ค้นหาทุกอย่างในเว็บครูบ้านนอก :
ชุมชนครู บุคลากรทางการศึกษา และนักเรียน แหล่งความรู้สำหรับครู นักเรียน ข่าวการศึกษา ห้องสมุดความรู้ทุกกลุ่มสาระการเรียนรู้ และความรู้ทั่วไป เผยแพร่ผลงานวิชาการ ที่นี่


ค้นหากระทู้
ตั้งกระทู้คำถามใหม่ กลับหน้าที่แล้ว
 
Advertisement

การพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้ตามทฤษฎีการสร้างความรู้ร่วมกับการเรียนรู้ แบบสืบเสาะหาความรู้ (7E) เพื่อพัฒนาความสามารถในการแก้ปัญหาและมโนทัศน์ ทางวิทยาศาสตร์ เรื่อง พันธะเคมี สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4

ชื่อเรื่อง การพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้ตามทฤษฎีการสร้างความรู้ร่วมกับการเรียนรู้

แบบสืบเสาะหาความรู้ (๗E) เพื่อพัฒนาความสามารถในการแก้ปัญหาและมโนทัศน์

ทางวิทยาศาสตร์ เรื่อง พันธะเคมี สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4

ผู้วิจัย นางชิดศุภางค์ ลำพาย ตำแหน่ง ครู วิทยฐานะ ครูชำนาญการพิเศษ

โรงเรียนหนองโพธิ์พิทยาคม สังกัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดมหาสารคาม

ปีที่ทำการวิจัย ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2567

บทคัดย่อ

ในการพัฒนาครั้งนี้มีความมุ่งหมายของการวิจัยเพื่อ 1) ศึกษาสภาพปัจจุบันและความต้องการในการพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้ กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี รายวิชาเคมี ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 2) สร้างและพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้ตามทฤษฎีการสร้างความรู้ร่วมกับการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ (๗E) เพื่อพัฒนาความสามารถในการแก้ปัญหาและมโนทัศน์ทางวิทยาศาสตร์ เรื่อง พันธะเคมี สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 3) ศึกษาผลการใช้รูปแบบ ที่พัฒนาขึ้น ดังนี้ 3.1) หาประสิทธิภาพของรูปแบบที่พัฒนาขึ้น ที่มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ 80/80 3.2) เปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนระหว่างก่อนเรียนและหลังเรียนด้วยรูปแบบ ที่พัฒนาขึ้น 3.3) เปรียบเทียบความสามารถในการแก้ปัญหาของนักเรียนระหว่างก่อนเรียนและหลังเรียนด้วยรูปแบบ ที่พัฒนาขึ้น 3.4) เปรียบเทียบมโนทัศน์ทางวิทยาศาสตร์ของนักเรียนระหว่างก่อนเรียนและหลังเรียน ด้วยรูปแบบที่พัฒนาขึ้น 4) ศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 ที่มีต่อการเรียนโดยใช้รูปแบบการจัดการเรียนรู้ตามทฤษฎีการสร้างความรู้ร่วมกับการเรียนรู้แบบสืบเสาะ หาความรู้ (7E) เพื่อพัฒนาความสามารถในการแก้ปัญหาและมโนทัศน์ทางวิทยาศาสตร์ เรื่อง พันธะเคมี สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 การวิจัยแบ่งเป็น 4 ระยะ ระยะที่ 1 กลุ่มเป้าหมายคือ ครูผู้สอนกลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี จำนวน 5 คน และนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 จำนวน 12 คน เครื่องมือที่ใช้ได้แก่ แบบสัมภาษณ์ ระยะที่ 2 กลุ่มผู้ให้ข้อมูล ผู้ทรงคุณวุฒิ จำนวน 7 คน เครื่องมือ ที่ใช้ได้แก่ แบบประเมินรูปแบบ ระยะที่ 3 กลุ่มตัวอย่าง คือ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4/2 จำนวน 16 คน โรงเรียนหนองโพธิ์วิทยาคม ในภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2567 เครื่องมือที่ใช้ได้แก่ แผนการจัดการเรียนรู้ จำนวน 12 แผน แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน มีค่า (IOC) ตั้งแต่ 0.80 - 1.00 มีค่าความยากง่าย (p) มีค่าตั้งแต่ 0.33 - 0.72 มีค่าอำนาจจำแนก (B) ตั้งแต่ 0.22 - 0.77 มีค่าความเชื่อมั่นทั้งฉบับเท่ากับ 0.91 แบบทดสอบวัดความสามารถในการแก้ปัญหา มีค่า IOC ตั้งแต่ 0.80 - 1.00 และหาค่าความเชื่อมั่นของแบบทดสอบทั้งฉบับ เท่ากับ 0.88 แบบทดสอบวัดมโนทัศน์ทางวิทยาศาสตร์ มีค่า IOC ตั้งแต่ 0.80 - 1.00 และหาค่าความเชื่อมั่นของแบบทดสอบทั้งฉบับ ซึ่งมีค่าความเชื่อมั่นทั้งฉบับเท่ากับ 0.89 และ ระยะที่ 4 กลุ่มเป้าหมาย ได้แก่ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4/2 จำนวน 16 คน เครื่องมือที่ใช้ได้แก่ แบบสอบถามความพึงพอใจ มีค่า (IOC) ตั้งแต่ 0.80 - 1.00 มีค่าอำนาจจำแนกรายข้อ (rxy) ตั้งแต่ 0.22 - 0.81 มีค่าความเชื่อมั่นทั้งฉบับเท่ากับ 0.90 สถิติที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และ การทดสอบ t-test (Dependent Sample)

