1. ความสำคัญของผลงาน นวัตกรรม หรือแนวปฏิบัติที่นำเสนอ
การอ่านออกเขียนได้เป็นทักษะที่สำคัญและจำเป็นอย่างยิ่งของผู้เรียนสำหรับการเรียนรู้และการพัฒนาชีวิตสู่ความสำเร็จในศตวรรษที่ 21 การพัฒนาทักษะในการอ่านออก เขียนได้ และสื่อสารได้ เป็นการส่งเสริมการคิดวิเคราะห์ให้แก่ผู้เรียนตั้งแต่เยาว์วัย ซึ่งเป็นทักษะที่มีความจำเป็น เนื่องจากเป็นเครื่องมือในการแสวงหาความรู้ ประสบการณ์จากแหล่งข้อมูลสารสนเทศต่าง ๆ การพัฒนาความรู้ กระบวนการคิด วิเคราะห์ วิจารณ์ และสร้างสรรค์เพื่อพัฒนาตนเองและสังคม ทั้งนี้เพื่อให้สามารถเรียนรู้ในระดับที่ซับซ้อนขึ้นเมื่อเติบโตเป็นผู้ใหญ่ และช่วยส่งเสริมให้ผู้เรียนเป็นประชากรที่มีคุณภาพในอนาคต ดังพระราชดำรัสของสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ ทรงกล่าวขึ้นในงาน วันภาษาไทยแห่งชาติ ปี พ.ศ. 2549 ซึ่งจัดโดยสมาคมครูภาษาไทยแห่งประเทศไทย ในหัวข้อ การจัดการเรียนการสอนภาษาไทย โดยพระองค์ทรงเป็นองค์ประธานและเสด็จฯ พระราชทานปาฐกถา ณ โรงแรมแอมบาสซาเดอร์ กรุงเทพฯ เมื่อเวลา 09.00 น. ของวันที่ 26 กรกฎาคม พ.ศ. 2549 ดังว่า
ด้วยสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน มีนโยบายมุ่งเน้นในการพัฒนาและเสริมความความเข้มแข็งในการจัดการเรียนการสอนภาษาไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งด้านการอ่านและเขียนภาษาไทย โดยมุ่งเน้นการแก้ไขปัญหาการอ่านไม่ออกเขียนไม่ได้ ตามมาตรฐานการเรียนรู้ ซึ่งมีการประเมินอย่างเป็นรูปธรรม ดังนั้น การจัดการเรียนรู้ภาษาไทยให้ผู้เรียนอ่านออกเขียนได้ อ่านคล่อง เขียนคล่อง ตั้งแต่ระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 1-6 จะเป็นการส่งเสริมการเรียนรู้ในระดับที่สูงขึ้น และใช้ภาษาไทยเป็นเครื่องมือในการสื่อสารที่มีประสิทธิภาพ ซึ่งจะเป็นรากฐานที่มั่นคงของการศึกษาของชาติ
ผลการประเมินคัดกรองการอ่านและเขียนภาษาไทยในแต่ละระดับชั้นของโรงเรียนบ้านดอนทราย พบว่าผู้เรียนส่วนใหญ่มีพัฒนาการในการอ่านออกเขียนได้อย่างน่าพอใจ โดยผลการประเมินการอ่าน คิดวิเคราะห์และเขียนระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 1-6 ในปีการศึกษา 2567 ของผู้เรียนที่อยู่ในระดับดีขึ้นไป คิดเป็นร้อยละ 98.21 อย่างไรก็ตามทางโรงเรียนมีเป้าหมายที่จะพัฒนาการอ่านออกเขียนได้ให้สูงขึ้น เพื่อแก้ปัญหาด้านการอ่านไม่ออกเขียนไม่ได้ ซึ่งมีผลการประเมินการอ่าน คิดวิเคราะห์และเขียนระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 1-6 ในปีการศึกษา 2567 