ความสำคัญของ นวัตกรรม หรือวิธีปฏิบัติที่เป็นเลิศ
กระทรวงศึกษาธิการได้ประกาศใช้หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 โดยกำหนดให้นักเรียนเรียนจำเป็นต้องเรียนรู้วิชาพื้นฐานจำนวน 8 กลุ่มสาระการเรียนรู้ ได้แก่ กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์, กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี, กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย, กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาต่างประเทศ, กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม, กลุ่มสาระการเรียนรู้สุขศึกษา พลศึกษา, กลุ่มสาระการเรียนรู้ศิลปศึกษา และกลุ่มสาระการเรียนรู้การงานอาชีพ และได้กำหนดให้สถานศึกษามีรายวิชาเพิ่มเติมที่สอดคล้องกับจุดเน้นของโรงเรียน (กระทรวงศึกษาธิการ, 2551) โดยได้เพิ่มรายวิชาหน้าที่พลเมือง เป็นรายวิชาเพิ่มเติมในหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขึ้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 ตามประกาศของกระทรวงศึกษาธิการ ลงวันที่ 28 พฤศจิกายน 2567 (กระทรวงศึกษาธิการ, 2567)
วิชาหน้าที่พลเมืองเป็นวิชาที่มีความสำคัญต่อการพัฒนาเยาวชนให้เป็นคนดีของสังคม เพราะวิชานี้สอนให้เราเข้าใจบทบาท หน้าที่ สิทธิ และความรับผิดชอบของตนเองในฐานะสมาชิกคนหนึ่งของประเทศ ช่วยส่งเสริมให้เรารู้จักคิดวิเคราะห์ แยกแยะสิ่งที่ถูกและผิด รู้จักใช้สิทธิอย่างเหมาะสม และไม่ละเลยหน้าที่ของตัวเอง โดยในยุคปัจจุบันการปฏิบัติตนเป็นพลเมืองดีนั้น มีความสำคัญต่อทุกคนที่อยู่ร่วมกันในสังคมและเพื่อสร้างความเป็นพลเมืองดีตลอดจนปลูกฝังความเป็นพลเมืองดีให้กับนักเรียน สถานศึกษาควรมีการจัดการเรียนการสอน โดยการใช้กิจกรรมที่ให้นักเรียนปฏิบัติจริงร่วมกับชุมชนในด้านต่างๆ นักเรียนเกิดพัฒนาการทั้งด้าน สติปัญญา อารมณ์ความรู้สึกร่างกาย และจิตใจสามารถอยู่ร่วมในสังคมได้อย่างมีความสุขอย่างต่อเนื่อง (กรมวิชาการ, 2544)
จากการที่ครูผู้สอนโรงเรียนวัดชลธารประสิทธิ์ได้ทำการสังเกตพฤติกรรมของนักเรียนในโรงเรียนพบว่านักเรียนส่วนใหญ่ยังไม่สามารถปฏิบัติตามหน้าที่ของตัวเองได้อย่างเหมาะสม ยังขาดความรับผิดชอบต่อหน้าที่ของตนเอง เช่น ไม่ทำการบ้านมาโรงเรียน ไม่ทำความสะอาดบริเวณกลุ่มสี ไม่ปฏิบัติตามเวรประจำวันในห้องเรียนของตนเอง หรือแม้แต่ไม่ปฏิบัติตามหน้าที่ของตนเองเมื่ออยู่ที่บ้านกับผู้ปกครอง เนื่องจากนักเรียนบางคนยังไม่สามารถคิดและแยกแยะได้ว่าหน้าที่ของตัวเองคืออะไร และตัวเองต้องทำอะไรบ้างในแต่ละวัน ด้วยเหตุนี้ครูผู้สอนเห็นว่าพฤติกรรมดังกล่าวส่งผลกระทบทางการศึกษาของนักเรียน รวมไปถึงส่งผลกระทบด้านพฤติกรรมทางสังคมของนักเรียน ดังนั้นเพื่อเป็นการแก้ไขปัญหาดังกล่าวครูผู้สอนจึงได้จัดการเรียนการสอนรายวิชาหน้าที่พลเมือง