การใช้ชุดฝึกการขับร้องเพลงไทย ที่มีผลต่อการแก้ไขเพี้ยนเสียง
ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1
กมณนันต์ โทธกานันท์
ปี พ.ศ. ๒๕๖๗
บทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อเพื่อแก้ไขปัญหาการเพี้ยนเสียงในการขับร้องของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๑/๑๓ โรงเรียนพานทองสภาชนูปถัมภ์ ปีการศึกษา ๒๕๖๗ โดยมีเป้าหมายว่าผู้เรียนจะมีพัฒนาการที่ดีในการขับร้องและไม่เพี้ยนเสียงในการขับร้อง สามารถนำไปประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวันได้ กลุ่มตัวอย่างได้แก่นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๑/๑๓ จำนวน ๔๐ คน
ผลการวิจัยพบว่า
สามารถแก้ไขการเพี้ยนเสียงในการขับร้องได้จริง โดยการสร้างแบบฝึกและทฤษฎีการขับร้องและจัดการเรียนการสอนที่มีรูปแบบผสมผสาน ทำให้นักเรียนมีพัฒนาการก้าวกระโดดในการขับร้อง
ความสำคัญและความเป็นมา
มนุษย์เรียนรู้ดนตรีตั้งแต่อยู่ในครรภ์โดยรับรู้จังหวะการเต้นของหัวใจมารดาทั้งช้าและเร็วหากมารดารู้สึกผ่อนคลาย จังหวะการเต้นของหัวใจจะมีความราบเรียบสม่ำเสมอเป็นจังหวะที่คงที่แต่หากมารดาได้รับความตื่นเต้นหรือตกใจ อาจทำให้หัวใจเต้นเร็วขึ้นได้ ทั้งนี้ทารกสามารถเรียนรู้และซึมซับ "จังหวะ" มาโดยตลอดและต่อเนื่อง ครั้นเมื่อได้รับการคลอดมาสู่โลกภายนอก ทารกน้อย ๆเรียนรู้ดนตรีครั้งแรกจากเสียงร้องไห้ของตนเอง อาจเกิดความตกใจ หวาดกลัว ร้อน หนาว หรือหิวจึงเปล่งเสียงเพื่อบ่งบอกความรู้สึกและความต้องการของตนเมื่อทารกเจริญวัยขึ้นจนเข้าศึกษาตั้งแต่ระดับอนุบาลเป็นต้นมา สถานศึกษาแต่ละแหล่งมักมีกิจกรรมการ "ร้องเพลง" ทั้งในการเรียนการสอน และกิจกรรมเพื่อบันเทิงเริงใจต่าง ๆ การขับร้องเพลงไทย ถือเป็นการออกเสียงร้องเพื่อสื่อความหมายด้วยรูปแบบเป็นทั้งบทกลอน เป็นทำนอง เป็นคำร้อง ฯลฯ ทั้งนี้ยังไม่พบเอกสารตำราหรือบทความที่บันทึกว่ามีแบบฝึกการขับร้องเพลงไทยแต่อย่างใด (วิทยา ศรีผ่อง, ๒๕๖๓, หน้า ๑)
เนื่องจากการเรียนการสอนในวิชา ดนตรีไทย ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๑/๑๓
โรงเรียนพานทองสภาชนูปถัมภ์ ปีการศึกษาที่ ๒๕๖๗ นั้น นอกเหนือจากความรู้พื้นฐานทั่วไปของดนตรีและนาฏศิลป์แล้วยังมีการขับร้องเพลงต่างๆ เช่น เพลงเกี่ยวข้าว เพลงพื้นบ้าน เพลงไทยเดิม เพลงเทศกาลต่างๆ เป็นต้น ส่วนมากเป็นเพลงที่นักเรียนต้องนำไปใช้ในชีวิตประจำวัน ปัญหาที่พบก็คือ นักเรียนไม่มีพื้นฐานในการขับร้องเพลงที่ถูกต้อง ขับร้องไม่ตรงกับระดับเสียงดนตรีหรือมีการเพี้ยนทำนองเพลง ทำให้เพลงดังกล่าวฟังผิดแปลกออกไป ไม่ตรงกับจุดประสงค์ของผู้ประพันธ์ ความหมายเพลง และอาจจะทำให้นักเรียนขาดความมั่นใจในการขับร้อง
ผู้วิจัยเล็งเห็นว่า "ชุดการฝึกขับร้องเพลงไทย" จะเป็นเครื่องมือหนึ่งที่ "ลัดสั้น" และมีประสิทธิภาพสูงสุด โดยสามารถนำพาให้ผู้ขับร้องที่ใช้ชุดฝึกนี้เป็นเครื่องมือให้เกิดศักยภาพแห่งตนรวมถึงเกิดแรงจูงใจเพื่อมุ่งหมายไปสู่การขับร้องให้ไพเราะ รวมถึงมีความเข้าใจในทักษะการขับร้องเพลงไทยที่ถูกวิธีสามารถพัฒนาตนเองให้เข้มแข็งเพื่อความก้าวหน้าในวิชาชีพได้อย่างมั่นคงและมีประสิทธิภาพสูงสุด
