|
Advertisement
|
ความสำคัญของนวัตกรรมหรือวิธีปฏิบัติที่นำเสนอ
ความเป็นมาและสภาพปัญหา
สมรรถนะ (Competency) เป็นปัจจัยสำคัญในการทำงานที่เพิ่มขีดความสามารถให้กับบุคลากร ในหน่วยงานต่างๆ เพราะสมรรถนะเป็นปัจจัยที่ช่วยให้พัฒนาศักยภาพของบุคลากรเพื่อส่งผลไปสู่การพัฒนาหน่วยงาน ทุกหน่วยงานจำเป็นต้องหาแนวทางเสริมสร้างสมรรถนะเพื่อคุณภาพของบุคลากร โดยเฉพาะในส่วนของการศึกษา เพื่อให้มีคุณภาพตามพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ (สำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา. 2547: 1-3) การพัฒนาการจัดการศึกษาให้มีคุณภาพตามมาตรฐานการศึกษานั้น บุคคลที่มีบทบาทสำคัญ คือ ครู กระทรวงศึกษาธิการจึงได้กำหนดสมรรถนะของครูผู้สอนในศตวรรษที่ 21 ประกอบด้วย สมรรถนะหลัก (Core Competency) 5 ประการ ได้แก่ การมุ่งผลสัมฤทธิ์ของการปฏิบัติงานการบริการที่ดี การพัฒนาตนเอง การทำงานเป็นทีม จริยธรรมและจรรยาบรรณครู สมรรถนะตามสายปฏิบัติงาน (Functional Competency) 6 ประการ ได้แก่ การบริหารหลักสูตรและการจัดการเรียนรู้ การพัฒนาผู้เรียน การบริหารจัดการชั้นเรียน การวิเคราะห์ สังเคราะห์และวิจัยเพื่อพัฒนาผู้เรียน ภาวะผู้นำการสร้างความสัมพันธ์และความร่วมมือกับชุมชน (สำนักพัฒนาครูและบุคลากรทางการศึกษาขั้นพื้นฐาน, 2553, น. 24-25) การจัดการศึกษาและการจัดการเรียนรู้ควรมีเป้าหมายสำคัญในการพัฒนาคนในฐานะพลเมืองให้เป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์ทั้งร่างกายและจิตใจ สติปัญญา ความรู้และคุณธรรม มีจริยธรรมและวัฒนธรรมในการดำรงชีวิตอย่างสมดุล มีทักษะจำเป็นและสามารถอยู่ร่วมกับผู้อื่นอย่างมีความสุข มีภาวะผู้นำการเรียนรู้ด้วยตนเองอย่างต่อเนื่องตลอดชีวิต โดยเน้นการเรียนรู้เพื่อสร้างเสริมแรงบันดาลใจให้มีชีวิตอยู่อย่างมีความหมายและดำเนินชีวิตอย่างมีความสุขในศตวรรษที่ 21 โดยเฉพาะมีทักษะพื้นฐานในการรู้หนังสือ อ่านออกเขียนได้ คิดคำนวณเป็นและมีทักษะการคิด ทักษะการทำงาน ทักษะการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ และทักษะการใช้ชีวิต กอปรกับสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ตระหนักถึงความสำคัญและความจำเป็นเร่งด่วนในการขับเคลื่อนการส่งเสริมการเรียนรู้ การส่งเสริมนิสัยรักการอ่านและการพัฒนาห้องสมุดมีชีวิตให้สอดคล้องกับนโยบายการศึกษา จึงได้กำหนดกรอบแนวทางขับเคลื่อน การส่งเสริมการเรียนรู้ภาษาไทย การส่งเสริมนิสัยรักการอ่าน และพัฒนาห้องสมุดโรงเรียนไปสู่การปฏิบัติให้บรรลุตามเป้าหมายที่กำหนด เนื่องจากการอ่านถือเป็นวัฒนธรรมในการแสวงหาความรู้ของประชากรทุกคน เพราะปัจจุบันสังคมโลกเป็นสังคมแห่งการเรียนรู้และการแข่งขัน การอ่านจึงเป็นวิธีการที่จะช่วยให้ประชากร ได้รับความรู้ ข้อมูลข่าวสาร และแนวคิดใหม่ ๆ อันจะเป็นการพัฒนาตนเองและรู้จักปรับตัวให้อยู่ในสังคมอย่างมีความสุข