ผลการวิจัยพบว่า

1. สภาพปัจจุบันและความต้องการในการพัฒนารูปแบบ ครูผู้สอนมีวิธีการสอนที่ไม่หลากหลาย สอนแบบบรรยาย ไม่เน้นการฝึกปฏิบัติ เน้นการท่องจำมากกว่าการปฏิบัติจริง นักเรียน ไม่สามารถวิเคราะห์สถานการณ์ ตั้งสมมติฐาน หรือออกแบบการทดลองได้อย่างมีระบบ ซึ่งเป็นทักษะสำคัญตามเป้าหมายหลักของการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ ขาดกิจกรรมที่กระตุ้นให้นักเรียนคิด วิเคราะห์ ตั้งคำถาม หรือแลกเปลี่ยนความคิดเห็น ควรส่งเสริมการเรียนรู้ที่เน้นนักเรียนเป็นสำคัญโดยการลงมือปฏิบัติจริงด้วยตนเอง ควรมีการพัฒนารูปแบบการเรียนการสอนที่เหมาะสม การพัฒนารูปแบบการจัด การเรียนรู้ที่กระตุ้นให้นักเรียนสร้างความรู้ด้วยตนเอง ผสานกับกระบวนการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ (7E) ซึ่งช่วยให้ผู้เรียนสามารถตั้งคำถาม ทดลอง ค้นพบ และสรุปความรู้ด้วยตนเอง เพื่อยกระดับ มโนทัศน์ทางวิทยาศาสตร์และทักษะการแก้ปัญหาทางวิทยาศาสตร์ของผู้เรียนให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น

2. ผลการสร้างและพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้ตามทฤษฎีการสร้างความรู้ร่วมกับ การเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ (7E) เพื่อพัฒนาความสามารถในการแก้ปัญหาและมโนทัศน์ ทางวิทยาศาสตร์ เรื่อง พันธะเคมี สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 (PIPELA Model) มี 6 องค์ประกอบ คือ (1) หลักการ (2) วัตถุประสงค์ (3) กระบวนการจัดการเรียนรู้ (4) ระบบสังคม (5) หลักการตอบสนอง และ (6) สิ่งสนับสนุน มีขั้นตอนการจัดการเรียนรู้ 5 ขั้นตอน คือ ขั้นที่ 1 ขั้นเตรียมความพร้อมสำหรับการเรียนรู้ (Preparing : P) ขั้นที่ 2 การแสวงหาความรู้ใหม่ (Interaction : I) ขั้นที่ 3 ฝึกทักษะและการนำไปใช้ (Practice and applying : P) ขั้นที่ 4 แลกเปลี่ยนความรู้ (Exchanging Knowledge) ขั้นที่ 5 ขั้นสรุปบทเรียน (Lesson Summary : L) ขั้นที่ 6 ขั้นนำความรู้ไปใช้ (Apply knowledge) และผลการตรวจสอบความเหมาะสมของรูปแบบจากผู้ทรงคุณวุฒิ มีคุณภาพเหมาะสมอยู่ในระดับมาก ( = 4.43)

