วิธีปฏิบัติที่ดี (Good Practice)
ครูผู้สร้างความศักยภาพและความเป็นเลิศ ตามทฤษฎีพหุปัญญา
ผ่านกิจกรรม หรือผ่านกิจกรรมการเรียนรู้ Active Learning
สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาสุโขทัย
..............................................................................................
ชื่อผลงานการส่งเสริมศักยภาพและความเป็นเลิศ ตามทฤษฎีพหุปัญญา 8 ด้าน
ผู้เสนอผลงาน นางสาวภัคชัญญา ตั้งวณิชชวกร
ตำแหน่ง ครูชำนาญการพิเศษ
สถานศึกษา โรงเรียนบ้านด่านลานหอยวิทยา สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาสุโขทัย
ความเป็นมาและความสำคัญ
(ระบุ เหตุผลความจำเป็น สภาพปัญหา หรือความต้องการ แนวคิดหลักการสำคัญ นำไปสู่ การออกแบบกิจกรรม กระบวนการดำเนินการ และการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ การพัฒนาผลงาน หรือนวัตกรรมที่นำเสนอ โดยบรรยายเรียงลำดับให้มีเนื้อหาที่สอดคล้อง และต่อเนื่องกัน)
1.1 ความเป็นมาของผลงาน
การสอนแบบสร้างสรรค์เป็นฐาน (Creativity-based learning )เป็นหนึ่งในรูปแบบการสอนแนว active learning ที่วิจัยกับเด็กไทย เพื่อออกแบบการสอน ให้ผู้เรียนได้ ครบสองด้าน คือได้ทั้งด้านเนื้อหาวิชา และทักษะในศตวรรษที่ 21 โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ด้วยการสอนรูปแบบนี้จะทำให้ผู้เรียนมีทักษะในการคิดสร้างสรรค์ได้อย่างเป็นรูปธรรม ได้มีการนำไปใช้แล้วและได้ผลดีคือ เป็นการสอนที่ทำให้ผู้เรียน คิดวิเคราะห์และคิดสร้างสรรค์ ต่างจากการสอนแบบดั้งเดิม ความคิดสร้างสรรค์เป็นสิ่งที่มีความสำคัญต่อทุกคนและสังคมเป็นอย่างยิ่ง จึงจำเป็นที่จะต้อง ดำเนินการจัดการเรียนการสอนเพื่อส่งเสริมให้นักเรียนมีความคิดสร้างสรรค์เพื่อนำไปสู่การสร้างนวัตกรรมใหม่ และการเตรียมความพร้อมของการจัดการศึกษาไทยแลนด์ 4.0 การเรียนการสอนโดยเน้นให้ผู้เรียนได้พัฒนาในด้านระบบการคิดจึงเป็นสิ่งที่ต้องให้ความสำคัญ และส่งเสริมให้เกิดขึ้นอย่างจริงจัง โดยเฉพาะความคิดสร้างสรรค์เป็นสิ่งที่มีค่าและสำคัญที่สุด ที่มนุษย์ต้องนำมาใช้ในการแก้ไขปัญหา พร้อมทั้งสร้างสรรค์ สิ่งใหม่ๆ ที่มีคุณค่า สอดคล้องกับการจัดการเรียนการสอนรายวิชาการศึกษาค้นคว้าอิสระ (Independent Study) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ของโรงเรียนบ้านด่านลานหอยวิทยา ที่มุ่งให้ผู้เรียนได้พัฒนาความสามารถทางสติปัญญาโดยให้ผู้เรียนได้ศึกษาค้นคว้า กระตุ้นความสนใจผู้เรียน