1. ความเป็นมาและความสำคัญ
การศึกษาคณิตศาสตร์มีบทบาทสำคัญในการพัฒนาศักยภาพผู้เรียนในด้านการคิดวิเคราะห์ การให้เหตุผล และการแก้ปัญหา ซึ่งเป็นทักษะพื้นฐานที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิตและการเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21 (วิจารณ์ พานิช, 2555, น. 12) อย่างไรก็ตาม ปัญหาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาคณิตศาสตร์ที่ยังอยู่ในระดับต่ำเป็นปัญหาที่พบอย่างต่อเนื่องในระบบการศึกษาไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในระดับประถมศึกษา ซึ่งจากการวิเคราะห์ข้อมูลผลการทดสอบระดับชาติ (O-NET) ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา พบว่าคะแนนเฉลี่ยวิชาคณิตศาสตร์ยังคงต่ำกว่าครึ่งหนึ่งและต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของวิชาอื่นๆ (สถาบันทดสอบทางการศึกษาแห่งชาติ, 2565) สะท้อนให้เห็นถึงจุดอ่อนในการจัดการเรียนรู้คณิตศาสตร์ที่ต้องได้รับการแก้ไขอย่างเร่งด่วน
ปัญหาดังกล่าวมีความซับซ้อนและมีสาเหตุมาจากหลายปัจจัย หนึ่งในนั้นคือการจัดการเรียนรู้ที่ไม่สอดคล้องกับธรรมชาติการเรียนรู้ของผู้เรียน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่อง การคูณเศษส่วน ซึ่งเป็นเนื้อหาสำคัญในรายวิชาคณิตศาสตร์ชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 จากการสำรวจและวิเคราะห์ของครูผู้สอน พบว่านักเรียนส่วนใหญ่ประสบปัญหาความไม่เข้าใจในแนวคิดเชิงนามธรรมของการคูณเศษส่วน ไม่สามารถเชื่อมโยงแนวคิดกับสถานการณ์ในชีวิตจริงได้ และจดจำเพียงขั้นตอนการคำนวณโดยปราศจากความเข้าใจในหลักการ ส่งผลให้เกิดความผิดพลาดในการคำนวณและไม่สามารถแก้โจทย์ปัญหาได้อย่างมีประสิทธิภาพ (สมพร แสงทอง, 2564, น. 45) การจัดการเรียนรู้แบบเดิมที่เน้นการบรรยายและฝึกทำโจทย์บนกระดานจึงไม่เพียงพอต่อการสร้างความเข้าใจที่คงทนและสร้างเจตคติที่ดีต่อการเรียนรู้ของนักเรียน
เพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าว การนำ กระบวนการจัดการเรียนรู้เชิงรุก (Active Learning) มาประยุกต์ใช้จึงมีความสำคัญอย่างยิ่ง หลักการของ Active Learning มุ่งเน้นให้ผู้เรียนมีส่วนร่วมในการเรียนรู้อย่างกระตือรือร้นผ่านกิจกรรมต่างๆ เช่น การอภิปราย การทดลอง การลงมือปฏิบัติ และการแก้ปัญหาร่วมกัน ซึ่งสอดคล้องกับทฤษฎีการสร้างองค์ความรู้ (Constructivism) ที่เชื่อว่าผู้เรียนเป็นผู้สร้างความรู้ด้วยตนเองจากประสบการณ์และการปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่น (Piaget, 1970; Vygotsky, 1978) การใช้ Active Learning จะช่วยให้นักเรียนได้ทำความเข้าใจความหมายของการคูณเศษส่วนผ่านการลงมือทำกิจกรรมที่หลากหลาย ทำให้เกิดการเรียนรู้ที่มีความหมายและคงทน
นอกจากนี้ การนำ สื่อเทคโนโลยี มาบูรณาการกับการจัดการเรียนรู้ยังเป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญในการเพิ่มประสิทธิภาพและสร้างแรงจูงใจในการเรียนรู้ของนักเรียนในยุคดิจิทัลในปัจจุบัน (กระทรวงศึกษาธิการ, 2561, น. 33) OBEC Content Center เป็นแหล่งรวมสื่อการเรียนรู้ดิจิทัลที่มีคุณภาพ ซึ่งพัฒนาโดยสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) เพื่อสนับสนุนการจัดการเรียนรู้ตามหลักสูตรแกนกลาง การนำสื่อจาก OBEC Content Center มาใช้จะช่วยให้นักเรียนสามารถเข้าถึงแหล่งเรียนรู้ที่หลากหลายและน่าสนใจได้ทุกที่ทุกเวลา ทั้งยังช่วยให้แนวคิดที่ซับซ้อนของการคูณเศษส่วนกลายเป็นรูปธรรมมากขึ้น เช่น การใช้แอนิเมชันหรือบทเรียนออนไลน์แบบมีปฏิสัมพันธ์ จะช่วยลดช่องว่างระหว่างแนวคิดนามธรรมกับความเข้าใจของนักเรียนได้
ด้วยเหตุนี้ การพัฒนาการจัดการเรียนรู้รายวิชาคณิตศาสตร์ เรื่อง การคูณเศษส่วน สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 โดยใช้กระบวนการจัดการเรียนรู้เชิงรุก (Active Learning) ร่วมกับสื่อเทคโนโลยีจาก OBEC Content Center จึงมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการแก้ปัญหาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนที่ต่ำ และเป็นการยกระดับคุณภาพการเรียนรู้คณิตศาสตร์ของนักเรียนให้เป็นไปตามมาตรฐานการศึกษาของชาติ
2. วัตถุประสงค์และเป้าหมาย
วัตถุประสงค์
1.ด้านความรู้ (Knowledge) :นักเรียนสามารถอธิบายวิธีการคูณเศษส่วนกับเศษส่วนได้อย่างถูกต้อง โดยใช้หลักการและแนวคิดทางคณิตศาสตร์ที่ชัดเจน
2.ด้านทักษะ (Skills): นักเรียนสามารถเขียนแสดงวิธีหาผลลัพธ์ของโจทย์การคูณเศษส่วนกับเศษส่วนได้อย่างถูกต้อง
3.ด้านคุณลักษณะอันพึงประสงค์ (Desired Characteristics): นักเรียนมีวินัยในการเรียนรู้ มีความใฝ่เรียนรู้ในวิชาคณิตศาสตร์และความมุ่งมั่นในการทำงานที่ได้รับมอบหมายจนสำเร็จ
4.ด้านสมรรถนะของผู้เรียน (Competencies): นักเรียนมีสมรรถนะสำคัญทั้งด้านความสามารถในการสื่อสารและความสามารถในการคิด
เป้าหมาย
เชิงปริมาณ
นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 จำนวน 24 คน มีคะแนนสอบหลังเรียนเรื่อง การคูณเศษส่วนกับเศษส่วน ผ่านเกณฑ์ (70% ขึ้นไป) และแสดงออกถึงคุณลักษณะอันพึงประสงค์ในระดับดีขึ้นไป
เชิงคุณภาพ
นักเรียนสามารถอธิบายหลักการคูณเศษส่วนได้อย่างถูกต้อง คิดวิเคราะห์และแก้ปัญหาโจทย์ได้ มีความกระตือรือร้นและเรียนรู้ด้วยตนเองผ่านสื่อ OBEC Content Center และทำงานร่วมกับผู้อื่นได้อย่างมีประสิทธิภาพ