วัตถุประสงค์ของการวิจัย
เพื่อสร้างชุดฝึกการขับร้องเพลงไทยการแก้ไขการเพี้ยนเสียง
สมมติฐานการวิจัย
ชุดฝึกในการขับร้องเพลงไทยสามารถแก้ไขการเพี้ยนเสียงในการขับร้องไทยได้จริงโดยการสร้างแบบฝึกและทฤษฎีการขับร้องและจัดการเรียนการสอนที่มีรูปแบบผสมผสาน ทำให้นักเรียนมีพัฒนาการในการขับร้องเพลงไทย
ประโยชน์ที่ได้รับ
๑. นักเรียนได้รับการพัฒนาการร้องเพลงให้มีความถูกต้อง
๒. นักเรียนสามารถนำหลักการขับร้องที่ถูกต้องไปประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวันได้
ขอบเขตของการวิจัย
การสร้างชุดฝึกการขับร้องเพลงไทย ที่มีผลต่อการแก้ไขเพี้ยนเสียงของนักเรียน
ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1
ประชากร
นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๑ โรงเรียนพานทองสภาชนูปถัมภ์ ภาคเรียนที่ 2
ปีการศึกษา ๒๕๖๗ จำนวน ๑3 ห้องเรียน จำนวนนักเรียน 520 คน
กลุ่มตัวอย่าง
นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1/13 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา ๒๕๖๗ ของโรงเรียน พานทองสภาชนูปถัมภ์ อำเภอพานทอง จังหวัดชลบุรี จำนวน ๔๐ คน ผู้วิจัยได้มาโดยใช้วิธีสุ่มตัวอย่างอย่างง่าย ( Simple Random Sampling )
ตัวแปรที่ศึกษา
1. ตัวแปรต้น คือ ชุดฝึกการขับร้องเพลงไทย
2. ตัวแปรตาม คือ การแก้ไข้การเพี้ยนเสียงในการขับร้องเพลงไทย
ระยะเวลาในการศึกษา
เวลาที่ใช้ในการศึกษาครั้งนี้ใช้เวลา ๔ คาบ โดยสอนสัปดาห์ละ ๑ คาบ
เป็นเวลา ๔ สัปดาห์ ของภาคเรียนเรียนที่ 2 ประจำปีการศึกษา๒๕๖๗
นิยามศัพท์เฉพาะ
๑.ชุดฝึกชุดฝึกการขับร้องเพลงไทย หมายถึง เครื่องมือที่ผู้วิจัยสร้างขึ้นสำหรับใช้พัฒนาศักยภาพของผู้ขับร้อง มีจำนวน ๓ ชุด คือ ชุดที่ ๑ เป็นการนำการเอื้อนมาเป็นแบบฝึก ชุดที่ ๒
การเพิ่มระดับความยากของทำนองเอื้อนให้มีความซับซ้อนทั้งนี้ยังคงรักษาการฝึกไล่ระดับเสียง ตั้งแต่เสียงต่ำไปจนถึงเสียงสูง และจากระดับเสียงสูงลงมาหาเสียงต่ำ และชุดที่ ๓ เป็นการนำการเอื้อนและคำร้องมาผสมผสาน เป็นแบบฝึก
๒. การเพี้ยนเสียงในการขับร้อง หมายถึงเสียงที่ไม่ตรงกับระดับที่ถูกต้อง เพี้ยนก็คือผิด แต่เป็นการผิดเพียงเล็กน้อย ไม่ว่าเสียงร้องหรือเสียงดนตรี ถ้าหากว่าไม่ตรงกับระดับเสียงที่ถูกต้องแล้วไม่ว่าจะสูงไปหรือต่ำไป แม้แต่เพียงเล็กน้อย ก็เรียกว่า เพี้ยน ทั้งสิ้น
๓. ทำนอง หมายถึง เสียงสูง ๆ ต่ำ ๆ ซึ่งสลับสับกัน และมีความสั้น ยาว หนัก เบา ต่างกัน ตามลักษณะของเพลงและวัตถุประสงค์ของผู้ประพันธ์เพลง
๔.การร้องเพลง หมายถึงการทำให้เกิดเสียงดนตรีจากเสียงและเสริมด้วยถ้อยคำทั้งระบบเสียงสูงต่ำและจังหวะ คนที่ขับร้องเพลงเรียกว่านักร้อง
๕.ทักษะการร้องเพลง หมายถึง ความชำนาญ ความคล่องแคล่วในการร้องเพลงหลังจากที่ได้รับการฝึกปฏิบัติ ชุดการสอนการแก้ไขการร้องเพี้ยนเสียง
