โมเดล "E.T.H.I.C.S. Model" ซึ่งเป็นกรอบแนวคิดเชิงระบบสำหรับการปลูกฝังคุณธรรมและพัฒนาทักษะในศตวรรษที่ 21 ผ่านการบูรณาการเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) ในการสร้างสรรค์นิทานคุณธรรม โมเดลนี้มุ่งเน้นการสร้างประสบการณ์การเรียนรู้ที่เข้าถึงง่าย น่าสนใจ และส่งเสริมการพัฒนาคุณลักษณะอันพึงประสงค์ของผู้เรียนอย่างรอบด้าน โดยแต่ละองค์ประกอบของโมเดลได้รับการออกแบบตามหลักการทางทฤษฎีการศึกษาที่สำคัญ ดังนี้
E - Experiential & Empathic Learning (การเรียนรู้เชิงประสบการณ์และเน้นความเห็นอกเห็นใจ) ทฤษฎีการเรียนรู้เชิงประสบการณ์ของ David A. Kolb (1984, หน้า 21-25) เน้นว่า การเรียนรู้ที่มีประสิทธิภาพเกิดขึ้นเมื่อผู้เรียนได้ลงมือทำจริงและนำประสบการณ์นั้นมาพิจารณาก่อนที่จะสร้างแนวคิดใหม่และนำไปทดลองใช้งานจริง การเรียนรู้ที่เกิดจากการลงมือปฏิบัติจริงจึงเป็นขั้นตอนสำคัญในการพัฒนาความเข้าใจและทักษะ ในทำนองเดียวกัน Empathy-Based Learning มุ่งเน้นการพัฒนาความเห็นอกเห็นใจและการเข้าใจผู้อื่น ผ่านการสวมบทบาทและการสำรวจมุมมองที่แตกต่าง ซึ่งเป็นพื้นฐานสำคัญในการพัฒนาคุณธรรมและศีลธรรมของผู้เรียน โดย สมคิด ปิยะพัฒน์ (2557, หน้า 48) กล่าวว่าการพัฒนาความเห็นอกเห็นใจและการเข้าใจผู้อื่นเป็นกุญแจสำคัญในการพัฒนาคุณธรรมในสังคมที่มีความหลากหลาย และช่วยเสริมสร้างความเข้าใจที่ลึกซึ้งในกระบวนการเรียนรู้
การประยุกต์ใช้ทฤษฎีเหล่านี้ในการเรียนรู้หลักธรรม ครูจะนำเสนอสถานการณ์จำลองหรือกรณีศึกษาที่นักเรียนสามารถเชื่อมโยงกับชีวิตจริง เพื่อกระตุ้นให้เกิดประสบการณ์ร่วมและเข้าใจปัญหาทางจริยธรรมที่หลากหลาย ซึ่งจะช่วยให้นักเรียนพัฒนาความเห็นอกเห็นใจและสามารถนำหลักธรรมไปประยุกต์ใช้ในชีวิตจริงได้อย่างมีประสิทธิภาพ
T - Technological Transformation (การพลิกโฉมด้วยเทคโนโลยี) จากทฤษฎีการเรียนรู้เชิงเปลี่ยนแปลง (Transformative Learning) โดย Jack Mezirow (1997, หน้า 22) กล่าวถึงการเรียนรู้ที่ทำให้ผู้เรียนเกิดการเปลี่ยนแปลงในกรอบความคิดและมุมมอง ผ่านการได้รับประสบการณ์ใหม่ ๆ โดยเฉพาะการใช้เทคโนโลยีในการสร้างสรรค์ ในทำนองเดียวกัน ประสิทธิ์ ปรัชญานันท์ (2553, หน้า 18) กล่าวถึงการเรียนรู้ที่นำไปสู่การเปลี่ยนแปลงในกรอบความคิดของผู้เรียน โดยการใช้เทคโนโลยีใหม่ ๆ เป็นเครื่องมือในการขยายมุมมองและพัฒนาความคิด เพื่อเตรียมผู้เรียนให้สามารถปรับตัวและรับมือกับความท้าทายในโลกที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว
ขั้นตอนนี้เป็นการแนะนำและให้ความรู้แก่นักเรียนเกี่ยวกับศักยภาพของเทคโนโลยีดิจิทัล โดยเฉพาะปัญญาประดิษฐ์ (AI) ในการสร้างสรรค์ผลงาน ครูจะสอนการใช้เครื่องมือ AI เช่น Text to Image AI และ AI Writing Assistant เพื่อเปลี่ยนวิธีการสร้างนิทานคุณธรรมจากแบบเดิม (วาดมือ) ไปสู่การสร้างด้วย AI อย่างเต็มรูปแบบ ซึ่งเป็นการพลิกโฉม (Transformation) กระบวนการเรียนรู้และการผลิตสื่อ พร้อมพัฒนาทักษะด้านดิจิทัลที่จำเป็น