โดยมุ่งเน้นให้นักเรียนรู้จักบทบาทหน้าที่ของตนเองและมีความรับผิดชอบต่อหน้าที่นั้น ๆ และให้ความรู้นักเรียนเกี่ยวกับความสำคัญของการรู้หน้าที่และความรับผิดชอบโดย คะนึงรัตน์ ลาโพธิ์ (2535 : 44-45) ได้กล่าวว่าความรับผิดชอบเป็นปัจจัยที่ดีงามในสังคมซึ่งมีผลดีคือผู้ที่มีความรับผิดชอบจำทงานได้สำเร็จตามเป้าหมาย ทำให้เป็นที่นับถือและทำให้เกิดความก้าวหน้า สงบสุขและเรียบร้อยแก่สังคม โดยใช้นวัตกรรม 3ร โมเดล (รู้คิด รู้หน้าที่ รู้รับผิดชอบ) ร่วมการจัดการเรียนรู้แบบActive Learning
ให้นักเรียนได้เรียนรู้พร้อมกับการลงมือทำจริง เพื่อเป็นการสร้างประสบการณ์ตรงให้เกิดขึ้นแก่ผู้เรียน โดยผู้เรียนจะมีปฏิสัมพันธ์กับเพื่อนและครูด้วยการลงมือทำกิจกรรมร่วมกันทั้งในชั้นเรียนและนอกชั้นเรียน (กมล โพธิเย็น, 2564) เพื่อปลูกฝังให้นักเรียนมีความรับผิดชอบต่อตนเอง ครอบครัว โรงเรียน และสังคม จะช่วยเสริมสร้างระเบียบวินัยและพฤติกรรมพลเมืองดีต่อไป
วัตถุประสงค์ และเป้าหมายของการดำเนินงาน
4.1วัตถุประสงค์
4.1.1 เพื่อส่งเสริมให้นักเรียนสามารถระบุหน้าที่ของตนเองในฐานะนักเรียนและสมาชิกในครอบครัวได้ (K)
4.1.2 เพื่อส่งเสริมให้นักเรียนสามารถปฏิบัติหน้าที่ของตนเองในฐานะนักเรียนและสมาชิกในครอบครัวได้ (P)
4.1.3 เพื่อส่งเสริมให้นักเรียนเห็นคุณค่าของการรับผิดชอบต่อหน้าที่ของตนเองในฐานะนักเรียนและสมาชิกในครอบครัว (A)
๔.๒ เป้าหมาย
นักเรียนโรงเรียนวัดชลธารประสิทธิ์รู้จักหน้าที่ของตัวเอง และมีความรับผิดชอบต่อหน้าที่ของตนเองทั้งในโรงเรียนและนอกโรงเรียน
๔.๒.๑ เชิงปริมาณ
4.2.1.1 นักเรียนโรงเรียนวัดชลธารประสิทธิ์ร้อยละ 75 รู้จักหน้าที่ของตนเอง และมีความรับผิดชอบต่อหน้าที่ของตนเองทั้งในฐานะนักเรียนและสมาชิกในครอบครัว
4.2.1.2 นักเรียนโรงเรียนวัดชลธารประสิทธิ์ร้อยละ 75 เห็นคุณค่าของรับผิดชอบต่อหน้าที่ของตนเอง
๔.๒.๒ เชิงคุณภาพ
4.2.2.1 นักเรียนโรงเรียนวัดชลธารประสิทธิ์รู้จักหน้าที่ของตนเอง และมีความรับผิดชอบต่อหน้าที่ของตนเองทั้งในฐานะนักเรียนและสมาชิกในครอบครัว
4.2.2.2 นักเรียนโรงเรียนวัดชลธารประสิทธิ์ เห็นคุณค่าของรับผิดชอบต่อหน้าที่ของตนเอง
ผลสัมฤทธิ์ของงาน
การนำนวัตกรรม 3ร โมเดล ปั้นเด็กดี มีความรับผิดชอบ มาปรับใช้ในการจัดการเรียนการสอน การทำกิจกรรมในโรงเรียนวัดชลธารประสิทธิ์ รวมทั้งปลูกฝังให้นักเรียนรู้คิด รู้หน้าที่ รู้รับผิดชอบหน้าที่นอกรั้วโรงเรียน พบว่านักเรียนโรงเรียนวัดชลธารประสิทธิ์จำนวนร้อยละ 75 มีพฤติกรรมอันพึงประสงค์ที่ดีขึ้นก่อนการนำนวัตกรรมมาใช้ โดยครูผู้สอนได้ทำการวัดและประเมินผลจากคะแนนคุณลักษณะอันพึงประสงค์ของนักเรียน โดยนำข้อมูลคะแนนทั้ง 8 ด้านมาวิเคราะห์ให้สอดคล้องกับพฤติกรรมความรับผิดชอบ