ทำให้ผู้เรียนนั้นมีความรู้อยากเรียน สนใจค้นหาความรู้ด้วยตนเอง ฝึกฝนการตั้งปัญหาและแก้ปัญหา ฝึกการทำงานเป็นกลุ่ม การฝึกนำเสนอและวิจารณ์แบบสร้างสรรค์ ผู้เรียนสามารถเชื่อมโยงความรู้ใหม่เข้ากับความรู้เดิม โดยผู้สอนสนับสนุนให้ผู้เรียนใช้ความคิดสร้างสรรค์ในการนำเสนอความคิด และส่งเสริมให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้อย่างมีความหมาย ซึ่งองค์ความรู้ดังกล่าวสามารถนำไปสอดแทรก และปรับใช้เพื่อการพัฒนาการเรียนการสอนที่มีประสิทธิภาพผู้สอนได้ตระหนักถึงความสำคัญของการเรียนการสอนที่มุ่งพัฒนาทักษะในศตวรรษที่ 21 เพื่อให้สอดคล้องกับนโยบายไทยแลนด์ 4.0 ในด้านการสร้าง/ผลิตนวัตกรรม ซึงจำเป็นต้องอาศัยการคิดสร้างสรรค์ การวิเคราะห์และการแก้ปัญหา จึงมีความสนใจที่จะสร้างและพัฒนาจัดการเรียนรู้เพื่อส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์ การผลิตนวัตกรรมเพื่อชุมชน ตามรูปแบบการจัดการเรียนรู้ CREATIVES MODEL เพื่อพัฒนา กระบวนการเรียนรู้ให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและเกิดประสิทธิผล
1.2 ความสำคัญของแนวคิด
1.2.1 ทักษะการสร้างสรรค์และนวัตกรรม (Creative and Innovation Skills)
ทักษะการสร้างสรรค์และนวัตกรรมเป็นทักษะหนึ่งในทักษะของผู้เรียน ในศตวรรษที่ 21 (21st Century Skills) ที่ผู้เรียนจำเป็นต้องได้รับการพัฒนาเพื่อให้ สามารถประกอบอาชีพและดำรงชีวิตได้อย่างมีคุณภาพ จัดเป็นทักษะเชิงประยุกต์ (apply skills) ทักษะการสร้างสรรค์และนวัตกรรม เป็นความชำนาญหรือความสามารถ ในการใช้กระบวนการทางความคิดสร้างสรรค์ โดยใช้จินตนาการและการถ่ายทอด ใช้ทักษะในการสร้างสิ่งที่มีเอกลักษณ์ของตน จนทำให้เกิดสิ่งใหม่หรือนวัตกรรม ที่ทำขึ้นใหม่หรือพัฒนาขึ้นซึ่งอาจอยู่ในรูปแบบของความคิด วิธีการ การกระทำหรือ สิ่งประดิษฐ์ต่างๆ โดยอาจเป็นสิ่งใหม่ทั้งหมดหรือใหม่เพียงบางส่วน และอาจใหม่ ในบริบทใดบริบทหนึ่งหรือในช่วงเวลาใดเวลาหนึ่ง ประกอบด้วย 3 ประการ ได้แก่ 1. การคิดสร้างสรรค์ (think creatively) 2. การทำงานร่วมกับบุคคลอื่นอย่างสร้างสรรค์ (work creatively with others) 3. การสร้างนวัตกรรมให้เกิดผลสำเร็จ (implement innovation) การจัดการศึกษาในปัจจุบันควรพัฒนาผู้เรียนให้มีทักษะการสร้างสรรค์ และนวัตกรรม เตรียมผู้เรียนไปสู่สังคมในอนาคตอย่างมีคุณภาพ การประกอบอาชีพ ต่างๆ อย่างสร้างสรรค์และเกิดนวัตกรรมขึ้นอย่างต่อเนื่อง คุณภาพของผู้เรียนเป็นผลมาจากคุณภาพของครู