ชื่อเรื่อง การพัฒนารูปแบบการบริหารสถานศึกษาเชิงระบบ เพื่อส่งเสริมศักยภาพครูด้านการจัดการเรียนรู้หลักสูตรสามภาษา (Mini ENGLISH Program Plus Chinese) ของโรงเรียนเทศบาล 5 (แก้วปัญญาอุปถัมภ์) อ.เมืองพะเยา จังหวัดพะเยา
ชื่อผู้วิจัย นางสาวนัฐประวีณ์ ธนบุญทรัพย์
ปีที่วิจัย 2567
บทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษาสภาพและปัญหาการบริหารสถานศึกษาในการส่งเสริมศักยภาพครูด้านการจัดการเรียนรู้หลักสูตรสามภาษา (Mini English Program Plus Chinese) 2) วิเคราะห์ความต้องการจำเป็นของครูในการจัดการเรียนรู้หลักสูตรสามภาษา 3) พัฒนารูปแบบการบริหารสถานศึกษาเชิงระบบเพื่อส่งเสริมศักยภาพครู 4) ตรวจสอบคุณภาพของรูปแบบที่พัฒนาขึ้น และ 5) ศึกษาผลของการใช้รูปแบบที่พัฒนาขึ้น การวิจัยนี้เป็นการวิจัยและพัฒนา (R&D) ตามแนวทางของ Borg & Gall ประกอบด้วย 3 ขั้นตอนหลัก ได้แก่ การศึกษาวิเคราะห์สภาพปัจจุบัน ปัญหา และความต้องการจำเป็น (Need Assessment) การพัฒนาและออกแบบรูปแบบการบริหารสถานศึกษาเชิงระบบ การประเมินและทดลองใช้รูปแบบในภาคสนาม เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ แบบสอบถามเกี่ยวกับสภาพและปัญหาการบริหารและความต้องการจำเป็นของครู แบบประเมินความเหมาะสมของรูปแบบที่พัฒนาขึ้น (โดยผู้เชี่ยวชาญ) แบบวัดผลสัมฤทธิ์ของครูด้านความรู้และทักษะการจัดการเรียนรู้สามภาษา แบบประเมินความพึงพอใจของครูต่อรูปแบบที่นำไปใช้ แบบสัมภาษณ์เชิงลึก (สำหรับผู้บริหาร ครู และผู้เกี่ยวข้อง) สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ค่าความถี่ (Frequency) และค่าร้อยละ (Percentage) ค่าเฉลี่ย (Mean) และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (Standard Deviation) การวิเคราะห์ความต้องการจำเป็น (PNI Modified)การเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ก่อนหลังทดลองใช้รูปแบบ ด้วยการทดสอบ t-test for dependent samples การวิเคราะห์เนื้อหาเชิงคุณภาพ (Content Analysis) สำหรับข้อมูลจากการสัมภาษณ์
ผลการวิจัย พบว่า
1. สภาพการบริหารปัจจุบัน ขาดความต่อเนื่องในการพัฒนาครู ขาดการบูรณาการภาษาจีนในห้องเรียน และขาดระบบติดตามผลที่ชัดเจน
2. ความต้องการจำเป็นของครู ครูมีความต้องการอบรมเชิงปฏิบัติการเกี่ยวกับหลักสูตรสามภาษา และต้องการการสนับสนุนด้านสื่อการสอน เทคโนโลยี และการวางแผนร่วมกับผู้เชี่ยวชาญ
3. รูปแบบที่พัฒนาขึ้น ประกอบด้วย 4 องค์ประกอบ ได้แก่
- การบริหารเชิงนโยบายและวิสัยทัศน์
- การพัฒนาครูแบบมีระบบ
- การสนับสนุนด้านทรัพยากรและเทคโนโลยี
- การติดตาม ประเมินผล และพัฒนาร่วมกับชุมชน
4. ผลการประเมินโดยผู้เชี่ยวชาญ พบว่ารูปแบบมีความเหมาะสม ความเป็นไปได้ และความครอบคลุมในระดับ ดีมาก ( = 4.78, S.D. = 0.35)
5. ผลจากการทดลองใช้ พบว่าครูมีคะแนนความรู้ ทักษะ และทัศนคติเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01 และมีความพึงพอใจต่อรูปแบบในระดับ มากที่สุด ( = 4.82, S.D. = 0.29)
