ประเทศไทยในยุคปัจจุบันให้ความสำคัญอย่างยิ่งกับการพัฒนาทุนมนุษย์ (Human Capital Development) โดยเน้นการสร้าง โอกาสทางการศึกษาอย่างเท่าเทียม ให้แก่เด็กและเยาวชนทุกคน ไม่ว่าจะอยู่ในสถานะทางเศรษฐกิจหรือสังคมใด รัฐบาลจึงได้กำหนดนโยบาย ไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง (Leave No One Behind) เป็นหลักการสำคัญในการบริหารจัดการศึกษาในยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี และใน แผนการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 25602579 รวมถึงนโยบายของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการที่ให้ความสำคัญกับการลดจำนวนเด็กหลุดออกจากระบบการศึกษาอย่างจริงจัง โดยเน้นการดำเนินงานที่มีความยืดหยุ่น เปิดโอกาสทางการเรียนรู้ทุกมิติ และขับเคลื่อนด้วยการมีส่วนร่วมของชุมชนและสังคมในด้านความเหลื่อมล้ำทางการศึกษา พบว่าเด็กจำนวนไม่น้อยหลุดออกจากระบบด้วยเหตุผลด้านเศรษฐกิจ สังคม หรือข้อจำกัดส่วนตัว ดังนั้น ภาครัฐจึงกำหนดให้ การพาน้องกลับมาเรียน และ การจัดการศึกษาที่ยืดหยุ่น เป็นแนวทางหลักในการสร้างความเสมอภาคทางการศึกษา โดยสนับสนุนให้โรงเรียนแต่ละแห่งพัฒนานวัตกรรมหรือแนวปฏิบัติเฉพาะพื้นที่เพื่อป้องกันปัญหาอย่างตรงจุด
สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ได้ขับเคลื่อนนโยบายของกระทรวงศึกษาธิการอย่างต่อเนื่อง โดยมุ่งเน้นการ ป้องกันและแก้ไขปัญหานักเรียนหลุดออกจากระบบการศึกษา ผ่านแนวนโยบายสำคัญ อาทิ:
นโยบาย Zero Dropout: สพฐ.มุ่งหวังให้โรงเรียนไม่มีเด็กหลุดออกจากระบบ โดยให้ความสำคัญกับการคัดกรองนักเรียนกลุ่มเสี่ยง และจัดระบบดูแลช่วยเหลืออย่างเข้มแข็ง
โครงการพาน้องกลับมาเรียน: ส่งเสริมให้โรงเรียนตามหานักเรียนที่หลุดออกจากระบบและดำเนินการให้กลับมาเรียน พร้อมทั้งดูแลต่อเนื่อง
ระบบการดูแลช่วยเหลือนักเรียน (SSS): ส่งเสริมให้ทุกโรงเรียนจัดทำแผนดูแลนักเรียนรายบุคคล ตั้งแต่ระดับข้อมูลพื้นฐาน การคัดกรอง การให้คำปรึกษา และการเยี่ยมบ้าน
การส่งเสริมการศึกษาทางเลือก: เช่น การจัดการศึกษาร่วมกับ กศน., การเรียนแบบออนไลน์, การเทียบโอนความรู้จากชีวิตจริง ฯลฯ เพื่อให้ผู้เรียนมีทางเลือกมากขึ้น
การจัดสรรงบประมาณและทุนสนับสนุน: เช่น กองทุนเสมอภาคทางการศึกษา (กสศ.) และโครงการเงินอุดหนุนนักเรียนยากจน
สพฐ. ยังเน้นให้สถานศึกษาทุกแห่งพัฒนานวัตกรรมตามบริบทพื้นที่ เพื่อให้เกิดการจัดการศึกษาที่เข้าถึงง่าย ครอบคลุม และมีคุณภาพอย่างยั่งยืน โดยยกย่องและเผยแพร่แนวปฏิบัติที่เป็นเลิศ (Best Practice) เพื่อนำไปขยายผลสู่โรงเรียนอื่น ๆ ในระบบ
สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาประจวบคีรีขันธ์ เขต 1 ได้ขับเคลื่อนนโยบายของ สพฐ. อย่างจริงจัง ด้วยการสนับสนุนให้ทุกโรงเรียนในพื้นที่พัฒนานวัตกรรมที่สอดคล้องกับบริบทของตนเอง โดยเฉพาะในด้านการป้องกันและลดจำนวนเด็กหลุดเรียน พร้อมทั้งสร้างเครือข่ายความร่วมมือในระดับพื้นที่ เพื่อให้เกิดระบบดูแลช่วยเหลือแบบมีส่วนร่วมจากทุกภาคส่วน
ซึ่งโรงเรียนบ้านดอนทรายตั้งอยู่ในพื้นที่ชนบท ซึ่งประชากรส่วนใหญ่มีอาชีพเกษตรกรรม รับจ้างทั่วไป และมีฐานะทางเศรษฐกิจปานกลางถึงค่อนข้างต่ำ ครอบครัวจำนวนไม่น้อยมีภาระหนี้สินและความไม่มั่นคงด้านรายได้ ทำให้ขาดโอกาสสนับสนุนบุตรหลานอย่างเต็มที่ในด้านการศึกษา จากการสำรวจข้อมูล พบว่าในชุมชนยังมีนักเรียนบางส่วนที่ ขาดเรียนบ่อย ผลการเรียนต่ำ หรือเสี่ยงต่อการหลุดจากระบบการศึกษา เนื่องจากต้องช่วยผู้ปกครองทำงานหารายได้ ทำให้เวลาเรียนลดน้อยลง ย้ายตามครอบครัวเพื่อหางานในพื้นที่อื่น จนไม่สามารถเรียนได้อย่างต่อเนื่อง ครอบครัวขาดความเข้าใจเรื่องความสำคัญของการศึกษา และไม่ส่งเสริมการเรียนอย่างเต็มที่ ปัญหาเหล่านี้นำไปสู่การที่นักเรียนบางคน ออกกลางคัน หรือ หลุดนอกระบบ โดยไม่มีโอกาสกลับเข้าสู่การศึกษา ซึ่งจะส่งผลต่อโอกาสในอนาคต ทั้งการหางาน การมีรายได้ และการยกระดับคุณภาพชีวิตเพื่อตอบสนองต่อนโยบายรัฐบาลThailand Zero Dropout
โรงเรียนบ้านดอนทรายจึงได้จัดทำแนวปฏิบัติที่ดี (Best Practice) ภายใต้ชื่อ ไม่ทิ้ง ไม่ถอย ดอนทราย Zero Dropout ด้วยรูปแบบ DONSAI MODEL แสดงถึงความมุ่งมั่นที่จะ ไม่ทอดทิ้งนักเรียนคนใดไว้ข้างหลัง และไม่ถอยในการแก้ปัญหาการศึกษา ผ่านการส่งเสริม สนับสนุนรูปแบบการศึกษาที่ยืดหยุ่น ทั้งในระบบ นอกระบบ และตามอัธยาศัย เพื่อให้นักเรียนทุกคนได้รับโอกาสกลับเข้าสู่การเรียนรู้อย่างเต็มที่ ลดความเหลื่อมล้ำ และสร้างความเสมอภาคทางการศึกษาอย่างยั่งยืน
2.1 จุดประสงค์
1) เพื่อให้นักเรียนและเยาวชนทุกคนในเขตบริการของโรงเรียนบ้านดอนทราย ได้รับโอกาสทางการศึกษาอย่างเท่าเทียม ไม่หลุดออกจากระบบการศึกษา
2) เพื่อส่งเสริม สนับสนุน และจัดการศึกษาที่ยืดหยุ่น ทั้งในระบบ นอกระบบ และตามอัธยาศัย ให้ตอบสนองความต้องการและบริบทของผู้เรียน
3) เพื่อสร้างกลไกความร่วมมือ ระหว่างโรงเรียน ผู้ปกครอง ชุมชน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
ในการช่วยเหลือดูแลนักเรียนอย่างเป็นระบบและยั่งยืน
2.2 เป้าหมาย
1) เป้าหมายเชิงปริมาณ
1.1 ร้อยละ 100 ของนักเรียนกลุ่มเสี่ยงทั้งหมดได้รับการติดตามช่วยเหลือ