การพัฒนาผู้เรียนให้มีทักษะการสร้างสรรค์และนวัตกรรมจำเป็นต้องมีการพัฒนาครูในด้านการจัดการเรียนรู้ที่มีประสิทธิภาพ การจัดการเรียนรู้ที่เสริมสร้างทักษะการสร้างสรรค์และนวัตกรรมใช้แนวทางการจัดการเรียนรู้ที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ (student centered approach) และการจัดการเรียนรู้ที่เปิดโอกาสให้ผู้เรียนมีส่วนร่วมอย่างทั่วถึง (inclusive approaches) ผู้สอนควรจัดบรรยากาศของการเรียนรู้ให้มีความท้าทาย มีอิสระ มีทรัพยากรสนับสนุน และผู้สอนให้การส่งเสริมผู้เรียนอย่างต่อเนื่อง ส่งเสริมให้ผู้เรียน ใช้ทักษะการสร้างสรรค์และนวัตกรรมใช้กระบวนการจัดการเรียนการสอนจะต้องมี ความสร้างสรรค์ เรียกว่า Creative Pedagogy
1.2.2 การจัดการเรียนรู้ตามแนว Constructivism
การจัดการเรียนรู้ตามแนว Constructivism ซึ่งเป็นทฤษฎีการเรียนรู้ ที่อธิบายว่าผู้เรียนสามารถสร้างความรู้ความเข้าใจของตนเองต่อสิ่งต่างๆ จากการมีปฏิสัมพันธ์กันระหว่างประสบการณ์ที่ได้รับกับกระบวนการคิดของตนเอง นำเสนอโดย Jean Piaget ประมาณปี ค.ศ. 1929
การจัดการเรียนรู้ตามแนวทฤษฎีคอนสตรัคติวิสต์ซึม มุ่งเน้นให้ผู้เรียนมีประสบการณ์การเรียนรู้อย่างหลากหลายจนสามารถสร้างความรู้ความเข้าใจในเนื้อหาสาระต่างๆ (concepts & contents) ได้ด้วยตนเอง การเรียนรู้ตามแนวทฤษฎีคอนสตรัคติวิสต์ซึม มีหลักการที่สำคัญ ดังต่อไปนี้
1. ผู้เรียนทุกคนสามารถสร้างความรู้ความเข้าใจของตนเองได้ จากการมีปฏิสัมพันธ์กับสิ่งแวดล้อม
2. การเรียนรู้ใหม่เกิดมาจากความรู้เดิมที่มีอยู่โดยกระบวนการ ซึมซับ (assimilation) และกระบวนการปรับแต่ง (accommodation) ที่ Piaget ได้อธิบายไว้
3. การมีปฏิสัมพันธ์กับสังคมจะเป็นปัจจัยช่วยส่งเสริมการเรียนรู้ ให้มีความหมาย มากยิ่งขึ้น เกิดเป็นการเรียนรู้ที่มีความคงทน
4. การปฏิบัติกิจกรรมการเรียนรู้ตามสภาพจริงจะทำให้เกิดการเรียนรู้อย่างมีความเข้าใจ และเชื่อมโยงสาระสำคัญที่เรียนได้ดีขึ้น
1.2.3 กระบวนการเรียนการสอนแนว Innovative Based หรือการเรียนเพื่อนำไปสู่การคิดนวัตกรรม โดยใช้เครื่องมือของ OECD ดังนี้
ขั้นตอนที่ 1 การประเมินระดับการคิดผู้เรียน เป็นเครื่องมือที่ช่วยออกแบบการสอนที่ให้เหมาะสมกับผู้เรียนในชั้นเรียนที่มีความคิดที่แตกต่างกัน
ขั้นตอนที่ 2 การกระตุ้นความตระหนักและแรงบันดาล ใจในการเรียนรู้ ขั้นตอนนี้จะทำให้ผู้เรียนมีความตระหนักถึงสิ่งที่กำลังจะเริ่มต้น เรียนรู้จนกลายเป็นแรงบันดาลใจขับเคลื่อนตนเองให้มีความมุ่งมั่นตั้งใจเรียนรู้