การวิจัยเรื่อง การใช้ชุดฝึกการขับร้องเพลงไทย ที่มีผลต่อการแก้ไขเพี้ยนเสียง ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 มีประเด็นสำคัญสรุปได้ดังนี้
วัตถุประสงค์ของการวิจัย
การวิจัยในครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อแก้ไขปัญหาการร้องเพี้ยนเสียง ของนักเรียนโรงเรียนพานทองสภาชนูปถัมภ์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๑/๑๓ เนื่องจากนักเรียนขาดทักษะที่ถูกต้องในการร้องเพลง จึงทำให้การร้องเพลงนั้นผิดเพี้ยนไปเนื่องจากการบังคับลมในการออกเสียงไม่ถูกต้อง การบังคับรูปปากที่ผิด ทำให้เสียงหรือคำร้องที่เปล่งออกมาเพี้ยนได้ ผู้วิจัยจึงเห็นว่าปัญหานี้สามารถแก้ไขได้ โดยผู้วิจัยที่คิดชุดการสอนการร้องเพี้ยนเสียงขึ้นมา เพื่อแก้ปัญหาดังกล่าว โดยมีเป้าหมายว่าผู้เรียนจะมีพัฒนาการในการขับร้องและสามารถนำไปประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวันได้
กลุ่มตัวอย่าง
นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๑/๑๓ โรงเรียนพานทองสภาชนูปถัมภ์ จำนวน ๔๐ คน มีพัฒนาการที่ดีขึ้น หลังจากได้ผ่านการใช้ชุดแบบทดสอบการร้องเพี้ยนเสียง
เครื่องมือการวิจัย
๑.เครื่องดนตรีไทย (ระนาดทุ้ม) เพื่อพัฒนาทักษะทางด้านการฟัง
๒.แบบบันทึกเพื่อบันทึกการเปลี่ยนแปลงของการขับร้อง
๓. แบบฝึกทักษะในการขับร้อง
การเก็บรวบรวมข้อมูล
เก็บรวบรวมข้อมูลโดยการสังเกตการณ์พัฒนาการของนักเรียนแต่ละคนว่ามีการพัฒนาการเป็นอย่างไร เปรียบเทียบจากเทปบันทึกเสียงของนักเรียนในแต่ละครั้ง
สรุปผลการวิจัย
การวิจัยเรื่อง การแก้ไขการเพี้ยนเสียงในการขับร้องในครั้งนี้พบว่า นักเรียนมีพัฒนาการที่ดีในการขับร้อง สามารถขับร้องเพลงด้วยความมั่นใจ ร้องไม่เพี้ยนเสียง และสามารถนำไปประยุกต์ใช้กับการร้องเพลงอื่น ๆ ได้
วิเคราะห์ผลการวิจัย
การวิจัยเรื่อง การใช้ชุดฝึกการขับร้องเพลงไทย ที่มีผลต่อการแก้ไขเพี้ยนเสียง ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๑ สามารถแก้ไขการเพี้ยนเสียงในการขับร้องได้จริง เนื่องจากผู้วิจัย ได้สร้างแบบฝึกและทฤษฎีการขับร้อง และจัดการเรียนการสอนที่มีรูปแบบผสมผสาน ได้แก่ การสอนแบบอธิบาย การสอนแบบค่อยเป็นค่อยไป และสอนแบบปฏิบัติจริง โดยมีเครื่องบันทึกเสียงเปรียบเทียบการขับร้องแต่ละครั้งให้นักเรียนฟัง เพื่อให้ทราบข้อผิดพลาดของตัวเอง หลังจากนั้นครูก็ค่อยๆแก้ไขให้ทีละจุด ทำให้มีพัฒนาการก้าวกระโดดในการขับร้อง การฝึกการขับร้องเป็นกลุ่มทำให้นักเรียนเกิดความสามัคคีกันในกลุ่ม เพื่อนที่เข้าใจหรือปฏิบัติได้ก่อนก็จะช่วยเพื่อนที่ยังปฏิบัติยังไม่ได้ ทำให้บรรยากาศในการเรียนการสอนมีความสุขและสนุกกับการเรียน
ข้อเสนอแนะ
๑. จากผลการวิจัย การแก้ไขการเพี้ยนเสียง พบว่า นักเรียนมีสมาธิเพิ่มขึ้น จึงเห็นสมควรที่ครูผู้สอนวิชาดนตรีจะจัดเป็นชุดการสอนเพื่อใช้ในการจัดการเรียนการสอนต่อไป
๒. ส่งเสริมให้มีการศึกษาค้นคว้าวิจัย ผลิตและพัฒนาสื่อการสอนการขับร้อง เพิ่มขึ้น เพื่อช่วยลดปัญหาการสอนการขับร้อง ทั้งทางด้านการขาดบุคลากรและสื่อการสอน