โรงเรียนบ้านเหนือคลอง เป็นโรงเรียนขนาดเล็ก นักเรียนส่วนใหญ่เป็นนักเรียนที่มีผลการเรียนรู้อยู่ในระดับปานกลาง บิดามารดามีอาชีพเกษตรกร และรับจ้าง จึงไม่ค่อยได้มีเวลาในการดูแลส่งเสริมการอ่านหนังสือมากนัก นักเรียนเกือบครึ่งอาศัยอยู่กับปู่ย่า ตายาย ที่แก่เฒ่าส่งผลให้มีนักเรียนบางส่วน อ่านไม่คล่อง เขียนและคิดเลขไม่คล่อง และด้วยความเจริญก้าวหน้าของเทคโนโลยี จึงทำให้นักเรียนสนใจในสื่อเทคโนโลยีอย่างเช่น สมาร์ทโฟน การเล่นเกม แชท ไลน์ มากกว่าที่จะใช้ให้ถูกวิธีในการศึกษาหาความรู้ จากประสบการณ์ในการเป็นครูและดำรงตำแหน่งผู้บริหารในระดับประถมศึกษา รวม 1๔ ปี พบว่านักเรียนส่วนใหญ่ในระดับชั้นประถมศึกษาอ่านและเขียนหนังสือไม่คล่อง และไม่มีนิสัยรักการอ่าน จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่ทุกฝ่าย (บ้าน/ครอบครัว, โรงเรียน, ชุมชน) ต้องช่วยกันสร้างหรือคิดวิธีการส่งเสริมนิสัยรักการอ่านให้เกิดขึ้นกับนักเรียนในระดับของการเริ่มต้นการอ่าน จากการศึกษาข้อมูลสารสนเทศของโรงเรียนบ้านเหนือคลองพบว่า นักเรียนส่วนใหญ่ขาดนิสัยรักการอ่าน ใช้เวลาอยู่กับโทรศัพท์มือถือ ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนรู้กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ปีการศึกษา 256๔ ค่าเฉลี่ยร้อยละ 79.10 การประเมินความสามารถด้านการอ่านของผู้เรียนชั้นปะถมศึกษาปีที่ 1 (RT) ค่าเฉลี่ยร้อยละ 79.45 ผลการประเมินคุณภาพผู้เรียน (NT) ชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 ความสามารถด้านภาษาไทย มีค่าเฉลี่ยร้อยละ 50.00 และการประเมินการอ่าน คิด วิเคราะห์ เขียนของนักเรียนระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 1-6 มีค่าเฉลี่ยร้อยละ 88.89 ซึ่งต่ำกว่าเกณฑ์ที่สถานศึกษากำหนด
แนวทางการแก้ปัญหาและพัฒนา
การพัฒนาบทเรียนร่วมกันเป็นแนวคิดหนึ่งในการพัฒนาวิชาชีพครู(Professional development) ที่ว่าด้วยการเรียนรู้ในชั้นเรียนแบบร่วมมือรวมพลังอย่างเป็นระบบและต่อเนื่องในระยะยาวในบริบทการทำงานจริงของครูเพื่อพัฒนาการจัดการเรียนการสอนและเพื่อพัฒนาการเรียนรู้ของนักเรียนโดยดำเนินงานตามขั้นตอนของกระบวนการพัฒนาบทเรียนร่วมกัน ซึ่งเป็นกระบวนการทำงานพัฒนาวิชาชีพร่วมกันของกลุ่มครู ที่ให้ความสำคัญกับการสังเกตพฤติกรรมที่แสดงถึงการคิดและการเรียนรู้ของนักเรียนโดยตรงในชั้นเรียน และการอภิปรายสะท้อนความคิดร่วมกัน เพื่อพัฒนาบทเรียนอย่างต่อเนื่อง จนได้บทเรียนที่มีคุณภาพสามารถนำไปใช้ พัฒนานักเรียนของตนเองได้อย่างมีประสิทธิภาพ (ศุภวรรณ สัจจพิบูล.2660: 210-211; อ้างอิงจาก Fernandez; & Yoshida. 2004: 15; ชาริณี ตรีวรัญญู. 2557:1)
ในฐานะผู้บริหารสถานศึกษาจึงมีความตระหนักในหน้าที่ที่จะต้องคิดค้นวิธีการที่จะส่งเสริมนิสัยรักการอ่านของนักเรียน ทั้งนี้เชื่อว่าการใช้การพัฒนาบทเรียนร่วมกันมาใช้ในการส่งเสริมการอ่านของนักเรียนจะส่งผลให้นักเรียนมีนิสัยรักการอ่านมากขึ้น มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนที่สูงขึ้น เพราะปัจจุบันนี้วิทยาการและเทคโนโลยีได้มีการเปลี่ยนแปลงก้าวหน้าตลอดเวลา