1.2 ร้อยละ 100 ลดจำนวนนักเรียนออกกลางคัน และนักเรียนตกหล่น ให้เป็น ศูนย์ (Zero Dropout) ตามนโยบาย
1.3 ร้อยละ 80 ของนักเรียนที่มีปัญหาครอบครัวไม่พร้อมต่อการสนับสนุนด้านการศึกษา ยากจน ได้รับสนับสนุนทุนการศึกษา
2) เป้าหมายเชิงคุณภาพ
2.1 นักเรียนที่เคยมีแนวโน้มจะหลุดออกจากระบบ กลับเข้าสู่กระบวนการเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง
2.2 ครอบครัวและชุมชนตระหนักถึงความสำคัญของการศึกษามากขึ้น และมีส่วนร่วมใน
การส่งเสริมการเรียนของนักเรียน
4. ผลการดำเนินการ ผลสัมฤทธิ์ ประโยชน์ที่ได้รับ
การดำเนินงาน ไม่ทิ้ง ไม่ถอย ดอนทราย Zero Dropout ด้วยรูปแบบ DONSAI MODEL ส่งผลให้เกิดผลลัพธ์ที่เป็นรูปธรรม ทั้งในด้านนักเรียน โรงเรียน และชุมชน โดยมีรายละเอียดดังนี้
ผลที่เกิดตามจุดประสงค์
จุดประสงค์ ข้อที่ 1) เพื่อให้นักเรียนและเยาวชนทุกคนในเขตบริการของโรงเรียนบ้านดอนทราย ได้รับโอกาสทางการศึกษาอย่างเท่าเทียม ไม่หลุดออกจากระบบการศึกษา
นักเรียนทุกคนในเขตบริการได้รับการสำรวจข้อมูลรายบุคคล และไม่มีนักเรียนตกหล่นหรือหลุดออกจากระบบ
มีระบบคัดกรองและติดตามนักเรียนกลุ่มเสี่ยงอย่างต่อเนื่อง
อัตราการคงอยู่ในระบบการศึกษาของนักเรียนในเขตบริการ 100%
นักเรียนที่เคยหลุดออกจากระบบได้รับการประสาน กลับเข้าสู่ระบบการศึกษาอย่างเหมาะสม
จุดประสงค์ ข้อที่ 2) เพื่อส่งเสริม สนับสนุน และจัดการศึกษาที่ยืดหยุ่น ทั้งในระบบ นอกระบบ และตามอัธยาศัย ให้ตอบสนองความต้องการและบริบทของผู้เรียน
โรงเรียนสามารถจัดการเรียนรู้ที่เหมาะสมกับผู้เรียนเฉพาะราย เช่น การเรียนแบบผสมผสาน, เรียนออนไลน์ หรือการร่วมมือกับ กศน.
นักเรียนที่มีข้อจำกัดด้านเวลา การเดินทาง หรือปัญหาครอบครัว ได้รับการสนับสนุนทางเลือกในการเรียนรู้ที่ยืดหยุ่น
นักเรียนมีความต่อเนื่องในการเรียนรู้ และสามารถพัฒนาศักยภาพตนเองได้ตามความถนัด
จุดประสงค์ ข้อที่ 3) เพื่อสร้างกลไกความร่วมมือ ระหว่างโรงเรียน ผู้ปกครอง ชุมชน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ในการช่วยเหลือดูแลนักเรียนอย่างเป็นระบบและยั่งยืน
มีการจัดตั้งและดำเนินงานของทีมเครือข่ายความร่วมมือดูแลช่วยเหลือนักเรียน โดยมีโรงเรียน ผู้ปกครอง อบต. วัด กศน. และชุมชนมีส่วนร่วม
ชุมชนและหน่วยงานภายนอกให้ความร่วมมืออย่างต่อเนื่อง ทั้งในด้านทุนสนับสนุน การจัดกิจกรรม และการแนะแนวอาชีพ
เกิดกลไกการประสานงานที่เป็นระบบ สามารถติดตามและช่วยเหลือนักเรียนได้ตรงจุด
ความเชื่อมั่นของผู้ปกครองและชุมชนต่อโรงเรียนเพิ่มสูงขึ้น