3. ผลการใช้รูปแบบการจัดการเรียนรู้ตามทฤษฎีการสร้างความรู้ร่วมกับการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ (7E) เพื่อพัฒนาความสามารถในการแก้ปัญหาและมโนทัศน์ทางวิทยาศาสตร์ เรื่อง พันธะเคมี สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 ที่พัฒนาขึ้น พบว่า 1) รูปแบบที่พัฒนาขึ้นมีประสิทธิภาพ (E1/E2) เท่ากับ 84.90/84.08 ซึ่งมีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ 80/80 ที่ตั้งไว้ 2) นักเรียนที่เรียนด้วยรูปแบบการจัดการเรียนรู้ที่พัฒนาขึ้น มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 3) นักเรียนที่เรียนด้วยรูปแบบการจัดการเรียนรู้ที่พัฒนาขึ้น มีความสามารถในการแก้ปัญหาหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 4) นักเรียนที่เรียนด้วยรูปแบบการจัดการเรียนรู้ที่พัฒนาขึ้น มีมโนทัศน์ทางวิทยาศาสตร์หลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05

4. ผลการประเมินความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อการเรียนด้วยรูปแบบการจัดการเรียนรู้ตามทฤษฎีการสร้างความรู้ร่วมกับการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ (7E) เพื่อพัฒนาความสามารถในการแก้ปัญหาและมโนทัศน์ทางวิทยาศาสตร์ เรื่อง พันธะเคมี สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 โดยภาพรวมอยู่ในระดับมาก

โพสต์โดย ชิดศุภางค์ : [7 ก.ค. 2568 (19:53 น.)]
อ่าน [58626] ไอพี : 159.192.220.51
หากข้อความนี้ไม่เหมาะสม คลิก คลิกปุ่มนี้ หากเห็นว่าข้อความนี้ไม่เหมาะสม
Advertisement

 
 

โปรดอ่านกฎกติกาก่อนแสดงความเห็น
1. ข้อความของท่านจะขึ้นแสดงโดยอัตโนมัติทันทีที่ได้รับข้อมูล
2.
ห้ามโพสต์ ข้อความยั่วยุให้เกิดความรุนแรงทางสังคม ข้อความที่ก่อให้เกิดความเสียหายและเสื่อมเสียต่อบุคคลที่สาม, เบอร์โทรศัพท์,
รูปภาพที่ไม่เหมาะสมต่อเยาวชนหรือภาพลามกอนาจาร หรือกระทบถึงสถาบันอันเป็นที่เคารพ
ขอให้ผู้ตั้งกระทู้รับผิดชอบตัวเอง
และรับผิดชอบต่อสังคม ถ้ารูปภาพ หรือข้อความใดส่งผลกระทบต่อบุคคลอื่น ทีมงานพร้อมจะส่งรายละเอียดให้เจ้าหน้าที่
เพื่อตามจับตัวผู้กระทำผิดต่อไป

3.
สมาชิกที่โพสต์สิ่งเหล่านี้ อาจถูกดำเนินคดีทางกฎหมายจากผู้เสียหายได้
4. ไม่อนุญาตให้มีการโฆษณาสินค้าใด ๆ ทั้งสิ้น ทั้งทางตรงและทางอ้อม
5. ทุกความคิดเห็นเป็นข้อความที่ทางผู้เยี่ยมชมเข้ามาร่วมตั้งกระทู้ในเว็บไซต์ ทางเว็บไซต์ kroobannok.com ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ ทั้งสิ้น
6. ทางทีมงานขอสงวนสิทธิ์ในการลบกระทู้ที่ไม่เหมาะสมได้ทันที โดยไม่ต้องมีการชี้แจงเหตุผลใดๆ ต่อเจ้าของความเห็นนั้นทั้งสิ้น

7. หากพบเห็นรูปภาพ หรือข้อความที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งมาที่อีเมล์ kornkham@hotmail.com เพื่อทำการลบออกจากระบบต่อไป


 ** พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.๒๕๕๐**

ขออภัยในความไม่สะดวก เนื่องจากเราประสบปัญหา
มีผู้โพสต์ข้อความที่หมิ่นเหม่และไม่เหมาะสมเป็นจำนวนมาก
ครูบ้านนอกดอทคอมจึงขอความร่วมมือสมาชิก
กรุณาเข้าสู่ระบบก่อนแสดงความเห็นครับ


  

สมัครสมาชิกใหม่
 

 

Advertisement

≡ เรื่องน่าอ่าน/สาระน่ารู้ ≡

เปิดอ่าน 10,336 ครั้ง
วัคซีนป้องกันโรคมะเร็ง ช่วยให้รอดพ้นโรคร้ายได้มากถึง1ใน5
วัคซีนป้องกันโรคมะเร็ง ช่วยให้รอดพ้นโรคร้ายได้มากถึง1ใน5

เปิดอ่าน 27,100 ครั้ง
ราคามาตรฐานครุภัณฑ์
ราคามาตรฐานครุภัณฑ์

เปิดอ่าน 10,751 ครั้ง
ลดการสอบเพื่ออะไร ?
ลดการสอบเพื่ออะไร ?

เปิดอ่าน 16,995 ครั้ง
แว่นกันแดดแฟชั่น สวย เสี่ยง
แว่นกันแดดแฟชั่น สวย เสี่ยง

เปิดอ่าน 13,414 ครั้ง
เสริมสุขภาพลูกน้อยให้ได้ผลด้วย ผลไม้
เสริมสุขภาพลูกน้อยให้ได้ผลด้วย ผลไม้

เปิดอ่าน 15,730 ครั้ง
คีย์บอร์ดเสมือนจริงกูเกิล
คีย์บอร์ดเสมือนจริงกูเกิล

เปิดอ่าน 32,593 ครั้ง
แผ่นป้าย "คำอวยพรอักษรจีน" เสริมโชคลาภ-สิริมงคล
แผ่นป้าย "คำอวยพรอักษรจีน" เสริมโชคลาภ-สิริมงคล

เปิดอ่าน 12,469 ครั้ง
ทายนิสัยจากการเล่นเกมส์
ทายนิสัยจากการเล่นเกมส์

เปิดอ่าน 92,011 ครั้ง
การแรเงา
การแรเงา

เปิดอ่าน 20,549 ครั้ง
จอดรถแบบนี้ เจ๊ซื้อใบขับขี่มาจากไหน
จอดรถแบบนี้ เจ๊ซื้อใบขับขี่มาจากไหน

เปิดอ่าน 25,846 ครั้ง
สรรพคุณทางยาของ "บวบหอม"
สรรพคุณทางยาของ "บวบหอม"

เปิดอ่าน 1,114 ครั้ง
เทคโนโลยี หมายถึงอะไร
เทคโนโลยี หมายถึงอะไร

เปิดอ่าน 20,649 ครั้ง
การผ่าตัดเปลี่ยนหัวใจ
การผ่าตัดเปลี่ยนหัวใจ

เปิดอ่าน 13,598 ครั้ง
ปวดข้อให้กินแอปเปิล แกล้มด้วยเหล้าไวน์แดงวันละแก้วทุกวัน
ปวดข้อให้กินแอปเปิล แกล้มด้วยเหล้าไวน์แดงวันละแก้วทุกวัน