ครูผู้สอนจำเป็นจะต้องใช้นวัตกรรมการเรียนการสอนให้สอดคล้องกับความแตกต่างของนักเรียนในด้านต่างๆ เนื่องจากนักเรียนแต่ละคนมีพื้นฐานที่แตกต่างกัน การที่ครูมีวิธีการจัดการเรียนรู้ที่ดีก็จะส่งผลต่อเจตคติที่ดีต่อการอ่าน และมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนที่สูงขึ้น จึงได้จัดทำนวัตกรรมเรื่องการพัฒนาสมรรถนะครูในการใช้นวัตกรรมการจัดการเรียนรู้เพื่อส่งเสริมนิสัยรักการอ่านของนักเรียนโรงเรียนบ้านเหนือคลองโดยใช้การพัฒนาบทเรียนร่วมกันเพื่อส่งเสริมนิสัยรักการอ่านและยกระดับผลสัมฤทธิ์ด้านการอ่านของนักเรียนให้สูงขึ้นและนักเรียนสามารถใช้ภาษาไทยเป็นพื้นฐานในการเรียนรู้ในกลุ่มสาระการเรียนรู้อื่นๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
|
โพสต์โดย วรรณา คล้ายฉิม : [23 ก.ค. 2568 (21:24 น.)] อ่าน [58882] ไอพี : 1.46.8.17
หากข้อความนี้ไม่เหมาะสม คลิก
|
Advertisement
|
|
| |
|
|
|
|
โปรดอ่านกฎกติกาก่อนแสดงความเห็น
1. ข้อความของท่านจะขึ้นแสดงโดยอัตโนมัติทันทีที่ได้รับข้อมูล
2. ห้ามโพสต์ ข้อความยั่วยุให้เกิดความรุนแรงทางสังคม ข้อความที่ก่อให้เกิดความเสียหายและเสื่อมเสียต่อบุคคลที่สาม, เบอร์โทรศัพท์,
รูปภาพที่ไม่เหมาะสมต่อเยาวชนหรือภาพลามกอนาจาร หรือกระทบถึงสถาบันอันเป็นที่เคารพ ขอให้ผู้ตั้งกระทู้รับผิดชอบตัวเอง
และรับผิดชอบต่อสังคม ถ้ารูปภาพ หรือข้อความใดส่งผลกระทบต่อบุคคลอื่น ทีมงานพร้อมจะส่งรายละเอียดให้เจ้าหน้าที่
เพื่อตามจับตัวผู้กระทำผิดต่อไป
3. สมาชิกที่โพสต์สิ่งเหล่านี้ อาจถูกดำเนินคดีทางกฎหมายจากผู้เสียหายได้
4. ไม่อนุญาตให้มีการโฆษณาสินค้าใด ๆ ทั้งสิ้น ทั้งทางตรงและทางอ้อม
5. ทุกความคิดเห็นเป็นข้อความที่ทางผู้เยี่ยมชมเข้ามาร่วมตั้งกระทู้ในเว็บไซต์ ทางเว็บไซต์ kroobannok.com ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ ทั้งสิ้น
6. ทางทีมงานขอสงวนสิทธิ์ในการลบกระทู้ที่ไม่เหมาะสมได้ทันที โดยไม่ต้องมีการชี้แจงเหตุผลใดๆ ต่อเจ้าของความเห็นนั้นทั้งสิ้น
7. หากพบเห็นรูปภาพ หรือข้อความที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งมาที่อีเมล์ kornkham@hotmail.com เพื่อทำการลบออกจากระบบต่อไป
** พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.๒๕๕๐**
|
| |
|
≡ เรื่องน่าอ่าน/สาระน่ารู้ ≡ เปิดอ่าน 13,770 ครั้ง 
| เปิดอ่าน 109,379 ครั้ง 
| เปิดอ่าน 14,525 ครั้ง 
| เปิดอ่าน 38,736 ครั้ง 
| เปิดอ่าน 13,880 ครั้ง 
| เปิดอ่าน 13,876 ครั้ง 
| เปิดอ่าน 33,083 ครั้ง 
| เปิดอ่าน 23,946 ครั้ง 
| เปิดอ่าน 14,772 ครั้ง 
| เปิดอ่าน 18,762 ครั้ง 
| เปิดอ่าน 12,573 ครั้ง 
| เปิดอ่าน 13,467 ครั้ง 
| เปิดอ่าน 13,131 ครั้ง 
| เปิดอ่าน 14,415 ครั้ง 
| เปิดอ่าน 16,079 ครั้ง 
| |
|
เปิดอ่าน 99,144 ครั้ง 
| เปิดอ่าน 57,869 ครั้ง 
| เปิดอ่าน 10,260 ครั้ง 
| เปิดอ่าน 86,152 ครั้ง 
| เปิดอ่าน 49,104 ครั้ง 
|
|

เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ คลายเครียด
|