๑. ชื่อผลงานที่เป็นแบบอย่างที่ดี
เขียนทุกวัน อ่านทุกเช้า NSA MODEL
๒. วัตถุประสงค์
๒.๑ เพื่อยกระดับผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนในทุกกลุ่มสาระ
๒.๒ เพื่อพัฒนาทักษะการอ่านออกเสียง อ่านเข้าใจ และการเขียนสื่อความอย่างถูกต้องตามระดับชั้น
๒.๓ เพื่อส่งเสริมเจตคติที่ดีและนิสัยรักการอ่าน การเขียนของผู้เรียนอย่างยั่งยืน
๓. กระบวนการดำเนินงาน
ใช้หลัก PDCA ในการนำเนินการ NSA MODEL
ขั้นที่ ๑ วิเคราะห์และวางแผน (P PLAN)
N = Nurture Literacy Skills ส่งเสริมทักษะการอ่านการเขียน
๑.๑ สำรวจข้อมูลพื้นฐานการอ่าน การเขียนของนักเรียน
- รวบรวมผลการอ่านออกเขียนได้ของนักเรียนจากแบบทดสอบ RT, NT แบบประเมินผลการ อ่านการเขียนในชั้นเรียน สังเกตทักษะการอ่าน การเขียนของนักเรียนในชั้นเรียน
- ประชุมคณะครูเพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลและกำหนดกิจกรรมให้กับนักเรียนตามกลุ่มเป้าหมาย (PLC)
๑.๒ วิเคราะห์สภาพปัญหา
- วิเคราะห์จุดอ่อนด้านการเรียนรู้ เช่น การไม่คล่อง เขียนสะกดคำผิด ไม่เข้าใจความหมายของ คำที่อ่าน
- หาสาเหตุของปัญหา เช่น ขาดการฝึกฝนที่ต่อเนื่อง, พื้นฐานอ่อน, ขาดการส่งเสริมและ สนับสนุนทักษะการอ่าน การเขียนจากครอบครัว, ติดการใช้มือถือ
๑.๓ กำหนดเป้าหมายและตัวชี้วัดความสำเร็จ
- เช่น นักเรียนระดับชั้นประถมศึกษาปีที่๓ ร้อยละ ๘๐ อ่านได้และเขียนถูกต้องตามเกณฑ์ ภายในสิ้นปีการศึกษา
- วางแผนกิจกรรมหลัก กิจกรรมเสริม สื่อการเรียนรู้ การมีส่วนร่วมของครอบครัว
๑.๔ จัดทำแผนดำเนินอย่างเป็นระบบ
- แผนรายเดือน / รายสัปดาห์ พร้อมระบุผู้รับผิดชอบ เวลา และทรัพยากรที่ใช้
ขั้นที่ ๒ ดำเนินกิจกรรม ( D DO)
S = Systematic Implementation ดำเนินการอย่างเป็นระบบ
๒.๑ ดำเนินกิจกรรมที่ส่งเสริมการอ่านการเขียน
- กิจกรรม อ่านทุกวัน นักเรียนอ่านหนังสือตามที่ตนเองสนใจ
- กิจกรรม เขียนทุกเช้า นักเรียนเขียนคำศัพท์ เขียนเรื่องราวสั้น ๆ
- กิจกรรม เล่าสู่กันฟัง นักเรียนฝึกฟังและพูดตามเพื่อส่งเสริมทักษะการฟัง การพูด การอ่าน
๒.๒ จัดกลุ่มการเรียนรู้ตามระดับความสามารถ
- กลุ่มพัฒนาเฉพาะ: กลุ่มอ่านไม่ออก, อ่านช้า
- กลุ่มเสริมทักษะ: นักเรียนที่มีทักษะดีแล้ว ใช้สื่อที่ส่งเสริมความคิด ท้าทาย เช่น การจับใจความ
๒.๓ ใช้สื่อที่หลากหลาย
- สื่อพื้นฐาน : นิทานอีสป
- สื่อเทคโนโลยี : เกมภาษาไทยออนไลน์