เปิดอ่าน 111,642 ครั้ง
ครูกับการจัดการเรียนการสอน
ครูกับการจัดการเรียนการสอน

เปิดอ่าน 16,152 ครั้ง
มะเร็งเน็ต...ภัยร้ายชนิดใหม่ เสี่ยงตายไม่รู้ตัว
มะเร็งเน็ต...ภัยร้ายชนิดใหม่ เสี่ยงตายไม่รู้ตัว
เปิดอ่าน 21,496 ครั้ง
น้ำอาร์ซี
น้ำอาร์ซี
เปิดอ่าน 18,840 ครั้ง
จัดฮวงจุ้ย . . . รับโชคปี 52 สู้วัวกระทิงเลือด
จัดฮวงจุ้ย . . . รับโชคปี 52 สู้วัวกระทิงเลือด
เปิดอ่าน 14,884 ครั้ง
"เดอะ ฮ็อบบิท" กับทฤษฎีวิวัฒนาการมนุษย์
"เดอะ ฮ็อบบิท" กับทฤษฎีวิวัฒนาการมนุษย์
เปิดอ่าน 14,168 ครั้ง
กลูตาไธโอน มีมากกว่าทำให้หน้าใส
กลูตาไธโอน มีมากกว่าทำให้หน้าใส

รายการหลัก

หน้าแรก
ข่าว/บทความ
สมุดเยี่ยม
กระดานสนทนา
เว็บลิงค์
ผู้จัดทำเว็บครูบ้านนอก
ข้อมูลบุคคล
ภาพกิจกรรม
ผู้สนับสนุน

สมาชิก

เข้าสู่ระบบ
คุณครูต้องรู้ไว้
รวมแบบฟอร์มต่างๆ

เว็บน่าสนใจ

เว็บไซต์ สพฐ.
กระทรวงศึกษาธิการ
ติวสอบ GED
ติวสอบ SAT
เครื่องมือวัด
เครื่องมืออุตสาหกรรม
เกมส์
แหล่งรวมเกมส์

แหล่งรวมเกมส์



 เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ มากมาย
เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ คลายเครียด

เกมส์ รวมเกมส์ เกมส์แข่งรถ เกมส์ต่อสู้ เกมส์ภาษา เกมส์วางระเบิด เกมส์แต่งตัว เกมส์ท่องเที่ยว เกมส์หมากฮอส เกมส์ผจญภัย เกมส์เต้น เกมส์รถ เกมส์ดนตรี เกมส์ขายของ เกมส์ฝึกสมอง เกมส์เด็กๆ เกมส์ปลูกผัก เกมส์การ์ด เกมส์จับผิดภาพ เกมส์ตลก เกมส์ตัดผม เกมส์ก้านกล้วย เกมส์ทําอาหาร เกมส์เลี้ยงสัตว์ เกมส์ผี เกมส์จับคู่ เกมส์กีฬา เกมส์เศรษฐี เกมส์ฝึกทักษะ เกมส์วางแผน เกมส์จีบหนุ่ม เกมส์มาริโอ เกมส์ระบายสี เกมส์จีบสาว เกมส์เบ็นเท็น เกมส์ยิง เกมส์ยาน เกมส์สร้างเมือง เกมส์มันส์ๆ เกมส์แต่งบ้าน เกมส์ความรู้
      kroobannok.com

© 2000-2020 Kroobannok.com  
All rights reserved.


Design by : kroobannok.com


ครูบ้านนอกดอทคอม
การจัดอันดับของ Truehits Web Directory

วิธีนำแบนเนอร์ของครูบ้านนอก.คอมไปแปะในเว็บท่าน บันทึกภาพแบนเนอร์นี้และลิงค์มาที่เราครับ (มีแบนเนอร์ 2 แบบ)
 

ครูบ้านนอกดอทคอม เว็บไซต์ของครูตัวเล็กๆ คนหนึ่ง ที่หวังเพียง ใช้เป็นช่องทางในการสื่อสาร แลกเปลี่ยน เพิ่มพูนความรู้ และให้ข่าวสาร ที่ทันสมัยต่อเหตุการณ์แก่คุณครู ผู้ปฏิบัติงานในทุกพื้นที่ของประเทศไทย เพื่อความเจริญงอกงามในปัญญา และเจริญก้าวหน้าในวิชาชีพ

เว็บนี้ถือกำเนิดเมื่อ 5 มกราคม 2548

Email : kornkham@hotmail.com
Tel : 096-7158383

สนใจสนับสนุนเรา โดยลงโฆษณา
คลิกดูรายละเอียดที่นี่ครับ