ชื่อเรื่อง รายงานการประเมินโครงการการมีส่วนร่วมและการบริการสังคมของโรงเรียนเทศบาล 5 (แก้วปัญญาอุปถัมถ์) อำเภอเมืองพะเยา จังหวัดพะเยา
ชื่อผู้รายงาน นางสาวนัฐประวีณ์ ธนบุญทรัพย์
ปีที่รายงาน 2567
บทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ประเมินผลการดำเนินโครงการการมีส่วนร่วมและการบริการสังคมของโรงเรียนเทศบาล 5 (แก้วปัญญาอุปถัมภ์) จังหวัดพะเยา โดยอิงจากเป้าหมายของโครงการและความคิดเห็นของผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง และ 2) ศึกษาข้อเสนอแนะในการพัฒนาโครงการในอนาคต การประเมินใช้รูปแบบผสมผสานระหว่างการประเมินตามวัตถุประสงค์ (Goal-Based Evaluation) และการประเมินโดยยึดผู้มีส่วนได้ส่วนเสียเป็นศูนย์กลาง (Stake-Based Evaluation) โดยมีกรอบแนวคิดในการประเมินตาม Logic Model ซึ่งครอบคลุมด้านปัจจัยนำเข้า (Input), กระบวนการ (Process), ผลผลิต (Output), และผลลัพธ์ (Outcome) กลุ่มตัวอย่างประกอบด้วย ผู้บริหารและครูจำนวน 51 คน นักเรียนระดับประถมศึกษาปีที่ 4-6 จำนวน 64 คน ผู้ปกครอง 64 คน และกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน 15 คน รวมทั้งสิ้น 194 คน ใช้การเลือกแบบเจาะจง (Purposive Sampling) เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยประกอบด้วย แบบสอบถาม แบบสัมภาษณ์ และแบบสังเกต โดยมีค่าความเที่ยงเชิงเนื้อหา (IOC) อยู่ระหว่าง 0.801.00 และมีค่าความเชื่อมั่น (Reliability) ของแบบสอบถามเท่ากับ 0.94 วิเคราะห์ข้อมูลเชิงปริมาณด้วยสถิติเชิงพรรณนา ได้แก่ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และเชิงคุณภาพด้วยการวิเคราะห์เนื้อหา (Content Analysis)
ผลการวิจัยพบว่า
1. ผลการประเมินตาม Logic Model ใน 4 ด้าน ได้แก่
1.1 ด้านปัจจัยนำเข้า (Input) โรงเรียนมีการสนับสนุนทรัพยากรและบุคลากรอย่างเหมาะสม อยู่ในระดับมาก ( = 4.35, S.D. = 0.56)
1.2 ด้านกระบวนการ (Process) มีการวางแผน ดำเนินงาน และติดตามประเมินผลอย่างเป็นระบบ อยู่ในระดับมาก ( = 4.42, S.D. = 0.48)
1.3 ด้านผลผลิต (Output) นักเรียนมีความรู้ความเข้าใจและมีส่วนร่วมในกิจกรรมจิตอาสา อยู่ในระดับมากที่สุด ( = 4.60, S.D. = 0.45)
1.4 ด้านผลลัพธ์ (Outcome) นักเรียนเกิดคุณลักษณะอันพึงประสงค์ เช่น ความมีวินัย ความเสียสละ และจิตสาธารณะ อยู่ในระดับมากที่สุด ( = 4.62, S.D. = 0.40)
2. ผลการประเมินจากความคิดเห็นของผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย พบว่าผู้บริหาร ครู นักเรียน ผู้ปกครอง และกรรมการสถานศึกษามีความพึงพอใจต่อโครงการในภาพรวมอยู่ในระดับมากที่สุด และเสนอแนะให้มีการจัดกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับการมีส่วนร่วมและการบริการสังคมอย่างต่อเนื่อง พร้อมทั้งขยายเครือข่ายการมีส่วนร่วมไปยังหน่วยงานภายนอกชุมชน
ข้อเสนอแนะจากการวิจัย ได้แก่ การบูรณาการการมีส่วนร่วมและการบริการสังคมเข้าสู่หลักสูตรสถานศึกษา การเพิ่มช่องทางการสื่อสารระหว่างโรงเรียนกับชุมชน และการประเมินผลลัพธ์ในระยะยาว เพื่อการพัฒนาโครงการให้ยั่งยืน