ของผู้เรียนที่อยู่ในระดับผ่านเกณฑ์ คิดเป็นร้อยละ 1.79 ซึ่งส่งผลกระทบต่อการเรียนรู้ในภาพรวม และอาจทำให้ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนในวิชาภาษาไทย รวมถึงวิชาอื่น ๆ ในหลักสูตรลดลง อีกทั้งยังส่งผลกระทบต่อการประเมินผลการประเมินความสามารถด้านการอ่านของผู้เรียน (Reading Test : RT) การทดสอบความสามารถพื้นฐานระดับชาติ (National Test : NT) และการทดสอบทางการศึกษาระดับชาติขั้นพื้นฐาน O-NET (Ordinary National Educational Test)
จากปัญหาดังกล่าวข้างต้น ผู้รายงานจึงได้นำหลักการ พัฒนาทักษะอ่านออกเขียนได้ โดยกระบวนการ 4 Steps (เตรียม-อ่าน-สื่อสาร-ต่อยอด) สู่ผู้เรียนคุณภาพอย่างยั่งยืน หลักการดังกล่าวมีเป้าหมายเพื่อแก้ปัญหาการอ่านไม่ออก เขียนไม่ได้ และเพื่อส่งเสริมผู้เรียนที่อ่านออกเขียนได้ให้มีการพัฒนาที่ดีขึ้นต่อไป ซึ่งจะช่วยยกระดับผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนในรายวิชาภาษาไทยและการเรียนรู้รายวิชาอื่น ๆ ให้สูงขึ้น อีกทั้งการประเมินความสามารถด้านการอ่านและการเขียนให้มีค่ามากกว่าร้อยละ 80 ตามที่โรงเรียนได้กำหนด รวมถึงการยกระดับผลสัมฤทธิ์การทดสอบระดับชาติให้มีค่าเฉลี่ยสูงกว่าระดับประเทศ ทั้งนี้เพื่อส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของผู้เรียนให้มีนิสัยรักการอ่านและการเขียนอย่างยั่งยืน
2. จุดประสงค์และเป้าหมายของการดำเนินงาน
2.1 จุดประสงค์
2.1.1 เพื่อส่งเสริมและพัฒนาให้ผู้เรียนสามารถอ่านออก เขียนได้ ตามนโยบายของกระทรวงศึกษาธิการและสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาประจวบคีรีขันธ์ เขต 1 โดยกระบวนการ 4 Steps
2.1.2 เพื่อยกระดับผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาภาษาไทย ผู้เรียนมีความสามารถด้านการอ่านและการเขียน นำไปใช้ในการเรียนรู้รายวิชาอื่น ๆ ได้
2.1.3 เพื่อยกระดับผลการทดสอบระดับชาติ RT , NT และ O-NET ในรายวิชาภาษาไทยของผู้เรียนโรงเรียนบ้านดอนทรายให้มีค่าเฉลี่ยสูงกว่าระดับประเทศ
2.1.4 เพื่อปลูกฝังผู้เรียนให้มีนิสัยในรักการอ่านและการเขียนที่ยั่งยืน
2.2 เป้าหมายของผลงาน
เป้าหมายเชิงปริมาณ
2.2.1 ผู้เรียนระดับชั้น ป.1-6 โรงเรียนบ้านดอนทราย ร้อยละ 80 อ่านออกเขียนได้ ตามมาตรฐานการคัดกรองจากสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาประจวบคีรีขันธ์อยู่ในระดับดีเยี่ยมขึ้นไป
2.2.2 ผู้เรียนระดับชั้น ป.1-6 โรงเรียนบ้านดอนทราย ร้อยละ 80 มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาภาษาไทยสูงขึ้น
2.2.3 ผู้เรียนระดับชั้น ป.1-6 โรงเรียนบ้านดอนทราย มีผลคะแนนเฉลี่ยการทดสอบระดับชาติ RT, NT และ O-NET ในรายวิชาภาษาไทย ค่าเฉลี่ยสูงกว่าระดับประเทศ ในปีการศึกษา 2567
2.2.4 ผู้เรียนระดับชั้น ป.1-6 โรงเรียนบ้านดอนทราย ร้อยละ 80 มีนิสัยรักการอ่าน โดยมีสถิติการเข้าใช้บริการห้องสมุดจากจำนวนผู้เรียนทั้งหมด ในปีการศึกษา 2567
เป้าหมายเชิงคุณภาพ
2.2.1 ผู้เรียนระดับชั้น ป.1-6 โรงเรียนบ้านดอนทรายมีพัฒนาการเกี่ยวกับการอ่านและการเขียนที่ดีขึ้น มีผลสัมฤทธิ์และผลการทดสอบสูงขึ้น เกิดความรับผิดชอบและเสริมสร้างการมีวินัยในการอ่านหนังสือ ส่งผลให้มีนิสัยรักการอ่านและการเขียนที่ยั่งยืน
3. กระบวนการผลิตผลงานหรือขั้นตอนการดำเนินงาน
หลักการ พัฒนาทักษะอ่านออกเขียนได้ โดยกระบวนการ 4 Steps (เตรียม-อ่าน-สื่อสาร- ต่อยอด) สู่ผู้เรียนคุณภาพอย่างยั่งยืน เป็นหลักการที่ผู้รายงานได้นำมาใช้เพื่อแก้ไขปัญหาการอ่านไม่ออกเขียนไม่ได้ของผู้เรียนโรงเรียนบ้านดอนทราย ซึ่งส่งผลโดยตรงต่อการพัฒนาคุณภาพการเรียนรู้โดยรวม การดำเนินการตามหลักการดังกล่าวได้ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงที่ชัดเจนในด้านพฤติกรรมของผู้เรียน โดยเฉพาะความรับผิดชอบ ความมีวินัย และการส่งเสริมนิสัยรักการอ่าน ทั้งยังเป็นการสร้างพื้นฐานสำคัญ ในด้านคุณธรรมจริยธรรม อันจะนำไปสู่การพัฒนาผู้เรียนให้เป็น คนดี และ คนเก่ง ตามเจตนารมณ์ของการจัดการศึกษา ในการขับเคลื่อนกิจกรรม ผู้รายงานได้ดำเนินการทั้งภายในโรงเรียนและขยายผลสู่ผู้ปกครอง โดยมีการสื่อสารและสร้างความเข้าใจกับผู้ปกครอง ส่งผลให้เกิดความร่วมมือในการส่งเสริมพฤติกรรมการอ่านและเขียนของนักเรียนในชีวิตประจำวัน ซึ่งส่งผลให้ทั้งผู้เรียนและผู้ปกครองเกิดการเปลี่ยนแปลงในเชิงบวกอย่างเป็นรูปธรรม หลักการนี้ยังสอดคล้องกับพระประสงค์ของ สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ที่ทรงส่งเสริมให้นักเรียนมีนิสัยรักการอ่านอย่างยั่งยืน ทั้งนี้กระบวนการดำเนินงานเป็นไปตามหลักการของ PDCA ซึ่งช่วยให้การพัฒนางานมีความเป็นระบบ ตรวจสอบได้ และนำไปสู่การปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง
กระบวนการ 4 Steps คือ หลักการหรือวิธีการดำเนินงานที่ผู้รายงานนำมาประยุกต์ใช้ในการปฏิบัติภายในโรงเรียนบ้านดอนทรายภายใต้กระบวนการทำงาน PDCA มีดังนี้
P (Plan)
ผู้บริหาร คณะครู บุคลากรทางการศึกษา และผู้รายงาน ได้ร่วมกันประชุม เพื่อประเมินและวิเคราะห์ผลการคัดกรองการอ่านและเขียนภาษาไทย รวมถึงผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน และผลการทดสอบระดับชาติของผู้เรียน พร้อมทั้งพิจารณาปัญหาและอุปสรรคที่เกิดขึ้นจากกระบวนการจัดการเรียนการสอนในรายวิชาภาษาไทย จากการประชุมดังกล่าว ได้นำข้อมูลมาวิเคราะห์อย่างเป็นระบบ เพื่อนำไปสู่การวางแผนดำเนินโครงการ พร้อมกำหนดเป้าหมายอย่างชัดเจนในการแก้ไขปัญหา ส่งเสริม และพัฒนาทักษะการอ่านออกเขียนได้ของผู้เรียน รวมถึงยกระดับผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนและผลการทดสอบระดับชาติในรายวิชาภาษาไทยให้สูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ผู้รายงานและบุคลากรทางการศึกษาได้กำหนดแนวทางการดำเนินกิจกรรมที่มุ่งเน้นการพัฒนาทักษะการอ่านและการเขียนภาษาไทยของผู้เรียนให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น โดยรูปแบบกิจกรรมได้รับการออกแบบให้ส่งเสริมผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน และการสร้างนิสัยรักการอ่านอย่างยั่งยืน โดยกิจกรรมที่จัดขึ้นดำเนินโดยกระบวนการ 4 Steps (เตรียม อ่าน สื่อสาร- ต่อยอด)
D (DO)
การลงมือปฏิบัติร่วมกันของผู้รายงาน คณะครู บุคลากรทางการศึกษา และผู้เรียนทุกคน ผ่านการดำเนินกิจกรรมอย่างเป็นระบบโดยกระบวนการ 4 Steps (เตรียม อ่าน สื่อสาร ต่อยอด) เพื่อพัฒนาทักษะการอ่านและการเขียนให้เกิดผลอย่างต่อเนื่องและยั่งยืน ดังนี้
ขั้นเตรียม (Preparation)
ขั้นเตรียมถือเป็นขั้นตอนแรกที่มีความสำคัญอย่างยิ่งในการวางรากฐานการเรียนรู้ของผู้เรียนโดยเฉพาะในเรื่องของการอ่านและการเขียนภาษาไทย ซึ่งเป็นทักษะพื้นฐานที่จำเป็นต่อการเรียนรู้ในระดับที่สูงขึ้น การเตรียมความพร้อมของผู้เรียนทั้งในด้านร่างกาย อารมณ์ จิตใจ และความรู้พื้นฐานก่อนเข้าสู่บทเรียน จะช่วยให้ผู้เรียนมีสมาธิ เปิดใจรับสิ่งใหม่ และกล้าแสดงออกทางภาษาได้อย่างมั่นใจ ในการดำเนินกิจกรรมขั้นเตรียม ผู้รายงานได้มีการทบทวนเนื้อหาเก่า เช่นทบทวนคำศัพท์พื้นฐานจากระดับชั้นเดิมเพื่อทำให้สามารถประเมินพฤติกรรมตั้งต้นเพื่อปรับวิธีการสอนได้อย่างเหมาะสมและเพื่อให้ผู้เรียนได้เตรียมความพร้อมจะก้าวเข้าสู่กระบวนการเรียนรู้ การดำเนินการในขั้นเตรียมเน้นกิจกรรมฝึกทักษะพื้นฐานก่อนอ่าน ซึ่งภายในกิจกรรมประกอบด้วย ฝึกการแยกพยัญชนะ - สระ - วรรณยุกต์ และฝึกออกเสียงแบบประสมคำ
ขั้นอ่าน (Reading)