ขั้นตอนที่ 3 การวางแผนพัฒนาตนเองร่วมกัน ขั้นตอนนี้ครูผู้สอนและผู้เรียนจะต้องร่วมพัฒนาตนเองเพื่อให้เกิดความเต็มใจที่จะได้รับการพัฒนาศักยภาพจากครูและร่วมแรงร่วมใจพัฒนาตนเองทำให้ผู้เรียนมีความรู้สึกเป็นเจ้าของและส่วนร่วมในแผนการเรียนรู้ ตลอดจนเป้าหมายของการเรียน
ขั้นตอนที่ 4 จัดการเรียนรู้ผ่านการปฏิบัติ ในขั้นตอนนี้ครูให้ผู้เรียนเป็นผู้ลงมือทำจริง ลองผิด ลองถูกเอง (Learning by doing) ทุกขั้นตอน
ขั้นตอนที่ 5 ผู้เรียนประเมินตนเอง เพื่อฝึกความเข้าใจในตนเองและยอมรับในผู้อื่น
ขั้นตอนที่ 6 คิดต่อยอดองค์ความรู้ ขั้นตอนนี้ผู้เรียนจะนำสิ่งที่ได้เรียนรู้ไปใช้พัฒนาตนเอง ก่อนจะคิดริเริ่มการเรียนรู้ในสิ่งที่ยากขึ้น ลึกขึ้น หรือเป็นเรื่องใหม่ ๆ จะเป็นการต่อยอดจากองค์ ความรู้เดิม
1.2.4 การจัดการเรียนรู้แบบโครงงาน (Project Based Learning)
กาญจนา จันทร์ประเสริฐ. (2554) ได้กล่าวให้ความหมาย การเรียนรู้แบบโครงการเป็นฐาน หมายถึง การกระทำกิจกรรมร่วมกันซึ่ง ช่วยเหลือกันในการแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นภายในกลุ่ม ด้วยวิธีการปฏิบัติจริงเพื่อการเรียนรู้วิธีการแก้ปัญหา อันนำไปสู่ความสามารถวิเคราะห์ แสวงหาข้อมูลและแนวทางในการแก้ปัญหาเหล่านั้น
สุคนธ์ สินธพานนท์และคณะ (2554) ได้กล่าวให้ความหมาย การจัดการเรียนรู้แบบโครงการเป็นฐาน เป็นรูปแบบการเรียนการสอนที่ครอบคลุมในการดำเนินโครงการ เป็นศูนย์กลางความเข้าใจ ของผู้เรียนที่สำคัญตามแนวความคิดและหลักการของหลักสูตรนั้น
วิจารณ์ พานิช.(2555) ได้กล่าวให้ความหมาย การเรียนรู้แบบโครงงาน (Project Based Learning) เป็นการส่งเสริมการเรียนรู้ตลอดชีวิตสอดคล้องกับ หลักทฤษฎีการเรียนรู้ constructivism constructionism และการเรียนรู้แบบร่วมมือ (cooperative learning) ซึ่งมีขั้นตอนการเรียนรู้ที่เริ่มจากการแสวงหาความรู้ กระบวนการคิด และทักษะในการ แก้ปัญหาไว้ในรูปแบบการเรียนรู้
ดังนั้นจึงกล่าวโดยสรุปว่า การเรียนรู้โดยใช้โครงงานเป็นฐานเป็นการเปิดโอกาสให้ผู้เรียนเรียนรู้เรื่องใดเรื่องหนึ่งตามความสนใจของผู้เรียนอย่างลุ่มลึกโดยผ่านกระบวนการหลักคือ กระบวนการแก้ปัญหาผู้เรียนจะเป็นผู้ลงมือปฏิบัติเพื่อค้นหาคำตอบด้วยตนเองจึงเป็นการเรียนรู้จากประสบการณ์ตรง หรือแหล่งความรู้ต่าง ๆ และผู้เรียนสามารถนำไปประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวันได้