ครูบ้านนอก

1. ความสำคัญของผลงาน นวัตกรรมหรือวิธีปฏิบัติที่นำเสนอ

1.1 ความเป็นมาและสภาพของปัญหา

เด็กปฐมวัยเป็นวัยที่สำคัญที่สุดสำหรับพัฒนาการของชีวิตมนุษย์ สิ่งที่เด็กได้รับประสบการณ์และการเรียนรู้ในช่วง 6 ปีแรก ของชีวิตจะมีผลต่อการวางรากฐานที่สำคัญต่อบุคลิกภาพที่จะเติบโตเป็นผู้ใหญ่ เด็กปฐมวัยมีการพัฒนาช่วงอายุระหว่าง 0-6 ปี ถือว่าเป็นโอกาสทองของการเรียนรู้ในวัยนี้สมองเติบโตอย่างรวดเร็ว ถ้าเด็กได้รับการพัฒนาและได้รับการกระตุ้นด้วยวิธีการที่ถูกต้อง จะช่วยสร้างเสริมให้มีความพร้อมสมบูรณ์ทั้งร่างกาย อารมณ์-จิตใจ สังคม และสติปัญญา การศึกษาปฐมวัยมุ่งพัฒนาเด็กทุกคนให้ได้รับการพัฒนาด้านร่างกาย อารมณ์-จิตใจ สังคม และสติปัญญา อย่างมีคุณภาพและต่อเนื่อง ได้รับประสบการณ์การเรียนรู้อย่างมีความสุขและเหมาะสมตามวัย มีทักษะชีวิต และรู้จักการดูแลตนเองให้ปลอดภัยจากสถานการณ์ต่างๆ ปัญหาความปลอดภัยและการบาดเจ็บในเด็กแสดงให้เห็นถึงความสำคัญในการสอนให้เด็ก รู้จักปฏิบัติตนให้ปลอดภัยจากสถานการณ์อันตรายเพื่อป้องกันอันตรายที่อาจเกิดกับตัวเด็กเอง เนื่อง ด้วยกระบวนการพัฒนาทางสติปัญญาของเด็กที่ยังไม่ได้พัฒนาไปถึงขั้นการเข้าใจความสัมพันธ์ของความเป็นเหตุเป็นผล ทำให้เด็กในวัยนี้เป็นวัยที่บาดเจ็บได้ง่าย และเด็กปฐมวัยยังไม่สามารถป้องกัน ตนเองจากสถานการณ์อันตรายได้ อีกทั้งเด็กในวัยนี้มีความอยากรู้อยากเห็นและความต้องการลงมือ กระทำด้วยตนเอง

ปัจจุบัน อุบัติเหตุเป็นสาเหตุสำคัญอันดับต้นๆ ที่คร่าชีวิตและก่อให้เกิดการบาดเจ็บในเด็กปฐมวัย ทั้งในบ้าน โรงเรียน และแหล่งชุมชน จากสถิติพบว่าเด็กปฐมวัยมีความเสี่ยงสูงต่อการพลัดตก หกล้ม ถูกของมีคมบาด ไฟดูด จมน้ำ หรือแม้แต่การถูกล่วงละเมิด ปัญหาเหล่านี้มักเกิดจาก การขาดความรู้และทักษะด้านความปลอดภัย ทั้งในตัวเด็กเอง ผู้ปกครอง และผู้ดูแล รวมถึง สภาพแวดล้อมที่ไม่ปลอดภัย และ การจัดการเรียนรู้ที่ไม่เน้นการป้องกันและการปฏิบัติจริง การเรียนรู้แบบท่องจำหรือการบอกเล่าเพียงอย่างเดียวไม่เพียงพอต่อการสร้างความตระหนักและทักษะการเอาตัวรอดในสถานการณ์จริงให้กับเด็กเล็ก ดังนั้น การพัฒนาแนวทางการจัดการเรียนรู้ที่เน้นให้เด็กได้ลงมือปฏิบัติ คิดวิเคราะห์ และแก้ปัญหาด้วยตนเอง จึงเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่งในการส่งเสริมความปลอดภัยของเด็กปฐมวัยอย่างยั่งยืน ทั้งนี้จากหลักสูตรการศึกษาปฐมวัย พุทธศักราช 2560 ได้อธิบายมาตรฐานและสาระการเรียนรู้ประสบการณ์สำคัญ ที่เด็กจะต้องได้เรียนรู้เกี่ยวกับ การรักษาความปลอดภัย การปฏิบัติตนให้ปลอดภัยในกิจวัตรประจำวัน การฟังนิทาน เรื่องราว เหตุการณ์เกี่ยวกับการป้องกันและรักษาความปลอดภัย การเล่นเครื่องเล่นอย่างปลอดภัย และการเล่นบทบาทสมมติเหตุการณ์ต่างๆ

สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) นำโดย ว่าที่ร้อยตรี ธนุ วงษ์จินดา เลขาธิการ กพฐ. ให้ความสำคัญกับความปลอดภัยในสถานศึกษา เพื่อสุขภาพร่างกายและจิตใจที่ดีของนักเรียนและครู ได้มีการเน้นย้ำให้สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา สำนักบริหารงานการศึกษาพิเศษ และสถานศึกษาในสังกัดทั่วประเทศ ได้ปฏิบัติตามมาตรการด้านความปลอดภัยในสถานศึกษาอยู่เสมอ ตามนโยบาย “เรียนดี มีความสุข” ของพลตำรวจเอก เพิ่มพูน ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ที่มีความห่วงใยในสวัสดิภาพและความปลอดภัยของนักเรียนครูและบุคลากรทางการศึกษา และต้องการให้โรงเรียนเป็นสถานที่ปลอดภัยสำหรับทุกคน

การจัดประสบการณ์ Active Learning Safety Kids การจัดการเรียนรู้เชิงรุกด้านความปลอดภัยสำหรับเด็กปฐมวัย เป็นการจัดกระบวนการเรียนรู้ที่เด็กได้รับประสบการณ์ตรง ในการรักษาความปลอดภัยของตนเองและผู้อื่นในกิจวัตรประจำวัน ได้แก่ การปลอดภัยในการเดินทาง เด็กๆได้เรียนรู้สัญญาณไฟจราจร ป้ายสัญลักษณ์ต่างๆ และการข้ามถนนตรงทางม้าลาย ความปลอดภัยจากการเล่น ความปลอดภัยจากของมีคม ความปลอดภัยจากสัตว์มีพิษ และการระมัดระวังอันตรายจากคนแปลกหน้า ทักษะการเอาตัวรอดเมื่อติดอยู่ในรถ และทักษะการเอาตัวรอดเมื่อเกิดอัคคีภัยเด็กควรได้รับการเตรียมตัวให้รู้จักกับสถานการณ์ที่อันตราย เพื่อพัฒนาทักษะและความรู้ เมื่อต้องเผชิญหน้ากับสถานการณ์อันตรายเหล่านั้น เด็กต้องได้รับการสอนให้สังเกต เข้าใจ เชื่อฟังและ ปฏิบัติตามกฎและข้อปฏิบัติอย่างสม่ำเสมอเพื่อความปลอดภัยของตนเองและผู้อื่น หากครูกระตุ้นให้ เด็กได้เห็นถึงคุณค่าและเคารพกฎ เด็กย่อมมีแนวโน้มในการป้องกันอุบัติเหตุของตนเองและผู้อื่นได้

เว็บน่าสนใจ