H - Holistic & Humanistic Development (การพัฒนาแบบองค์รวมและแนวคิดมนุษยนิยม)
ทฤษฎีจิตวิทยามนุษยนิยม โดย Maslow และ Rogers (1970, หน้า 45) มุ่งเน้นการพัฒนาศักยภาพสูงสุดของมนุษย์ (Self-Actualization) ผ่านการเคารพในความเป็นปัจเจกบุคคล และการสร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการเรียนรู้และความปลอดภัยทางอารมณ์ ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญในการพัฒนาคุณธรรม สมคิด ปิยะพัฒน์ (2557, หน้า 48) กล่าวว่าการพัฒนาศักยภาพมนุษย์เกิดขึ้นจากการเคารพในความเป็นปัจเจกบุคคลและสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมต่อการเรียนรู้ และดวงฤดี สุขบรรจง (2559, หน้า 52) กล่าวว่าการศึกษาแบบองค์รวมควรพัฒนาผู้เรียนทุกมิติ เพื่อให้พวกเขาเติบโตอย่างสมบูรณ์และพร้อมใช้ชีวิตในสังคมอย่างมีคุณค่า
ครูจะสร้างบรรยากาศการเรียนรู้ที่เปิดกว้าง เคารพในความแตกต่างทางความเชื่อและวัฒนธรรมของนักเรียนชาติพันธุ์ม้ง ส่งเสริมให้นักเรียนแสดงออกถึงความคิดเห็นอย่างอิสระและสร้างสรรค์ในการตีความหลักธรรมผ่านนิทาน AI โดยไม่รู้สึกถูกตัดสิน การเน้นการสร้างนิทานคุณธรรมด้วยตนเองยังเป็นการส่งเสริมให้ผู้เรียนค้นพบศักยภาพและคุณค่าในตนเอง (Self-Worth) ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการพัฒนาแบบองค์รวม
I - Intercultural & Inquiry-Based Understanding (การทำความเข้าใจระหว่างวัฒนธรรมและแบบสืบเสาะหาความรู้) การศึกษาระหว่างวัฒนธรรม หรือ Intercultural Education เป็นแนวคิดที่มุ่งเน้นการสร้างความเข้าใจและเคารพในความแตกต่างทางวัฒนธรรม เพื่อสร้างสังคมที่สามารถอยู่ร่วมกันอย่างสันติสุข ซึ่งสามารถส่งเสริมการเรียนรู้ที่หลากหลายทางวัฒนธรรมและเป็นพื้นฐานในการสร้างสังคมที่สมานฉันท์และเสมอภาค (ศุภชัย หาญนุกูล, 2558, หน้า 15) การศึกษาในลักษณะนี้จะช่วยให้เกิดการเข้าใจและยอมรับความแตกต่างในสังคมได้ดีขึ้น การเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ หรือ Inquiry-Based Learning เป็นกระบวนการที่ช่วยพัฒนาทักษะการคิดวิเคราะห์และการแก้ปัญหาผ่านการตั้งคำถามและการสำรวจข้อมูล ซึ่งเป็นทักษะสำคัญในการพัฒนาเยาวชนให้มีความสามารถในการตัดสินใจที่ดีขึ้น (ปกรณ์ จันทร์สม, 2560, หน้า 32) การส่งเสริมให้ผู้เรียนมีส่วนร่วมในกระบวนการคิดและค้นหาคำตอบด้วยตนเองสามารถเสริมสร้างทักษะการเรียนรู้ตลอดชีวิตได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ในกระบวนการเรียนรู้หลักธรรมและการสร้างนิทาน ครูจะส่งเสริมให้นักเรียนได้ตั้งคำถาม สำรวจประเด็นทางจริยธรรมที่ซับซ้อน และเปรียบเทียบมุมมองระหว่างความเชื่อของตนเองกับหลักธรรมในพระพุทธศาสนาอย่างเปิดใจ การให้นักเรียนได้เลือกประเด็นที่สนใจและสืบเสาะหาคำตอบผ่านการสร้างสรรค์นิทาน AI จะช่วยให้นักเรียนเกิดความเข้าใจเชิงลึกในหลักธรรม พร้อมทั้งสร้างความเข้าใจอันดีระหว่างวัฒนธรรมผ่านการนำเสนอเรื่องราวและค่านิยมที่แตกต่างกัน