ขั้นอ่าน เป็นหัวใจสำคัญของกระบวนการส่งเสริมทักษะภาษาไทย โดยเฉพาะในระดับประถมศึกษาตอนต้นที่ผู้เรียนกำลังอยู่ในช่วงวัยของการสร้างพื้นฐานการอ่านออกเสียงให้ถูกต้อง ชัดเจน และนำไปสู่การอ่านรู้เรื่องอย่างมีความหมาย การเรียนรู้ในขั้นอ่านจึงไม่ได้มุ่งเน้นเพียงแค่การอ่านออก แต่ต้องพัฒนาทั้งด้านความเข้าใจ ความคล่อง และการจับใจความของสิ่งที่อ่าน ในขั้นตอนนี้ ผู้รายงานได้จัดกิจกรรมให้ผู้เรียนฝึกอ่านอย่างหลากหลายรูปแบบ และเน้นให้เกิดการมีส่วนร่วมอย่างเต็มที่ โดยเริ่มจาก การอ่านแบบเป็นกลุ่ม เพื่อสร้างความกล้าและลดความประหม่า แล้วจึงค่อยๆ ปรับเข้าสู่ การอ่านรายบุคคล ซึ่งจะเปิดโอกาสให้ผู้เรียนได้ฝึกอ่านอย่างอิสระตามศักยภาพของตนเอง โดยมีการฝึกอ่านช่วงพักกลางวันและหลังเลิกเรียนทุกวัน สื่อที่ใช้ในขั้นนี้จะถูกคัดเลือกให้เหมาะสมกับวัยและระดับความสามารถ เช่น แบบฝึกอ่านคำพยัญชนะ-สระ คำศัพท์พื้นฐานภาษาไทยในแต่ละระดับชั้น หนังสือเรียน นิทานต่าง ๆ เป็นต้น นอกจากนี้ยังเน้นการฝึกอ่านเชิงความเข้าใจ โดยใช้คำถามชี้นำหลังการอ่าน เช่น ตัวละครนี้ทำอะไร เป็นต้น เพื่อกระตุ้นกระบวนการคิด วิเคราะห์ และเชื่อมโยง ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของการต่อยอดสู่ทักษะการเขียนและการสื่อสาร
ขั้นสื่อสาร (Communication)
ขั้นสื่อสาร คือกระบวนการที่เน้นให้ผู้เรียนได้นำสิ่งที่ตนได้เรียนรู้จากการอ่าน มาถ่ายทอดออกมาเป็นคำพูดและตัวหนังสืออย่างมีความหมาย ด้วยภาษาของตนเอง ผ่านกิจกรรมที่หลากหลาย เช่น การเล่าเรื่อง การตอบคำถาม การเขียนสรุป เป็นต้น โดยมีจุดประสงค์เพื่อพัฒนาทักษะการใช้ภาษาไทยในการสื่อสาร ทั้งในด้านการพูดและการเขียนให้สอดคล้องกับช่วงวัย
ขั้นต่อยอด (Extension)
ขั้นต่อยอด คือกระบวนการเรียนรู้ที่มุ่งเน้นการพัฒนาทักษะที่สูงขึ้น จากสิ่งที่ผู้เรียนได้เรียนรู้ในขั้นก่อนหน้า โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากการอ่านและการสื่อสาร ให้สามารถเชื่อมโยง ประยุกต์ใช้ คิดวิเคราะห์ และสร้างสรรค์องค์ความรู้ใหม่ได้ด้วยตนเอง เป็นขั้นที่ช่วยหล่อหลอมให้ผู้เรียนเป็นผู้เรียนรู้ตลอดชีวิตและสามารถใช้ภาษาไทยเป็นเครื่องมือในการเรียนรู้ในรายวิชาอื่นและการดำรงชีวิตได้อย่างมีประสิทธิภาพ กิจกรรมที่ใช้ในขั้นต่อยอด ได้แก่ การตั้งคำถามปลายเปิดจากเรื่องที่อ่านฝึกทักษะการคิดวิเคราะห์ เพื่อนำไปสู่การเตรียมความพร้อมในการทดสอบระดับชาติ RT , NT และ O-NET กิจกรรมในขั้นต่อยอดจึงมีบทบาทสำคัญในการ วางรากฐานเชิงคุณภาพ ให้ผู้เรียนสามารถใช้ภาษาอย่างเข้าใจ คิดวิเคราะห์อย่างมีเหตุผล และถ่ายทอดได้อย่างมั่นใจ ซึ่งล้วนเป็นทักษะสำคัญที่ส่งผลโดยตรงต่อผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนและผลการสอบในระดับชาติอย่างยั่งยืน