บทคัดย่อ
การพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้ศิลปะแบบบูรณาการโดยใช้บทเพลงเป็นฐาน เพื่อส่งเสริมทักษะการสร้างสรรค์ผลงานทัศนศิลป์ สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 (Sequence5 Model)
นายนราศักดิ์ สร้อยสนธิ์ ตำแหน่ง ครู วิทยฐานะ ครูชำนาญการพิเศษ
โรงเรียนบ้านโสกชัน อำเภอโพธิ์ไทร จังหวัดอุบลราชธานี
สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาอุบลราชธานี เขต 2
ปีที่ทำการวิจัย: 2566-2568
วัตถุประสงค์การวิจัย
การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) พัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้ศิลปะแบบบูรณาการโดยใช้บทเพลงเป็นฐาน (Sequence5 Model) ที่มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ 80/80 2) ศึกษาผลการเรียนรู้ของนักเรียนก่อนและหลังการเรียนด้วยรูปแบบที่พัฒนาขึ้น 3) ประเมินทักษะการสร้างสรรค์ผลงานทัศนศิลป์ของนักเรียน และ 4) ศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อรูปแบบการจัดการเรียนรู้
วิธีดำเนินการวิจัย
การวิจัยครั้งนี้เป็นการวิจัยและพัฒนา (Research and Development: R&D) ดำเนินการใน 4 ขั้นตอนหลัก ได้แก่ 1) การศึกษาและวิเคราะห์ข้อมูลพื้นฐาน 2) การพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้ 3) การทดลองใช้รูปแบบการจัดการเรียนรู้ และ 4) การประเมินผลและปรับปรุงรูปแบบ กลุ่มตัวอย่างเป็นนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 โรงเรียนบ้านโสกชัน-หินห่อม สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาอุบลราชธานี เขต 2 จำนวน 19 คน ใช้แบบแผนการทดลองแบบกลุ่มเดียวสอบก่อนและหลัง (One-Group Pretest-Posttest Design)
รูปแบบการจัดการเรียนรู้ที่พัฒนาขึ้น (Sequence5 Model) ประกอบด้วย 5 ขั้นตอน คือ Sequence 1: ขั้นเตรียมความพร้อม (Preparation) Sequence 2: ขั้นรับรู้บทเพลง (Music Perception) Sequence 3: ขั้นเชื่อมโยงสู่ศิลปะ (Art Connection) Sequence 4: ขั้นสร้างสรรค์ผลงาน (Creative Process) และ Sequence 5: ขั้นนำเสนอและสะท้อนคิด (Presentation and Reflection)
ผลการวิจัย
1. ประสิทธิภาพของรูปแบบการจัดการเรียนรู้
รูปแบบการจัดการเรียนรู้ศิลปะแบบบูรณาการโดยใช้บทเพลงเป็นฐานที่พัฒนาขึ้นมีประสิทธิภาพ 88.79/86.53 ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์ที่กำหนดไว้ที่ 80/80 แสดงให้เห็นว่ารูปแบบที่พัฒนาขึ้นสามารถส่งเสริมการเรียนรู้ของนักเรียนได้อย่างมีประสิทธิภาพ
2. ผลการเรียนรู้ของนักเรียน
นักเรียนมีผลการเรียนรู้หลังการเรียนด้วยรูปแบบที่พัฒนาขึ้นสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .001 (t = -58.61, p < .001) แสดงให้เห็นว่ารูปแบบการจัดการเรียนรู้สามารถพัฒนาความรู้และความเข้าใจของนักเรียนได้อย่างมีประสิทธิผล
3. ทักษะการสร้างสรรค์ผลงานทัศนศิลป์
นักเรียนมีทักษะการสร้างสรรค์ผลงานทัศนศิลป์โดยรวมอยู่ในระดับ "ดี" โดยมีค่าเฉลี่ยคะแนน 142.26 จาก 165 คะแนนเต็ม (คิดเป็น 86.22%) เมื่อพิจารณารายด้าน พบว่า ด้านความรู้อยู่ที่ 83.09% ด้านทักษะ/กระบวนการอยู่ที่ 88.99% และด้านคุณลักษณะอันพึงประสงค์อยู่ที่ 88.07% ซึ่งทุกด้านผ่านเกณฑ์ที่กำหนดไว้
4. ความพึงพอใจของนักเรียน
นักเรียนมีความพึงพอใจต่อการเรียนรู้ด้วยรูปแบบที่พัฒนาขึ้นอยู่ในระดับ "มากที่สุด" โดยมีค่าเฉลี่ย 4.65 จาก 5 คะแนนเต็ม โดยเฉพาะในด้านความรู้สึกภูมิใจในผลงานที่สร้างสรรค์ขึ้นด้วยตนเอง (4.89) และความสนุกสนานในการเรียนรู้ (4.79)
สรุปและข้อเสนอแนะ
การวิจัยครั้งนี้แสดงให้เห็นว่ารูปแบบการจัดการเรียนรู้ศิลปะแบบบูรณาการโดยใช้บทเพลงเป็นฐาน (Sequence5 Model) สามารถพัฒนาทักษะการสร้างสรรค์ผลงานทัศนศิลป์ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 ได้อย่างมีประสิทธิภาพ การบูรณาการระหว่างดนตรีและศิลปะช่วยสร้างบรรยากาศการเรียนรู้ที่สนุกสนาน กระตุ้นความคิดสร้างสรรค์ และเพิ่มแรงจูงใจในการเรียนรู้
รูปแบบนี้สามารถนำไปประยุกต์ใช้ในการจัดการเรียนการสอนศิลปะในระดับประถมศึกษาได้ โดยเฉพาะในโรงเรียนที่ต้องการพัฒนานวัตกรรมการเรียนการสอนแบบบูรณาการ อย่างไรก็ตาม ควรมีการอบรมครูผู้สอนก่อนนำรูปแบบไปใช้ และควรมีการพัฒนาบทเพลงที่มีคุณภาพเสียงที่ดีเพื่อสนับสนุนการใช้งานจริง
คำสำคัญ
การจัดการเรียนรู้แบบบูรณาการ, บทเพลงเป็นฐาน, ทักษะการสร้างสรรค์ทัศนศิลป์, ประถมศึกษา, Sequence5 Model