๒.๔ ส่งเสริมการมีส่วนร่วมของผู้ปกครอง
- กิจกรรม พ่อแม่อ่านให้ลูกฟังวันละ 5 นาที
ขั้นที่ ๓ ติดตามและประเมินผล ( C = Check)
A = Assessment & Adjustment ประเมินและปรับปรุงต่อเนื่อง
๓.๑ ประเมินผลเป็นรายบุคคล
- ประเมินจากพฤติกรรมการอ่าน การเขียนในห้องเรียน โดยใช้แบบสังเกตพฤติกรรม
๓.๒ ใช้แฟ้มสะสมงานนักเรียน (Portfolio)
- บันทึกพัฒนาการของนักเรียนเป็นรายเดือน เช่น การอ่านบัญชีคำพื้นฐาน สมุดบันทึกกิจกรรมรักการอ่าน
๓.๓ ประเมินผลกิจกรรมและปรับปรุง
- ประชุมคณะครูหรือผู้รับผิดชอบ (PLC) วิเคราะห์ผลลัพธ์ว่าแต่ละกิจกรรมได้ผลลัพธ์แค่ไหน
- รับฟังข้อเสนอแนะจากครู ผู้ปกครอง และนักเรียน โดยใช้แบบประเมินความพึงพอใจ
ขั้นที่ ๔ ปรับปรุงขยายผล ( A = Act)
๔.๑ สรุปผลการดำเนินงาน และวิเคราะห์ปัจจัยสำเร็จ/อุปสรรค
- จัดทำรายงานการพัฒนาผลสัมฤทธิ์ด้านการอ่าน การเขียน
๔.๒ ปรับปรุงกิจกรรมให้ตรงตามบริบท
- เปลี่ยนรูปแบบกิจกรรมให้เหมาะกับระดับชั้น/ความสนใจของนักเรียน
๔.๓ ขยายผลและแลกเปลี่ยนเรียนรู้
- จัดนิทรรศการ ให้ผู้ปกครองและชุมชนเข้ารับชม
การประเมินผล Best Practice อ่านทุกวัน เขียนทุกเช้า NSA MODEL ได้ดำเนินการประเมินทั้งในด้านผลสัมฤทธิ์ของผู้เรียน ด้านกระบวนการดำเนินงาน และด้านผลกระทบต่อผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง โดยใช้แนวทางการประเมินตามสภาพจริง (Authentic Assessment) และใช้ข้อมูลเชิงคุณภาพและเชิงปริมาณเพื่อสะท้อนถึงประสิทธิภาพของการดำเนินงาน
ในด้านผู้เรียน พบว่า นักเรียนมีพัฒนาการที่ชัดเจนในเรื่องของการอ่านออกเสียงได้อย่างถูกต้อง ชัดเจน และมีจังหวะเหมาะสม รวมถึงสามารถเขียนสะกดคำและสื่อสารความหมายได้ตรงประเด็นตามระดับชั้นที่เรียน โดยเฉพาะนักเรียนที่มีปัญหาในช่วงเริ่มต้นมีพัฒนาการที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่องจากการเข้าร่วมกิจกรรมที่จัดขึ้นอย่างเป็นระบบ ทั้งนี้ จากผลการประเมินความสามารถในการอ่าน RT และการเขียนเชิงสร้างสรรค์ พบว่านักเรียนร้อยละมากกว่า ๘๐ ผ่านเกณฑ์มาตรฐานที่โรงเรียนกำหนด