C - Constructive & Culturally Responsive Creation (การสร้างสรรค์แบบสร้างสรรค์นิยมและตอบสนองวัฒนธรรม) ทฤษฎีการสร้างสรรค์นิยม (Constructivism) โดย Jean Piaget และ Lev Vygotsky เน้นการสร้างความรู้ผ่านการลงมือทำ การแก้ปัญหา และการปฏิสัมพันธ์กับสิ่งแวดล้อมและผู้อื่น (ปกรณ์ จันทร์สม, 2560, หน้า 35) และ Culturally Responsive Teaching คือการปรับเนื้อหา วิธีการสอน และสื่อการเรียนรู้ให้เหมาะสมกับภูมิหลังและวัฒนธรรมของผู้เรียน เพื่อการเรียนรู้ที่มีความหมายและประสิทธิภาพสูงสุด (ดวงฤดี สุขบรรจง, 2562, หน้า 40)
นักเรียนจะไม่ได้เป็นเพียงผู้รับสาร แต่เป็น "ผู้สร้างสรรค์" องค์ความรู้ด้วยตนเองผ่านการสร้างนิทานคุณธรรมด้วย AI โดยทุกขั้นตอนตั้งแต่การคิดโครงเรื่อง การใช้ AI เพื่อสร้างภาพและข้อความ ล้วนเป็นการกระตุ้นให้นักเรียนได้ "สร้าง" ความเข้าใจในหลักธรรมด้วยวิธีของตนเอง นอกจากนี้ การสนับสนุนให้นักเรียนสร้างนิทานที่อาจจะสอดแทรกบริบททางวัฒนธรรมของตนเอง หรือสะท้อนสถานการณ์ที่คุ้นเคย จะช่วยให้หลักธรรมเหล่านั้นมีความหมายและเข้าถึงได้ง่ายขึ้น
S - Self-Reflective & Sustainable Application (การสะท้อนคิดด้วยตนเองและการประยุกต์ใช้อย่างยั่งยืน) การปฏิบัติสะท้อนคิด (Reflective Practice) โดย Donald Schön และ John Dewey เน้นกระบวนการที่บุคคลทบทวนประสบการณ์ การกระทำ และผลลัพธ์ของตนเองอย่างมีวิจารณญาณ เพื่อเรียนรู้และปรับปรุงพัฒนาในอนาคต (ณัฐพล สมานกิจ, 2559, หน้า 22) ทฤษฎีพัฒนาการทางศีลธรรม (Moral Development Theories) โดย Lawrence Kohlberg และ Jean Piaget เน้นว่าพัฒนาการทางศีลธรรมเป็นกระบวนการที่ผู้เรียนจะสร้างความเข้าใจและให้เหตุผลต่อปัญหาทางศีลธรรม โดยการสะท้อนคิดช่วยยกระดับการให้เหตุผลเชิงจริยธรรมและนำไปสู่การประยุกต์ใช้ในชีวิตอย่างยั่งยืน (สมคิด ปิยะพัฒน์, 2560, หน้า 39)
เมื่อนิทานคุณธรรม AI เสร็จสมบูรณ์ นักเรียนจะได้รับโอกาสในการนำเสนอผลงาน และที่สำคัญคือการสะท้อนคิด ว่าตนเองได้เรียนรู้อะไรจากหลักธรรม และจากกระบวนการสร้างสรรค์ด้วย AI รวมถึงจะนำหลักธรรมที่เข้าใจไปประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวันได้อย่างไร การอภิปรายและแลกเปลี่ยนความคิดเห็นระหว่างนักเรียนยังช่วยให้เกิดการเรียนรู้เพิ่มเติมจากการมองเห็นมุมมองที่หลากหลาย เพื่อให้การประยุกต์ใช้หลักธรรมเป็นไปอย่างยั่งยืนในระยะยาว และไม่จำกัดอยู่เพียงแค่ในห้องเรียน
โมเดล "E.T.H.I.C.S." เป็นนวัตกรรมการจัดการเรียนรู้ที่ออกแบบเพื่อตอบสนองความท้าทายเฉพาะของโรงเรียนบ้านเข็กน้อย รวมถึงความหลากหลายทางชาติพันธุ์และความเชื่อที่แตกต่าง โดยการใช้เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการสร้างนิทานคุณธรรมดิจิทัล และบ่มเพาะคุณธรรมจริยธรรมให้แก่ผู้เรียน พร้อมทั้งพัฒนาทักษะสำคัญสำหรับศตวรรษที่ 21 เช่น ทักษะด้านดิจิทัล การคิดเชิงวิพากษ์ และความคิดสร้างสรรค์ เพื่อเตรียมความพร้อมให้ผู้เรียนสามารถปรับตัวในโลกอนาคตได้อย่างมีคุณภาพ