถูกต้อง-ถูกองค์
เปิดอ่าน 83,821 ครั้ง
การสถาปนากรุงรัตนโกสินทร์เป็นราชธานี
การสถาปนากรุงรัตนโกสินทร์เป็นราชธานี
เปิดอ่าน 23,027 ครั้ง
ตรรกะ ในแบบของ "ไอน์สไตน์"
ตรรกะ ในแบบของ "ไอน์สไตน์"

รายการหลัก

หน้าแรก
ข่าว/บทความ
สมุดเยี่ยม
กระดานสนทนา
เว็บลิงค์
ผู้จัดทำเว็บครูบ้านนอก
ข้อมูลบุคคล
ภาพกิจกรรม
ผู้สนับสนุน

สมาชิก

เข้าสู่ระบบ
คุณครูต้องรู้ไว้
รวมแบบฟอร์มต่างๆ

เว็บน่าสนใจ

เว็บไซต์ สพฐ.
กระทรวงศึกษาธิการ
ติวสอบ GED
ติวสอบ SAT
เครื่องมือวัด
เครื่องมืออุตสาหกรรม
เกมส์
แหล่งรวมเกมส์

แหล่งรวมเกมส์



 เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ มากมาย
เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ คลายเครียด

เกมส์ รวมเกมส์ เกมส์แข่งรถ เกมส์ต่อสู้ เกมส์ภาษา เกมส์วางระเบิด เกมส์แต่งตัว เกมส์ท่องเที่ยว เกมส์หมากฮอส เกมส์ผจญภัย เกมส์เต้น เกมส์รถ เกมส์ดนตรี เกมส์ขายของ เกมส์ฝึกสมอง เกมส์เด็กๆ เกมส์ปลูกผัก เกมส์การ์ด เกมส์จับผิดภาพ เกมส์ตลก เกมส์ตัดผม เกมส์ก้านกล้วย เกมส์ทําอาหาร เกมส์เลี้ยงสัตว์ เกมส์ผี เกมส์จับคู่ เกมส์กีฬา เกมส์เศรษฐี เกมส์ฝึกทักษะ เกมส์วางแผน เกมส์จีบหนุ่ม เกมส์มาริโอ เกมส์ระบายสี เกมส์จีบสาว เกมส์เบ็นเท็น เกมส์ยิง เกมส์ยาน เกมส์สร้างเมือง เกมส์มันส์ๆ เกมส์แต่งบ้าน เกมส์ความรู้
      kroobannok.com

© 2000-2020 Kroobannok.com  
All rights reserved.


Design by : kroobannok.com


ครูบ้านนอกดอทคอม
การจัดอันดับของ Truehits Web Directory

วิธีนำแบนเนอร์ของครูบ้านนอก.คอมไปแปะในเว็บท่าน บันทึกภาพแบนเนอร์นี้และลิงค์มาที่เราครับ (มีแบนเนอร์ 2 แบบ)
 

ครูบ้านนอกดอทคอม เว็บไซต์ของครูตัวเล็กๆ คนหนึ่ง ที่หวังเพียง ใช้เป็นช่องทางในการสื่อสาร แลกเปลี่ยน เพิ่มพูนความรู้ และให้ข่าวสาร ที่ทันสมัยต่อเหตุการณ์แก่คุณครู ผู้ปฏิบัติงานในทุกพื้นที่ของประเทศไทย เพื่อความเจริญงอกงามในปัญญา และเจริญก้าวหน้าในวิชาชีพ

เว็บนี้ถือกำเนิดเมื่อ 5 มกราคม 2548

Email : kornkham@hotmail.com
Tel : 096-7158383

สนใจสนับสนุนเรา โดยลงโฆษณา
คลิกดูรายละเอียดที่นี่ครับ