ในด้านกระบวนการดำเนินงาน พบว่าครูมีการพัฒนาการจัดการเรียนรู้ที่ส่งเสริมการอ่านและการเขียนอย่างหลากหลาย เช่น การจัดกิจกรรม อ่านทุกวัน เขียนทุกเช้า การใช้แบบฝึกทักษะเฉพาะบุคคล และการจัดกลุ่มตามระดับความสามารถ อีกทั้งยังมีการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ผ่านชุมชนการเรียนรู้ทางวิชาชีพ (PLC) อย่างต่อเนื่อง ซึ่งช่วยให้การปรับปรุงแนวทางการสอนได้ตรงจุดมากยิ่งขึ้น การจัดทำแฟ้มสะสมงานและการสังเกตพฤติกรรมผู้เรียนรายบุคคลก็เป็นอีกกลยุทธ์หนึ่งที่ช่วยให้ครูสามารถติดตามความก้าวหน้าของผู้เรียนได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ผลการดำเนินงานที่ส่งผลที่ดีต่อผู้เรียน
จาก Best Practice อ่านทุกวัน เขียนทุกเช้า NSA MODEL อย่างเป็นระบบ ส่งผลให้เกิดพัฒนาการเชิงบวกในผู้เรียนอย่างหลากหลาย ซึ่งสามารถสะท้อนผลลัพธ์ที่ดีได้อย่างชัดเจนในแต่ละด้าน ดังนี้
๑. ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนในทุกกลุ่มสาระเพิ่มสูงขึ้น
การส่งเสริมทักษะการอ่านออกเขียนได้อย่างเป็นระบบ ส่งผลให้ผู้เรียนมีความเข้าใจโจทย์ อ่านหนังสือเรียน
๒. ทักษะการอ่านออกเสียง อ่านเข้าใจ และการเขียนสื่อความดีขึ้นตามลำดับชั้น
กิจกรรม อ่านทุกวัน เขียนทุกเช้า เล่าสู่กันฟัง และแบบฝึกเฉพาะกลุ่มตามระดับชั้น ส่งผลให้ผู้เรียนสามารถอ่านออกเสียงได้ชัดเจน มีจังหวะเหมาะสม และแสดงออกทางน้ำเสียงอย่างมั่นใจ นักเรียนยังสามารถสรุปใจความสำคัญของเรื่องที่อ่าน และเชื่อมโยงกับประสบการณ์ของตนเองได้ดีขึ้น สำหรับด้านการเขียน นักเรียนสามารถเขียนสะกดคำได้ถูกต้องตามหลักภาษาไทย เขียนเล่าเรื่องหรือเรียบเรียงความคิดได้เป็นลำดับ โดยไม่ต้องลอกคำจากครูหรือเพื่อน เห็นได้ชัดจากการประเมินชิ้นงานเขียนที่หลากหลาย เช่น เขียนประโยค จากภาพ เขียนเรื่องจากประสบการณ์จริง หรือเขียนจดหมายเล็ก ๆ ถึงเพื่อนในชั้นเรียน
๓. เกิดเจตคติที่ดีและนิสัยรักการอ่าน การเขียนอย่างยั่งยืน
การสร้างวัฒนธรรม รักการอ่าน การเขียน ผ่านกิจกรรมมุมหนังสือ มุมเขียนสร้างสรรค์ และกิจกรรมอ่านร่วมกับครู ส่งผลให้นักเรียนรู้สึกสนุกและผูกพันกับการอ่านอย่างเป็นธรรมชาติ เด็กหลายคนเริ่มขอยืมหนังสือกลับบ้านโดยไม่ต้องรอให้ครูแนะนำ และบางคนถึงกับทำสมุด ไดอารี่การอ่าน ของตนเองเพื่อจดสรุปหนังสือที่อ่านในแต่ละวัน นอกจากนี้ยังพบว่าผู้เรียนแสดงออกถึงความคิดสร้างสรรค์และความภูมิใจในงานเขียนของตนเอง โดยนำผลงานติดบอร์ดหรือส่งประกวดกับเพื่อนในระดับชั้น ส่งผลให้เกิดความเชื่อมั่นในตนเอง และ คงความสม่ำเสมอในการอ่าน-เขียนแม้นอกเวลาเรียน
๖. ปัจจัยหรือสิ่งสนับสนุนที่ให้เกิดความสำเร็จ
ปัจจัยภายใน
๑. ภาวะผู้นำของผู้บริหาร
ผู้บริหารสถานศึกษามีบทบาทในการสนับสนุน ทบทวน และขับเคลื่อน Best Practice อย่างใกล้ชิด
๒. ความร่วมมือของคณะครู
ครูในโรงเรียนมีการทำงานเป็นทีม ใช้กระบวนการ PLC (Professional Learning Community) แลกเปลี่ยนเรียนรู้
๓. การจัดสภาพแวดล้อมส่งเสริมการเรียนรู้
ห้องเรียนถูกจัดให้มี มุมส่งเสริมการอ่าน และ พื้นที่เขียนสร้างสรรค์ อย่างชัดเจน
๔. ความเข้าใจผู้เรียนในเชิงลึก
ครูสามารถวิเคราะห์ปัญหาของผู้เรียนแต่ละคนได้อย่างแม่นยำ และออกแบบกิจกรรมเฉพาะบุคคล เช่น การบ้านปรับพื้นฐาน แบบฝึกเสริมทักษะ การสอนซ่อมเฉพาะจุด ส่งผลให้ผู้เรียนพัฒนาตามศักยภาพของตนเอง
ปัจจัยภายนอก
๑. ความร่วมมือจากผู้ปกครอง
ผู้ปกครองมีบทบาทอย่างมากในการสนับสนุนกิจกรรม
๒. การสนับสนุนจากชุมชนและท้องถิ่น
หน่วยงานท้องถิ่น เช่น อบต.ซับใหญ่ ผู้นำชุมชนบ้านโนนสะอาด ให้การสนับสนุนทรัพยากรและ เข้าร่วมกิจกรรม
๓. เครือข่ายวิชาการจากต้นสังกัด
การนิเทศ ติดตาม และให้ข้อเสนอแนะจากสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาชัยภูมิ เขต ๓ส่งผลให้โครงการมีพัฒนาการต่อเนื่อง โดยมีทิศทางที่ชัดเจน
๔. แหล่งเรียนรู้ภายนอกโรงเรียน
การใช้ห้องสมุดประชาชนอำเภอซับใหญ่ วัดบ้านโนนสะอาด หรือศูนย์เรียนรู้ในชุมชนเป็นสถานที่ในการฝึกอ่าน-เขียนนอกเวลาเรียน ส่งผลให้นักเรียนได้เรียนรู้อย่างกว้างขวางและต่อเนื่อง
๗. ชื่อบุคคลหรือหน่วยงานภายนอกที่ให้การยอมรับ
๑. ได้รับรางวัลต้นแบบการจัดการเรียนรู้เชิงรุกกลุ่มการเรียนรู้ภาษาไทยจากเครือข่ายโรงเรียนซับใหญ่
๒. ได้รับรางวัลนวัตกรรมที่เป็นเลิศด้านการอ่าน การเขียน จากเครือข่ายโรงเรียนซับใหญ่
๓. ได้รับรางวัลเหรียญทองแดง การประกวดสื่อสร้างสรรค์ภาพยนตร์สั้นเพื่อสิ่งแวดล้อมที่ยั่งยืน ระดับภูมิภาค จาก สพฐ.
๘. การเผยแพร่แบบอย่างที่ดี
สถานศึกษามีการเผยแพร่ผลงานในเพจเฟซบุ๊กโรงเรียนบ้านโนนสะอาด จดหมายข่าวประชาสัมพันธ์ โรงเรียนบ้านโนนสะอาด แจ้งข่าวสาร ทางไลน์กลุ่มผู้ปกครอง และกลุ่มคณะกรรมการสถานศึกษา ทางเว็บไซต์สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาชัยภูมิ เขต ๓ เว็บไซต์ครูบ้านนอก และมีสถานศึกษาในเครือข่ายโรงเรียนซับใหญ่มาศึกษาดูงานแลกเปลี่ยนเรียนรู้ เช่น โรงเรียนบ้านโปร่งเกตุ โรงเรียนบ้านวังพง โรงเรียนบ้านหนองนกเขียน จากการตรวจสอบโดยการสัมภาษณ์ สอบถามพบว่าทั้ง ๓ โรงเรียนมีคะแนนทดสอบ RT, NT, O-NET สูงขึ้นกว่าปีที่ผ่านมา